บทที่ 22 เหตุเกิดที่เรือนหลังเล็ก
ณิชชาไม่ได้มาทำหน้าที่เลขาให้กับชลาสินธุ์ร่วมสัปดาห์แล้ว และหญิงสาวก็ย้ายออกจากคอนโดของตนเอง และเปลี่ยนรหัสประตูและคีย์การ์ดเรียบร้อยแล้วด้วย
ใครบางคนที่หญิงสาวไม่อนุญาตให้เข้าไปในห้องนั้น จึงได้แต่ยืนทำหน้าเหมือนจะกินคนทั้งโลกได้อยู่หน้าห้อง
ขณะที่ตัวเองมานั่งเอกเขนกอยู่ในห้องเช่าใหม่ของตนซึ่งใกล้ที่บริษัทของชินวุฒิมากกว่า
“คิดอะไรอยู่ครับ” ชินวุฒิถามขณะลูบผมคนที่เอาแต่นั่งนิ่งอยู่หน้าทีวี แต่เหมือนรายการในทีวีนั้นจะไม่เข้าหัวเลยสักนิด
ชินวุฒิเป็นคนเลือกที่นี่ให้เธอเอง ทำท่าว่าจะจ่ายค่าเช่าให้ด้วย แต่หญิงสาวไม่ยอม แม้ว่าเจ้านายคนใหม่จะบอกว่า มันเป็นสวัสดิการของบริษัทก็ตาม
สวัสดิการอะไร มีเธอได้แค่คนเดียว
“คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยน่ะค่ะ คิดเรื่องงานที่คุณชินมอบหมายด้วย”
“ดีจัง ที่มีผมอยู่ในความคิดของคุณณิชด้วย” ชินวุฒิพูดพร้อมหัวเราะออกมาน้อย ๆ ทำให้ณิชชายิ้มกับคำพูดนั้น แต่เพียงไม่นานใบหน้าหวานก็กลับมาเศร้าหมอง จนอีกฝ่ายอดแปลกใจไม่ได้
“แล้วทำไมทำหน้าแบบนี้ล่ะครับ ไม่สบายตรง ไหน เจ็บตรงไหน เดี๋ยวผมเป่าให้ เพี้ยง” ชินวุฒิแสร้งยกมือบางขึ้นมาเป่าพร้อมทำเสียงเพี้ยงเหมือนปลอบเด็กจนร่างเล็กหัวเราะคิก
“คุณชินอ่ะ ติ๊งต๊อง”
“ติ๊งต๊องแล้วรักไหม”
“คุณชิน” นี่เป็นครั้งที่เท่าไรแล้วนะ ที่ชินวุฒิจู่โจมรวดเร็วและทำให้เธอหัวใจเต้นแรงแบบนี้
“ทำไมล่ะครับ ไม่มีอะไรที่จะมาเป็นเงื่อนไขแล้วไม่ใช่เหรอ”
“แต่ณิช...คือ...ณิช ไม่เหมาะสมกับคุณชินหรอกค่ะ แล้วถ้าณิชได้คนดี ๆ อย่างคุณชินมา ณิช เอ่อ...ณิช ละอายใจน่ะค่ะ”
ยิ่งพูดตาก็ยิ่งแดง คนฟังรู้แล้วว่าอีกไม่นานน้ำตาของร่างบางคงต้องไหลอีกแล้ว
“มาครับ” ชินวุฒิพูดพร้อมคว้าเอาร่างบางข้าง ๆ มาโอบกอดจนแน่น
“ณิชน่ารังเกียจ” หญิงสาวพูดคำนั้นอย่างกระท่อนกระแท่น
“ผมรู้เรื่องวันนั้น และผมก็รู้ด้วยว่าใครเป็นคนทำ สินธุ์น่ะ เขาเป็นคนแพ้ไม่ได้ เป็นคนเอาแต่ใจ เอาตัวเองเป็นจุดศูนย์กลางจักรวาล คนที่อยู่ใกล้เขาถูกทำร้ายทุกคนนั่นแหละครับ” เขาว่าพลางลูบหัวคนที่กำลังสะอึกสะอื้นเบา ๆ
