บทที่ 26 กู้สถานการณ์
ที่ชั้นบนสุดนั้น ไม่มีการเรียกใช้บริการอะไรจากโรงแรมเป็นพิเศษ ซึ่งนั่นแหละที่ถูกมองว่าเป็นเรื่องพิเศษ ‘ผิดปกติเป็นพิเศษ’ เมียของนักพนันบางคนคงเบื่อที่ผัวของตัวเองไม่ยอมกลับบ้าน เมื่อสืบสาวราวเรื่องได้ว่า ผัวไปอยู่ที่ไหน จึงจัดการแจ้งตำรวจและเมื่อตำรวจท้องที่ไม่เล่นด้วย เรื่องราวจึงต้องขึ้นไปไกลกว่านั้น
ชลาสินธุ์งุนงงกับเรื่องที่กำลังเป็นไปเป็นอย่างมาก เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่า สิ่งต่าง ๆ ที่เป็นเครื่องมือสำหรับเล่นการพนันทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์นี้มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร มันอยู่เหนือหัวเขาขึ้นไปเพียงไม่กี่ชั้น
เรื่องราวยิ่งแย่ลงไปอีกเมื่อพวกเขาถูกเชิญตัวไปยังสถานีตำรวจ แล้วเจอธารากานต์กับพัฒนศักดิ์อยู่ที่นั่นอยู่แล้ว
ฝ่ายชายมองหน้าคนที่เป็นพี่ชายที่คิดไม่ซื่อของคนรักแล้วอยากจะตั๊นหน้าเสียให้เข็ด ครั้งก่อนที่เขาเอาคนมารุมซ้อมตอนคิดทำมิดีมิร้ายกับน้องสาวตัวเองนั่นยังไม่ได้ให้บทเรียนอะไรใช่ไหม ช่วงหลังที่ผ่านมาเป็นเพราะธารากานต์ยืนยันว่าไม่ได้คิดอะไรเกินกว่าพี่ชายกับชลาสินธุ์ เขาเลยไม่ว่าอะไรหากอีกฝ่ายจะมาเยี่ยมน้องสาวบ้าง
...แต่นี่มันเอาคุกเอาตะรางมาให้เนี่ยนะ...
โครม!
ยังไม่ได้คิดให้ถี่ถ้วนอะไรมาก ที่แค่คิดว่าอยากก็ไม่ใช่แค่อยากแล้ว พัฒนศักดิ์โยนหมัดใส่ใบหน้าของชลาสินธุ์ทันทีแบบไม่ยั้งแรงเลยสักนิด
ชลาสินธุ์ไม่ได้หลบ และไม่ได้ตอบโต้ จึงเซไปตามแรงหมัด เขาเข้าใจว่าพัฒนศักดิ์โกรธอะไร เพราะเขาเองก็โกรธตัวเองไม่แพ้กัน
...เขาเป็นคนทำให้ธารากานต์ตกที่นั่งลำบาก...
ณิชชายืนเงียบ ๆ ไม่ได้ห้ามใครเหมือนที่ธารากานต์ทำกับคนรักและไม่ได้ปลอบโยนใครด้วย เธอแค่ยืนมองเหมือนภาพตรงหน้าเป็นแค่อากาศว่างเปล่าเท่านั้น
เมื่อทำเรื่องประกันตัวเสร็จ ทุกคนก็พากันถอนหายใจอย่างโล่งอก
ณิชชากดโทรศัพท์ไปมาไม่ได้สนใจใคร ขณะที่ภัสสราตรงเข้าออดอ้อนชายหนุ่มทันทีพ้นประตูห้องสืบสวน
“สราไม่ได้ทำอะไรนะคะคุณสินธุ์ เพื่อนสราเป็นคนทำ นี่ก็ไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ไหนแล้วค่ะ”
“คุณสินธุ์คะ เชิญทางนี้หน่อยค่ะ” นี่คือคำพูดแรกที่ณิชชาพูดกับ
