บทที่ 23 ความพ่ายแพ้ของชินวุฒิ
ชินวุฒิมองภาพนั้นราวกับจะคลั่ง คนของตัวกำลังถูกกระทำย่ำยีต่อหน้าต่อตา
ชลาสินธุ์รู้ความหมายของแววตานั้น เขายิ้มร้ายที่มุมปาก ก่อนจะเพิ่มน้ำหนักมือ ทำให้คนที่กำลังถูกบุกรุกช่องทางพิเศษร้องครางด้วยความเจ็บปวด
ณิชชาน้ำตาไหลพราก หัวใจดวงน้อย ๆ ของณิชชาราวกับจะขาดออกจากอก เสียงที่พยายามตะโกนลั่นผ่านผ้าปิดปากยิ่งทำให้หัวใจขอ
งณิชชาเหมือนถูกกรีด....คุณชิน หลับตา ได้โปรด...
ร่างหนาค่อย ๆ ทาบทับตัวลงมาบนร่างบางจนเต็มพื้นที่ ไม่ว่า
ณิชชาจะดิ้นอย่างไร ผลักไสแค่ไหนก็เหมือนดันภูเขา...ไม่มีผลอะไรเลยสักนิด...
“ปล่อย!” หญิงสาวเริ่มต้องใช้เสียงด้วย เพราะแรงอย่างเดียวสู้ไม่ไหว แต่ก็นั่นแหละ เสียงที่เปล่งออกมาก็สูบพลังไปจนหมดเช่นกัน
“ไม่เอาสิ” เขากระซิบแล้วขบเบา ๆ ที่ใบหูของเธอ “ถ้าเธอไม่ยอมฉันดี ๆ ฉันอาจจะโมโห จนทำร้ายคนดีของเธอก็ได้นะ”
ณิชชารังเกียจเสียงหัวเราะที่ตามาหลังคำพูดนั้นเหลือเกิน
“คุณมันเลว คุณมันชั่ว คุณมัน...” ณิชชาไม่รู้จะด่ายังไงให้สมกับความเลวร้ายของชลาสินธุ์ที่ทำอยู่ตอนนี้ได้ ฝ่ามือน้อย ๆ รวบรวมแรงทั้งหมดที่มีส่งเข้าไปที่ใบหน้าของร่างหนาอย่างแรงนับครั้งไม่ถ้วน
ไม่นานชลาสินธุ์ก็หยุดมือนั้นไว้ได้ เขานิ่งขึง มองหน้าณิชชาอย่างคาดโทษ กำมือแน่น เงื้อหมัดจนสุดแขน ร่างบางหลับตาปี๋จำยอมรับทุกความเจ็บปวดที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้
พลั่ก!
มันเกิดขึ้นแทบจะเป็นวินาทีเดียวกับความโล่งที่ณิชชาได้รับ แต่ร่างบางก็ต้องร้องเสียงหลง เพราะหมัดเมื่อครู่ถูกส่งไปที่ปลายคางของคนที่ถูกมัดจนเก้าอี้ที่ใช้ตรึงร่างนั้นไว้มันสั่นจนแทบจะล้ม เลือดข้นไหลออกจากมุมปาก
ร่างของชินวุฒิโงนเงน บอกไม่ได้ว่ายังมีสติอยู่หรือเปล่า
“อย่านะ! อย่าทำเขา! อย่า! เขาจะตายอยู่แล้ว” ณิชชาผวาลุกมาขั้นกลางระหว่างชินวุฒิและชลาสินธุ์ไว้ หมายจะเอาตัวเองเป็นเกราะกำบังให้คนที่เจ็บจนไม่มีปัญญาจะต่อสู้
“ไม่ให้ฉันทำมันเหรอ ห่วงมากนักใช่ไหม งั้นเธอจะเอาอะไรมาแลกล่ะ”
“อะ...อะไร อะไรก็ได้ ฉันยอมแล้ว ยอมทุกอย่าง อย่าทำเขาเลยนะ” ณิชชาอ้อนวอน
“หึ จำคำที่เธอพูดเอาไว้ด้วยล่ะ”