“ต่อจากนี้ผมอยากให้คุณณิชมั่นใจในตัวผมว่า ผมจะไม่ให้ใครมาทำร้ายคุณอีก เมื่ออยู่กับผม คุณจะไม่มีน้ำตาอีกแน่นอน” ชินวุฒิพูดก่อนจะพรมจูบตรงน้ำตาของร่างบางจนทั่ว ไม่นานน้ำตาของหญิงสาวก็เหือดแห้ง
“อืม จัดการให้ด้วย” ชลาสินธุ์กดตัดสายโทรศัพท์รอยยิ้มที่มุมปากปรากฏขึ้น แต่มันเข้ากันไม่ได้เลยกับแววตาแข็งกร้าวที่ส่องประกายออกมาราวกับจะฆ่าคนได้
ไม่นานเสียงข้อความก็ดังขึ้นที่มือถือของเขารัว ๆ
ภาพคนสองคนจู๋จี๋เคียงชิดใกล้ราวกับคู่ข้าวใหม่ปลามัน ควงคู่กันไปซื้อของ แวะทานข้าว สองคนโอบกอดพะเน้าพะนอกันราวกับรักกันมากกว่าสิ่งใดทั้งหมดในโลกใบนี้ ก่อนจะหยุดที่คอนโดใหม่ที่เขาไม่เคยรู้จัก โชว์หราทันทีที่ชายหนุ่มเปิดข้อความนั้นอ่าน
...หึ ลืมพี่อัคคนดีของเธอแล้วหรือไง ลืมได้ลืมไป แต่เธอจะไม่มีวันลืมฉันเลย พี่ก็เหมือนกันนะพี่ชิน ถ้าวันนี้พี่ไม่กระอักเลือด ไม่พ่ายแพ้อย่างพังพินาศย่อยยับ ก็อย่ามาเรียกผมว่า ชลาสินธุ์...
...หมดเวลาที่พี่จะเอาทุกอย่างไปจากผมแล้ว ถึงเวลาที่ผมต้องเรียกคืนทุกอย่างจากพี่สักที...
“ค่ะพี่พาย” ณิชชารับโทรศัพท์จากพายมาแล้วหลายครั้งในรอบสัปดาห์แรกที่เธอมาทำงานที่ใหม่ เพราะเจ้านายยังไม่พอใจการทำงานของพายกับบัวจนแม้แต่สองสาวเองก็ไม่มั่นใจว่า ปัญหาการทำงานของพวกเธอคืออะไร เพราะได้ทำตามแบบเดียวกับที่ณิชชาเคยบอกเอาไว้ทุกประการแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่สามารถหยุดอารมณ์กรุ่นโกรธของท่านประธานได้
[น้องณิช พี่มีเรื่องรบกวนค่ะ เรื่องเอกสารการเงินของโรงแรมสวรรยาที่น้องณิชเคยบอกพี่ มันไม่มีในแฟ้มรวมน่ะค่ะ พี่หาเท่าไรก็หาไม่เจอ]
“อ้าว แล้วไม่ได้อยู่ที่คุณพลเหรอคะ คุณเรศดูแลเรื่องนี้นะคะพี่พาย”
[คุณพลนี่แหละค่ะ ที่มาบอกกับพี่ว่า คุณเรศอยากได้เอกสารตัวนี้ เพราะเป็นเอกสารสำคัญมาก]
“แต่ณิชให้ไปหมดแล้วนี่คะ ตอนนั้นทุกคนก็รับทราบ”
[แต่ตอนนี้มันไม่อยู่แล้วค่ะน้องณิช ท่านประธานโมโหมาก ให้พี่โทร.มาบอกน้องณิชว่า ให้ไปเคลียร์ตัวเองกับคุณเรศที่บ้านค่ะ]
“บ้าน?”
