Share

บทที่ 10 ดูแล

last update Last Updated: 2025-06-11 22:53:33

ชายหนุ่มเพิ่งจะคิดได้ว่าควรจะออกมาจากร่างของหญิงสาวสักที เขาทำความสะอาดร่างกายให้กับเธอ แล้วจึงเห็นว่า มันมีหลายจุดที่เป็นรอยแดง และตรงกลางกายนั้นก็บวมช้ำ เขาส่ายหน้า เกลียดการกระทำของตัวเองขึ้นมาทันที

นี่เขากลายเป็นปีศาจ เป็นคนบ้า หรือเป็นโรคจิตอย่างที่เธอบอกไปแล้วอย่างนั้นหรือ หัวใจของชลาสินธุ์รู้สึกบางอย่างที่เขาไม่อยากจะยอมรับ

เขาเจ็บปวด เจ็บปวดที่เห็นภาพนี้

เช้าวันต่อมา หญิงสาวปรือตาขึ้นอย่างยากลำบาก เจ็บปวดรวดร้าวที่กลางกายจนไม่ต้องขยับก็ยังรู้สึกได้ นั่นคงทำให้เธอเป็นไข้อีกแล้ว แต่ความหนักอึ้งที่อยู่ช่วงท้องทำให้เธอต้องขมวดคิ้ว เมื่อก้มลงมาดูก็เห็นว่า เธอไม่ได้นอนอยู่คนเดียว แต่ใครอีกคนกำลังนอนกอดเธออยู่

กอด?

ไม่หรอก เขาก็แค่เอาแขนพาดที่ลำตัวของเธอเท่านั้น...หญิงสาวคิดในใจ แล้วน้ำตาก็ไหล แต่แรงสะอื้นกลับทำให้อีกคนรู้สึกตัว

“เป็นไงบ้าง” เขาถามพร้อมกับขยับตัวนอนตะแคงเพื่อให้มองเธอได้เต็มตา หลังมือหนาถูกยกมาอังหน้าผากของเธอ

ณิชชามองตามมือนั้นสลับกับมองหน้าคำถามด้วยความงงงวย

...มันอ่อนโยนเกินไป...

นี่ตาพล่าเห็นเธอเป็นคุณกานต์อีกหรือเปล่า ถ้าใช่ เธอจะโดนเหมือนเดิมอีกไหมนะ

คิดถึงตรงนี้น้ำตาก็ไหลอีกแล้ว ผู้หญิงอย่างเธอไม่เหลืออะไรแล้ว ไม่เลือกแล้วจริงๆ

“อย่าร้องไห้สิ ร้องไห้เยอะขนาดนี้ เดี๋ยวก็หายใจไม่ออกหรอก” อีกคนทำเสียงดุๆ แล้วค่อยลุกขึ้นไปหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กมาเช็ดหน้าเช็ดตาให้

ณิชชาไม่อยากให้เขาถูกตัวจึงยกมือขึ้นหมายจะปัดออก ตอนนั้นเองที่หญิงสาวเห็นว่า แผลที่ข้อมือของเธอถูกจัดการเรียบร้อยแล้ว

“นอนไปก่อนนะ เดี๋ยวไปหาอะไรให้กิน” คำบอกแกมออกคำสั่งดังขึ้นเมื่อน้ำตาที่เขาเพียรเช็ดออกนั้นเหือดแห้งไปแล้ว

หญิงสาวมองตามคนที่ใส่เพียงกางเกงบ็อกเซอร์ตัวเดียวเดินออกจากห้องนอนไป

...ต่อให้คุณอ่อนโยนกว่านี้ ฉันก็เป็นคุณกานต์ให้คุณไม่ได้ และคุณก็เป็นพี่อัคให้ฉันไม่ได้เหมือนกัน...

หญิงสาวนอนคิดนั่นคิดนี่ไปเรื่อยเปื่อยเพราะไม่อยากขยับตัวให้เจ็บเนื้อตัวมากกว่าเดิม แล้วกลิ่นหอมอะไรบางอย่างก็ลอยมาเตะจมูก

“ข้าวต้มหมูนะ” ชายหนุ่มที่มาพร้อมถาดข้าวต้มและน้ำพร้อมกับยาเม็ดเล็กๆ พูดขึ้น ก่อนจะจัดแจงให้ทุกอย่างอยู่บนเตียงพร้อมสำหรับให้คนที่นอนป่วยอยู่รับประทานได้ง่าย ๆ

“...” หญิงสาวมองมันสายตาว่างเปล่า

“เอ่อ...”

“?”

“ให้ฉันป้อนไหม”

ถ้าคนเราตกใจแล้วตาโปนออกมาจากเบ้าได้ ดวงตาของณิชชาคง กระเด็นไปไกลแล้ว ไม่คิดเลยว่าจะได้ยินคำพูดนี้จากปากของเจ้านายที่แสดงออกชัดเจนว่าเกลียดกันนักหนา วันๆ หาเรื่องแต่จะแกล้งกัน นี่พูดคำนี้ได้จริงๆ เหรอ

“ฉันไม่หิวหรอก ยาพวกนี้ที่บ้านฉันก็มี คุณไปจัดการตัวเองเถอะ เดี๋ยวฉันจะเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วกลับบ้านเลย วันนี้ฉันขอลาป่วยนะ”

“กินซะ ฉันไม่ได้ถามว่าเธอหิวหรือเปล่า ฉันสั่งให้เธอกิน เธอก็ต้องกิน”

“คุณนี่มันบ้าได้ทุกทางเลยนะ นี่ยังเพิ่มบ้าอำนาจเข้าไปอีกเหรอ”

...ไม่สิ ไม่ได้เพิ่ม เขาบ้าอำนาจอยู่แล้ว...

