ชลาสินธุ์พาณิชชามาถึงที่คอนโดของตนตั้งแต่ยังไม่ได้เวลาเลิกงาน ร่างเล็กออกจะงงและหัวเสียนิดหน่อย เพราะมีงานที่ต้องเคลียร์อยู่มาก แต่จะทำยังไงล่ะ
...เจ้านายบอกให้มาก็ต้องมาใช่มั้ย...
“ทำไมต้องไปวุ่นวายกับไอ้ตาหยีนั่นจนเกินไปด้วย” เสียงต่ำเข้มเอ่ยถามทันทีที่มาถึงร่างเล็กมองคนถามอย่างงงงวย
“ฉันก็ทำตามปกตินะ”
“ไม่ปกติ!”
เอ่อ..แต่ว่า...” ณิชชายังงงไม่เลิก..ไม่ปกติยังไงนะ?
“ไม่มีใครเขาอยากให้คนของตัว ไปทำสายตาแบบนั้นให้ผู้ชาย
คนอื่นหรอกนะ” ร่างหนาเสียงแข็ง รั้งเอวคอดเข้าไปประชิดตัว โอบรัดแน่น“...”
“คิดถึง” เขากระซิบข้างหู และร่างบางก็ยังได้รับสัมผัสนุ่มที่
ริมฝีปากอีกด้วย แรงดิ้นรนที่จะออกจากวงแขนรัด ๆ นั้นจึงสงบลง“อะไรกัน เราก็อยู่ด้วยกันทั้งวัน”
“แต่ก็ไม่ได้อยู่กันแบบนี้นี่” ชลาสินธุ์พูด ก่อนจะกระชับรอบคนตัวเล็กให้แน่นขึ้น ย้ำว่า ‘แบบนี้’ คือแบบไหน ณิชชาก้มหน้างุดเพราะมี
ริมฝีปากของใครบางคนจ้องจะฉกริมฝีปากเธออย่างเอาแต่ใจ“อื้อ พอแล้ว” ณิชชาขัดจังหวะ กลั้นใจยกมือดันแผ่นอกของ
ชายหนุ่มไว้“ขัดใจทำไม เธอเป็นเลขานะ ก็ต้องเอาใจเจ้านายสิ” ร่างหนาพูดเสียงห้วน “นี่ยังไม่ได้ลงโทษที่ไปวุ่นวายกับไอ้ตาหยีนั่นอีก”
ณิชชาฟังแล้วอึ้งปนงง นี่จะยัดเยียดให้เธอผิดให้ได้จริง ๆ ใช่ไหม
“แล้วคุณจะลงโทษฉันยังไงล่ะ มัดมือมัดขา ให้อยู่แต่ในห้องนี้เลยดีมั้ย” ณิชชาประชด แต่แล้วก็ต้องเหวอ
“ก็ดีนะ”
“เฮ้ย!!!!”
รู้ตัวอีกที ณิชชาก็ไม่มีเสื้อผ้าติดตัวสักชิ้น แถมยังโดนมัดมือติดขาแยกแต่ละข้างด้วยเนกไทราคาสูงลิ่วอีกด้วย ร่างบางคว่ำหน้ากลิ้งเป็นก้อนกลม ๆ ไปมาบนเตียงนุ่มและด้วยท่านี้เอง ทำให้ชลาสินธุ์มองเห็นช่องทางอ่อนนุ่มที่ไม่มีอะไรสักนิดมาปิดบัง ลิ้นหนาเลียริมฝีปากตัวเองอย่าง
หิวกระหาย และตรงหน้านั้นคืออาหารเลิศรสซะด้วยสิ“คุณจะทำอะไร ไม่เอานะ” ณิชชาร้องลั่น
...นี่จะโดนอะไรบ้างเนี่ย ไม่นะ!!
ความเย็นเยียบของเครื่องปรับอากาศที่เปิดอยู่ในห้องนั้น สัมผัสทุกส่วนในร่างกายของณิชชา ทำให้เธอเสียวหวาบไปทั้งร่าง แล้วใบหน้าหวานก็แดงซ่านเมื่อเห็นสายตาของชลาสินธุ์ที่มองมายังร่างของตนเอง
มือหนาจับร่างเธอให้พลิกใบหน้าลงกับหมอนนุ่ม ทำให้สะโพกลอยเด่นและหญิงสาวก็เอามันลงเองไม่ได้ เพราะมือที่ถูกมัดกับขาทำให้ขาของเธองออยู่ด้วยท่าทางแบบนั้น มือหนากำลังปลุกให้น้องชายตัวเองลุก...ลุกขึ้นมาทำหน้าที่บางอย่าง
ณิชชาอยากร้องไห้...แม่จ๋า...ช่วยด้วย..