[ค่ะ เย็นนี้เลยนะคะ ถ้าคุณณิชไม่ไป ท่านประธานบอกว่าจะแจ้งความคุณณิชฐานฉ้อโกงบริษัทค่ะ]
“หา? ได้เหรอคะ มันจะเป็นไปได้ยังไง”
[พี่ก็ว่ามันทะแม่งค่ะ แต่เพื่อความปลอดภัย พี่ว่าน้องณิชไปคุยกับคุณเรศดีกว่า อย่างน้อยคุณเรศก็ใจดีกว่าเจ้านายเราเยอะ]
บ้านของชลาสินธุ์เงียบสนิทเมื่อณิชชามาถึง ณิชชาเคยมาที่นี่สองสามครั้ง เพื่อมาเอาเอกสารบ้าง เอาชุดสำหรับเจ้านายของเธอบ้าง พอจะรู้จักกับพ่อบ้านแม่บ้านที่นี่อยู่บ้าง
ถ้าจะเงียบลงก็อาจจะเป็นเพราะ เจ้าของเสียงหวานหายไปจากบ้านถึงสองเสียง คุณธารากานต์อยู่ต่างจังหวัด ส่วนคุณชลาธารน้องสาวคนเล็กก็ไปเข้าคอร์สระยะสั้นที่ต่างประเทศเป็นเวลาหนึ่งปี แล้ว...
“คุณณิชครับ คุณสินธุ์ให้เชิญไปที่เรือนเล็กครับ” คนรับใช้ชายเดินมาบอกกับเธอพร้อมเดินนำทาง
“คะ? ทำไมต้องเรือนหลังเล็กล่ะคะ” ณิชชาถาม เพราะทราบว่าเรือนหลังเล็กเอาไว้ใช้รับรองแขกที่จะอยู่นาน ๆ เท่านั้น
“ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันครับ เห็นว่ามีงานอยู่ที่นั่น ท่านไปตั้งนานแล้วนะครับ” ลุงบอก ท่าทางแปลก ๆ พิกล เหมือนมีเรื่องอยากพูด แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
ณิชชาเริ่มกังวลใจ เธอไม่เคยมาเหยียบที่นี่เลยด้วยซ้ำ มาทีไรก็เลี้ยวไปทางเรือนใหญ่เสมอ
...นี่คิดผิดหรือคิดถูกนะ...
“ถึงแล้ว ผมไปก่อนนะครับ” ท่าทางมีพิรุธถูกส่งออกมาอีกอย่างใหญ่โตทีเดียว ท่าทางของลุงคนนี้แทบจะตะโกนบอกเธอเลยว่า นี่มันมีเรื่องไม่ชอบมาพากล
ณิชชาหายใจเข้าหายใจออกลึก ๆ แต่ปากกลับเม้มแน่น ไม่มีอะไรทำให้คลายความกังวลได้เลยในตอนนี้ ชลาสินธุ์ซุกซ่อนอะไรเอาไว้หลังประตูนี้ เธอเชื่อเหลือเกินว่า คนอย่างเขาจะต้องทำอะไรไม่ดีอยู่แน่ๆ
มือบางจับลูกบิดประตู แต่ยังไม่ทันได้หมุนประตูนั้นก็เปิดออกซะก่อน
“มาแล้วเหรอ” ชลาสินธุ์ทัก เสียงทุ้มต่ำนั้นคล้าย ๆ จะได้ยินเสียงหัวเราะเยาะเจืออยู่ด้วย “เข้ามาสิ” ชลาสินธุ์เบี่ยงตัวเองออกจากประตู พอร่างบางเดินเข้ามาเขาก็กดล็อกทันที
“อ๊ะ นี่คุณ ทำไมต้องล็อก...” ณิชชาเบิกตากว้าง เมื่อเห็นว่าตอนนี้เรือนเล็กไม่ได้มีแค่เธอกับชลาสินธุ์เพียงสองคนเท่านั้น แต่ยังมีคนคุ้นเคย นั่งอ่อนระโหยโรยแรง เนื้อตัวเปื้อนไปด้วยเลือดตั้งแต่ศีรษะจนถึงข้อเท้าที่ถูกมัดด้วยเชือกเส้นหนากับเก้าอี้ ปากก็ถูกผ้าขาวที่ตอนนี้เป็นสีเลือดมัดเอาไว้ ไม่มีทางที่คนคนนั้นจะหนีไปไหนได้