ชลาสินธุ์ในค่ำคืนนี้ เสียงต่ำกับสายตาที่จ้องเขม็งนั้นบอกให้เจ้าของชื่อรู้ว่า เขาควรทำตามที่หญิงสาวบอก แม้ว่าเขาจะเป็นเจ้านายก็ตาม“ไว้เราค่อยคุยกันพรุ่งนี้นะครับ เชิญคุณสรามาทานข้าวเที่ยงด้วยกัน เผื่อว่าจะคิดหาทางหนีทีไล่กันได้” ชลาสินธุ์พูดกับคนที่ยังเกาะแขนเขาไว้พร้อมกับพยักหน้าเป็นการบอกลา
ด้านธารากานต์กับพัฒนศักดิ์ก็เดินตามณิชชาออกไปทางด้านหลังสถานีตำรวจซึ่งมีรถของชลาสินธุ์มาจอดรออยู่แล้วพร้อมคนขับเมื่อเห็นหญิงสาวพยักหน้าเรียก
เมื่อถึงโรงแรมก็เป็นเวลาเกือบสว่างแล้ว ไม่มีใครโหยหาการนอนหลับเลยสักนิด ชายหนุ่มคลายเนกไท เอาปลายเสื้อออกนอกกางเกง แล้วทิ้งตัวลงนั่งที่ปลายเตียง สีหน้าของเขามันมีทั้งความรู้สึกเสียใจ รู้สึกผิด และอีกหลายอย่าง
หญิงสาวเพิ่งจะถอดรองเท้าเสร็จก็ถูกเรียก
“มานั่งนี่มา” ร่างสูงบอกพร้อมกับตบลงไปบนตักตัวเอง
ณิชชาชะงักไปนิดแต่ก็รู้ว่าไม่มีทางปฏิเสธได้ จึงเดินไปทรุดลงบนตักกว้างนั้นอย่างว่าง่าย แต่แทนที่จะถูกแทะโลม หรือรุกล้ำด้วยกริยา
ร้าย ๆ เหมือนก่อน ชลาสินธุ์กลับทำแค่เพียงวางคางหนาบนไหล่บาง โอบ“เหนื่อยเหรอ” ร่างบางเอ่ยถาม ตอนที่นั่งบนรถ พัฒนศักดิ์ก่นด่าชลาสินธุ์เสียมากมายว่าเป็นคนที่สร้างปัญหาให้กับน้องตัวเองไม่จบไม่สิ้น ปากบอกว่ารัก แต่ก็สร้างเรื่องให้ตลอด นั่นอาจจะไม่ใช่ปัญหาใหญ่เลย เรื่องที่ทำให้เจ้านายของเธอหงอยเป็นหมาขาดน้ำแบบนี้น่าจะเป็นเพราะธารากานต์เองก็ส่งสายตาออกมาไม่ต่างกัน แม้จะเคารพรัก แม้จะเคยเชื่อใจ แต่เรื่องนี้มีจุดให้เคลือบแคลงสงสัยเยอะจริง ๆ
“อืม ฉันมันเลว ใคร ๆ ก็เห็นว่าฉันเลว นี่มีคนคิดว่าฉันเลวขนาดเปิดบ่อนใหญ่ระดับภาคเลยนะ เธอก็ด้วย เธอก็เห็นว่าฉันเลว” เขาว่าต่อ
ทั้ง ๆ ที่ยังหลับตา เสียงแผ่วเบานั้นแสดงความอ่อนล้าเหลือทนณิชชาปล่อยให้ความเงียบทำหน้าที่ของมันไปเรื่อย ๆ อยากจะกอด อยากจะปลอบโยน แต่ความร้ายที่เขาเคยทำมันก็สั่งห้ามไว้ แต่จะให้ก่นด่าสมน้ำหน้าซ้ำ ก็คิดถึงช่วงเวลาที่เขาเคยดูแลทั้งตอนที่ป่วย ทั้งยังเป็นเจ้านายที่ดี สายไยบาง ๆ มันเริ่มก่อขึ้นตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ อีกทั้งเมื่อเห็นกิริยาแบบนี้ความรู้สึกที่ว่า เขาอาจจะเป็นตัวการในเหตุการณ์เมื่อคืนมันสั่นคลอนลง
“คุณจะผ่านมันไปได้”
คำพูดนิ่ง ๆ นั้นทำให้ชลาสินธุ์เลิกคิ้วมองเสี้ยวใบหน้าสวยที่อยู่ตรงหน้า นั่นคือกำลังใจ คือน้ำแอ่งเล็ก ๆ ในทะเลทรายแห้งแล้งกว้างใหญ่ และเขากำลังขาดน้ำ
“ไม่สมน้ำหน้าฉันหรือไง?”