ส่วนแข็งขืนของชลาสินธุ์ถูกเจ้าของนำมาลูบไล้ ไปกับบั้นท้าย
งอนงาม ตรงบริเวณช่องทางสีหวานณิชชากัดริมฝีปากตัวเองแน่น กลัวว่าจะปล่อยเสียงประหลาดออกมา ร่างบางอดคิดในใจไม่ได้ว่า ถ้าจะมัดมือ มัดเท้าขนาดนี้ ก็น่าจะมัดปากให้ด้วย จะได้ไม่ต้องอดทนอดกลั้นมากขนาดนี้ ความรู้สึกวาบหวามนั้นทำให้กลางกายรู้สึกโปร่งโล่งและต้องการการเติมเต็มบางอย่าง และมันเกร็งแน่นขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้
ลมหายใจร้อนผ่าวราดรดต้นคอของณิชชา เมื่อร่างหนาทาบแผ่นอกใหญ่ของตนเข้ากับแผ่นหลังบาง มือข้างหนึ่งละจากการโลมไล้ผิวกายขาวลงไปปรนเปรอปุ่มพิศวาสตรงหน้าช่องทางพิเศษ เสียงครางหวีดเบา ๆเพราะสติที่ใช้บังคับร่างกายตนเองแทบไม่เหลือ สะโพกเล็กกลมกลึงกระตุกนิด ๆ ความร้อนมาเสียดสีตรงซอกขานุ่มนวล หวานล้ำ แต่ก็เสียวซ่านจนแทบขาดใจ อุปกรณ์ส่วนตัวร้อน ๆ ถูกส่งเข้ามาในโพรงนิ่ม เสียงจากการเสียดสีดังขึ้นอย่างน่าอายสลับกับเสียงครางต่ำที่ดังอยู่ที่ริมใบหู ยังไม่ทันที่ภารกิจจะเสร็จสิ้น ชลาสินธุ์ก็ละมันเสีย กลับไปดึงใบหน้าหวานให้หันมารับจูบร้อนของตน ปลายลิ้นช่ำชองถูกส่งเข้ามาไล่ต้อนลิ้นเล็กจนอีกคนแทบสำลัก สมองของณิชชาขาวโพลน นิ่งอึ้ง ทั้งที่กลางกายยังค้างเติ่งอยู่อย่างนั้น
“อ๊ะ...” ณิชชาสะดุ้งเมื่อสะโพกถูกยกขึ้นสูง เพื่อที่อีกฝ่ายจะสอดกายเข้ามาได้ลึกมากขึ้น เร่งความเร็วได้ถนัดมากขึ้น หญิงสาวรับรู้ถึงความลึกและร้อนนั้น เสียวซ่านแทบตาย แต่ก็ตอบรับทุกสัมผัส รับรู้ถึงความยาวของสิ่งแปลกปลอมนั้นอย่างสุขสม แต่ก็ยังไม่ถึงที่สุด
มือหนารั้งสะโพกให้ตั้งรับปฏิบัติการของเขา เสียงหอบหายใจ
หนัก ๆ ดังจนอีกคนได้ยิน เขายิ่งเร่งสะโพกตัวเองให้เร็วมากขึ้นไปอีก“อ๊ะ อ๊า...เบาก่อน แรง ฮึก เร็วไป ฉันไม่ไหว”
ณิชชาส่งเสียงออกมาตะกุกตะกัก แต่คนฟังแทบไม่ได้ยินแล้ว เขากำลังเมามันกับคลื่นพิศวาส ความรักที่คลั่งไคล้อยู่เต็มสะโพกด้านหน้านั้นรอให้เขาได้ปลดปล่อยอยู่แล้ว น้ำตาของณิชชาหยดลงหมอน เพราะร่างกายมันร้อนผ่าว ส่วนรักก็ถูกครอบครองอย่างหนักหน่วง จนจะรับไม่ไหว รับรู้ถึงแรงกระแทกครั้งแล้วครั้งเล่า ถี่ขึ้น กระชั้นขึ้น กระทั่งร่างกายแข็งแรงนั้นดำดิ่งสู่จุดที่ลึกที่สุด เผยให้เห็นความงามของกามกิจอีกครั้ง
หนักหน่วง ทว่าหอมหวานและนุ่มนวล อย่างไม่เคยสัมผัสมาก่อน
ร่างหนาปล่อยให้ร่างของคนตัวบางแนบลงไปกับเตียง
“รู้สึกดีหรือเปล่า หืม?”