ร่างบางถูกเหวี่ยงไปกระแทกกับเตียงอีกครั้ง ก่อนที่ชลาสินธุ์จะตามมา แล้วก็ลากร่างของณิชชามาที่กลางเตียงก่อนจะจับสองขาที่เปลือยเปล่าแยกออกกว้าง เผยช่องทางอ่อนนุ่มให้ได้เห็น โดยจงใจให้มันหันไปทางคนที่ถูกมัดอยู่
ชินวุฒิมองมันด้วยความรู้สึกเสียใจ ถ้าตอนนี้เขาส่งเสียงได้ เสียงที่ส่งออกมาคงมีแต่เสียงสะอื้น ดวงตาที่เส้นเลือดฝอยแตกยับเพราะโดนทำร้ายมองร่างที่กำลังถูกทารุณกรรมของณิชชาอย่างโหยไห้ เขาไม่มีโอกาสได้ช่วยเหลือร่างบางเลยสักนิด
เขาผิดสัญญาที่เคยให้กับหญิงสาวเอาไว้
เขาปล่อยให้คนอื่นทำร้ายเธออีกครั้งแล้ว
“อ๊า ฉันเจ็บ” เสียงกรีดร้องของณิชชาที่หลุดดังออกมา ทำให้
ชินวุฒิตัดสินใจก้มหน้าลง ปล่อยให้เลือดทั้งจากปากและดวงตามันไหลลงมาเงียบ ๆมือหนาของชลาสินธุ์ดึงขาของร่างบางให้ชิดกับเขามากยิ่งขึ้น เพื่อให้สิ่งที่ต้องส่งเข้าไปในช่องทางพิเศษนั้นมันได้ที่เหมาะเจาะพอดี
ณิชชาเห็นแบบนั้นก็กลัวจนลนลาน อีกแล้ว...อีกแล้ว เธอต้องเจอกับความโหดร้ายแบบนี้อีกแล้ว
“ฉันกลัว ฉันกลัวแล้ว ฮึก อย่าทำฉันเลย” ณิชชาของร้องเสียงพร่าอย่างตื่นตระหนก
“เธอบอกเองนะ ว่าเธอจะยอมแลก”
พรวด!
“อ๊า...อ๊า...อ๊า...” เสียงกรีดร้องดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อความใหญ่โตถูกส่งเข้าไปในช่องทางเล็กอย่างหยาบคาย “อ๊า...เจ็บบบ...อึก ฉันเจ็บ” สองมือขย้ำผ้าปูที่นอนจนเส้นเลือดที่มือโปดปูน
“หึ มันมองเห็นว่า ฉันเป็นคนแพ้มานาน นายทำให้มันเห็นหน่อยสิว่า ฉันเป็นคนชนะ ฉันคือคนชนะ” ชลาสินธุ์กระซิบข้างหู ก่อนจะยัดเยียดความใหญ่โตของตัวเองที่มันค้างคาอยู่ให้เข้าไปได้จนสุดในคราวเดียว
“อึก!!!” จุกจนไม่มีแรงร้อง
ช่องทางของณิชชาบีบรัดเป็นจังหวะถี่รัว มันแทบจะทำให้ชลาสินธุ์สำลักความสุข
“ไม่นะ! อย่า!!!” ร่างเล็กร้องเสียงหลง เมื่อรับรู้ว่า ท่อนรักถูกดึงออกไปจนแทบสุดลำ เพียงเพื่อจะถูกดันกลับมาอย่างรุนแรงอีกครั้ง และ
อีกครั้ง ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ลึกล้ำ หนักแน่น เสียงเนื้อฟาดเนื้อดังแข่งกับเสียงครางโอดโอยของณิชชาดังอยู่นาน และไม่มีทีท่าว่าจะหยุดชินวุฒิแม้จะก้มหน้าแต่เขาได้ยินเสียงทุกอย่าง
...จะขาดใจ...
