บทที่ 35 ณิชเป็นสมบัติของผม
ณิชชาแทบไม่เหลือทางเลือกเลยเพราะหากดื้อดึงที่จะอยู่ตรงนี้แสงอักษรคงไม่ลังเลเลยที่จะพูดจาร้าย ๆ ให้เธอต้องเจ็บช้ำน้ำใจต่อหน้าคนที่นี่อีกและช่วงระหว่างที่มัวแต่คิดอยู่นั้น คนหน้าเดิม ๆ ที่เธอเคยเห็นว่าไปล้อมรอบคอนโดของตนเมื่อสองปีก่อน ก็ปรากฏตัวขึ้น ร่างเล็กได้แต่เดินตามไปเงียบ ๆ พร้อมกับกลุ่มคนอีกสองสามคนที่เดินล้อมรอบตัวของเขา ทำให้แทบไม่มีใครเห็นร่างเล็กเลยสักนิด
“คุณหญิงมีเรื่องอะไรจะพูดกับดิฉันเหรอคะ” ณิชชาถามเมื่อถูกทิ้งไว้เพียงลำพังกับแสงอักษรในซอกหลืบด้านหลังห้องจัดงาน ขณะที่กลุ่มชายฉกรรจ์นั้นยืนห่างออกไป
“ไม่รู้จริง ๆ เหรอ งั้นฉันจะถามล่ะนะ” แสงอักษรกดเสียงต่ำ และเบาพอที่จะได้ยินกันแค่สองคน “เลิกยุ่งกับอัคหรือยัง”
“พี่อัคไม่ได้ติดต่อมาตั้งนานแล้วค่ะ” ณิชชาตอบด้วยความสัตย์จริง
“อย่ามาโกหกนะ ไม่ได้ติดต่อกันยังไง เขาถึงยังพร่ำเพ้อถึงเธออยู่ รู้ใช่มั้ย ถ้ายังใกล้ชิดลูกชายฉันอยู่อะไรจะเกิดขึ้น”
ณิชชารู้สึกงุนงงกับคำพูดของแสงอักษรเหลือเกิน เธอพูดราวกับว่าอัครชัยอยู่ใกล้ ๆ ตลอดไม่ได้ไปไหน
“พี่อัค คือ...เขา...”
“อย่าทำให้ฉันหมดความอดทนกับเธอนะ ไม่อย่างนั้นฉันจะ
ยัดเยียดผู้ชายทุกคนที่บ้านฉันให้ได้เป็นผัวเธอ...ยกเว้นอัค”“คุณอย่าเสียเวลามาขู่ดิฉันเลย ผมไม่ได้เจอพี่อัคมานานมากแล้วจริงๆ” ณิชชาสูดหายใจลึก แปลกใจที่เสียงตัวเองยังราบเรียบทั้งที่หัวใจยังสั่นไหวได้ทุกครั้งเมื่อได้ยินชื่ออัครชัย หรืออาจจะเป็นเพราะถูกข่มขู่ ถูก
ดูหมิ่นดูแคลนจนร่างกายมันชาดิกไปแล้ว“อย่าคิดว่าพูดจาสามหาวแบบนี้แล้วฉันจะกลัวเธอนะ เมื่อก่อนฉันกำจัดเธอได้แบบไหน ตอนนี้ก็ไม่ต่างกันอย่าคิดว่า ฉันไม่รู้ว่าเธอกับลูกชายติดต่อกันอยู่”
“คุณหญิงจะคิดอะไรก็เรื่องของคุณหญิงเถอะค่ะ ดิฉันขอตัว”
ณิชชาหันหลังกลับเพราะไม่อยากจะต่อล้อต่อเถียงอีกแล้ว ต่อให้อธิบายจนเส้นเสียงพัง ผู้หญิงตรงหน้าก็คงจะเชื่ออย่างที่ตัวเธอเองอยากจะเชื่ออยู่ดี แต่ทันทีที่ณิชชาหันหลังกลับ แขนก็ถูกกระชากเอาไว้อย่างแรง เสียงมือกรีดอากาศปะทะที่แก้มของณิชชาดังไม่เบาเลย วินาทีนั้นเหมือนทุกอย่างหยุดนิ่งสนิท ตาต่อตาประสาน“มีอะไรกันครับ” เสียงนิ่งดังมาจากทิศทางที่ทั้งสองคนไม่ทันเห็น ทั้งคู่หันกลับไปมองพร้อม ๆ กัน มือหนาโอบเอวบางเอาไว้แล้วดึงเข้าหาตัวทันทีที่มาถึง
แสงอักษรมองกิริยาปกป้องนั้นอย่างไม่สบอารมณ์นักแต่แววตาของคนมาใหม่ไม่ได้มีความเกรงกลัวอะไรเลย ยังจ้องกลับดวงตามาดร้ายนั้นเขม็ง