“นี่คุณกำลังบ้าทำอะไร!!!” ณิชชาตะโกนสุดเสียง แววตากร้าวส่งไปยังชลาสินธุ์ที่ยืนตีหน้านิ่งไม่รู้ร้อนรู้หนาว
“คุณชินคะ” หญิงสาวเรียกคนที่กำลังจะหมดสติเพราะพิษบาดแผลจากการถูกทำร้ายร่างกาย
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่า ใครที่มันเป็นตัวตนเรื่อง
ณิชชาสาวเท้าเข้าไปหาชินวุฒิหมายจะปลดเชือกที่มัดตัวเขาไว้ให้ แต่กลับถูกท่อนแขนใหญ่ดึงร่างทั้งร่างเอาไว้ในคราวเดียว
“จะไปไหน มานี่”
“คณมันบ้า คุณสินธุ์” ณิชชาตะโกนใส่หน้าอีกครั้ง มือก็พยายามอย่างสุดชีวิต เพื่อปลดท่อนแขนที่รั้งร่างของเขาเข้าไว้ “คุณชินเขาเกี่ยวอะไรด้วย ถึงต้องทำกับเขาขนาดนี้”
“ไม่เกี่ยวเหรอ หึ ไม่เกี่ยวก็ได้ งั้นเธอก็รับเอาความผิดนี้ไปคนเดียวแล้วกัน”
“ความผิดอะไรอีก” หญิงสาวตะโกนลั่น แทบจะเก็บกลั้นความโกรธไม่ไหวแล้ว
“ก็ผิดที่เธอรับปากกับฉันแล้วว่าจะไม่ยุ่งกับมันอีก แต่เธอก็ผิดสัญญา แล้ววันนี้ฉันก็เลยคิดบทลงโทษนี้ขึ้นมาไง”
“นั่นก็ไม่เกี่ยวกับคุณชิน คุณทำแบบนี้กับเขาได้ยังไง” ณิชชาตะโกนอีก สายตาที่มองชินวุฒิด้วยความห่วงใยนั้น มีน้ำตากลบจนมิดแล้ว
ชินวุฒิเริ่มมีสติรับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นบ้างเมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคยตะโกนปนร้องไห้แบบนั้น
“คุณ...คุ...คุณณิช”
“เป็นห่วงกันมากสินะ” ชลาสินธุ์กดเสียงต่ำ “บทลงโทษของเธอก็คือ ต่อจากนี้ถ้าเธอไปยุ่งกับใคร คนที่จะต้องสังเวยมือตีนคนของฉันก็คือ คนคนนั้นไงล่ะ และในที่นี้ คนที่เธอไม่ยอมหยุดยุ่งด้วย แถมยังลาออกจากฉันไปทำงานกับมันอีกก็คือ ไอ้ชินวุฒินี่ไง”
“คุณมันเลว! คุณมันชั่ว คิดคิดเรื่องราวชั่ว ๆ แบบนี้ออกมาได้ยังไง!” ณิชชาตะโกนลั่น น้ำตาไหลพราก ไม่คิดว่าคนตรง หน้าจะชั่วร้ายได้ขนาดนี้ ร่างเล็กสะบัดตัวเองหวังได้ออกจากการเกาะกุม มือก็ทั้งจิกทั้งตบไปที่ร่างหนา แต่ดูเหมือนมันนอกจากความรำคาญแล้ว ก็จะไม่มีผลอะไรเลย