“งั้นฉันป้อนนะ” เขาตอบเสียงเย็น

“ไม่เป็นไร ฉันกินเองได้” หญิงสาวตอบอ้อมแอ้มแล้วหยิบช้อนขึ้นมาทันทีที่เห็นสายตาลุกวาบของเขา

ผ่านไปอีกเป็นสัปดาห์ ชลาสินธุ์ไม่ได้บังคับขืนใจ ทำร้ายร่างกายณิชชาอีก แต่อาจจะถือว่าทำร้ายจิตใจก็ได้ เมื่อเขาไม่อนุญาตให้หญิงสาวกลับไปพักที่คอนโดของตัวเองเลย เธอใช้ชีวิตอยู่ที่คอนโดของเขาซะเป็นส่วนใหญ่มีเพียงแค่วันเดียวเท่านั้นที่เธอได้กลับบ้านก็คือวันที่เขากลับไปนอนที่บ้านของเขานั่นเอง

ชลาสินธุ์หอบหิ้วณิชชามาหาธารากานต์ด้วย หลังจากที่เรียกประชุมน้องๆ อันหมายถึงสาคเรศและชลาธาร เพื่อแผนที่จะพาธารากานต์กับบ้าน ซึ่งแม้ดูเหมือนว่าน้องๆ จะไม่มีใครเห็นด้วย เพราะเห็นว่าธารากานต์มีความสุขดีแล้ว แต่เขาก็ไม่ยอม เมื่อครบสามเดือนเมื่อไร แล้ว

หญิงสาวไม่กลับมา เขาจะต้องไปตามกลับมาด้วยตัวเองทันที วันนี้เขาแค่ขอมาดูลาดเลาไว้ก่อนเท่านั้น ยังมีเวลาอีกหนึ่งเดือน

แต่ระหว่างที่เขาไปไร่ซึ่งธารากานต์เป็นผู้จัดการไร่อยู่นั้น ก็ทิ้งเลขาร่างเล็กให้อยู่ที่โรงแรมคนเดียว ดังนั้นแทนที่จะพักอยู่ในห้องตามคำสั่งที่ได้รับ เขากลับเดินลงไปที่บริเวณสวนของโรงแรม ที่นี่ได้เปรียบตรงนี้ตั้งอยู่บนเนิน ด้านหลังเป็นทิวเขาทอดยาวสุดลูกหูลูกตา ส่วนด้านหน้าก็เป็นบริเวณที่สามารถมองไปยังไกลๆ รับเอาบรรยากาศสบายๆ ไว้ได้เต็มที่

ที่นี่ดีไปหมดทุกอย่าง เว้นแต่ว่ามันเก่ามากเกินไปเท่านั้น เพราะเจ้าของบริหารจัดการแบบรอวันปิด ไม่ได้ปรับปรุงตัวอาคารใหม่แล้ว แต่ยังรักษาความสะอาดอย่างดี ที่สำคัญสวนของที่นี่สวยมาก

“โอ๊ะ ขอโทษนะคะ เจ็บตรงไหนหรือเปล่า”  ณิชชาตกใจ  เพราะเผลอใจลอยจนไปชนเข้ากับคนที่เดินเล่นอยู่บริเวณสวนหน้าโรงแรมเช่นกัน

 “ไม่เป็นไรครับ ผมเองก็มัวแต่เหม่อ ไม่ได้มองอะไรเหมือนกัน” ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ คนนั้นยิ้มให้อย่างเป็นมิตร “เอ๊ะ ผมคุ้นหน้าคุณจัง”  

ใครคนนั้นถามต่อ ทำให้ณิชชาหยดเท้าที่กำลังจะเดินต่อ แล้วหันมาพิจารณาใบหน้านั้นอย่างละเอียด  เขาเป็นคนหน้าดุ ยิ่งผนวกกับร่างหนาและสูง  ที่ดูเหมือนจะสูงกว่า ชลาสินธุ์ซะอีก ยิ่งทำให้ณิชชารู้สึกว่าเขาดุจริง ๆ แต่กลับดูใจดีและเป็นมิตรกว่าเจ้านายของตัวเองเยอะ

“เอ่อ ฉันหน้าโหลน่ะค่ะ ที่ผ่านมาก็มีคนทักว่าเหมือนคนนั้นคนนี้ไปทั่ว” ณิชชาตอบ ชายหนุ่มคนนี้คงรู้จักธารากานต์ หรือใครสักคนที่หน้าตาคล้ายๆ เธอ ธารากานต์เป็นคนดัง เป็นผู้บริหารที่มีหน้าตาตามสื่ออยู่บ่อยครั้ง ก็ไม่แปลกที่จะมีคนคุ้นหน้าบ้าง

“ไม่ใช่หรอกครับ เอ...”  ชายหนุ่มทำหน้าครุ่นคิด คิ้วขมวด มือก็ยกขึ้นมาลูบเบาๆ ที่คางตัวเอง “อ๋อ..คุณเป็นเลขาของสินธุ์ แล้วก็กำลังจะมาเป็นเลขาผมไง”

“ฮะ? ยังไงนะคะ” ใช่ เธอได้งานใหม่แล้ว แต่เจ้านายใหม่ของเธอ...ไม่ใช่เขานี่นา

“อะไรกัน จะทำงานด้วยกันแล้วยังไม่รู้จักผมเหรอครับ”