ณิชชาไม่ตอบ เขายังตั้งสติกับความสุขที่ได้รับไม่อยู่
“ตอบสิ” เมื่ออีกคนไม่ตอบก็เร่งเร้า มือเฝ้าลูบคลำและโอบกอดร่างเล็กเอาไว้
“แก้มัดให้ฉันได้ไหม”
“ทำไมล่ะ ตอบคำถามฉันมันยากเกินไปเหรอ”
“คือ ฉัน...ฉันแค่อยากจะกอดคุณบ้าง” ร่างบางพูดแล้วก็ก้มหน้างุดด้วยความอาย แต่สีเรื่อ ๆ บนหน้านั้นมันกินวงกว้างมาถึงใบหู โชว์ให้
อีกคนได้เห็นอยู่ดี ชลาสินธุ์ยิ้มกว้าง แน่ละอีกคนไม่เห็นเพราะมัวแต่เอาหน้าซุกหมอนเขาค่อย ๆ แกะเนกไทที่ขาทั้งสองข้างออก ตั้งแต่มือจนถึงข้อศอกทั้งสองข้างมีรอยถูกมัดโชว์อยู่เป็นจ้ำ ๆ มือหนาลูบไล้มันอย่างแผ่วเบา
“คุณชอบทำตัวฉันเป็นรอย”
“ฉันชอบที่ตัวเธอเป็นรอย...เพราะฉัน”
“บ้า” ทำไมวันนี้อีตานี่ขยันสร้างเรื่องให้มันน่าอายบ่อย ๆ แบบนี้นะ
“หึ” ชลาสินธุ์หัวเราะ ก่อนจะเอามือเล็กทั้งสองข้างมาโอบรอบคอตัวเองขณะที่ร่างหนา ๆ หนัก ๆ ของตัวเองคร่อมอยู่บนร่างบางที่เรี่ยวแรงอ่อนละโหย
“ตกลงรู้สึกดีมั้ย” อีกคนถาม ยังไม่ทันฟังคำตอบก็กดหอมแรง ๆ ที่แก้มนิ่มจนตอนนี้มีร่องรอยของหนวดอยู่เต็มไปหมด
“อืม”
“อืมอะไร พูดเพราะ ๆ สิ เธอพูดกับทุกคนเพราะหมดยกเว้นฉันนะ เร็ว พูดเพราะ ๆ ตกลงรู้สึกดีมั้ย”
“ค่ะ” หญิงสาวตอบไปคำเดียว เพราะไม่อยากสาธยายว่า ทำไมเธอถึงได้ไม่พูดกับเขาดี ๆ เหมือนพูดกับคนอื่น
“ค่ะ? ค่ะนี่แปลว่า?”
...ทำไมผู้บริหารถึงได้ยียวนกวนประสาทได้ขนาดนี้นะ...ณิชชานึกถามตัวเอง
“ก็รู้สึกดีค่ะ”
“อืม แล้วมีความสุขมั้ย”
“คะ?” หญิงสาวมองหน้าอีกฝ่ายทำสีหน้างง ๆ
“ทำหน้างงทำไม คำถามง่าย ๆ แค่นี้เอง” ใบหน้าหวานถูกรั้งให้ขึ้นมารับจูบร้อน ลิ้นร้อนทำท่าจะแทรกผ่านเข้ามาอีก
“อื๊อ เดี๋ยวค่ะ” ณิชชาหอบหายใจ ก็มีคนตัวหนักทาบทับอยู่
แบบนี้ แถมยังจ้องจะขโมยลมหายใจของเขาไปด้วยการจูบซ้ำแล้วซ้ำเล่าอีก ร่างเล็กจึงทำท่าจะขาดอากาศหายใจซะอยู่เรื่อย“ว่าไง มีความสุขมั้ย”
“ทำไมคุณถามแบบนี้ล่ะคะ”
“เพราะฉันมีความสุข”
“กับฉัน?”