“คุณเป็นคนเลว แต่ฉันไม่คิดว่า คุณจะทำเรื่องนี้”
ชลาสินธุ์คลี่ยิ้มเมื่อเสียงอ่อนพูดจบ
...จะถือว่าเป็นคำชมก็แล้วกัน...
ทั้งคู่นั่งกันอยู่อย่างนั้นครู่ใหญ่ ไร้คำพูด ไร้คำปลอบใจ หรือเสียงคร่ำครวญด่าทอ พวกเขาแค่อิงแอบ มือประสานกันไว้บนตักเล็ก ก่อนจะแยกย้ายกันไปทำสิ่งที่หน้าที่กำหนดไว้
ภัสสรามาถึงในช่วงสายวันรุ่งขึ้น เพื่อมาหาชลาสินธุ์ แต่ก็ต้องสะดุดกับแววตาที่ดูเหมือนกำลังจ้องจับผิด
...หึ เป็นแค่เลขา อย่างสะเออะเลยน่า...
หญิงสาวไม่ลดตัวเองลงมาคุยกับพนักงาน โดยไม่สนใจว่า ณิชชาคือเลขาที่ชลาสินธุ์แสดงออกตลอดเวลาว่าไว้ใจ เชื่อใจที่สุด เพราะถึงอย่างไรพนักงานก็คือพนักงานอยู่วันยังค่ำ
เธอยึดเอาชลาสินธุ์ไว้จนกระทั่งบ่าย ซึ่งณิชชาถือว่าก็เป็นการสร้างความสบายใจ สบายกายและสร้างช่องทางบางอย่างให้ตนเองมาก จึงไม่มีสักวินาทีที่เธอจะเข้ามาขัดจังหวะคนทั้งสอง แต่กลับก้มหน้าก้มตาทำงานของตัวเองเหมือนทุกวันที่ผ่านมา ซึ่งนั่นออกจะทำให้ชลาสินธุ์หัวเสียอยู่
สักหน่อยค่ำนั้นชลาสินธุ์และณิชชายังคงทำงานอย่างต่อเนื่อง เพราะมีเรื่องต้องจัดการหลายเรื่อง ทั้งงานในกรุงเทพฯ ต่างจังหวัด และในส่วนของคดีความ แต่เจ้านายก็ยังอุตส่าห์สังเกตเห็นว่า เลขาของตัวเองวุ่นวายอยู่กับโทรศัพท์มากผิดปกติ ยิ่งตอนที่กลับเข้ามาในห้องพักแล้วก็ยิ่งเป็นเอาหนักมากขึ้น แรกๆ ก็แค่พิมพ์แชตธรรมดา แต่พอหนักเข้าก็มีเสียงเรียกเข้าและเจ้าตัวก็แอบไปคุยอยู่ที่ระเบียง คนที่นั่งก้มหน้าทำงานอยู่กำหมัดแน่น
“คุยกับใคร?” ชลาสินธุ์เอ่ยน้ำด้วยน้ำเสียงเอาเรื่องทันที ที่ร่างบางเดินกลับเข้ามาในห้อง
“กับเพื่อนค่ะ” ณิชชาตอบ ออกจะงง ๆ กับน้ำเสียงห้วนสั้นแบบจับต้นชนปลายไม่ได้
“ชื่อ?”
“หา?...”