“มีอะไรกับคนของผมครับ” ชลาสินธุ์ถามย้ำอีกรอบ
“ฉันพูดไปหมดแล้ว คุณก็ดูแล ‘คนของคุณ’ ให้ดีก็แล้วกัน” พูดจบแสงอักษรก็เดินจากไปนิ่งๆ
“ไหน มีอะไรกัน ทำไมถึงมาอยู่ตรงนี้ได้” เขาถามพร้อมกับใช้
หลังมือลูบไล้บริเวณแก้มที่โดนฝ่ามือจนเป็นรอยแดงขึ้นมา ชลาสินธุ์พยายามมองหาณิชชาสักพัก แต่หาเท่าไรก็ไม่เจอ เขาเดินตามหาที่ห้องน้ำแต่ก็ไม่พบอีก กระทั่งเห็นเงาของใครบางคนทอดยาวออกไปจากตรงนี้จึงเดินเข้ามาดู แล้วก็ทันได้เห็นจังหวะที่ณิชชากำลังถูกทำร้ายเข้าพอดีชลาสินธุ์โอบกอดร่างเล็กเอาไว้กับตัว ลูบไล้แผ่นหลังบางปลอบโยนร่างเล็ก ๆ ที่กำลังเสียขวัญ ก่อนจะบีบที่มือเบา ๆ
ณิชชารับความรู้สึกอาทรนั้นด้วยใจ แต่ความอ่อนโยนของเขาทำให้ณิชชายิ่งอยากแสดงความอ่อนแอน้ำตาเม็ดน้อยค่อย ๆ หยดจากแววตาเศร้า ก่อนที่ร่างทั้งร่างจะสั่นสะอื้นอย่างควบคุมไม่ได้
เขาจึงต้องโอบหญิงสาวไว้ในอ้อมกอดอีกครั้งเพื่อให้คลายจากความเศร้าโศกและหวาดกลัวทั้งหมดที่มี
“ไม่เป็นไรนะ”เสียงกระซิบอ่อนโยนดังอยู่ที่ข้างหู ขณะที่ณิชชา เอียงศีรษะซบอกแกร่งที่เหมือนกำแพงวิเศษคอยปกป้องเธอไว้จากอันตรายทั้งปวง
“ฉันอยากกลับบ้านแล้ว” ร่างเล็กพูดเบา ๆ เคล้าเสียงสะอื้น
“ไปสิ ฉันจะพาเธอกลับบ้าน ‘ของเรา’”
ชลาสินธุ์คิดอยากจะพาณิชชาออกจากงานตรงประตูด้านข้างโรงแรมซึ่งเป็นประตูที่อยู่ใกล้บริเวณนั้นมากที่สุด แต่การที่เขาหายตัวไปเฉย ๆ ก็ดูจะเป็นการเสียมารยาทมากจนเกินไป เขาจึงขอเข้าไปในงานเพื่อร่ำลาผู้หลักผู้ใหญ่ในงานเสียก่อน
เมื่อเข้าไปถึงในงาน ณิชชาขอตัวไปยืนอยู่กับกลุ่มของคุณวสพลที่กำลังควบคุมงานของพนักงานอยู่ ชลาสินธุ์พยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต แต่ยังไม่ทันที่ณิชชาจะเดินไปถึง ก็ต้องพบกับคนที่ไม่อยากเจอเข้าเสียก่อน
“สวัสดีครับคุณณิช ไม่เจอกันซะนานเลยนะครับ” เสียงสดใสทักทายขึ้น ทำให้ร่างบางโล่งใจได้เล็กน้อย เพราะร่างกายของคนตรงหน้าคงจะหายดีแล้ว แต่ณิชชาก็เก็บอาการดีใจนั้นไว้เงียบๆ
“คุณชิน” ณิชชาพึมพำเบา ๆ สบตากับคนตรงหน้าเพียงผ่าน ๆ แล้วหันไปมองยังที่ที่ร่างสูงอีกคนยืนอยู่อย่างเป็นกังวล ตอนนี้ชลาสินธุ์หันหลังให้ และกำลังพูดคุยกับผู้ใหญ่คนหนึ่งอยู่ ณิชชาจำได้ว่า เขาคือคนสำคัญของกระทรวงสักกระทรวงหนึ่ง
“เกลียดผมแล้วเหรอครับ ไม่เห็นคุยกับผมเลย”
“เปล่าค่ะ แต่ณิชคิดว่า เราไม่น่าจะใกล้กัน ณิชกลัวคุณสินธุ์จะโกรธ แล้วเอ่อ...” ยังไม่ทันพูดจบ ยังไม่ทันพูดว่ากลัวว่าชลาสินธุ์จะทำร้ายชินวุฒิ อีกฝ่ายก็ขัดขึ้นเสียก่อน
“แล้วเขาจะทำร้ายคุณ?”