“กับตายาว คนขับรถล่ะมั้ง”
“คุณนี่”
“ตกลงตอบได้หรือยัง หรือต้องให้ปล้ำ ต้องให้มัดอีกรอบกัน”
“ค่ะ...มีความสุข ฉันไม่ค่อยชอบที่คุณชอบทำร้ายฉันน่ะ แล้วเมื่อกี้คุณก็ดูนุ่มนวลดี ถ้าถ้าไม่นับที่คุณจับฉันมัดน่ะนะ”
“หึ นั่นเธอร้องขอเองต่างหาก ทีแรกฉันก็กะจะทำไปตามปกติที่โลกเขาทำกัน”
“ฉัน?”
“อือ”
ณิชชานิ่งคิด ...บ้าเอ๊ย เป็นเราเองจริง ๆ นี่หว่า...
“ต่อไปเธอขออะไร ฉันจะตามใจเธอมากขึ้นก็แล้วกัน”
“คะ?”
“ไม่มีอะไรหรอก ก็ตามนี้แล้วกันนะ ส่วนเธอก็ยังต้องตามใจฉันเหมือนเดิม” ชลาสินธุ์พูดเหมือนไม่ใส่ใจ “นอนต่ออีกหน่อยเถอะ เดี๋ยว
ค่ำ ๆ ตื่นมาค่อยไปหาข้าวกินกัน” ชลาสินธุ์บอก ก่อนจะเลื่อนตัวเองจากบนร่างกายของ ณิชชาลงมานอนบนที่นอนพร้อมกับโอบร่างเล็กไว้ใน อ้อมกอดแน่น ๆ แล้วเข้าสู่นิทราอย่างง่ายดาย
ณิชชาตื่นขึ้นมาในความมืดสลัว มีเพียงแสงไฟจากห้องแต่งตัวระหว่างทางไปห้องน้ำเท่านั้นที่เปิดทิ้งเอาไว้ ส่วนคนข้าง ๆ ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย ตากลมมองไปทั่วห้องหวังจะเห็นอะไรบางอย่างที่บอกเขาได้ว่าตอนนี้มันกี่โมงแล้ว สองแขนยันกายลุกขึ้นนั่งช้า ๆ ความปวดเมื่อยทั้งหลายก็รุมเร้า และเพียงขยับตัวความปวดร้าวที่เอว สะโพกและขาแขนที่ถูกจับมัดรวมกัน ก็เล่นงานเขาจนอยากร้องโอดโอยดัง ๆ น้ำตาซึมออกมาที่หางตา รสชาติหวานล้ำที่มาพร้อมลีลารักนั้นไม่น่าจดจำเท่าถ้อยคำต่าง ๆ ที่ร่างหนาของคอยถามเธอ
...รู้สึกดีไหม? มีความสุขไหม?...
มีความสุขสิ มีความสุขที่สุด แต่ว่ามันเรื่องจริงใช่ไหม โอ๊ยนี่ถ้าไม่บ้าไปท้าทายเขาให้จับตัวเองมัดก็คงไม่เจ็บขนาดนี้หรอก ฮึ่ย!
คิดได้ดังนั้นก็พยายามที่จะเอาชนะความเจ็บปวดด้วยการลุกขึ้นยืนใหม่ แต่ก็ไม่วายทรุดลงไปบนเตียงอีกรอบ
“ตื่นแล้วเหรอ”
“คุณไปไหนมา”
“ไปทำงานด้านนอกน่ะ เห็นเธอหลับสนิทเลยไม่อยากเปิดไฟ แต่นี่อยากมาชวนไปกินข้าวแล้ว ลุกไหวมั้ย”
“ปวดตัวนิดหน่อย” ณิชชาบอกไปตามตรง
“อะไรกัน ฉันว่าฉันเบาไม้เบามือลงไปเยอะแล้วนะ” ชายหนุ่มหัวเราะก่อนจะมานั่งข้าง ๆ ร่างเล็กแล้วโอบกอดเอาไว้อย่างปลอบโยน
“ฉันขอโทษ เจ็บมากมั้ย”
“นิดหน่อยเองค่ะ คุณล่ะ?”
“หืม?”