ชลาสินธุ์กับเขา คงไม่มีทางกลับมาญาติดีกันได้อีก ยิ่งได้ยินเสียงครางอย่างสุขสมของชลาสินธุ์ มือที่ถูกมัดยิ่งกำแน่น ทำให้เชือกขยับรัดแน่นมากขึ้นไปอีก แต่ความเจ็บปวดที่ข้อมือเทียบไม่ได้กับที่ใจเลยสักนิด
บนเตียง ชลาสินธุ์ยกขาเรียวข้างหนึ่งขึ้นมาไว้บนบ่าขณะที่บังคับให้ร่างบางนอนตะแคงหันหน้าไปทางคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ ก่อนจะรัวสะโพกไม่ยั้ง จนเสียงร้องของณิชชาดังขึ้นอีกครั้ง และต่อเนื่องยาวนานทีเดียวกว่าที่น้ำสีขาวในร่างของเธอจะไหลซึมออกมาจากช่องทางที่ยังไม่เคยได้หยุดพัก
หญิงสาวอ่อนแรงลงทันที แต่ชลาสินธุ์ไม่ได้ยอมหยุดอยู่ตรงนั้น เขาหันมายิ้มเย้ยให้กับคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ก่อนจะพลิกร่างณิชชาให้นอนคว่ำแล้วยกสะโพกขึ้น ก่อนจะกดจังหวะถี่รัวลงไปเต็มกำลัง เสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดดังขึ้นอีกหน สลับกับเสียงหายใจหอบไม่เป็นจังหวะ น้ำตาเหือดแห้งเพราะไม่มีอะไรจะออกมาอีกแล้ว
“เจ็บไหม หืม? เจ็บมากไหม” ชลาสินธุ์ถาม ร่างเล็กที่เจ็บเจียนตายเตรียมจะตอบโดยไม่รู้ว่า คำถามนั้นไม่ใช่ของตน “เจ็บมากไหมพี่ชิน เจ็บไหมที่เห็นคนของตัวเองถูกคนอื่นทำร้าย แล้วไม่สามารถช่วยอะไรได้ พี่เจ็บเหมือนที่เคยทำให้ผมเจ็บหรือเปล่า”
ชินวุฒิเงยหน้าขึ้นมองอย่างงงงวย เขาไม่รู้ความหมายในคำพูดของชายหนุ่มใจร้ายคนนี้ ไม่รู้ว่าตัวเองเคยไปทำให้ชลาสินธุ์ต้องเจ็บตั้งแต่เมื่อไร
“อย่าทำหน้าไร้เดียงสาแบบนั้นสิครับ พี่ชินคนดี ในบ้านนี้มีแค่เราสามคน พี่ไม่ต้องแกล้งทำตัวเป็นคนดีก็ได้”
“อ๊ะ...อ๊า...” ร่างบางร้องเมื่อตอนนี้ขาทั้งสองข้างถูกยกขึ้นมาพาดไว้ที่ไหล่ของชลาสินธุ์สิ่งที่อยู่ในกายมันทั้งลึกและหนักหน่วง ชายหนุ่มเร่งความเร็วจนพาณิชชาลงไปสู่ขุมนรกชั้นล่างสุดได้สำเร็จ เสียงกรีดร้องสุดท้ายดังขึ้นก่อนที่ร่างบางจะหมดสติไป
เสียงอื้ออ้าของคนที่ถูกมัดปากรังควานเขาอยู่ไม่น้อย
“อยากจะปลอบโยนกันยังไงก็ได้นะ ถ้าเขายังมีสติพอจะฟังพี่อยู่” ชลาสินธุ์กระชากผ้ามัดปากออก
“ฉันไปทำอะไรให้นายนักหนา” เสียงแหบพร่า เพราะความเจ็บปวดถามขึ้นทันทีที่ปากถูกปล่อยให้เป็นอิสระ แต่สิ่งที่ได้กลับมากลับเป็นแววตาเย้ยหยันเท่านั้น
ณิชชาตื่นขึ้นมาบนเตียงนอนที่เธอไม่คุ้นเคย ความเจ็บปวดมันเข้าคุกคามทันทีที่ขยับตัว หญิงสาวจำต้องนอนนิ่ง ๆ เพื่อที่จะไม่เพิ่มความเจ็บให้มากขึ้นไปอีก ภาพเหตุการณ์เมื่อคืนหลั่งไหลเข้าสมอง ความเจ็บปวดในสายตาของชินวุฒิที่เขาเผลอเห็นมันบ้าง ร่องรอยการถูกทำร้ายที่ดูจะ
หนักหนาสาหัสเกินกว่ามนุษย์จะทานทนได้...ไม่รู้ว่าตอนนี้ชินวุฒิจะเป็นยังไงบ้าง...