“ไม่หรอกค่ะ เขาไม่ทำร้ายณิชนานแล้ว” ณิชชาตอบ “เอ่อ คือ ณิชดีใจนะคะที่คุณชินปลอดภัย”
“ผมก็ดีใจที่วันนี้คุณไม่ดูอมทุกข์เหมือนเมื่อก่อนนี้แล้ว”
“ค่ะ” ณิชชายิ้มให้กับคำพูดนั้น “ว่าแต่ทำไมคุณชินมาที่นี่ได้ล่ะคะ ก็ที่นี่น่ะ มันเป็นโรงแรมของเอ่อ...”
“ของครอบครัวสินธุ์?”
“ค่ะ”
“ก็ผมก็ได้รับการ์ดเชิญเหมือนกันนี่ครับ ทำไมจะมาไม่ได้ล่ะ
จริงไหม?” ชินวุฒิ ตอบสบาย ๆ เขายังคงเป็นคนอารมณ์ดี และยิ้มแย้มแจ่มใสเสมอ “ว่าแต่นี่มันเกิดอะไรขึ้นครับ ความสัมพันธ์ของคุณกับเขา ตอนนี้เป็นอย่างไร ดูคุณมีความสุขขึ้นนะ เขาเลิกยุ่งวุ่นวายกับคุณแล้วหรือ”ยังไม่ทันที่ณิชชาจะตอบ เสือร้ายที่หวงของสุดฤทธิ์ก็คว้าหมับเข้าที่แขนของณิชชาไว้ซะก่อน
“ไม่ต้องรู้หรอก รู้แค่ว่า ณิชเป็นสมบัติของผม และถ้ามายุ่งกับ
พวกเราอีก คราวนี้ผมไม่ยอมแน่ ๆ”เสียงแข็งกระด้างเอ่ยขึ้นด้านหลัง เพราะมัวแต่คุยกับสองคน ชลาสินธุ์มาอยู่ตรงนั้นตั้งแต่เมื่อไร ไม่มีใครรู้เลย
“เราก็แค่ทักทายกันน่ะ”
“เราไม่ต้องรู้จักกันก็ได้ ผมไม่อยากให้คนของผมเดือดร้อนอีก อ้อ อย่างพี่คงไม่สนใจใยดีคำว่า ‘คนของผม’ นักหรอก แต่ถ้าขู่ว่า เลขาของผมจะเดือดร้อน พี่คงยอมถอยออกไป”
เสียงนั้นติดนิ่งก็จริง แต่ณิชชาได้ยินเสียงของความโกรธเกลียดที่คุ้นเคยนั้นอีกครั้ง
“นายพูดเรื่องอะไรน่ะ นายพูดเรื่องอะไรที่ฉันไม่รู้เรื่องมาหลายปีแล้วนะ”
“หึ คนดี ๆ อย่างพี่คงไม่ค่อยได้ยินเรื่องเลว ๆ แบบนี้หรอก”
“คุณสินธุ์ เรากลับบ้านกันเถอะ” เสียงหวานเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่า เรื่องราวมันเริ่มจะไปไกลมากกว่าที่คิด
ร่างหนาหันมามองเธอเพียงแวบเดียวก็เดินลงเท้าหนัก ๆ จากไป ทิ้งให้คนตัวเล็กต้องวิ่งตามไปอย่างเหนื่อยหอบ
“โกรธฉันเรื่องคุณชินเหรอ” ณิชชาถามเมื่อถึงบ้านและอยู่ในห้องนอนกันสองต่อสองเรียบร้อยแล้ว อันที่จริงเธออยากจะถามมันซะระหว่างอยู่ในรถเลยด้วยซ้ำ แต่ก็กลัวว่า คนตัวใหญ่จะโกรธจนขับรถเกิดอุบัติเหตุได้ จึงรอให้ถึงบ้าน ให้ได้อาบน้ำอาบท่าอารมณ์ดี ๆ เสียก่อน