“คุณเจ็บมากไหม?” ณิชชาลองถาม เธอเคยถามคำถามแบบนี้มาครั้งหนึ่งแล้ว เมื่อตอนที่เพิ่งได้ฟังความจริงบางอย่างจากธารากานต์ แต่ตอนนั้นชลาสินธุ์ไม่ตอบ เอาแต่คอยปลอบใจเธออยู่อย่างนั้น ทั้งที่คิด ๆ ดูแล้ว คนที่ควรได้รับการปลอบใจน่าจะเป็นตัวเขาเองซะมากกว่า
และตั้งแต่วันที่เธอรู้ความจริงในวันนั้น ชลาสินธุ์ที่แม้จะใจดีกับเธอ หยอกล้อกับเธอบ่อยมากขึ้น ยิ้มให้บ่อยมากขึ้นก็ไม่เคยเล่าเรื่องราวใด ๆเกี่ยวกับชินวุฒิให้ฟังเลย ไม่ว่าจะถามอย่างไร แววตาที่มองมาของเขาเจ็บแค้นแต่ก็เจือปนไปด้วยความเศร้าโศก
“ถ้าไม่มีอะไรมาสะกิดก็ไม่เท่าไรนะ แต่เธอคิดดูสิ อยู่ ๆ เลขาของฉันก็คิดจะหนีตามไอ้บ้านั่นไปซะอย่างนั้น เป็นเธอ เธอไม่โกรธเหรอ”
ชลาสินธุ์แกล้งรัดร่างบางแน่น ๆ จนรู้สึกเจ็บ“อื้อ...เจ็บค่ะ...ปล่อยก่อน”
“เจ็บค่ะ ปล่อย เจ็บ เธอพูดเป็นแค่นี้หรือไง กับไอ้นั่นเคยพูด
แบบนี้หรือเปล่า” ชลาสินธุ์แสร้งโวยวาย“ก็ตอนนั้นฉันไม่รู้นี่ว่าเรื่องราวมันเป็นยังไง แล้วเขาก็ดีกับฉัน ฉันเลย...”
“แล้วตอนนี้ล่ะ รู้แล้ว ยังจะไปจากฉันอีกหรือเปล่า” เสียงนุ่มเอ่ยถาม ณิชชารู้สึกถึงคางสากที่วางลงบนหัวของเธอเบา ๆ
“ฉันรู้แล้ว”
“หืม? รู้ว่าอะไร นี่เธอกำลังตอบไม่ตรงคำถามอยู่ใช่ไหม”
“ก็รู้แล้วว่าเรื่องราวมันเป็นยังไงไงคะ”
“แล้ว? แล้วเรื่องที่ถามว่าจะไปจากฉันอีกหรือเปล่าล่ะ”
“ก็ถ้าคุณมีเลขาคนใหม่ที่ดีกว่าฉันล่ะ”
“ตอนนี้ยังไม่มีและท่าทางจะหายากด้วยที่บริการดี ๆ แบบนี้”
“นี่!!!” ซูเปอร์เลขางอนใส่
...นี่เขากำลังพูดเรื่องลามกใช่ไหม...
“ไม่เอาน่า นี่ฉันกำลังชมเธออยู่นะ”
“ฉันว่าเรื่องราวของคุณมันยังมีบางอย่างขาดหายไป” หญิงสาวทำสีหน้าครุ่นคิด
“อะไรนะ?”
“เรื่องราวของคุณกับคุณชินน่ะสิ”
“พอเหอะ เลิกคุยเรื่องนี้ ไม่งั้นฉันจะโกรธจริง ๆ แล้วเธอก็จะไม่ต้องลงจากเตียง จะเอาแบบนั้นใช่ไหม” คนร้ายกาจ ก็ยังร้ายกาจอยู่วันยังค่ำ
ณิชชาเห็นว่าควรจะสงบปากสงบคำไว้หน่อยจะดีกว่า
...นี่ยังไม่หายเจ็บเลยนะ...
“ลุกไหวไหม” เหมือนจะถามไปอย่างนั้น เพราะร่างหนาไม่ได้รอคำตอบ กลับอุ้มหญิงสาวด้วยแขนทั้งสองข้างแล้วพาไปที่ห้องน้ำทันที
“จัดการตัวเองซะ เสร็จแล้วก็เรียกแล้วกัน ฉันจะรอด้านนอก เอ๊ะ หรือว่า...”
“คะ?”