มือหนาลากร่างของณิชชาไปเหวี่ยงลงบนเตียงที่ตั้งอยู่แทบจะติดกับเก้าอี้ตัวที่ชินวุฒิถูกมัด แล้วจัดการใส่กุญแจมือยึดติดกับหัวเตียงทันที ชินวุฒิแม้จะส่งเสียงอะไรไม่ได้มากภายใต้ผ้าที่มัดปากอยู่นั้น แต่เขาก็ตะโกนลั่น เมื่อแรงเหวี่ยงของชลาสินธุ์คล้ายจะเหวี่ยงหัวใจเขาให้เจ็บปวดลงไปด้วย ชินวุฒิมองชลาสินธุ์ด้วยสายตาเคียดแค้น ดุดัน ตัวก็พยายามขยับเพื่อคลายเชือกให้ตัวเอง
“ผมมันเป็นไอ้ขี้แพ้เหรอพี่ชิน แล้วจำได้หรือเปล่า ว่าครั้งสุดท้ายที่เราแข่งกัน พี่ชนะผมยังไง ถึงคราวนี้ ผมจะใช้วิธีเดียวกัน เพื่อจะกลับมาชนะพี่บ้าง อย่ามาคิดว่าผมจะต้องดีกับพี่ เพราะพี่เองก็ไม่ได้ซื่อสัตย์หรือดีกับผมมาก่อน พี่แพ้มานานแล้วพี่ชิน คนคนนี้ก็เป็นคนของผมก่อน พี่ต่างหากที่ไม่เคยชนะผมเลย และผมก็จะขอย้ำความจริงในข้อนั้นให้พี่ได้เห็นนะครับ พี่ชินคนดีของทุกคน”
เขาขยิบตาพร้อมกับยิ้มมุมปากให้ชินวุฒิ ก่อนที่มือหนาจะเสื้อผ้าของณิชชาให้ออกจากร่างในคราวเดียว แรงกระชากทำให้เสื้อผ้าครูดกับร่างบางจนแสบไปหมด
“ปล่อยฉันนะ ไอ้บ้า นี่แกจะทำอะไร!”
แววตาก่นเกลียดที่ส่งออกมาพร้อม ๆ กับคำด่านั้น ไม่ทำให้คนที่กำลังมัวเมาอยู่กับความโมโหทั้งในอดีตและปัจจุบันเกิดความเกรงกลัวขึ้นมาเลยสักนิด ซ้ำยังใช้โอกาสนี้กดทับลงบนต้นขาบางด้วยขาทั้งสองข้างของเขา ก่อนที่จะแทรกนิ้วลงไปที่ช่องทางพิเศษแล้วขยับหมุนวนทันที
“อ๊า...” ณิชชาร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
ชลาสินธุ์ยิ้มกว้าง ได้ยินเสียงครวญแล้วยิ่งสะใจ
เปล่า...เขาไม่ได้เห็นสีหน้าเจ็บปวดที่หญิงสาวส่งออกมา ความเจ็บปวดที่เขาเห็นมาจากร่างที่ถูกมัดติดเก้าอี้ที่เห็นคนรักถูกทำร้ายชัดเจนยิ่งกว่าภาพสามมิติ
ตอนอวสานชลาสินธุ์ให้คนขับรถมารับที่บ้านของพัฒนศักดิ์ในวันรุ่งขึ้น พวกเขากลับมาถึงกรุงเทพฯ ในช่วงบ่าย ๆ แต่น้อง ๆ ทั้งสองคนปฏิเสธที่จะให้เขากลับมาทำงานในทันที ทำให้ประธานบริษัทพร้อมเลขากลายเป็นคนว่างงานในวันนี้ณิชชาหัวเราะเมื่อเห็นว่าชลาสินธุ์ดูจะเป็นห่วงเธอมากเกินจริงไปสักหน่อย ห้ามทำอะไรที่ต้องใช้กำลัง จะไปไหนก็ได้แต่ต้องอยู่ในระยะสายตาที่เขามองเห็น อยากได้อะไรหรืออยากกินอะไรต้องบอก เพราะเขาจะทำให้เอง เรียกว่าณิชชามีหน้าที่อย่างเดียว คือนั่งเฉยๆ“พอแล้วค่ะ คุณมานั่งเถอะ” ณิชชาบอก เมื่อชลาสินธุ์ถามเป็นครั้งที่ร้อยว่าอยากได้อะไรอีกหรือเปล่า