ณิชชาพยายามลุกจากเตียงเพื่อดูให้รู้ว่าที่นี่คือที่ไหนกันแน่
“โอ๊ย” ความเจ็บเสียดแรง ๆ เกิดขึ้นทันทีที่ลุกออกจากเตียงได้ ตอนนี้ร่างกายของเธอสะอาดและอยู่ในชุดนอนผู้ชายไซซ์ใหญ่ยักษ์ที่ไม่รู้ว่าเป็นของใคร
หญิงสาวทนความเจ็บ ปวดนั่นก่อนจะเดินไปที่ริมหน้าต่าง แล้วก็พบว่า เตอนนี้เธอยังคงอยู่ในบริเวณบ้านของชลาสินธุ์ เมื่อหันมาดูเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ ในห้องนอน ก็อยากจะคาดเดาว่า มันคือห้องนอนของ
ชลาสินธุ์นั่นเอง สิ่งที่บอกได้มากกว่านั้นคงเป็นตู้เสื้อผ้า ณิชชาจำเสื้อผ้าที่มักจะเสียดสีร่างกายของเธอได้ทุกตัว แต่ยังไม่ทันได้เดินไปที่ตู้เสื้อผ้าอย่างที่ใจคิด ประตูห้องก็เปิดขึ้นซะก่อน“คุณตื่นแล้วเหรอคะ เป็นยังไงบ้าง เจ็บปวดตรงไหนหรือเปล่า” หญิงชราที่เดินเข้ามาพร้อมถาดข้าวหอมกรุ่นถามเธออย่างเอื้ออาทร “เมื่อคืนนี้ ป้าป้อนยาแก้ปวดกับยาแก้อักเสบไปแล้ว เช้านี้ทานอีกนะคะ จะได้หาย” คนที่เรียกตัวเองว่าป้ายังคงพูดต่อ ระหว่างจัดของในถาด มาไว้ที่โต๊ะนั่งเล่นใกล้ ๆ ก่อนจะหยุดชะงัก เพราะณิชชาไม่ได้ส่งเสียงตอบ ร่างบางเอาแต่จ้องประตู
“อย่าคิดหนีเลยค่ะ ข้างนอกนั่น มีลูกน้องคุณหนูใหญ่เฝ้าประตูอยู่สองคน เป็นผู้หญิงตัวบาง ๆ แล้วก็บาดเจ็บอย่างนี้ สู้เขาไม่ได้หรอก สู้กินข้าว กินยา แล้วรักษาตัวเองให้ดี หลังจากนั้นค่อยหาทางหนีทีไล่ดีกว่า”
ณิชชามองที่โต๊ะวางอาหาร นอกจากโจ๊กร้อน ๆ ใส่ไข่หอม ๆ แล้วยังมีแก้วใส่ยาวางไว้ด้วย
“ป้าช่วยหนูทำไมคะ”
“ป้าก็ช่วยเพราะมนุษยธรรมค่ะ ถ้าไม่มีเรื่องนั้น ถ้าวัดกันแค่ความเป็นป้า ป้าไม่อยากช่วยหรอกค่ะ คุณเป็นคนของคุณหนูชิน รายนั้นน่ะ ชอบรังแกคุณหนูใหญ่มาตั้งแต่เด็ก พอโตก็ยิ่งหนักข้อขึ้นทุกวัน คุณเป็นคนของคุณหนูชิน ก็คงไม่ต่างกันหรอกค่ะ ระยะหลังคุณหนูใหญ่ถึงได้มีแต่ความเศร้าหมอง นี่ถ้าคุณหนูใหญ่ไม่ขอ ป้าก็คงไม่อยากช่วยคุณมากขนาดนี้ คุณคะ...” ป้าคนนั้นหันมามองณิชชาเต็มตา แววตาของป้าส่งคำขอร้องอย่างน่าสงสาร “อย่าทำร้ายคุณหนูใหญ่ของป้าอีกเลยนะคะ”
“หนูเปล่านะคะ” ณิชชาตอบกลับอย่างงงงวย
...เธอเนี่ยนะ ทำร้ายชลาสินธุ์?...
