เข้าสู่ระบบเหตุการณ์เมื่อตอนกลางวันทำให้โรสิตาหลีกเลี่ยงที่จะเผชิญหน้ากับติณณ์ เธอต้องการเวลาจัดการกับความรู้สึกตัวเองที่กำลังว้าวุ่นราวกับวัยรุ่นที่มีฮอร์โมนพลุ่งพล่านอยู่ภายในร่างกาย
เธอเก็บเนื้อเก็บตัวเงียบเชียบอยู่ภายในห้องนอน อีกทั้งยังต้องโป้ปดกับถนัดศรีว่ารู้สึกปวดหัวตัวร้อนอยากนอนพักผ่อน จึงไม่ขอร่วมรับประทานมื้อเย็นกับประมุขของบ้านอย่างเช่นเคย
โรสิตารอจนกระทั่งทุกคนในคฤหาสน์รังสรรค์ประกาศิตแยกย้ายกันไปพักผ่อน เธอจึงค่อยย่องเบาลงมาชั้นล่างตอนกลางดึก โดยมีเป้าหมายคือตู้เย็นในห้องครัว
และก็เป็นโชคดีของเธอที่ในตู้เย็นมีแซนด์วิชทูน่า หญิงสาวผู้หิวโหยจึงจัดการสวาปามแซนด์วิชแสนอร่อย ตามด้วยนมอีกหนึ่งแก้ว
ภายหลังจากหนังท้องตึง โรสิตาจึงออกมาเดินเล่นย่อยอาหารที่แปลงกุหลาบแสนรักของเธอ สถานที่ซึ่งทำให้หญิงสาวหวนคิดถึงความทรงจำในวันวาน
หากย้อนไปเมื่อ 6 ปีที่แล้ว เธอเพิ่งย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่ภายหลังจากสูญเสียบิดามารดา ที่แห่งนี้เป็นเพียงแค่สวนหย่อมแสนธรรมดา มีม้านั่งหินอ่อนวางไว้เพียงเพื่อประดับสวน ไม่ค่อยมีใครสนใจจะมานั่งเล่นเดินเล่นเท่าใดนัก ที่นี่จึงถือว่าเป็นมุมสงบของเธอ และเธอก็มักจะแอบมานั่งร้องไห้อยู่บ่อยครั้ง
แต่แล้ววันหนึ่งลูกชายคนเดียวของประมุขของบ้านก็บังเอิญมาเจอเธอเข้า
“มานั่งบริจาคเลือดให้ยุงเหรอเรา” เสียงทุ้มดังขึ้นจากทางด้านหลังทำให้สาวน้อยรีบเช็ดน้ำตาที่อาบแก้มจนแห้งสนิท ก่อนลุกขึ้นจากม้านั่งและหันไปเผชิญหน้า เธอไม่เคยพบติณณ์มาก่อน เพราะชายหนุ่มพักอยู่ที่คอนโดส่วนตัว ทว่าหญิงสาวจำหน้าตาเขาได้จากรูปภาพที่ประดับอยู่ภายในบ้าน
“สวัสดีค่ะคุณติณณ์” มือเล็กยกขึ้นประนมไหว้ผู้มีอายุมากกว่า เธอจำได้จากคำบอกเล่าของถนัดศรีว่าติณณ์เพิ่งเรียนจบได้ราวหนึ่งปี และกำลังจะเดินทางไปทำงานต่างประเทศ
“นั่งเถอะ ตามสบาย”
โรสิตานั่งลงบนม้านั่งตัวเดิม ขณะที่ติณณ์เดินเข้ามานั่งลงบนม้านั่งฝั่งตรงข้าม โดยมีโต๊ะหินอ่อนกั้นกลางระหว่างเขาและเธอเอาไว้
“ชื่อโรสใช่ไหม?” สาวน้อยพยักหน้าแทนคำตอบ พลางก้มหน้ามองสองมือที่กำแน่นอยู่บนตัก ติณณ์เป็นชายหนุ่มที่มีหน้าตาหล่อเหลาทว่าเรียบเฉยจนดูออกไปทางเคร่งขรึม อีกทั้งร่างกายที่กำยำใหญ่โต ยิ่งทำให้ดูน่าเกรงขาม ส่งผลให้โรสิตาเกิดความประหม่าตั้งแต่ครั้งแรกที่พบกัน