“ชื่อ?” เขาถามซ้ำ มือก็คว้าหมับที่หัวไหล่บาง
“ชื่อธิติค่ะ หัวหน้าเขาเป็นตำรวจที่ดูแลคดีเราอยู่ “ฉันคุยกับเขาเรื่องคดีน่ะ พยายามยืนยันว่าเราไม่เกี่ยวข้องด้วย”
“อืม” ชลาสินธุ์ใจเย็นลงบ้างเมื่อได้ฟังคำตอบ “แล้วได้ความว่าไง”
“เดี๋ยวจะช่วยติดตามให้ ฉันได้ภาพจากกล้องวงจรปิดตัวที่อยู่ตรงลิฟต์ขนของกับลานจอดรถเพิ่มมาด้วย ส่งให้เขาดูแล้ว เขาก็จะช่วยส่งหลักฐานบางอย่างให้กับเจ้าหน้าที่ทางนี้ด้วย แต่คงออกหน้ามากไม่ได้ เพราะคดีนี้มีคนดูแลอยู่แล้ว”
“แล้วทำไมต้องมีความลับ ทำไมต้องไปคุยที่ระเบียง” เขาถามเสียงแข็ง ทำเอาอีกคนได้แต่ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย
“ฉันกลัวว่าจะรบกวนคุณ เห็นคุณกำลังทำงาน และอยากจะบอกคุณว่า คุณช่วยเชื่อตัวเองให้น้อยลง แล้วฟังคนอื่นให้มากขึ้นหน่อยก็ได้ รู้สึกเหมือนฉันจะเตือนคุณไปแล้วนะ เรื่องคุณภัสสราอะไรเนี่ยว่า เธอมีพฤติกรรมประหลาด ๆ คุณก็ไม่เชื่อ ชื่อเสียงที่สร้างมาตั้งแต่รุ่นพ่อมันคุ้มกันเหรอกับสิ่งที่คุณคิดจะทำน่ะ” ณิชชาร่ายยาว
ไม่มีอะไรคุ้มเลยสักอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการทำความรู้จักกับสองพ่อลูกนั่น หรือการดื้อรั้นจะเอาธารากานต์คืน ทั้งที่เจ้าตัวไม่เต็มใจตั้งนานแล้ว
เสียงถอนหายใจมาพร้อม ๆ กับหัวไหล่บางถูกคลายออกจากความเจ็บปวด ก่อนใบหน้าเล็กจะถูกบังคับให้รับจูบอ่อนโยน พอแผ่นหลังแตะเตียง ณิชชาก็ปล่อยให้ชลาสินธุ์ควบคุมขบวนรถไฟสายนุ่มนวลนี้ไปไหนต่อไหนตามแต่ใจเขาเลย
ชลาสินธุ์ถอนกายตัวเองออกจากร่างเล็ก หลังจากรถไฟแล่นมาจอดที่ชานชลา แต่ริมฝีปากหนาก็ยังคงนัวเนียอยู่ที่ใบหน้าของร่างเล็กที่ถูกสูบพลังจนแทบหมดตัวอยู่ไม่ห่าง ร่างเล็กที่ทำได้เพียงปรือตาขึ้นมาดูความเป็นไปต่าง ๆ ถูกร่างหนาจัดท่านอนให้สบายขึ้นกว่าเดิม มือแกร่งหยิบผ้าขึ้นมาห่มให้เธอ ก่อนจะนอนตะแคงเท้าแขนตัวเองมองร่างตรงหน้าด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก
หนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นหนึ่งสัปดาห์ที่ทั้งคู่ทำงานอย่างหนัก
พวกเขาห้ามไม่ให้ออกนอกพื้นที่ที่กำหนด นั่นหมายความว่าทุกอย่างต้องทำผ่านออนไลน์และสายโทรศัพท์ สองคนช่วยกันทำงานหนักเพื่อให้หลุดพ้นจากคำครหาอันแสนอุกฉกรรจ์นี้ไปให้ได้สาคเรศเดินทางมาช่วยพวกเขาถึงที่ ใช้วิทยายุทธทุกอย่างที่มีช่วยพี่ชายและ (คนที่เขาเห็นว่าเป็น) ว่าที่พี่สะใภ้ ให้รอดจากเหตุการณ์นี้ให้ได้ จากนั้นก็จะต้องเรียกความมั่นใจของทั้งผู้ถือหุ้นที่ตอนนี้ทดทิ้งพวกเขาจนหุ้นตกระเนระนาด