ตอนอวสานชลาสินธุ์ให้คนขับรถมารับที่บ้านของพัฒนศักดิ์ในวันรุ่งขึ้น พวกเขากลับมาถึงกรุงเทพฯ ในช่วงบ่าย ๆ แต่น้อง ๆ ทั้งสองคนปฏิเสธที่จะให้เขากลับมาทำงานในทันที ทำให้ประธานบริษัทพร้อมเลขากลายเป็นคนว่างงานในวันนี้ณิชชาหัวเราะเมื่อเห็นว่าชลาสินธุ์ดูจะเป็นห่วงเธอมากเกินจริงไปสักหน่อย ห้ามทำอะไรที่ต้องใช้กำลัง จะไปไหนก็ได้แต่ต้องอยู่ในระยะสายตาที่เขามองเห็น อยากได้อะไรหรืออยากกินอะไรต้องบอก เพราะเขาจะทำให้เอง เรียกว่าณิชชามีหน้าที่อย่างเดียว คือนั่งเฉยๆ“พอแล้วค่ะ คุณมานั่งเถอะ” ณิชชาบอก เมื่อชลาสินธุ์ถามเป็นครั้งที่ร้อยว่าอยากได้อะไรอีกหรือเปล่า หญิงสาวจึงเรียกให้มานั่งดูหนังในห้องนั่งเล่นด้วยกันชายหนุ่มตัดสินใจนั่งลงข้าง ๆ คนรัก และเหมือนเคย นับตั้งแต่กลับ มาจากไร่เจริญตา ไม่มีสักครั้งที่หากได้นั่งคู่กันชลาสินธุ์จะไม่โอบรอบตัวร่างเล็กให้อยู่ในอ้อมกอดตลอดเวลา“ไม่เจ็บแล้วแน่นะ ดูสิ ยังเป็นรอยช้ำอยู่เลย” ชลาสินธุ์บอกพลางใช้นิ้วโป้งลูบไล้เบา ๆ ไปที่รอยช้ำที่แขน ซึ่งยังเป็นรอยเด่นชัด น่าจะเกิดจากการต่อสู้กับลูกน้องของภัสสรา“เจ็บนิดหน่อย แต่ไม่เป็นไรแล้วจริง ๆ ไม่ต้องห่วงหรอก ห่วงขาคุณดีกว
บทที่ 50 จุดจบที่เลวร้ายภัสสราเดินตรงเข้ามายังชลาสินธุ์ ทำให้ชายหนุ่มต้องถอยหลังเพื่อเว้นระยะ กลุ่มชายฉกรรจ์ผิวเข้มเดินเข้ามาในห้องหลายคน ณิชชาเห็นคนที่โยนเขาเข้าไปในรถตู้รวมอยู่ในนั้นด้วย“ปล่อยฉันลงเถอะ ฉันเดินไหวแล้ว” ณิชชากระซิบบอก ชลาสินธุ์ยอมทำตาม แต่ก็ยังโอบไหล่บางไว้ ไม่ให้ห่างตัว ร่างเล็กซบใบหน้าตัวเองลงกับลำแขนใหญ่ แม้ว่าจะกลัวจนแทบบ้า แต่กลับรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยเมื่ออยู่ใกล้เขา“ทุกอย่างจะต้องผ่านไปด้วยดี เธอเชื่อมั่นในตัวฉันนะ” ชลาสินธุ์กระซิบบอกอย่างอ่อนโยนณิชชาพยักหน้ารับ เธอจะเชื่อมั่นในตัวคน ๆ นี้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตามกลุ่มชายฉกรรจ์ตีวงล้อมจนทั่วห้องโดยมีทั้งสามคนอยู่ตรงกลาง“รู้อะไรไหม คุณสินธุ์ คุณทำให้ฉันสูญเสียอะไรไปตั้งหลายอย่าง ลงทุนไปตั้งมากมาย แต่คุณกลับทำลายมันทิ้งในเวลาแค่วันเดียว” ภัสสราเอ่ยขึ้น คำพูดเนิบช้ากว่าปกติ เรียวปากเหยียดยิ้มแต่แววตากลับเข่นอาฆาต“คุณไม่เห็นต้องโกรธผมขนาดนี้เลยคุณสรา”“หึ ไม่ต้องโกรธเหรอ ถ้าคราวนั้น พวกแกไม่ทำตัวเป็นคนดี แล้วปล่อยให้ฉันดำเนินธุรกิจของฉันไป ฉันก็ไม่ต้องเป็นแบบนี้หรอก แกก็ได้ค่าเช่า ฉันก็ได้กำไร แกทำแบบนั้นทำ