“หรือว่า...ให้ฉันอาบน้ำให้ดี”
“ไปเลย ฉันอาบเองได้ คุณออกไปได้แล้ว”
ตอนอวสานชลาสินธุ์ให้คนขับรถมารับที่บ้านของพัฒนศักดิ์ในวันรุ่งขึ้น พวกเขากลับมาถึงกรุงเทพฯ ในช่วงบ่าย ๆ แต่น้อง ๆ ทั้งสองคนปฏิเสธที่จะให้เขากลับมาทำงานในทันที ทำให้ประธานบริษัทพร้อมเลขากลายเป็นคนว่างงานในวันนี้ณิชชาหัวเราะเมื่อเห็นว่าชลาสินธุ์ดูจะเป็นห่วงเธอมากเกินจริงไปสักหน่อย ห้ามทำอะไรที่ต้องใช้กำลัง จะไปไหนก็ได้แต่ต้องอยู่ในระยะสายตาที่เขามองเห็น อยากได้อะไรหรืออยากกินอะไรต้องบอก เพราะเขาจะทำให้เอง เรียกว่าณิชชามีหน้าที่อย่างเดียว คือนั่งเฉยๆ“พอแล้วค่ะ คุณมานั่งเถอะ” ณิชชาบอก เมื่อชลาสินธุ์ถามเป็นครั้งที่ร้อยว่าอยากได้อะไรอีกหรือเปล่า หญิงสาวจึงเรียกให้มานั่งดูหนังในห้องนั่งเล่นด้วยกันชายหนุ่มตัดสินใจนั่งลงข้าง ๆ คนรัก และเหมือนเคย นับตั้งแต่กลับ มาจากไร่เจริญตา ไม่มีสักครั้งที่หากได้นั่งคู่กันชลาสินธุ์จะไม่โอบรอบตัวร่างเล็กให้อยู่ในอ้อมกอดตลอดเวลา“ไม่เจ็บแล้วแน่นะ ดูสิ ยังเป็นรอยช้ำอยู่เลย” ชลาสินธุ์บอกพลางใช้นิ้วโป้งลูบไล้เบา ๆ ไปที่รอยช้ำที่แขน ซึ่งยังเป็นรอยเด่นชัด น่าจะเกิดจากการต่อสู้กับลูกน้องของภัสสรา“เจ็บนิดหน่อย แต่ไม่เป็นไรแล้วจริง ๆ ไม่ต้องห่วงหรอก ห่วงขาคุณดีกว
บทที่ 50 จุดจบที่เลวร้ายภัสสราเดินตรงเข้ามายังชลาสินธุ์ ทำให้ชายหนุ่มต้องถอยหลังเพื่อเว้นระยะ กลุ่มชายฉกรรจ์ผิวเข้มเดินเข้ามาในห้องหลายคน ณิชชาเห็นคนที่โยนเขาเข้าไปในรถตู้รวมอยู่ในนั้นด้วย“ปล่อยฉันลงเถอะ ฉันเดินไหวแล้ว” ณิชชากระซิบบอก ชลาสินธุ์ยอมทำตาม แต่ก็ยังโอบไหล่บางไว้ ไม่ให้ห่างตัว ร่างเล็กซบใบหน้าตัวเองลงกับลำแขนใหญ่ แม้ว่าจะกลัวจนแทบบ้า แต่กลับรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยเมื่ออยู่ใกล้เขา“ทุกอย่างจะต้องผ่านไปด้วยดี เธอเชื่อมั่นในตัวฉันนะ” ชลาสินธุ์กระซิบบอกอย่างอ่อนโยนณิชชาพยักหน้ารับ เธอจะเชื่อมั่นในตัวคน ๆ นี้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตามกลุ่มชายฉกรรจ์ตีวงล้อมจนทั่วห้องโดยมีทั้งสามคนอยู่ตรงกลาง“รู้อะไรไหม คุณสินธุ์ คุณทำให้ฉันสูญเสียอะไรไปตั้งหลายอย่าง ลงทุนไปตั้งมากมาย แต่คุณกลับทำลายมันทิ้งในเวลาแค่วันเดียว” ภัสสราเอ่ยขึ้น คำพูดเนิบช้ากว่าปกติ เรียวปากเหยียดยิ้มแต่แววตากลับเข่นอาฆาต“คุณไม่เห็นต้องโกรธผมขนาดนี้เลยคุณสรา”“หึ ไม่ต้องโกรธเหรอ ถ้าคราวนั้น พวกแกไม่ทำตัวเป็นคนดี แล้วปล่อยให้ฉันดำเนินธุรกิจของฉันไป ฉันก็ไม่ต้องเป็นแบบนี้หรอก แกก็ได้ค่าเช่า ฉันก็ได้กำไร แกทำแบบนั้นทำ