“คือ...” ณิชชาอยู่ในแวดวงอสังหาริมทรัพย์มาตั้งแต่ทำงานใหม่ๆ แต่งานที่สมัครใหม่นั้น เป็นเลขาของประธานบริษัทซึ่งบริหารโรงแรมทั่วประเทศ “เจ้านายของฉันไม่ใช่คุณนำชัยเหรอคะ”

“อ๋อ นั่นคุณลุงผมครับ แกมาบริหารงานให้ชั่วคราวตอนที่พ่อผมป่วย และผมยังเคลียร์งานของตัวเองไม่เสร็จ ที่ผ่านมาผมวุ่นมากจนไม่ได้ออกมาเจอโลกภายนอกเลย คุณเลยอาจจะไม่ได้รู้จักผม”

“อา...ขอโทษนะคะ”

“ไม่เป็นไรครับ งั้นผมแนะนำตัวใหม่ก็ได้ ผมชื่อชินวุฒิ เรียกชินก็ได้” ชินวุฒิยื่นนามบัตรให้ณิชชา หญิงสาวเพิ่งรู้ตอนนี้เองว่า ชินวุฒิคือเจ้าของและผู้บริหารโรงแรมหลายแห่ง ตั้งแต่โรงแรมขนาดใหญ่จนถึงโรงแรมเล็ก ๆ แต่มีคาแรกเตอร์เป็นของตัวเองอยู่ประปรายทั่วประเทศด้วย ชื่อของเขาคุ้นมาก เพียงแต่ณิชชาไม่เคยเห็นตัวจริงเท่านั้น นี่ก็คงจะซื้อโรงแรมนี้มาทำต่อกระมัง

 “สวัสดีอย่างเป็นทางการนะคะ คุณชิน”

 “สวัสดีอย่างเป็นทางการอีกครั้งครับ คุณ...เอ่อ...ขอโทษทีผมจำได้แต่หน้า คุณชื่ออะไรนะครับ”

ณิชชาหัวเราะกับท่าทางของเขา หมีใหญ่ใจดีกำลังเขินอาย

“ดิฉันชื่อณิชชาค่ะ เรียกณิชเฉย ๆ ก็ได้ค่ะ”

“ครับ คุณณิช ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ”

รอยยิ้มของพวกเขาสองคนทำให้สวนแห่งนี้เบิกบานขึ้นมาอีกหลายเท่า เพียงแต่เวลาแห่งความสุขมักมีจอมมารมาเป็นส่วนหนึ่งเสมอ

ช่วงเที่ยงวันนั้นณิชชาต้องคอยดูแลทั้งเจ้านายและน้องสาวของเจ้านายซึ่งทำงานอยู่ในไร่อยู่ไม่ห่างจากโรงแรมนี้มากนัก ซึ่งคนคิดไม่ซื่อไปบังคับให้มากินข้าวด้วยกันที่โรงแรมแห่งนี้

“คุณสินธุ์ คุณกานต์ ทางนี้ค่ะ”  ณิชชายกมือเรียก เพื่อให้ทั้งคู่เห็นว่าเขานั่งอยู่ตรงไหน ในร้านอาหารของโรงแรมซึ่งตอนนี้บนโต๊ะนั้นมีอาหารวางอยู่เต็มแล้ว

“อาหารน่าทานมากเลยค่ะคุณณิช”

“ไม่ใช่ณิชเลือกหรอกค่ะคุณกานต์ พอดีณิชเจอกับคุณลุงเจ้าของของที่นี่ค่ะ เขาใจดีแนะนำให้หลายอย่างเลย” ณิชชาพูด พร้อมกับเริ่มคดข้าวและดูแลความเรียบร้อยของทั้งสองคน

ธารากานต์ชอบณิชชามาก เพราะทำงานคล่อง และเก่งในหน้าที่ของตัวเอง รวมทั้งเป็นคนอัธยาศัยดีด้วย แต่ตอนนี้อีกคนกำลังทำหน้าตาประหลาด ๆ ติดใจกับคำพูดที่หญิงสาวเรียกตัวเองด้วยชื่อกับธารากานต์ แล้วนึกขึ้นมาได้ว่า...นานแล้ว ที่เลขาของตัวพูดจาไม่ไพเราะเสนาะหูกับเขา ฉันอย่างนั้น ฉันอย่างนี้ ไม่ใช่คำว่า ดิฉัน ด้วยซ้ำ อย่าไปคิดว่าจะแทนตัวเองด้วยชื่ออย่างสนิทสนมแบบนี้เลย

“นี่เธอสนิทกับเจ้าของโรงแรมขนาดไปเรียกเขาว่าคุณลุงเลยเหรอ”

“ก็คุณลุงท่านเป็นคนใจดี ไม่ได้ถือยศถือศักดิ์อะไร แล้วก็ไม่ได้วางอำนาจอะไรมากมายนี่คะ”

อา...โดนเหน็บเข้าไปหนึ่งดอกแล้วสินะ

ธารากานต์หัวเราะคิกเมื่อได้เห็นมุมแสบ ๆ ของณิชชาด้วย

“นี่กาแฟค่ะ คุณกานต์รับกาแฟด้วยไหมคะ” หญิงสาววางกาแฟตรงหน้าชายหนุ่มซึ่งต้องมีกาแฟคู่อาหารทุกมื้อพลางหันมาถามน้องสาวเจ้านายด้วย