บทที่ 49 ลักพาตัว“คืนนี้เธอจะนอนที่นี่ใช่มั้ย”“ฉันไม่ได้เตรียมเสื้อผ้ามาเลย”“ก็ใส่ตัวเดิมสิ ไม่เปื้อนหรอก เพราะคืนนี้เธอไม่ต้องใส่นี่” อีกคนยังดื้อรั้นไม่ฟังคำอธิบายแถมยังทำท่าจะหื่นใส่อีก“คิดจะทำอะไรน่ะ ที่นี่โรงพยาบาลนะ แล้วคุณก็ป่วยอยู่ ทำไหวหรือไง?”“จะได้พิสูจน์ด้วยตัวเองมั้ย”“ไม่ ฉันไม่ยอมหรอก คุณน่ะ เอะอะก็จะทำมิดีมิร้ายฉันตลอด”“ขี้บ่นจัง” ชลาสินธุ์แกล้งทำท่าเกาหัว “งั้นฉันสัญญาว่าจะไม่ทำอะไร แต่เธอนอนให้ฉันกอดนะ คิดถึงจะแย่ คิดถึงจะตายอยู่แล้วคนใจร้าย”“ว่าฉันใจร้าย คุณก็ใจร้ายเหมือนกันนั่นแหละ”“นะ”“เอ่อ...ถ้าคุณไม่ทำอะไรจริง ๆ ฉันนอนด้วยก็ได้”“ไม่ทำหรอก ถ้าเธอไม่เผลอน่ะ”“อะไรนะ!” และอย่างไม่ต้องรอคำตอบ ณิชชาก็ฟาดมือไปที่แขนคนป่วยเสียงดังลั่นห้อง ก่อนจะแจกค้อนไปให้อีกหลายทีชลาสินธุ์ลูบแขนตัวเองแล้วหัวเราะไปด้วย“ฉันยอมให้หน่อย ก็ทำร้ายฉันเลยนะ” เสียงอ่อนบอกก่อนจะโอบคนรักให้แน่น ๆ อีกหน “งั้นตกลง นายนอนที่นี่นะ นอนเฉย ๆ ให้ฉันมองหน้า จะได้หายคิดถึง”“หึ” หญิงสาวค้อนคนป่วยขวับ เธอเองก็อยากกอด อยากมองหน้า อยากยิ้มให้ผู้ชายคนนี้ เพื่อให้แน่ใจว่า ความรักระหว่างตัวเองกับ
บทที่ 48 ฝันที่ (ไม่) อาจเป็นจริงแม้จะเป็นเวลาพลบค่ำแล้วทำให้อาจจะได้พบคนที่เขาคิดถึงแค่ไม่กี่นาทีแต่ณิชชา ก็ตัดสินใจออกจากบ้านทันทีที่อัครชัยปล่อยมือเขา ความโหยหาที่ลอยวนอยู่ในใจมันฉุดกระชากให้เขามาที่นี่ โรงพยาบาลใหญ่ใจกลางกรุง ชลาสินธุ์ถูกย้ายมาที่นี่ทันทีที่ร่างกายสามารถทนต่อการเดินทางได้หญิงสาวเดินหาห้องนั้นจนพบ ในมือถือดอกไม้ช่อเล็ก ๆ ที่ตั้งใจทำเองด้วยหัวใจ มือบางที่กำลังจะเคาะห้องมีอันต้องชะงักค้างไว้“คุณณิชคะ คุยกันหน่อยดีมั้ย” ชลาธารที่เพิ่งมาถึงเช่นกัน มองมาที่ณิชชา ไม่มีสายตาของมิตรภาพแม้แต่น้อยชลาสินธุ์นอนลืมตาโพรงอยู่บนเตียงคนป่วย แม้อาการทางกายจะค่อย ๆ หายจนเกือบเป็นปกติ เพราะรถที่ชนก็แค่เฉี่ยวขาทำให้เจ็บที่หัวเข่าซ้ายเท่านั้น แย่หน่อยตรงที่ตอนกระโดดหลบ หัวของเขามันไปชนต้นไม้ข้างทางทำให้ทั้งน้อง ๆ และคุณหมอค่อนข้างเป็นห่วง แต่อาการทางใจของชายหนุ่มก็ทำให้ตอนนี้เขาแทบไม่ต่างจากผักเหี่ยว ๆ ที่รอวันเฉาลงไปอีกชลาธารรับหน้าที่ดูแลพี่ชายของเธอที่โรงพยาบาล ขณะที่คนอื่นดูแลเรื่องงาน ยิ่งเห็นพี่เป็นแบบนี้ ก็ยิ่งโกรธณิชชามากขึ้นเรื่อย ๆ เห็นว่าเป็นคนนิ่ม ๆ ไม่คิดว่าจะมีอิ