บทที่ 49 ลักพาตัว“คืนนี้เธอจะนอนที่นี่ใช่มั้ย”“ฉันไม่ได้เตรียมเสื้อผ้ามาเลย”“ก็ใส่ตัวเดิมสิ ไม่เปื้อนหรอก เพราะคืนนี้เธอไม่ต้องใส่นี่” อีกคนยังดื้อรั้นไม่ฟังคำอธิบายแถมยังทำท่าจะหื่นใส่อีก“คิดจะทำอะไรน่ะ ที่นี่โรงพยาบาลนะ แล้วคุณก็ป่วยอยู่ ทำไหวหรือไง?”“จะได้พิสูจน์ด้วยตัวเองมั้ย”“ไม่ ฉันไม่ยอมหรอก คุณน่ะ เอะอะก็จะทำมิดีมิร้ายฉันตลอด”“ขี้บ่นจัง” ชลาสินธุ์แกล้งทำท่าเกาหัว “งั้นฉันสัญญาว่าจะไม่ทำอะไร แต่เธอนอนให้ฉันกอดนะ คิดถึงจะแย่ คิดถึงจะตายอยู่แล้วคนใจร้าย”“ว่าฉันใจร้าย คุณก็ใจร้ายเหมือนกันนั่นแหละ”“นะ”“เอ่อ...ถ้าคุณไม่ทำอะไรจริง ๆ ฉันนอนด้วยก็ได้”“ไม่ทำหรอก ถ้าเธอไม่เผลอน่ะ”“อะไรนะ!” และอย่างไม่ต้องรอคำตอบ ณิชชาก็ฟาดมือไปที่แขนคนป่วยเสียงดังลั่นห้อง ก่อนจะแจกค้อนไปให้อีกหลายทีชลาสินธุ์ลูบแขนตัวเองแล้วหัวเราะไปด้วย“ฉันยอมให้หน่อย ก็ทำร้ายฉันเลยนะ” เสียงอ่อนบอกก่อนจะโอบคนรักให้แน่น ๆ อีกหน “งั้นตกลง นายนอนที่นี่นะ นอนเฉย ๆ ให้ฉันมองหน้า จะได้หายคิดถึง”“หึ” หญิงสาวค้อนคนป่วยขวับ เธอเองก็อยากกอด อยากมองหน้า อยากยิ้มให้ผู้ชายคนนี้ เพื่อให้แน่ใจว่า ความรักระหว่างตัวเองกับ
บทที่ 48 ฝันที่ (ไม่) อาจเป็นจริงแม้จะเป็นเวลาพลบค่ำแล้วทำให้อาจจะได้พบคนที่เขาคิดถึงแค่ไม่กี่นาทีแต่ณิชชา ก็ตัดสินใจออกจากบ้านทันทีที่อัครชัยปล่อยมือเขา ความโหยหาที่ลอยวนอยู่ในใจมันฉุดกระชากให้เขามาที่นี่ โรงพยาบาลใหญ่ใจกลางกรุง ชลาสินธุ์ถูกย้ายมาที่นี่ทันทีที่ร่างกายสามารถทนต่อการเดินทางได้หญิงสาวเดินหาห้องนั้นจนพบ ในมือถือดอกไม้ช่อเล็ก ๆ ที่ตั้งใจทำเองด้วยหัวใจ มือบางที่กำลังจะเคาะห้องมีอันต้องชะงักค้างไว้“คุณณิชคะ คุยกันหน่อยดีมั้ย” ชลาธารที่เพิ่งมาถึงเช่นกัน มองมาที่ณิชชา ไม่มีสายตาของมิตรภาพแม้แต่น้อยชลาสินธุ์นอนลืมตาโพรงอยู่บนเตียงคนป่วย แม้อาการทางกายจะค่อย ๆ หายจนเกือบเป็นปกติ เพราะรถที่ชนก็แค่เฉี่ยวขาทำให้เจ็บที่หัวเข่าซ้ายเท่านั้น แย่หน่อยตรงที่ตอนกระโดดหลบ หัวของเขามันไปชนต้นไม้ข้างทางทำให้ทั้งน้อง ๆ และคุณหมอค่อนข้างเป็นห่วง แต่อาการทางใจของชายหนุ่มก็ทำให้ตอนนี้เขาแทบไม่ต่างจากผักเหี่ยว ๆ ที่รอวันเฉาลงไปอีกชลาธารรับหน้าที่ดูแลพี่ชายของเธอที่โรงพยาบาล ขณะที่คนอื่นดูแลเรื่องงาน ยิ่งเห็นพี่เป็นแบบนี้ ก็ยิ่งโกรธณิชชามากขึ้นเรื่อย ๆ เห็นว่าเป็นคนนิ่ม ๆ ไม่คิดว่าจะมีอิ