“ไม่ละค่ะ อยู่ที่นี่กานต์นอนเร็ว ดื่มกาแฟมากไปเดี๋ยวนอนไม่หลับ พรุ่งนี้จะไม่ตื่นเอา”

“เอ้อ คุณกานต์มาอยู่ที่นี่ดูแลไร่อย่างเดียวเหรอคะ” หญิงสาวชวนคุย ทำเหมือนผู้ชายคนเดียวในโต๊ะเป็นอากาศธาตุ

“ไม่ค่ะ กานต์ดูไร่ แล้วก็ดูโรงผลิตไวน์ด้วย แต่ก็เจ้าของเดียวกัน

นะคะ คุณณิชมีอะไรหรือเปล่า”

“โรงแรมนี่กำลังจะขายนะคะ ตั้งแต่เช้าณิชเห็นคนเข้ามาดูหลายคนแล้ว คุณกานต์ไม่สนใจบ้างเหรอคะ”

ชลาสินธุ์มองเลขาตัวดีตาเขียวปัด กล้าชี้ช่องให้ธารากานต์อยู่ที่นี่ต่ออย่างนั้นเหรอ ไม่มีทาง อีกไม่ถึงเดือนเขาก็จะพาน้องสาวคนนี้กลับกรุงเทพฯ แล้ว ถ้าไม่กลับตามสัญญาเขาได้เผาไร่บ้านั่นให้ราบแน่

ณิชชาทำเป็นไม่สนใจรังสีอำมหิตที่แผ่ออกมาจากคนในโต๊ะเดียวกัน แต่ยังคงพร่ำพรรณนาถึงความดีงาม และความเป็นไปได้ในการรีโนเวทโรงแรมนี้ใหม่อย่างสนุกสนาน ซึ่งธารากานต์ก็เห็นดีเห็นงามด้วย

ช่วงบ่ายวันนั้น สองสาวจึงชวนกันไปดูรอบ ๆ ตัวโรงแรมด้วย โดยมีชายหนุ่มเดินหน้าบอกบุญไม่รับเดินตาม เขาจะไม่ทำกิริยาที่ไม่ดีต่อหน้าธารากานต์หรอก

รอให้อยู่กันแค่สองคนก่อนเถอะ จะได้เห็นดีกัน ณิชชา!

ในช่วงเวลาเดียวกันทั้งสามก็ได้พบกับ ภัสสรา ลูกสาวกำนันสามชาย เป็นสาวสวยประจำจังหวัด ครั้งหนึ่งภัสสราเคยประกวดนางงามด้วยซ้ำ แต่ถึงแม้ว่าจะไปไม่ได้ไกลมาก แต่ก็ปฏิเสธเรื่องความสวยเฉี่ยวของเธอไม่ได้เลย

ณิชชามองคนที่มัดผมเรียบตึงใส่เสื้อเปิดไหล่ผ้าพริ้วสีแดงกับกางเกงยีนส์รัดรูปอย่างพินิจพิจารณา ก็ให้รู้สึกว่า เธอไม่น่าจะเป็นมิตรกับธารากานต์นักแม้ว่าตั้งแต่ต้น เจ้านายสาวของเธอจะเป็นคนแนะนำให้ทั้งหมดได้รู้จักกันก็ตาม

ภัสสราก็เป็นอีกคนที่สนใจจะทำธุรกิจกับโรงแรมแห่งนี้ แต่ดูเหมือนว่าสิ่งที่ภัสสราสนใจมากที่สุดตอนนี้จะไม่ใช่โรงแรม แต่เป็นชาย

คนเดียวในกลุ่ม และเขาเองก็ไม่แสดงทีท่าจะปฏิเสธมิตรภาพใหม่ ๆ ที่เธอยื่นให้ทางสายตาด้วย

บ่ายแก่ ๆ วันนั้นระหว่างที่ชลาสินธุ์ขับรถไปส่งน้องสาวที่บ้านไร่  ณิชชาก็พักตัวเองที่ร้านกาแฟภายในล๊อบบี้ของโรงแรม รสชาติกาแฟร้านนี้อร่อยจนแทบจะเทียบได้กับร้านกาแฟหรูๆ แต่การตกแต่งร้านนั้นกลับชวนให้งงไปหมด ไม่มีอะไรเข้ากับตัวโรงแรมเลย และไม่เป็นที่น่าสนใจด้วย เธอจึงอาศัยมันนั่งให้เย็นและทอดสายตาออกไปหาธรรมชาติที่ด้านนอกหน้าต่างแทน

“เจอกันอีกแล้วนะครับ”

 “คุณชิน”

 “เมื่อช่วงสาย เรายังคุยกันได้ไม่เท่าไรเลย”

 “พอดีดิฉันมากับเจ้านายน่ะค่ะ เลยต้องแวบไปทำงานให้เขาด้วย”

 “อ๋อ ไม่ยักรู้ว่าสินธุ์มาด้วย”

 “มาค่ะ แต่ตอนนี้เขาไปทำธุระ”

 “เอ๊ะ หรือว่า...นี่อย่าบอกนะครับว่า เขาจะเทคโอเวอร์โรงแรมนี้ แต่เรื่องโรงแรมต้องนายเรศเป็นคนมานี่ครับ”

 “ทำไมคุณชินรู้จักเจ้านายดิฉันดีจังเลยคะ”

“แวดวงเดียวกันน่ะครับ”

แวดวงเดียวกัน? แต่เรียกกันว่า นายนั่นนายนี่...อืม หญิงสาวได้แต่เก็บคำถามไว้ในใจ ภายใต้รอยยิ้มหวาน เธอไม่จำเป็นต้องใส่ใจเรื่องเขาขนาดนั้นอยู่แล้ว ทั้งในแง่ของมารยาท และในแง่ที่เดี๋ยวเธอก็จะออกจากบริษัทนี้แล้ว