พี่ชายใหญ่ขอโทษขอโพยน้องชาย ไม่คิดว่าตัวเองซึ่งก็เจนจัดเรื่องงานจะพลาดได้ขนาดนี้
“สราบอกว่า ตัวเองไม่รู้เรื่อง ทั้งหมดเพื่อนเขาทำ” ชลาสินธุ์อธิบายสถานการณ์ตัวเองให้น้องชายฟังจนหมด
“เชื่อ?” สาคเรศเลิกคิ้ว
“ไม่เชื่อ แต่ไม่มีหลักฐาน” พี่ชายได้แต่ถอนหายใจ
“มีนะคะ” อีกฝ่ายที่นั่งอยู่บนโต๊ะรับประทานอาหารในส่วนของห้องนั่งเล่นในห้องพักโรงแรมยื่นมือถือของตัวเองให้สองพี่น้องดู ระหว่างนั้นตัวเองก็เดินไปหยิบกระดาษที่ปรินต์รูปเหล่านั้นออกมาก่อนจะนำกลับมาวางไว้ที่โต๊ะ
“อธิบายหน่อย” เจ้านายออกคำสั่ง
“อันนี้เป็นภาพจากกล้องวงจรปิดตามที่ต่าง ๆ ที่เพื่อนฉันไปสืบหามาได้ค่ะ ทั้งหมดเป็นร่องรอยการใช้ชีวิตช่วงก่อนที่คุณสราจะมาเช่าโรงแรมนี้อยู่ประมาณเดือนหนึ่งค่ะ คนที่คุณสราไปหาล้วนเป็นนักธุรกิจที่มีชื่อเชื่อมโยงกับบ่อนใหญ่ ๆ ในกรุงเทพฯ และที่อื่น ๆ ทั่วประเทศ และหนึ่งในพวกนี้เป็นคนที่เป็นมาเฟียอยู่ที่ต่างประเทศด้วยค่ะ มันดีตรงที่ ทั้งหมดนี้มีเพียงคุณสรากับกำนันเพชรเท่านั้น แต่ไม่มีคุณสินธุ์อยู่ด้วย”
“...” สาคเรศมองหน้าพี่ชายอย่างคาดโทษ เขาชอบณิชชามาก และไม่อยากจะได้คนอื่นมาเป็นพี่สะใภ้แล้ว
...นี่นอกใจคุณณิชงั้นเหรอ ไอ้พี่ชาย...
“?”
“ต่อนะคะ” หญิงสาวพูดขึ้นเมื่อคล้าย ๆ จะเห็นศึกสองพี่น้องขึ้นมาโดยไม่รู้สาเหตุ “พอไม่มีคุณสินธุ์ก็มีความเป็นไปได้สูงมากว่า คุณกานต์จะไม่เกี่ยวข้องด้วยค่ะ”
“นี่เธอไปได้หลักฐานพวกนี้มาได้ยังไง”
“นายธิติเพื่อนของฉันเป็นคนหาร่วมกับคนของคุณพัฒน์น่ะ”
ชลาสินธุ์หน้างอทันที ไม่รู้ว่าควรจะโกรธกับประโยคไหนก่อนดี
...ทำไมต้องเป็นผู้ชายของผู้หญิงของเขาทั้งคู่ด้วยนะ?...
“แล้วเราต้องทำอะไรบ้าง รออย่างเดียวไม่ดีมั้ง”
“ไม่ค่ะ ไม่รออย่างเดียว” หญิงสาวบอกสาคเรศที่เป็นคนถาม ก่อนจะหันมาทางเจ้านายตัวเอง “คุณต้องนัดคุณสรามาที่นี่ พรุ่งนี้”
“อา...ฉันว่าไม่ได้ผล สราไม่อยากมาที่นี่ตั้งแต่มีเรื่องแล้ว”
“ฉันมีวิธี”