หญิงสาวจึงเรียกให้มานั่งดูหนังในห้องนั่งเล่นด้วยกันชายหนุ่มตัดสินใจนั่งลงข้าง ๆ คนรัก และเหมือนเคย นับตั้งแต่กลับ มาจากไร่เจริญตา ไม่มีสักครั้งที่หากได้นั่งคู่กันชลาสินธุ์จะไม่โอบรอบตัวร่างเล็กให้อยู่ในอ้อมกอดตลอดเวลา“ไม่เจ็บแล้วแน่นะ ดูสิ ยังเป็นรอยช้ำอยู่เลย” ชลาสินธุ์บอกพลางใช้นิ้วโป้งลูบไล้เบา ๆ ไปที่รอยช้ำที่แขน ซึ่งยังเป็นรอยเด่นชัด น่าจะเกิดจากการต่อสู้กับลูกน้องของภัสสรา“เจ็บนิดหน่อย แต่ไม่เป็นไรแล้วจริง ๆ ไม่ต้องห่วงหรอก ห่วงขาคุณดีกว
บทที่ 50 จุดจบที่เลวร้ายภัสสราเดินตรงเข้ามายังชลาสินธุ์ ทำให้ชายหนุ่มต้องถอยหลังเพื่อเว้นระยะ กลุ่มชายฉกรรจ์ผิวเข้มเดินเข้ามาในห้องหลายคน ณิชชาเห็นคนที่โยนเขาเข้าไปในรถตู้รวมอยู่ในนั้นด้วย“ปล่อยฉันลงเถอะ ฉันเดินไหวแล้ว” ณิชชากระซิบบอก ชลาสินธุ์ยอมทำตาม แต่ก็ยังโอบไหล่บางไว้ ไม่ให้ห่างตัว ร่างเล็กซบใบหน้าตัวเองลงกับลำแขนใหญ่ แม้ว่าจะกลัวจนแทบบ้า แต่กลับรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยเมื่ออยู่ใกล้เขา“ทุกอย่างจะต้องผ่านไปด้วยดี เธอเชื่อมั่นในตัวฉันนะ” ชลาสินธุ์กระซิบบอกอย่างอ่อนโยนณิชชาพยักหน้ารับ เธอจะเชื่อมั่นในตัวคน ๆ นี้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตามกลุ่มชายฉกรรจ์ตีวงล้อมจนทั่วห้องโดยมีทั้งสามคนอยู่ตรงกลาง“รู้อะไรไหม คุณสินธุ์ คุณทำให้ฉันสูญเสียอะไรไปตั้งหลายอย่าง ลงทุนไปตั้งมากมาย แต่คุณกลับทำลายมันทิ้งในเวลาแค่วันเดียว” ภัสสราเอ่ยขึ้น คำพูดเนิบช้ากว่าปกติ เรียวปากเหยียดยิ้มแต่แววตากลับเข่นอาฆาต“คุณไม่เห็นต้องโกรธผมขนาดนี้เลยคุณสรา”“หึ ไม่ต้องโกรธเหรอ ถ้าคราวนั้น พวกแกไม่ทำตัวเป็นคนดี แล้วปล่อยให้ฉันดำเนินธุรกิจของฉันไป ฉันก็ไม่ต้องเป็นแบบนี้หรอก แกก็ได้ค่าเช่า ฉันก็ได้กำไร แกทำแบบนั้นทำ
บทที่ 49 ลักพาตัว“คืนนี้เธอจะนอนที่นี่ใช่มั้ย”“ฉันไม่ได้เตรียมเสื้อผ้ามาเลย”“ก็ใส่ตัวเดิมสิ ไม่เปื้อนหรอก เพราะคืนนี้เธอไม่ต้องใส่นี่” อีกคนยังดื้อรั้นไม่ฟังคำอธิบายแถมยังทำท่าจะหื่นใส่อีก“คิดจะทำอะไรน่ะ ที่นี่โรงพยาบาลนะ แล้วคุณก็ป่วยอยู่ ทำไหวหรือไง?”