 “แล้วคุณชินสนใจที่นี่ด้วยมั้ยคะ คิดว่าคุณชินน่าจะชอบ เพราะโรงแรมของคุณชินที่กรุงเทพฯก็สไตล์นี้”

“ผมชอบนะครับ ชอบทำที่อยู่อาศัยให้ร่มรื่น อยู่สบาย โรงแรมเป็นที่พักผ่อนน่ะครับ ยังไงก็ต้องเอาที่สบายใจ สบายกาย สบายตาเอาไว้ก่อน”

“ดิฉันก็ชอบโรงแรมสไตล์คุณชินมากนะคะ ชอบมาตั้งแต่ตอนเรียน พอเรียนจบก็ไปสมัครงานด้วย แต่ที่นั่นไม่รับดิฉันเข้าทำงาน” ณิชชาแกล้งทำเสียงงอน เรียกรอยยิ้มคู่สนทนาได้มากทีเดียว

 “ผมต้องไปจัดการฝ่ายบุคคลที่โรงแรมแล้วล่ะ  ที่ปล่อยให้คุณหลุดมือไปได้” เขาเองก็ตบมุกกลับด้วย ทั้งคู่หัวเราะให้กันอย่างมีความสุข และรอยยิ้มของพวกเขาก็ตลบอบอวลทั่วบริเวณนั้น เวลาผ่านไปนานทีเดียวกว่าที่กาแฟมื้อบ่ายจะจบลง

“พอถึงกรุงเทพฯ  เรานัดเจอกันได้หรือเปล่าครับ”  ชินวุฒิเอ่ยถาม เมื่อพวกเขาเดินมาถึงหน้าห้องพักของณิชชา

“ยังไงเราก็จะเจอกันอยู่แล้วนะคะ อย่าลืมว่าเดือนหน้า ดิฉันก็จะเป็นเลขาคุณแล้ว” หญิงสาวยิ้มให้

“นั่นสิครับ แต่ถ้าเป็นก่อนหน้านั้นล่ะ”

ร่างบางยิ้มให้แล้วพยักหน้านิดๆ เป็นการบอกตกลงพร้อมกับเอ่ยลา แล้วเปิดประตูเดินเข้าห้องไป

ทันทีที่เสียบคีย์การ์ดลงกล่อง ไฟทั้งห้องก็สว่างขึ้นมาทันที  พร้อมกับใบหน้าดุ ๆ ของคนที่อยู่ในห้องด้วย

อา...นี่เธอลืมได้ยังไงว่าห้องนี้มันเป็นคอนเนกติ้งรูม มันมีประตูเชื่อมห้องทั้งคู่ให้เปิดหากันได้

 ณิชชาไม่รู้ว่าชลาสินธุ์จะกลับมาเมื่อไร แต่รู้ว่า เจ้านายจะต้องโกรธแน่หากกลับมาแล้วไม่เจอเธอนอนรออยู่ในห้อง

นอนรออยู่ในห้อง?

หึ ไร้ศักดิ์ศรีสิ้นดี เธอจะไม่ยอมทำตัวแบบนั้นเด็ดขาด หญิงสาวนั่งนับวันรอที่จะได้ไปจากคนคนนี้สักที ยิ่งพบว่าเจ้านายคนใหม่เป็นคนอย่างไร เธอยิ่งอยากจะเลื่อนเวลาให้มันเร็วขึ้นไปอีก

ดังนั้นถ้าชลาสินธุ์อยากโกรธอะไรก็โกรธมาเถอะ เบื่อเหลือเกินแล้วที่จะต้องเป็นเครื่องรองรับอารมณ์ใคร ต้องคอยโดนดูถูเหยียบย่ำให้อยู่ในตำแหน่งเลว ๆ ที่คนป่าเถื่อนคนนั้นมอบให้ แต่ในระหว่างที่กำลังคิดอยู่นั้นร่างบางก็ต้องชะงัก

 ชลาสินธุ์ลุกขึ้นจากโซฟาแล้วเดินมาเธอเอาไว้แน่นจนร่างบางแนบไปกับอกกว้างแทบจะเป็นเนื้อเดียวกัน แต่ณิชชาไม่รู้สึกถึงการบังคับเหมือนครั้งก่อน ๆ ปากอิ่มค่อย ๆ พรมจูบที่ผม เลื่อนลงมาที่หน้าผากจนทั่วใบหน้าของหญิงสาว มือก็ไล้เรื่อย ๆ ไปจนทั่วร่าง แต่กลับไม่มีอาการเจ็บปวดอย่างที่เคย

ณิชชารู้สึกราวกับว่าตัวเองกำลังลอยอยู่บนเมฆก้อนหนา มันช่างนุ่มนวลและอ่อนหวาน

แสงสว่างยามเช้าเล็ดลอดผ่านเข้ามาตามรอยแยกระหว่างม่านที่ถูกปิด แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังทำให้หญิงสาวรู้สึกตัว เมื่อคืนแม้จะนุ่มนวลแต่ก็โดนไปหลายรอบทีเดียว กว่าจะได้นอนก็เกือบเช้า

เสียงกุกกักดังขึ้นที่หน้าห้อง เสียงพุดคุยกับชลาสินธุ์กับใครสักคนเข้ามายังโสตประสาทของเธอ มันเงียบหายไปแล้วเจ้าของเสียงนั้นก็มายืนใกล้ๆ