บทที่ 47 อัครชัยคือคนที่เลือกแล้วชลาธารทำอย่างที่ตนเองได้ลั่นวาจาไว้ทันทีที่วันทำงานวันแรกมาถึง“คุณณิชคะ คุยกับธารในห้องก่อนค่ะ” มาถึงยังไม่ทันได้นั่ง ก็เอ่ยปากให้ณิชชาเดินตามตัวเองเข้าไปในห้องแล้ว ณิชชาเดาไม่ถูกว่าเจ้านายคนเล็กคนนี้จะพูดเรื่องอะไร เรื่องงานหรือว่าอย่างอื่น เพราะแทบจะไม่เคยทำงานด้วยกันเลย ยิ่งหญิงสาวไปเรียนต่อได้เป็นปีแล้ว ยิ่งห่างกันไป เดาใจไม่ถูก“คุณธาร มีอะไรให้ณิชทำเหรอคะ” ณิชชาพูดก่อนจะนั่งลงตามมือที่ผายออก หญิงสาวไม่ได้ชวนเธอนั่งที่โต๊ะทำงาน ซึ่งตอนนี้คนที่ยึดโต๊ะตัวนั้นเป็นของตัวเองยังไม่มา แต่พวกเธอนั่งคุยกันที่โซฟารับแขกซึ่งอยู่ในห้องทำงานของชลาสินธุ์ด้วยนั่นเอง“คุณณิชจะว่าอะไรมั้ยคะ ถ้าธารจะถามเรื่องพี่สินธุ์” ยิงคำถามทันทีพร้อมกอดอกฟังคำตอบ แต่ดูเหมือนคนที่ต้องตอบจะยังหาเสียงของตัวเองไม่เจอ“คือ...เอ่อ...”“ไปเยี่ยมสักวัน หรือดอกไม้สักช่อ ไม่คิดจะส่งไปหน่อยเหรอคะ” ชลาธารพูดแทรกขึ้นอย่างหงุดหงิด อยากจะเล่าสภาพของพี่ชายให้คนตรงหน้าฟังว่าเลวร้ายแค่ไหน แต่ก็กลัวว่าสิ่งที่ได้กลับมาจะเป็นอย่างอื่นนอกจากความเห็นอกเห็นใจ ถ้าณิชชารู้สึกยินดีกับสภาพของพี่ชายตนเอ
บทที่ 46 รถชนณิชชาฟังแล้วอึ้งไป เพราะน้ำเสียงนั้นแม้จะสุภาพแต่ก็เฉียบขาด พี่น้องบ้านนี้บุคลิกไม่เหมือนกันสักคน สาคเรศคนนี้หากฟังจากน้ำเสียง ลักษณะนิสัยคงเป็นแบบ อยู่ตรงกลางระหว่าง ชลาสินธุ์และธารากานต์ คือไม่ได้ดูใจดีมากเหมือนธารากานต์ แต่ก็ไม่ได้ดุและขี้หงุดหงิดเหมือนพี่ชายคนโต“คือ...คุณสินธุ์คงไม่สะดวกให้ดิฉันไปทำงานแล้วล่ะค่ะ”“พี่สินธุ์ไม่อยู่ที่นี่มาสองสัปดาห์แล้วครับ ตั้งแต่คุณไป” เสียงถอนหายใจปล่อยมาตามสาย “คุณทำให้พี่สินธุ์อยู่ที่นี่ไม่ได้ แล้วคุณก็จะไม่อยู่ดูแลที่นี่อีก นี่คุณกะจะให้พวกเราล่มจมเลยเหรอครับ”“คุณเรศคะ...ดิฉันเปล่า...คือ...ดิฉันไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายพวกคุณเลยนะ เพียงแต่ไม่คิดว่าคุณสินธุ์เขา...”“เขาจะอยู่ไม่ได้เมื่อไม่มีคุณ?” สาคเรศขัดอีกแล้ว แล้วก็ถูกที่ถูกเวลาเสมอ เพราะมันเป็นสิ่งที่อยู่ในใจณิชชาด้วย คนฟังน้ำตาแทบจะไหลลงมาอีกครั้ง เสียงถอนหายใจของปลายสายทำให้ณิชชาทำอะไรไม่ถูก “ผมทราบว่าคุณไปคุยกับที่อื่นมาแล้ว แต่ก่อนจะไป คุณน่าจะมาเคลียร์งานที่นี่สักหน่อย พรุ่งนี้เข้ามานะครับ ผมรออยู่”สาคเรศวางหูไปนานแล้ว แต่ณิชชายังอยู่ที่ระเบียงไม่ไปไหน ความคิดสับสนว