“จะได้พิสูจน์ด้วยตัวเองมั้ย”“ไม่ ฉันไม่ยอมหรอก คุณน่ะ เอะอะก็จะทำมิดีมิร้ายฉันตลอด”“ขี้บ่นจัง” ชลาสินธุ์แกล้งทำท่าเกาหัว “งั้นฉันสัญญาว่าจะไม่ทำอะไร แต่เธอนอนให้ฉันกอดนะ คิดถึงจะแย่ คิดถึงจะตายอยู่แล้วคนใจร้าย”“ว่าฉันใจร้าย คุณก็ใจร้ายเหมือนกันนั่นแหละ”“นะ”“เอ่อ...ถ้าคุณไม่ทำอะไรจริง ๆ ฉันนอนด้วยก็ได้”“ไม่ทำหรอก ถ้าเธอไม่เผลอน่ะ”“อะไรนะ!” และอย่างไม่ต้องรอคำตอบ ณิชชาก็ฟาดมือไปที่แขนคนป่วยเสียงดังลั่นห้อง ก่อนจะแจกค้อนไปให้อีกหลายทีชลาสินธุ์ลูบแขนตัวเองแล้วหัวเราะไปด้วย“ฉันยอมให้หน่อย ก็ทำร้ายฉันเลยนะ” เสียงอ่อนบอกก่อนจะโอบคนรักให้แน่น ๆ อีกหน “งั้นตกลง นายนอนที่นี่นะ นอนเฉย ๆ ให้ฉันมองหน้า จะได้หายคิดถึง”“หึ” หญิงสาวค้อนคนป่วยขวับ เธอเองก็อยากกอด อยากมองหน้า อยากยิ้มให้ผู้ชายคนนี้ เพื่อให้แน่ใจว่า ความรักระหว่างตัวเองกับ
บทที่ 48 ฝันที่ (ไม่) อาจเป็นจริงแม้จะเป็นเวลาพลบค่ำแล้วทำให้อาจจะได้พบคนที่เขาคิดถึงแค่ไม่กี่นาทีแต่ณิชชา ก็ตัดสินใจออกจากบ้านทันทีที่อัครชัยปล่อยมือเขา ความโหยหาที่ลอยวนอยู่ในใจมันฉุดกระชากให้เขามาที่นี่ โรงพยาบาลใหญ่ใจกลางกรุง ชลาสินธุ์ถูกย้ายมาที่นี่ทันทีที่ร่างกายสามารถทนต่อการเดินทางได้หญิงสาวเดินหาห้องนั้นจนพบ ในมือถือดอกไม้ช่อเล็ก ๆ ที่ตั้งใจทำเองด้วยหัวใจ มือบางที่กำลังจะเคาะห้องมีอันต้องชะงักค้างไว้“คุณณิชคะ คุยกันหน่อยดีมั้ย” ชลาธารที่เพิ่งมาถึงเช่นกัน มองมาที่ณิชชา ไม่มีสายตาของมิตรภาพแม้แต่น้อยชลาสินธุ์นอนลืมตาโพรงอยู่บนเตียงคนป่วย แม้อาการทางกายจะค่อย ๆ หายจนเกือบเป็นปกติ เพราะรถที่ชนก็แค่เฉี่ยวขาทำให้เจ็บที่หัวเข่าซ้ายเท่านั้น แย่หน่อยตรงที่ตอนกระโดดหลบ หัวของเขามันไปชนต้นไม้ข้างทางทำให้ทั้งน้อง ๆ และคุณหมอค่อนข้างเป็นห่วง แต่อาการทางใจของชายหนุ่มก็ทำให้ตอนนี้เขาแทบไม่ต่างจากผักเหี่ยว ๆ ที่รอวันเฉาลงไปอีกชลาธารรับหน้าที่ดูแลพี่ชายของเธอที่โรงพยาบาล ขณะที่คนอื่นดูแลเรื่องงาน ยิ่งเห็นพี่เป็นแบบนี้ ก็ยิ่งโกรธณิชชามากขึ้นเรื่อย ๆ เห็นว่าเป็นคนนิ่ม ๆ ไม่คิดว่าจะมีอิ