“อยู่ที่นี่สบายดีไหม?” เธอยังคงพยักหน้าเช่นเดิม
“ทุกคนดีกับเธอไหม?” และเธอก็พยักหน้าโดยไม่สบตาเขาอีกครั้ง
“เอาปากมาไหม?” ขณะที่โรสิตากำลังจะพยักหน้า เธอต้องชะงักค้างกลางอากาศกับคำถามของชายหนุ่ม เมื่อหญิงสาวเงยหน้าขึ้นก็พบว่าติณณ์กำลังพยายามกลั้นขำเอาไว้สุดฤทธิ์ นั่นทำให้เธอเผยรอยยิ้มออกมาได้
“เธอยิ้มแล้วน่ารักนะ ถ้าพูดได้ด้วยจะยิ่งน่ารักมาก”
คำชมของชายหนุ่ม ทำเอาใบหน้าอ่อนเยาว์ของเด็กสาวเห่อร้อน จนต้องก้มหน้าซ่อนความเขินอายเอาไว้
นับตั้งแต่วันนั้น โรสิตาได้เจอกับติณณ์เกือบทุกวัน ชายหนุ่มมักเป็นฝ่ายชวนเธอคุยก่อน ส่วนใหญ่จะเป็นการถามไถ่สารทุกข์สุกดิบ การได้คุยกับติณณ์ช่วยบรรเทาความเศร้าของเธอไปได้อย่างไม่น่าเชื่อ
จนกระทั่งถึงวันที่ติณณ์ต้องเดินทางไปต่างประเทศ หญิงสาวรู้สึกใจหายไม่น้อย วันนั้นเธอเก็บตัวอยู่ในห้องนอนไม่ออกไปพบปะผู้คน
ในเช้าวันถัดมา เธอพบจดหมายฉบับหนึ่งสอดอยู่ใต้ประตู โรสิตาหยิบกระดาษสีขาวสะอาดตาที่ถูกพับไว้ขึ้นมาเปิดอ่าน
‘โรส คุณติณณ์ต้องไปแล้ว ขอโทษที่ไม่ได้ลา
อยู่ที่นี่เป็นเด็กดี ตั้งใจเรียนนะ
สักวันเราคงได้พบกัน’
โรสิตาเดินทอดน่องเรื่อยมาจนถึงแปลงกุหลาบแสนรักของเธอ อดีตสวนหย่อมในวันวาน ความทรงจำทุกอย่างยังคงแจ่มชัด ราวกับเกิดขึ้นไม่นาน ทว่าบางคนอาจลืมไปแล้ว
กลิ่นหอมของดอกกุหลาบนานาชนิด ทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายสบายใจ แต่ยิ่งอยู่นานเข้า อากาศในยามค่ำคืนประกอบกับน้ำค้างที่เริ่มแรงขึ้น ทำให้กายสาวสะท้านจนต้องยกแขนสองข้างขึ้นโอบกอดตัวเอง เพราะชุดที่เธอใส่ลงมานั้น เป็นชุดนอนเนื้อผ้าบางเบา จึงไม่อาจปกป้องเธอจากความหนาวเย็นนั้นได้ หากมีผ้าคลุมสักผืนคงดีไม่น้อย
เพียงแค่คิด ความอบอุ่นก็เข้าปกคลุมในทันที พร้อมกับสัมผัสนุ่มละมุนของผ้าคลุมเนื้อดี ที่วางลงบนไหล่มน เมื่อเธอหันไปก็พบกับคนที่เธอพยายามหลบหน้ามาตลอดวัน
“คุณติณณ์”
“ไม่สบายอยู่ ออกมาตากน้ำค้างทำไม” เสียงทุ้มนั้นนุ่มนวลแฝงด้วยความห่วงใย จนคนตัวเล็กรู้สึกร้อนผ่าวเหมือนจะเป็นไข้ขึ้นมาจริง ๆ
“เอ่อ โรสหายแล้วค่ะ รู้สึกอึดอัดเลยออกมาเดินรับลมค่ะ”
“ไม่เป็นอะไรมากใช่ไหม ไปหาหมอไหม” โรสิตามองคนตัวโตอย่างไม่ไว้วางใจ ที่จู่ ๆ ก็เกิดแสนดีขึ้นมา
“ไม่เป็นไรแล้วค่ะ”
“แน่ใจ?”