ตอนอวสานชลาสินธุ์ให้คนขับรถมารับที่บ้านของพัฒนศักดิ์ในวันรุ่งขึ้น พวกเขากลับมาถึงกรุงเทพฯ ในช่วงบ่าย ๆ แต่น้อง ๆ ทั้งสองคนปฏิเสธที่จะให้เขากลับมาทำงานในทันที ทำให้ประธานบริษัทพร้อมเลขากลายเป็นคนว่างงานในวันนี้ณิชชาหัวเราะเมื่อเห็นว่าชลาสินธุ์ดูจะเป็นห่วงเธอมากเกินจริงไปสักหน่อย ห้ามทำอะไรที่ต้องใช้กำลัง จะไปไหนก็ได้แต่ต้องอยู่ในระยะสายตาที่เขามองเห็น อยากได้อะไรหรืออยากกินอะไรต้องบอก เพราะเขาจะทำให้เอง เรียกว่าณิชชามีหน้าที่อย่างเดียว คือนั่งเฉยๆ“พอแล้วค่ะ คุณมานั่งเถอะ” ณิชชาบอก เมื่อชลาสินธุ์ถามเป็นครั้งที่ร้อยว่าอยากได้อะไรอีกหรือเปล่า หญิงสาวจึงเรียกให้มานั่งดูหนังในห้องนั่งเล่นด้วยกันชายหนุ่มตัดสินใจนั่งลงข้าง ๆ คนรัก และเหมือนเคย นับตั้งแต่กลับ มาจากไร่เจริญตา ไม่มีสักครั้งที่หากได้นั่งคู่กันชลาสินธุ์จะไม่โอบรอบตัวร่างเล็กให้อยู่ในอ้อมกอดตลอดเวลา“ไม่เจ็บแล้วแน่นะ ดูสิ ยังเป็นรอยช้ำอยู่เลย” ชลาสินธุ์บอกพลางใช้นิ้วโป้งลูบไล้เบา ๆ ไปที่รอยช้ำที่แขน ซึ่งยังเป็นรอยเด่นชัด น่าจะเกิดจากการต่อสู้กับลูกน้องของภัสสรา“เจ็บนิดหน่อย แต่ไม่เป็นไรแล้วจริง ๆ ไม่ต้องห่วงหรอก ห่วงขาคุณดีกว
บทที่ 50 จุดจบที่เลวร้ายภัสสราเดินตรงเข้ามายังชลาสินธุ์ ทำให้ชายหนุ่มต้องถอยหลังเพื่อเว้นระยะ กลุ่มชายฉกรรจ์ผิวเข้มเดินเข้ามาในห้องหลายคน ณิชชาเห็นคนที่โยนเขาเข้าไปในรถตู้รวมอยู่ในนั้นด้วย“ปล่อยฉันลงเถอะ ฉันเดินไหวแล้ว” ณิชชากระซิบบอก ชลาสินธุ์ยอมทำตาม แต่ก็ยังโอบไหล่บางไว้ ไม่ให้ห่างตัว ร่างเล็กซบใบหน้าตัวเองลงกับลำแขนใหญ่ แม้ว่าจะกลัวจนแทบบ้า แต่กลับรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยเมื่ออยู่ใกล้เขา“ทุกอย่างจะต้องผ่านไปด้วยดี เธอเชื่อมั่นในตัวฉันนะ” ชลาสินธุ์กระซิบบอกอย่างอ่อนโยนณิชชาพยักหน้ารับ เธอจะเชื่อมั่นในตัวคน ๆ นี้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตามกลุ่มชายฉกรรจ์ตีวงล้อมจนทั่วห้องโดยมีทั้งสามคนอยู่ตรงกลาง“รู้อะไรไหม คุณสินธุ์ คุณทำให้ฉันสูญเสียอะไรไปตั้งหลายอย่าง ลงทุนไปตั้งมากมาย แต่คุณกลับทำลายมันทิ้งในเวลาแค่วันเดียว” ภัสสราเอ่ยขึ้น คำพูดเนิบช้ากว่าปกติ เรียวปากเหยียดยิ้มแต่แววตากลับเข่นอาฆาต“คุณไม่เห็นต้องโกรธผมขนาดนี้เลยคุณสรา”“หึ ไม่ต้องโกรธเหรอ ถ้าคราวนั้น พวกแกไม่ทำตัวเป็นคนดี แล้วปล่อยให้ฉันดำเนินธุรกิจของฉันไป ฉันก็ไม่ต้องเป็นแบบนี้หรอก แกก็ได้ค่าเช่า ฉันก็ได้กำไร แกทำแบบนั้นทำ