“ลุกขึ้นมากินข้าวหน่อยเถอะ แล้วเราจะได้กลับกรุงเทพฯ กัน” เขาบอกแล้วทำท่าจะเดินออกไป แต่แล้วก็ชะงัก เขาหันกลับมาที่เตียง แล้วอุ้มร่างหญิงสาวจนตัวเลย

“เฮ้ย! คุณสินธุ์ไม่ต้องก็ได้ ฉันเดินเองได้” หญิงสาวบอกละล่ำละลัก เธอเหนื่อยล้าก็จริง แต่ตอนนี้กลับอายมากกว่า เพราะเมื่อ

ยกร่างเธอขึ้น ผ้าห่มที่ปิดเนื้อตัวเธอไว้ก็ล่วงหล่นไปจนหมด ไม่เหลืออะไรปิดความน่าอายไว้เลยสักนิดเดียว

เขาเงียบไม่ได้พูดอะไรสักคำ ได้แต่เดินดุ่ม ๆ อุ้มร่างของเธอไปหย่อนไว้ในอ่างอาบน้ำ เปิดน้ำให้ หาผ้าขนหนูมาวางใกล้ๆ แล้วก็เดินออกไป

เมื่อหญิงสาวจัดการตัวเองเสร็จก็พบว่า เขายังรอเธอกินข้าว ทั้งคู่นั่งกินอาหารเช้ากันเงียบ ๆ ก่อนจะออกเดินทางกลับ ด้วยความอ่อนเพลียณิชชาหลับรวดเดียวถึงหน้าคอนโดนตัวเอง

“อย่าไปเจอเขาอีก” เสียงทุ้มพูดขึ้นเมื่อหญิงสาวกำลังจะก้าวลงจากรถ

“คะ?”

“ไอ้ชินน่ะ อย่าไปเจอมันอีก”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ตกหลุมรัก เลขาท่านประธาน   ตอนอวสาน

    ตอนอวสานชลาสินธุ์ให้คนขับรถมารับที่บ้านของพัฒนศักดิ์ในวันรุ่งขึ้น พวกเขากลับมาถึงกรุงเทพฯ ในช่วงบ่าย ๆ แต่น้อง ๆ ทั้งสองคนปฏิเสธที่จะให้เขากลับมาทำงานในทันที ทำให้ประธานบริษัทพร้อมเลขากลายเป็นคนว่างงานในวันนี้ณิชชาหัวเราะเมื่อเห็นว่าชลาสินธุ์ดูจะเป็นห่วงเธอมากเกินจริงไปสักหน่อย ห้ามทำอะไรที่ต้องใช้กำลัง จะไปไหนก็ได้แต่ต้องอยู่ในระยะสายตาที่เขามองเห็น อยากได้อะไรหรืออยากกินอะไรต้องบอก เพราะเขาจะทำให้เอง เรียกว่าณิชชามีหน้าที่อย่างเดียว คือนั่งเฉยๆ“พอแล้วค่ะ คุณมานั่งเถอะ” ณิชชาบอก เมื่อชลาสินธุ์ถามเป็นครั้งที่ร้อยว่าอยากได้อะไรอีกหรือเปล่า หญิงสาวจึงเรียกให้มานั่งดูหนังในห้องนั่งเล่นด้วยกันชายหนุ่มตัดสินใจนั่งลงข้าง ๆ คนรัก และเหมือนเคย นับตั้งแต่กลับ มาจากไร่เจริญตา ไม่มีสักครั้งที่หากได้นั่งคู่กันชลาสินธุ์จะไม่โอบรอบตัวร่างเล็กให้อยู่ในอ้อมกอดตลอดเวลา“ไม่เจ็บแล้วแน่นะ ดูสิ ยังเป็นรอยช้ำอยู่เลย” ชลาสินธุ์บอกพลางใช้นิ้วโป้งลูบไล้เบา ๆ ไปที่รอยช้ำที่แขน ซึ่งยังเป็นรอยเด่นชัด น่าจะเกิดจากการต่อสู้กับลูกน้องของภัสสรา“เจ็บนิดหน่อย แต่ไม่เป็นไรแล้วจริง ๆ ไม่ต้องห่วงหรอก ห่วงขาคุณดีกว