บทที่ 47 อัครชัยคือคนที่เลือกแล้วชลาธารทำอย่างที่ตนเองได้ลั่นวาจาไว้ทันทีที่วันทำงานวันแรกมาถึง“คุณณิชคะ คุยกับธารในห้องก่อนค่ะ” มาถึงยังไม่ทันได้นั่ง ก็เอ่ยปากให้ณิชชาเดินตามตัวเองเข้าไปในห้องแล้ว ณิชชาเดาไม่ถูกว่าเจ้านายคนเล็กคนนี้จะพูดเรื่องอะไร เรื่องงานหรือว่าอย่างอื่น เพราะแทบจะไม่เคยทำงานด้วยกันเลย ยิ่งหญิงสาวไปเรียนต่อได้เป็นปีแล้ว ยิ่งห่างกันไป เดาใจไม่ถูก“คุณธาร มีอะไรให้ณิชทำเหรอคะ” ณิชชาพูดก่อนจะนั่งลงตามมือที่ผายออก หญิงสาวไม่ได้ชวนเธอนั่งที่โต๊ะทำงาน ซึ่งตอนนี้คนที่ยึดโต๊ะตัวนั้นเป็นของตัวเองยังไม่มา แต่พวกเธอนั่งคุยกันที่โซฟารับแขกซึ่งอยู่ในห้องทำงานของชลาสินธุ์ด้วยนั่นเอง“คุณณิชจะว่าอะไรมั้ยคะ ถ้าธารจะถามเรื่องพี่สินธุ์” ยิงคำถามทันทีพร้อมกอดอกฟังคำตอบ แต่ดูเหมือนคนที่ต้องตอบจะยังหาเสียงของตัวเองไม่เจอ“คือ...เอ่อ...”“ไปเยี่ยมสักวัน หรือดอกไม้สักช่อ ไม่คิดจะส่งไปหน่อยเหรอคะ” ชลาธารพูดแทรกขึ้นอย่างหงุดหงิด อยากจะเล่าสภาพของพี่ชายให้คนตรงหน้าฟังว่าเลวร้ายแค่ไหน แต่ก็กลัวว่าสิ่งที่ได้กลับมาจะเป็นอย่างอื่นนอกจากความเห็นอกเห็นใจ ถ้าณิชชารู้สึกยินดีกับสภาพของพี่ชายตนเอ
บทที่ 46 รถชนณิชชาฟังแล้วอึ้งไป เพราะน้ำเสียงนั้นแม้จะสุภาพแต่ก็เฉียบขาด พี่น้องบ้านนี้บุคลิกไม่เหมือนกันสักคน สาคเรศคนนี้หากฟังจากน้ำเสียง ลักษณะนิสัยคงเป็นแบบ อยู่ตรงกลางระหว่าง ชลาสินธุ์และธารากานต์ คือไม่ได้ดูใจดีมากเหมือนธารากานต์ แต่ก็ไม่ได้ดุและขี้หงุดหงิดเหมือนพี่ชายคนโต“คือ...คุณสินธุ์คงไม่สะดวกให้ดิฉันไปทำงานแล้วล่ะค่ะ”“พี่สินธุ์ไม่อยู่ที่นี่มาสองสัปดาห์แล้วครับ ตั้งแต่คุณไป” เสียงถอนหายใจปล่อยมาตามสาย “คุณทำให้พี่สินธุ์อยู่ที่นี่ไม่ได้ แล้วคุณก็จะไม่อยู่ดูแลที่นี่อีก นี่คุณกะจะให้พวกเราล่มจมเลยเหรอครับ”“คุณเรศคะ...ดิฉันเปล่า...คือ...ดิฉันไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายพวกคุณเลยนะ เพียงแต่ไม่คิดว่าคุณสินธุ์เขา...”“เขาจะอยู่ไม่ได้เมื่อไม่มีคุณ?” สาคเรศขัดอีกแล้ว แล้วก็ถูกที่ถูกเวลาเสมอ เพราะมันเป็นสิ่งที่อยู่ในใจณิชชาด้วย คนฟังน้ำตาแทบจะไหลลงมาอีกครั้ง เสียงถอนหายใจของปลายสายทำให้ณิชชาทำอะไรไม่ถูก “ผมทราบว่าคุณไปคุยกับที่อื่นมาแล้ว แต่ก่อนจะไป คุณน่าจะมาเคลียร์งานที่นี่สักหน่อย พรุ่งนี้เข้ามานะครับ ผมรออยู่”สาคเรศวางหูไปนานแล้ว แต่ณิชชายังอยู่ที่ระเบียงไม่ไปไหน ความคิดสับสนว