“ณิช ฉันไม่ชอบทำตัวเหมือนหมา ที่คอยแต่วิ่งหวงเธอไปมา”
“เราแค่ทักทายกันเฉย ๆ ไม่ได้ทำอะไรเลย” คนตัวเล็กพยายามจะอธิบาย เพราะตอนนี้ชลาสินธุ์ไม่ใช่คนเดิมที่คอยแต่จะทำร้ายเธออีกแล้ว แต่ร่างหนากลับทำหน้าผิดหวังในพฤติกรรมของเธอ ซึ่งมันเจ็บแปลบที่ใจมากกว่าซะอีก
“ฉันเหนื่อย” ชลาสินธุ์พูด ทำท่าจะเดินออกไปที่ระเบียง แต่
หญิงสาววิ่งเข้าไปประชิดแล้วโอบกอดคนตัวใหญ่จากด้านหลังเสียก่อน“คุณเหนื่อยเพราะตัวคุณเอง” เสียงณิชชาอู้อี้เพราะริมฝีปากแนบอยู่กับแผ่นหลังกว้าง “ฉันไม่ได้ทำอะไรจริง ๆ คุณไม่จำเป็นต้องมาเหนื่อยเพราะเรื่องนี้เลย ถึงยังไงฉันก็ทำตามที่เคยสัญญาเสมอ อย่ามาเสียเวลาเหนื่อยด้วยเรื่องนี้เลย” ณิชชาพูดจบก็บรรจงจูบแผ่นหลังผ่านชุดนอนที่ร่างหนาสวมใส่อยู่ ชลาสินธุ์ไล้มือไปบนมือบางที่กอดเอวเขาแน่น
“ระยะหลังมานี้ ฉันแพ้เธอตลอดเลยนะ” เขาพูดพลางหันหน้ามาหาทั้ง ๆ ที่ณิชชายังไม่ได้คลายอ้อมแขนออก ตอนนี้ใบหน้าของณิชชาจึงแนบอยู่กับอกแกร่งแทน
“ไม่ได้อยากเอาชนะคุณ แค่ไม่อยากให้คุณไม่สบายใจ”
“แล้วเธอล่ะ สบายใจแล้วหรือยัง มีปัญหาอะไรกับผู้หญิงคนนั้น”
“...”
“ณิช เล่ามา ไม่อย่างนั้นฉันจะไปสืบเองแล้วมันกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้นะ ผู้หญิงคนนั้นน่ะ ฉันเคยเจอหน้าบ้าง แต่ไม่รู้จัก ตกลงเขาเป็นใคร” พูดเสียงดังและห้วนสั้นออกไป แล้วก็ได้สติเมื่อหัวใจของคนตัวเล็กที่แนบอยู่กับลำตัวเขามันมันเต้นตุบ ๆ แรง ๆ จนเขาเองก็รู้สึกได้
“คุณหญิงแสงอักษร”
ชลาสินธุ์หงุดหงิดเล็กน้อย
...ชื่อคุณหญิงสักชื่อเนี่ยไม่ได้หายากนักหรอกนะ...
“เป็น?”
“เป็นแม่พี่อัค” ณิชชาตอบไม่เต็มเสียงนัก ไม่รู้ว่าคนตรงหน้าจะโกรธอะไรอีกหรือเปล่า
“อ้อ”ชลาสินธุ์ขานรับเบา ๆ หัวใจของเขาหวิวไหวไปเล็กน้อย “แล้วเขาทำแบบนั้นกับเธอทำไมล่ะ?”