บทที่ 49 ลักพาตัว“คืนนี้เธอจะนอนที่นี่ใช่มั้ย”“ฉันไม่ได้เตรียมเสื้อผ้ามาเลย”“ก็ใส่ตัวเดิมสิ ไม่เปื้อนหรอก เพราะคืนนี้เธอไม่ต้องใส่นี่” อีกคนยังดื้อรั้นไม่ฟังคำอธิบายแถมยังทำท่าจะหื่นใส่อีก“คิดจะทำอะไรน่ะ ที่นี่โรงพยาบาลนะ แล้วคุณก็ป่วยอยู่ ทำไหวหรือไง?”“จะได้พิสูจน์ด้วยตัวเองมั้ย”“ไม่ ฉันไม่ยอมหรอก คุณน่ะ เอะอะก็จะทำมิดีมิร้ายฉันตลอด”“ขี้บ่นจัง” ชลาสินธุ์แกล้งทำท่าเกาหัว “งั้นฉันสัญญาว่าจะไม่ทำอะไร แต่เธอนอนให้ฉันกอดนะ คิดถึงจะแย่ คิดถึงจะตายอยู่แล้วคนใจร้าย”“ว่าฉันใจร้าย คุณก็ใจร้ายเหมือนกันนั่นแหละ”“นะ”“เอ่อ...ถ้าคุณไม่ทำอะไรจริง ๆ ฉันนอนด้วยก็ได้”“ไม่ทำหรอก ถ้าเธอไม่เผลอน่ะ”“อะไรนะ!” และอย่างไม่ต้องรอคำตอบ ณิชชาก็ฟาดมือไปที่แขนคนป่วยเสียงดังลั่นห้อง ก่อนจะแจกค้อนไปให้อีกหลายทีชลาสินธุ์ลูบแขนตัวเองแล้วหัวเราะไปด้วย“ฉันยอมให้หน่อย ก็ทำร้ายฉันเลยนะ” เสียงอ่อนบอกก่อนจะโอบคนรักให้แน่น ๆ อีกหน “งั้นตกลง นายนอนที่นี่นะ นอนเฉย ๆ ให้ฉันมองหน้า จะได้หายคิดถึง”“หึ” หญิงสาวค้อนคนป่วยขวับ เธอเองก็อยากกอด อยากมองหน้า อยากยิ้มให้ผู้ชายคนนี้ เพื่อให้แน่ใจว่า ความรักระหว่างตัวเองกับ
บทที่ 48 ฝันที่ (ไม่) อาจเป็นจริงแม้จะเป็นเวลาพลบค่ำแล้วทำให้อาจจะได้พบคนที่เขาคิดถึงแค่ไม่กี่นาทีแต่ณิชชา ก็ตัดสินใจออกจากบ้านทันทีที่อัครชัยปล่อยมือเขา ความโหยหาที่ลอยวนอยู่ในใจมันฉุดกระชากให้เขามาที่นี่ โรงพยาบาลใหญ่ใจกลางกรุง ชลาสินธุ์ถูกย้ายมาที่นี่ทันทีที่ร่างกายสามารถทนต่อการเดินทางได้หญิงสาวเดินหาห้องนั้นจนพบ ในมือถือดอกไม้ช่อเล็ก ๆ ที่ตั้งใจทำเองด้วยหัวใจ มือบางที่กำลังจะเคาะห้องมีอันต้องชะงักค้างไว้“คุณณิชคะ คุยกันหน่อยดีมั้ย” ชลาธารที่เพิ่งมาถึงเช่นกัน มองมาที่ณิชชา ไม่มีสายตาของมิตรภาพแม้แต่น้อยชลาสินธุ์นอนลืมตาโพรงอยู่บนเตียงคนป่วย แม้อาการทางกายจะค่อย ๆ หายจนเกือบเป็นปกติ เพราะรถที่ชนก็แค่เฉี่ยวขาทำให้เจ็บที่หัวเข่าซ้ายเท่านั้น แย่หน่อยตรงที่ตอนกระโดดหลบ หัวของเขามันไปชนต้นไม้ข้างทางทำให้ทั้งน้อง ๆ และคุณหมอค่อนข้างเป็นห่วง แต่อาการทางใจของชายหนุ่มก็ทำให้ตอนนี้เขาแทบไม่ต่างจากผักเหี่ยว ๆ ที่รอวันเฉาลงไปอีกชลาธารรับหน้าที่ดูแลพี่ชายของเธอที่โรงพยาบาล ขณะที่คนอื่นดูแลเรื่องงาน ยิ่งเห็นพี่เป็นแบบนี้ ก็ยิ่งโกรธณิชชามากขึ้นเรื่อย ๆ เห็นว่าเป็นคนนิ่ม ๆ ไม่คิดว่าจะมีอิ