  • ตกหลุมรัก เลขาท่านประธาน   บทที่ 50 จุดจบที่เลวร้าย

    บทที่ 50 จุดจบที่เลวร้ายภัสสราเดินตรงเข้ามายังชลาสินธุ์ ทำให้ชายหนุ่มต้องถอยหลังเพื่อเว้นระยะ กลุ่มชายฉกรรจ์ผิวเข้มเดินเข้ามาในห้องหลายคน ณิชชาเห็นคนที่โยนเขาเข้าไปในรถตู้รวมอยู่ในนั้นด้วย“ปล่อยฉันลงเถอะ ฉันเดินไหวแล้ว” ณิชชากระซิบบอก ชลาสินธุ์ยอมทำตาม แต่ก็ยังโอบไหล่บางไว้ ไม่ให้ห่างตัว ร่างเล็กซบใบหน้าตัวเองลงกับลำแขนใหญ่ แม้ว่าจะกลัวจนแทบบ้า แต่กลับรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยเมื่ออยู่ใกล้เขา“ทุกอย่างจะต้องผ่านไปด้วยดี เธอเชื่อมั่นในตัวฉันนะ” ชลาสินธุ์กระซิบบอกอย่างอ่อนโยนณิชชาพยักหน้ารับ เธอจะเชื่อมั่นในตัวคน ๆ นี้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตามกลุ่มชายฉกรรจ์ตีวงล้อมจนทั่วห้องโดยมีทั้งสามคนอยู่ตรงกลาง“รู้อะไรไหม คุณสินธุ์ คุณทำให้ฉันสูญเสียอะไรไปตั้งหลายอย่าง ลงทุนไปตั้งมากมาย แต่คุณกลับทำลายมันทิ้งในเวลาแค่วันเดียว” ภัสสราเอ่ยขึ้น คำพูดเนิบช้ากว่าปกติ เรียวปากเหยียดยิ้มแต่แววตากลับเข่นอาฆาต“คุณไม่เห็นต้องโกรธผมขนาดนี้เลยคุณสรา”“หึ ไม่ต้องโกรธเหรอ ถ้าคราวนั้น พวกแกไม่ทำตัวเป็นคนดี แล้วปล่อยให้ฉันดำเนินธุรกิจของฉันไป ฉันก็ไม่ต้องเป็นแบบนี้หรอก แกก็ได้ค่าเช่า ฉันก็ได้กำไร แกทำแบบนั้นทำ

  • ตกหลุมรัก เลขาท่านประธาน   บทที่ 49 ลักพาตัว

    บทที่ 49 ลักพาตัว“คืนนี้เธอจะนอนที่นี่ใช่มั้ย”“ฉันไม่ได้เตรียมเสื้อผ้ามาเลย”“ก็ใส่ตัวเดิมสิ ไม่เปื้อนหรอก เพราะคืนนี้เธอไม่ต้องใส่นี่” อีกคนยังดื้อรั้นไม่ฟังคำอธิบายแถมยังทำท่าจะหื่นใส่อีก“คิดจะทำอะไรน่ะ ที่นี่โรงพยาบาลนะ แล้วคุณก็ป่วยอยู่ ทำไหวหรือไง?”“จะได้พิสูจน์ด้วยตัวเองมั้ย”“ไม่ ฉันไม่ยอมหรอก คุณน่ะ เอะอะก็จะทำมิดีมิร้ายฉันตลอด”“ขี้บ่นจัง” ชลาสินธุ์แกล้งทำท่าเกาหัว “งั้นฉันสัญญาว่าจะไม่ทำอะไร แต่เธอนอนให้ฉันกอดนะ คิดถึงจะแย่ คิดถึงจะตายอยู่แล้วคนใจร้าย”“ว่าฉันใจร้าย คุณก็ใจร้ายเหมือนกันนั่นแหละ”“นะ”“เอ่อ...ถ้าคุณไม่ทำอะไรจริง ๆ ฉันนอนด้วยก็ได้”“ไม่ทำหรอก ถ้าเธอไม่เผลอน่ะ”“อะไรนะ!” และอย่างไม่ต้องรอคำตอบ ณิชชาก็ฟาดมือไปที่แขนคนป่วยเสียงดังลั่นห้อง ก่อนจะแจกค้อนไปให้อีกหลายทีชลาสินธุ์ลูบแขนตัวเองแล้วหัวเราะไปด้วย“ฉันยอมให้หน่อย ก็ทำร้ายฉันเลยนะ” เสียงอ่อนบอกก่อนจะโอบคนรักให้แน่น ๆ อีกหน “งั้นตกลง นายนอนที่นี่นะ นอนเฉย ๆ ให้ฉันมองหน้า จะได้หายคิดถึง”“หึ” หญิงสาวค้อนคนป่วยขวับ เธอเองก็อยากกอด อยากมองหน้า อยากยิ้มให้ผู้ชายคนนี้ เพื่อให้แน่ใจว่า ความรักระหว่างตัวเองกับ

  • ตกหลุมรัก เลขาท่านประธาน   บทที่ 48 ฝันที่ (ไม่) อาจเป็นจริง

    บทที่ 48 ฝันที่ (ไม่) อาจเป็นจริงแม้จะเป็นเวลาพลบค่ำแล้วทำให้อาจจะได้พบคนที่เขาคิดถึงแค่ไม่กี่นาทีแต่ณิชชา ก็ตัดสินใจออกจากบ้านทันทีที่อัครชัยปล่อยมือเขา ความโหยหาที่ลอยวนอยู่ในใจมันฉุดกระชากให้เขามาที่นี่ โรงพยาบาลใหญ่ใจกลางกรุง ชลาสินธุ์ถูกย้ายมาที่นี่ทันทีที่ร่างกายสามารถทนต่อการเดินทางได้หญิงสาวเดินหาห้องนั้นจนพบ ในมือถือดอกไม้ช่อเล็ก ๆ ที่ตั้งใจทำเองด้วยหัวใจ มือบางที่กำลังจะเคาะห้องมีอันต้องชะงักค้างไว้“คุณณิชคะ คุยกันหน่อยดีมั้ย” ชลาธารที่เพิ่งมาถึงเช่นกัน มองมาที่ณิชชา ไม่มีสายตาของมิตรภาพแม้แต่น้อยชลาสินธุ์นอนลืมตาโพรงอยู่บนเตียงคนป่วย แม้อาการทางกายจะค่อย ๆ หายจนเกือบเป็นปกติ เพราะรถที่ชนก็แค่เฉี่ยวขาทำให้เจ็บที่หัวเข่าซ้ายเท่านั้น แย่หน่อยตรงที่ตอนกระโดดหลบ หัวของเขามันไปชนต้นไม้ข้างทางทำให้ทั้งน้อง ๆ และคุณหมอค่อนข้างเป็นห่วง แต่อาการทางใจของชายหนุ่มก็ทำให้ตอนนี้เขาแทบไม่ต่างจากผักเหี่ยว ๆ ที่รอวันเฉาลงไปอีกชลาธารรับหน้าที่ดูแลพี่ชายของเธอที่โรงพยาบาล ขณะที่คนอื่นดูแลเรื่องงาน ยิ่งเห็นพี่เป็นแบบนี้ ก็ยิ่งโกรธณิชชามากขึ้นเรื่อย ๆ เห็นว่าเป็นคนนิ่ม ๆ ไม่คิดว่าจะมีอิ