บทที่ 47 อัครชัยคือคนที่เลือกแล้วชลาธารทำอย่างที่ตนเองได้ลั่นวาจาไว้ทันทีที่วันทำงานวันแรกมาถึง“คุณณิชคะ คุยกับธารในห้องก่อนค่ะ” มาถึงยังไม่ทันได้นั่ง ก็เอ่ยปากให้ณิชชาเดินตามตัวเองเข้าไปในห้องแล้ว ณิชชาเดาไม่ถูกว่าเจ้านายคนเล็กคนนี้จะพูดเรื่องอะไร เรื่องงานหรือว่าอย่างอื่น เพราะแทบจะไม่เคยทำงานด้วยกันเลย ยิ่งหญิงสาวไปเรียนต่อได้เป็นปีแล้ว ยิ่งห่างกันไป เดาใจไม่ถูก“คุณธาร มีอะไรให้ณิชทำเหรอคะ” ณิชชาพูดก่อนจะนั่งลงตามมือที่ผายออก หญิงสาวไม่ได้ชวนเธอนั่งที่โต๊ะทำงาน ซึ่งตอนนี้คนที่ยึดโต๊ะตัวนั้นเป็นของตัวเองยังไม่มา แต่พวกเธอนั่งคุยกันที่โซฟารับแขกซึ่งอยู่ในห้องทำงานของชลาสินธุ์ด้วยนั่นเอง“คุณณิชจะว่าอะไรมั้ยคะ ถ้าธารจะถามเรื่องพี่สินธุ์” ยิงคำถามทันทีพร้อมกอดอกฟังคำตอบ แต่ดูเหมือนคนที่ต้องตอบจะยังหาเสียงของตัวเองไม่เจอ“คือ...เอ่อ...”“ไปเยี่ยมสักวัน หรือดอกไม้สักช่อ ไม่คิดจะส่งไปหน่อยเหรอคะ” ชลาธารพูดแทรกขึ้นอย่างหงุดหงิด อยากจะเล่าสภาพของพี่ชายให้คนตรงหน้าฟังว่าเลวร้ายแค่ไหน แต่ก็กลัวว่าสิ่งที่ได้กลับมาจะเป็นอย่างอื่นนอกจากความเห็นอกเห็นใจ ถ้าณิชชารู้สึกยินดีกับสภาพของพี่ชายตนเอ
บทที่ 46 รถชนณิชชาฟังแล้วอึ้งไป เพราะน้ำเสียงนั้นแม้จะสุภาพแต่ก็เฉียบขาด พี่น้องบ้านนี้บุคลิกไม่เหมือนกันสักคน สาคเรศคนนี้หากฟังจากน้ำเสียง ลักษณะนิสัยคงเป็นแบบ อยู่ตรงกลางระหว่าง ชลาสินธุ์และธารากานต์ คือไม่ได้ดูใจดีมากเหมือนธารากานต์ แต่ก็ไม่ได้ดุและขี้หงุดหงิดเหมือนพี่ชายคนโต“คือ...คุณสินธุ์คงไม่สะดวกให้ดิฉันไปทำงานแล้วล่ะค่ะ”“พี่สินธุ์ไม่อยู่ที่นี่มาสองสัปดาห์แล้วครับ ตั้งแต่คุณไป” เสียงถอนหายใจปล่อยมาตามสาย “คุณทำให้พี่สินธุ์อยู่ที่นี่ไม่ได้ แล้วคุณก็จะไม่อยู่ดูแลที่นี่อีก นี่คุณกะจะให้พวกเราล่มจมเลยเหรอครับ”“คุณเรศคะ...ดิฉันเปล่า...คือ...ดิฉันไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายพวกคุณเลยนะ เพียงแต่ไม่คิดว่าคุณสินธุ์เขา...”“เขาจะอยู่ไม่ได้เมื่อไม่มีคุณ?” สาคเรศขัดอีกแล้ว แล้วก็ถูกที่ถูกเวลาเสมอ เพราะมันเป็นสิ่งที่อยู่ในใจณิชชาด้วย คนฟังน้ำตาแทบจะไหลลงมาอีกครั้ง เสียงถอนหายใจของปลายสายทำให้ณิชชาทำอะไรไม่ถูก “ผมทราบว่าคุณไปคุยกับที่อื่นมาแล้ว แต่ก่อนจะไป คุณน่าจะมาเคลียร์งานที่นี่สักหน่อย พรุ่งนี้เข้ามานะครับ ผมรออยู่”สาคเรศวางหูไปนานแล้ว แต่ณิชชายังอยู่ที่ระเบียงไม่ไปไหน ความคิดสับสนว