“แน่-ใจ-ค่ะ” เธอกล่าวอย่างหนักแน่นด้วยหน้าตาจริงจัง เพื่อยืนยันคำพูด จนเผลอไผลจ้องนัยน์ตาคู่คมที่ทำเธอหวั่นไหวเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน กว่าจะรู้ตัวใจดวงน้อยก็กลับมาเต้นโครมครามอีกครั้ง เธอจึงต้องรีบแสร้งทำเป็นหันไปชื่นชมกุหลาบในแปลง
ติณณ์เห็นท่าทางประดักประเดิดของเธอ จึงนึกอยากแกล้ง ชายหนุ่มโน้มตัวลงกระซิบข้างใบหูเล็ก
“โกหกตกนรกฉันก็ต้องลำบากตามลงไปช่วยอีก” เสียงพร่าและลมหายใจอุ่นที่รินรดข้างใบหู ทำเอากายสาวขนลุกชันจนต้องหดคอ
“เป็นอะไรโรส” ติณณ์ทำทีแกล้งถามไปอย่างนั้น หญิงสาวก็ส่ายหน้าเร็ว ๆ แทนคำตอบ
“คุณติณณ์ไปนอนเถอะค่ะ นี่มันก็ดึกมากแล้ว อีกสักเดี๋ยวโรสก็จะขึ้นไปนอนแล้วเหมือนกัน” โรสิตารีบเปลี่ยนเรื่อง พร้อมทั้งไล่คนที่มาคอยกวนใจให้ขึ้นไปนอน
“ไปนั่งเล่นที่ศาลากัน”
“งั้นโรสไปนอน คุณติณณ์นั่งเล่นไปนะคะ”
กล่าวจบโรสิตาตั้งท่ารีบเดินหนี แต่ด้วยความรีบร้อน เมื่อไปได้เพียงสองก้าวก็สะดุดเข้ากับบางอย่างจนร่างบางเกือบหน้าคะมำ โชคดีที่มีอ้อมแขนแข็งแรงรวบเอวคอดไว้ได้พอเหมาะพอดี ก่อนที่เธอจะล้มลงไป
“ซุ่มซ่าม”
“ขอบคุณค่ะ เอ่อ คุณติณณ์ปล่อยโรสก่อนค่ะ” ร่างบางดิ้นยุกยิก ทว่ายิ่งดิ้นวงแขนแกร่งยิ่งกระชับรอบเอวเธอไว้แน่น จนสองร่างแนบชิดกัน
“ฉันจะปล่อยถ้าเธอเดินไปที่ศาลาดี ๆ แต่ถ้าไม่ เธอคงนึกไม่ถึงแน่ ๆ ว่าฉันจะพาเธอไปยังไง”
“ปะ ปะ ไปค่ะ” สิ้นเสียงหวาน อ้อมแขนแข็งแรงก็ปลดปล่อยเธอเป็นอิสระ โรสิตาจึงรีบเดินไปนั่งที่บันไดทางขึ้นศาลา ติณณ์เดินตามเธอมานั่งลงข้างกันบนบันไดถัดขึ้นไปอีกหนึ่งขั้น ทั้งสองคนนั่งอยู่ท่ามกลางความเงียบ มีเพียงเสียงจักจั่นเรไรที่ดังขึ้นเป็นช่วงๆ ทำให้บรรยากาศไม่วังเวงจนเกินไป
“ขอบใจนะโรส” เสียงทุ้มเปล่งออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย คนตัวเล็กจึงหันไปมองพร้อมคิ้วผูกโบ
“คะ?”