  • ตกหลุมรัก เลขาท่านประธาน   บทที่ 47 อัครชัยคือคนที่เลือกแล้ว

    บทที่ 47 อัครชัยคือคนที่เลือกแล้วชลาธารทำอย่างที่ตนเองได้ลั่นวาจาไว้ทันทีที่วันทำงานวันแรกมาถึง“คุณณิชคะ คุยกับธารในห้องก่อนค่ะ” มาถึงยังไม่ทันได้นั่ง ก็เอ่ยปากให้ณิชชาเดินตามตัวเองเข้าไปในห้องแล้ว ณิชชาเดาไม่ถูกว่าเจ้านายคนเล็กคนนี้จะพูดเรื่องอะไร เรื่องงานหรือว่าอย่างอื่น เพราะแทบจะไม่เคยทำงานด้วยกันเลย ยิ่งหญิงสาวไปเรียนต่อได้เป็นปีแล้ว ยิ่งห่างกันไป เดาใจไม่ถูก“คุณธาร มีอะไรให้ณิชทำเหรอคะ” ณิชชาพูดก่อนจะนั่งลงตามมือที่ผายออก หญิงสาวไม่ได้ชวนเธอนั่งที่โต๊ะทำงาน ซึ่งตอนนี้คนที่ยึดโต๊ะตัวนั้นเป็นของตัวเองยังไม่มา แต่พวกเธอนั่งคุยกันที่โซฟารับแขกซึ่งอยู่ในห้องทำงานของชลาสินธุ์ด้วยนั่นเอง“คุณณิชจะว่าอะไรมั้ยคะ ถ้าธารจะถามเรื่องพี่สินธุ์” ยิงคำถามทันทีพร้อมกอดอกฟังคำตอบ แต่ดูเหมือนคนที่ต้องตอบจะยังหาเสียงของตัวเองไม่เจอ“คือ...เอ่อ...”“ไปเยี่ยมสักวัน หรือดอกไม้สักช่อ ไม่คิดจะส่งไปหน่อยเหรอคะ” ชลาธารพูดแทรกขึ้นอย่างหงุดหงิด อยากจะเล่าสภาพของพี่ชายให้คนตรงหน้าฟังว่าเลวร้ายแค่ไหน แต่ก็กลัวว่าสิ่งที่ได้กลับมาจะเป็นอย่างอื่นนอกจากความเห็นอกเห็นใจ ถ้าณิชชารู้สึกยินดีกับสภาพของพี่ชายตนเอ

  • ตกหลุมรัก เลขาท่านประธาน   บทที่ 46 รถชน

    บทที่ 46 รถชนณิชชาฟังแล้วอึ้งไป เพราะน้ำเสียงนั้นแม้จะสุภาพแต่ก็เฉียบขาด พี่น้องบ้านนี้บุคลิกไม่เหมือนกันสักคน สาคเรศคนนี้หากฟังจากน้ำเสียง ลักษณะนิสัยคงเป็นแบบ อยู่ตรงกลางระหว่าง ชลาสินธุ์และธารากานต์ คือไม่ได้ดูใจดีมากเหมือนธารากานต์ แต่ก็ไม่ได้ดุและขี้หงุดหงิดเหมือนพี่ชายคนโต“คือ...คุณสินธุ์คงไม่สะดวกให้ดิฉันไปทำงานแล้วล่ะค่ะ”“พี่สินธุ์ไม่อยู่ที่นี่มาสองสัปดาห์แล้วครับ ตั้งแต่คุณไป” เสียงถอนหายใจปล่อยมาตามสาย “คุณทำให้พี่สินธุ์อยู่ที่นี่ไม่ได้ แล้วคุณก็จะไม่อยู่ดูแลที่นี่อีก นี่คุณกะจะให้พวกเราล่มจมเลยเหรอครับ”“คุณเรศคะ...ดิฉันเปล่า...คือ...ดิฉันไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายพวกคุณเลยนะ เพียงแต่ไม่คิดว่าคุณสินธุ์เขา...”“เขาจะอยู่ไม่ได้เมื่อไม่มีคุณ?” สาคเรศขัดอีกแล้ว แล้วก็ถูกที่ถูกเวลาเสมอ เพราะมันเป็นสิ่งที่อยู่ในใจณิชชาด้วย คนฟังน้ำตาแทบจะไหลลงมาอีกครั้ง เสียงถอนหายใจของปลายสายทำให้ณิชชาทำอะไรไม่ถูก “ผมทราบว่าคุณไปคุยกับที่อื่นมาแล้ว แต่ก่อนจะไป คุณน่าจะมาเคลียร์งานที่นี่สักหน่อย พรุ่งนี้เข้ามานะครับ ผมรออยู่”สาคเรศวางหูไปนานแล้ว แต่ณิชชายังอยู่ที่ระเบียงไม่ไปไหน ความคิดสับสนว

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status