บทที่ 47 อัครชัยคือคนที่เลือกแล้วชลาธารทำอย่างที่ตนเองได้ลั่นวาจาไว้ทันทีที่วันทำงานวันแรกมาถึง“คุณณิชคะ คุยกับธารในห้องก่อนค่ะ” มาถึงยังไม่ทันได้นั่ง ก็เอ่ยปากให้ณิชชาเดินตามตัวเองเข้าไปในห้องแล้ว ณิชชาเดาไม่ถูกว่าเจ้านายคนเล็กคนนี้จะพูดเรื่องอะไร เรื่องงานหรือว่าอย่างอื่น เพราะแทบจะไม่เคยทำงานด้วยกันเลย ยิ่งหญิงสาวไปเรียนต่อได้เป็นปีแล้ว ยิ่งห่างกันไป เดาใจไม่ถูก“คุณธาร มีอะไรให้ณิชทำเหรอคะ” ณิชชาพูดก่อนจะนั่งลงตามมือที่ผายออก หญิงสาวไม่ได้ชวนเธอนั่งที่โต๊ะทำงาน ซึ่งตอนนี้คนที่ยึดโต๊ะตัวนั้นเป็นของตัวเองยังไม่มา แต่พวกเธอนั่งคุยกันที่โซฟารับแขกซึ่งอยู่ในห้องทำงานของชลาสินธุ์ด้วยนั่นเอง“คุณณิชจะว่าอะไรมั้ยคะ ถ้าธารจะถามเรื่องพี่สินธุ์” ยิงคำถามทันทีพร้อมกอดอกฟังคำตอบ แต่ดูเหมือนคนที่ต้องตอบจะยังหาเสียงของตัวเองไม่เจอ“คือ...เอ่อ...”“ไปเยี่ยมสักวัน หรือดอกไม้สักช่อ ไม่คิดจะส่งไปหน่อยเหรอคะ” ชลาธารพูดแทรกขึ้นอย่างหงุดหงิด อยากจะเล่าสภาพของพี่ชายให้คนตรงหน้าฟังว่าเลวร้ายแค่ไหน แต่ก็กลัวว่าสิ่งที่ได้กลับมาจะเป็นอย่างอื่นนอกจากความเห็นอกเห็นใจ ถ้าณิชชารู้สึกยินดีกับสภาพของพี่ชายตนเอ
บทที่ 46 รถชนณิชชาฟังแล้วอึ้งไป เพราะน้ำเสียงนั้นแม้จะสุภาพแต่ก็เฉียบขาด พี่น้องบ้านนี้บุคลิกไม่เหมือนกันสักคน สาคเรศคนนี้หากฟังจากน้ำเสียง ลักษณะนิสัยคงเป็นแบบ อยู่ตรงกลางระหว่าง ชลาสินธุ์และธารากานต์ คือไม่ได้ดูใจดีมากเหมือนธารากานต์ แต่ก็ไม่ได้ดุและขี้หงุดหงิดเหมือนพี่ชายคนโต“คือ...คุณสินธุ์คงไม่สะดวกให้ดิฉันไปทำงานแล้วล่ะค่ะ”“พี่สินธุ์ไม่อยู่ที่นี่มาสองสัปดาห์แล้วครับ ตั้งแต่คุณไป” เสียงถอนหายใจปล่อยมาตามสาย “คุณทำให้พี่สินธุ์อยู่ที่นี่ไม่ได้ แล้วคุณก็จะไม่อยู่ดูแลที่นี่อีก นี่คุณกะจะให้พวกเราล่มจมเลยเหรอครับ”“คุณเรศคะ...ดิฉันเปล่า...คือ...ดิฉันไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายพวกคุณเลยนะ เพียงแต่ไม่คิดว่าคุณสินธุ์เขา...”“เขาจะอยู่ไม่ได้เมื่อไม่มีคุณ?” สาคเรศขัดอีกแล้ว แล้วก็ถูกที่ถูกเวลาเสมอ เพราะมันเป็นสิ่งที่อยู่ในใจณิชชาด้วย คนฟังน้ำตาแทบจะไหลลงมาอีกครั้ง เสียงถอนหายใจของปลายสายทำให้ณิชชาทำอะไรไม่ถูก “ผมทราบว่าคุณไปคุยกับที่อื่นมาแล้ว แต่ก่อนจะไป คุณน่าจะมาเคลียร์งานที่นี่สักหน่อย พรุ่งนี้เข้ามานะครับ ผมรออยู่”สาคเรศวางหูไปนานแล้ว แต่ณิชชายังอยู่ที่ระเบียงไม่ไปไหน ความคิดสับสนว