“ขอบใจที่ตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอช่วยดูแลเอาใจใส่คุณพ่อฉันและทุก ๆ คนในบ้านหลังนี้”
“คุณลุงกับคุณป้ามีบุญคุณกับโรสมาก มากจนไม่รู้ว่าจะตอบแทนยังไง ที่ผ่านมาโรสทำทั้งหมดด้วยความเต็มใจค่ะ คุณติณณ์ไม่ต้องขอบคุณโรสก็ได้” หญิงสาวกล่าวตอบพร้อมส่งรอยยิ้มสดใส แต่นัยน์ตาคู่งามมีแววแห่งความอาลัยเมื่อกล่าวถึงผู้มีพระคุณทั้งสอง
ติณณ์เองก็เช่นกัน ถึงแม้ว่า 2-3 ปีมานี้ ความสัมพันธ์ของเขากับบิดาจะดีขึ้นมาก ได้โทรคุยกันเกือบทุกวัน แต่เขาก็ไม่มีโอกาสได้ดูแลท่าน ตอนนี้คงทำได้เพียงเข้ามาดูแลบริษัทตามที่ผู้เป็นบิดาปรารถนามาโดยตลอด
หลังเรื่องราวร้าย ๆ ได้ผ่านพ้นไป ชีวิตของติณณ์และโรสิตาเสมือนดังฟ้าหลังฝน จะทำอะไรก็มีแต่จะลุล่วงด้วยดีไปเสียทุกอย่าง จนถนัดศรีอดชื่นชมไม่ได้ว่าเป็นเพราะคุณหนูตัวน้อย ๆ ที่กำลังจะเกิดมาช่วยหนุนนำให้เกิดแต่สิ่งดีงามในวันเปิดตัวคอนโดสุดหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยา ได้รับความสนใจจากสื่อมวลชน และแขกเหรื่อจำนวนมาก ทุกยูนิตของโครงการถูกจองเต็มในเวลาอันรวดเร็วโดยงานนี้ ท่านประธานหนุ่มถือโอกาสเปิดตัวภรรยาคนสวยที่เพิ่งจดทะเบียนสมรสกันมาหมาด ๆ หลังจากที่ทั้งคู่ออกจากโรงพยาบาล เรียกเสียงฮือฮาให้กับแขกเหรื่อ และพนักงานเป็นอย่างมาก แต่เหนือสิ่งอื่นใด ทุกคนล้วนแสดงความยินดีให้กับทั้งคู่หลังจากสิ้นสุดงานเปิดตัวคอนโด ติณณ์วางแผนลาพักร้อนหนึ่งสัปดาห์เต็ม เพื่อพาภรรยาและลูกน้อยในครรภ์ไปพักผ่อนเปลี่ยนบรรยากาศ ถึงแม้ตอนนี้อายุครรภ์จะยังอยู่ในช่วงไตรมาสแรก แต่ว่าที่คุณพ่อผู้แสนจะเห่อลูกคนแรกอย่างออกหน้าออกตา คอยพูดคุยกับหน้าท้องที่ยังแบนราบของภรรยาทุกคืนก่อนนอนในครั้งนี้ทั้งคู่เดินทางด้วยรถมินิแวนโดยมีคนขับรถประจำตำแหน่งท่านประธานทำหน้าที่เป็นสารถี ติณณ์บอกกับโรสิตาว่าจะพาไปพักผ่อนที่บ้านพักตากอากาศที่เพิ่งจ
“คุณโรสขา” ถนัดศรีเดินหน้าตาตื่นเข้ามาหาโรสิตาที่หน้าห้องฉุกเฉิน สภาพของหญิงสาวในเวลานี้ เปรอะเปื้อนไปด้วยคราบเลือดแห้งกรังมากมายทำเอาหญิงชราลมแทบจับ อีกทั้งใบหน้าอันซีดขาวปราศจากสีเลือด และท่าทางอิดโรย ทำให้โรสิตาดูน่าเป็นห่วงไม่แพ้กัน“ป้าถนัด” โรสิตาโผเข้ากอดถนัดศรี พร้อมกับทำนบน้ำตาที่ไหลทะลักออกมาอีกครั้ง“คุณโรส ทูนหัวของป้า ไม่ร้องนะคะ คุณติณณ์ถึงมือหมอแล้ว” มือเหี่ยวย่นลูบแผ่นหลังบอบบางปลอบโยนอย่างแผ่วเบา“โรสทำให้คุณติณณ์ต้องเป็นแบบนี้ค่ะ ฮือ ฮือ”“ไม่จริงนะคะคุณโรส คุณโรสห้ามคิดแบบนี้เด็ดขาดนะคะ” ถนัดศรีว่าพลางคลายอ้อมกอด และประคองโรสิตามานั่งลงบนเก้าอี้หน้าห้องฉุกเฉิน“คุณโรสไม่ใช่คนยิงคุณติณณ์นะคะ ถ้าจะโทษต้องโทษนายคนนั้น” โรสิตาได้ฟังก็พยักหน้ารับรู้ ทว่าภายในใจเธอก็ยังรู้สึกตำหนิตัวเองที่คนรักต้องมาบาดเจ็บปางตายขนาดนี้หญิงต่างวัยทั้งสองนั่งกุมมือกันจ้องมองไปยังประตูห้องฉุกเฉิน เฝ้ารอเวลาให้ประตูบานนั้นเปิดออกมาพร้อมข่าวดี เวลาผ่านไปเกือบชั่วโมง ประตูห้องฉุกเฉินก็เปิดออก คุณหมอหนุ่มในชุดกาวน์สีขาวก้าวออกมา โรสิตาจึงรีบเดินเข้าไปสอบถามด้วยความร้อนใจ“คุณหมอคะ คุณติณณ์เป็น
หนึ่งเดือนต่อมาบริษัทรังสรรค์พรอพเพอร์ตี้ มีกำหนดการการเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมสุดหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยาในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า ทำให้ติณณ์และโรสิตางานยุ่งตั้งแต่เช้าจรดค่ำ ทว่าทั้งสองคนก็ยังคงหมั่นเติมความหวานให้กันอยู่เสมอ หากวันไหนเลิกงานเร็วติณณ์ก็จะพาโรสิตาไปดินเนอร์ใต้แสงเทียนบ้าง ดูหนังรอบดึกบ้าง ขับรถสปอร์ตเปิดประทุนกินลมชมวิวในยามค่ำคืนบ้าง หากเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ ติณณ์ก็จะพาโรสิตาไปเที่ยวพักผ่อนที่ต่างจังหวัดบ้าง ต่างประเทศบ้าง เพื่อเปลี่ยนบรรยากาศสัปดาห์ที่แล้วติณณ์มีธุระต้องเดินทางไปอเมริกาอีกครั้ง ครั้งนี้ชายหนุ่มพาโรสิตาไปด้วย เพราะไม่อยากคิดถึงถึงเธอจนทนไม่ไหวเหมือนคราวที่แล้ว เธอเองก็เช่นกันธุระของติณณ์ คือ การขายหุ้นธุรกิจที่เขาร่วมก่อตั้งขึ้นมาให้แก่หุ้นส่วน นั่นทำให้โรสิตาตกใจมาก เพราะเธอรู้ดีว่าสิ่งนี้เป็นความภาคภูมิใจที่สุดของชายหนุ่ม ที่เขาสร้างขึ้นมาเองด้วยสมองและสองมือ“พี่ไม่อยากเอาเปรียบเพื่อน ตั้งแต่พี่ตัดสินใจกลับไปอยู่ไทยถาวร พี่ก็คิดเรื่องนี้มานาน จนวันที่พี่ต้องกลับมาสะสางปัญหาที่นี่ การที่พี่ต้องห่างจากโรส ทำให้พี่ตัดสินใจได้ทันที โรสไม่ต้องคิดมากนะ
แสงแดดยามสาย สาดส่องลอดผืนผ้าม่านเข้ามากระทบบนดวงหน้าสวย เรียกสติให้หญิงสาวที่นอนหลับใหลภายในอ้อมกอดชายหนุ่มฟื้นขึ้น ร่างบางพยายามบิดไปมาเพื่อขับไล่ความปวดเมื่อยตามร่างกาย อันเป็นผลมาจากกิจกรรมเร่าร้อนที่เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อคืนจนเกือบรุ่งสาง“คุณติณณ์ปล่อยโรสค่ะ โรสจะกลับห้อง” สองมือเล็กผลักไสท่อนแขนแข็งแรงให้พ้นจากเอวบาง“วันนี้วันหยุด จะรีบตื่นไปไหน มากินกันก่อนอีกสักรอบเร็ว” ชายหนุ่มว่าพลางกระชับกอดรอบเอวคนรักแน่นขึ้น“คุณติณณ์!!!” โรสิตาได้ยินแบบนั้นจึงแหวเสียงสูง ตั้งแต่เมื่อคืน เธอแทบจะไม่ได้หลับได้นอน เพราะต้องรับศึกหนักที่ชายหนุ่มเคี่ยวกรำตลอดคืน“เมื่อไหร่โรสจะเลิกเรียกคุณ ๆ ๆ ฟังแล้วดูห่างเหิน ใจคอไม่ดี”“แล้วจะให้โรสเรียกว่าอะไรคะ ในเมื่อคุณติณณ์ก็ยังเป็นเจ้านายโรส”“เป็นเมียด้วย”ติณณ์ว่าพร้อมพลิกกายขึ้นคร่อมร่างบางกักขังเธอเอาไว้ ก่อนซุกไซร้ลงบนซอกคอเรียวระหง โรสิตาแหงนหน้ารับด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มอันเปี่ยมสุข“อื้อ เป็นเมีย แสดงว่าโรสก็มีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดในบ้านหลังนี้ใช่ไหมคะ”“อืม ใช่”“งั้นโรสเรียกคุณว่า ติณณ์ หรือ ตินติน ดีน้า” โรสิตาว่าพลางหัวเราะคิกคัก“ลามปามแล้ว
“ทำหน้าที่สามี”ติณณ์จ้องมองดวงหน้าหวานด้วยความรักใคร่ อดีตเด็กสาวในวันวาน บัดนี้เธอเติบโตเป็นสาวสวยสะพรั่ง เมื่อไหร่กันที่โรสิตาเข้ามาจับจองพื้นที่ในหัวใจของเขา พอรู้ตัวอีกที ทั้งสี่ห้องหัวใจก็ถูกเธอครอบครองเอาไว้จนหมดสิ้นชายหนุ่มกระตุกปลายเชือกเสื้อคลุมของโรสิตา และแหวกสาบเสื้อสองข้างแยกออกจากกัน ดึงเจ้าเสื้อคลุมเกะกะออกไปจนพ้นกายบาง เผยให้เห็นอาภรณ์ชั้นในที่มีเพียงชุดนอนสายเดี่ยวเนื้อผ้าบางเบาซึ่งไม่อาจบดบังความใหญ่โตของทรวงอกเต่งตึงเอาไว้ได้เรียวนิ้วสากจรดลงบนคอเรียวเล็ก ลากไล้ลงมาตามไหปลาร้า ผ่านรอยรักสีกุหลาบที่เขาได้ฝากเอาไว้ มันจืดจางหายไปตามกาลเวลา จนแทบจะมองไม่เห็น ทุกสัมผัสของชายหนุ่ม ทำให้ร่างเล็กสั่นสะท้าน ด้วยความหวามไหว“รอยจางหมดแล้ว เดี๋ยวทำให้ใหม่นะ”ยังไม่ทันที่โรสิตาจะได้ร้องห้ามปราม ชายหนุ่มก็ฝังใบหน้าหล่อเหลาลงบนซอกคอระหง สูดกลิ่นหอมกรุ่น ขณะเดียวกันฝ่ามือสองข้างบีบคลึงความอวบอิ่มไว้เต็มไม้เต็มมือ“อื้อ คุณติณณ์ อย่าทำรอยที่คอนะคะ”ติณณ์ผละออกซอกคอหอมกรุ่นอย่างอาลัยอาวรณ์ ชายหนุ่มเอื้อมจับบั้นท้ายกลมกลึงยกร่างอรชรขึ้นมานั่งคร่อมบนตักแกร่ง ฝ่ามือหนารั้งชายชุดนอน
ณ คฤหาสน์รังสรรค์ประกาศิตหลังอาบน้ำอาบท่าเสร็จเรียบร้อย โรสิตาก็ลงมาช่วยถนัดศรีเตรียมของใส่บาตรสำหรับพรุ่งนี้เช้า หญิงสาวนั่งใจลอยพับดอกบัว แม้มือจะเคลื่อนไหวพับไปด้วยความเคยชิน แต่ใจกลับคิดถึงชายหนุ่มที่อยู่บนห้องตลอดทางที่นั่งรถมา ติณณ์ไม่พูดกับเธอสักคำเดียว เธอทำได้เพียงลอบมองสีหน้าบึ้งตึงของชายหนุ่ม และหลังมือที่มีรอยแตกเป็นแผล อันเกิดจากการชกหน้ากิตติเพื่อปกป้องเธอ โรสิตาไม่อยากจะคิดถึงเหตุการณ์เลวร้ายที่อาจเกิดขึ้น หากไม่ได้ติณณ์เข้าไปช่วยไว้“คุณโรสคะ คุณโรส”“คะ?”“ดอกบัวป้า เหลือแต่ก้านแล้วค่ะ” โรสิตาก้มมองดอกบัวในมือ ช่างน่าสงสาร เจ้าดอกบัวที่มีกลีบดอกอยู่หร็อมแหร็ม ส่วนกลีบที่เหลือถูกโรสิตาเด็ดทิ้งเกลื่อนเต็มโต๊ะ เพราะเธอมัวแต่เหม่อลอย“อุ๊ย ป้าถนัด โรสขอโทษค่ะ” โรสิตาว่าพลางใช้สองมือรวบรวมกลีบดอกบัวที่กระจัดกระจายทิ้งลงถังขยะถนัดศรีโคลงศีรษะเบา ๆ พร้อมยิ้มเอ็นดูสาวน้อย ก่อนวางมือจากการเตรียมเครื่องต้มยำ และเดินลงมานั่งข้างโรสิตา“คุณโรสคะ มีเรื่องอะไรกับคุณติณณ์หรือเปล่าคะ”ตั้งแต่เจ้านายทั้งสองคนกลับมาถึงบ้าน ถนัดศรีสัมผัสได้ถึงบรรยากาศอึมครึมที่เกิดขึ้นระหว่างติณณ์และ