“เขากลัวว่า พี่อัคจะกลับมาหาฉันน่ะ”
“เธอก็คุยกับพี่อัคของเธออยู่จริง ๆ ไม่ใช่เหรอ ในไลน์น่ะ”
“เปล่า แต่เอ๊ะ? นี่คุณแอบดูโทรศัพท์ฉันเหรอ” หญิงสาวทำตาโตเงยหน้าขึ้นมามองอีกฝ่ายแบบเอาเรื่อง
“ใครว่า ฉันดูในคอมตอนที่เธอไม่อยู่ที่โต๊ะต่างหาก”
“เหมือนกันแหละ นั่นมันเรื่องส่วนตัวนะ” หญิงสาวพึมพำ แต่ก็ทำอะไรมากไม่ได้ เพราะหัวถูกกดให้ซบลงไปที่แผ่นอกกว้างเหมือนเดิม
“ว่าต่อสิ”
“ที่คุณเห็นน่ะไลน์เก่า ฉันกับพี่อัคไม่ได้คุยกันมาตั้งนานแล้ว
ส่วนใหญ่พี่อัคจะติดต่อมาเอง แต่นี่ก็ไม่ได้ติดต่อกลับมาหลายเดือนแล้ว”“คิดถึงหรือไง” น้ำเสียงที่ใช้ถามห้วนจัดจนณิชชาสัมผัสได้ถึงอารมณ์ที่ครุกรุ่น
“เปล่าสักหน่อย อยู่กับคุณจะให้คิดถึงใครล่ะ” เสียงเล็ก ๆ ตอบ
อู้อี้ด้วยความเขิน พูดเสร็จก็ลองเงยหน้าขึ้นมาสบตากับคนที่มองอยู่ก่อนแล้ว แล้วก็อดยิ้มแบบเขิน ๆ กับสิ่งที่ตัวเองพูดออกไปไม่ได้“หยุดยิ้มเดี๋ยวนี้” เสียงห้วนจัดออกคำสั่ง หวงนะ ยิ่งคนเป็นแม่มาดิ้นพล่านอยู่ใกล้ ๆ ขนาดนี้แสดงว่าต้องได้กลิ่นอะไรบางอย่างเกี่ยวกับลูกตัวเอง ไม่อย่างนั้นเป็นถึงคุณหญิงคงไม่มาแสดงตัวกับเด็กที่อาจจะเรียกได้ว่า คนละชั้น อย่างณิชชาแบบนี้หรอก
“ทำไมล่ะ ยิ้มให้ไม่ได้หรือไง” เสียงบ่นกระปอดกระแปด
“ถ้ายังยิ้มแบบนี้อีก ฉันปล้ำได้นะ!” พูดจบก็แกล้งกอดรัดร่างบางเอาไว้แรง ๆ
“คุณนี่มัน...” ณิชชาเขินอายจนหน้าแดง ไม่กล้าสบตาเจ้าของอ้อมกอดแกร่งที่กำลังโอบตัวเองเอาไว้อีก
“แล้วก็...”
“หืม?”
“อย่ายิ้มแบบนี้ให้ใคร นอกจากฉัน” ณิชชามองหน้าชลาสินธุ์เห็นเจ้าตัวอมยิ้มไว้จึงยิ้มแบบเดิมแล้วเพิ่มเติมความหวานเข้าไปด้วย
“อืม ฉันจะยิ้มแบบนี้ให้คุณคนเดียว”
ตอนอวสานชลาสินธุ์ให้คนขับรถมารับที่บ้านของพัฒนศักดิ์ในวันรุ่งขึ้น พวกเขากลับมาถึงกรุงเทพฯ ในช่วงบ่าย ๆ แต่น้อง ๆ ทั้งสองคนปฏิเสธที่จะให้เขากลับมาทำงานในทันที ทำให้ประธานบริษัทพร้อมเลขากลายเป็นคนว่างงานในวันนี้ณิชชาหัวเราะเมื่อเห็นว่าชลาสินธุ์ดูจะเป็นห่วงเธอมากเกินจริงไปสักหน่อย ห้ามทำอะไรที่ต้องใช้กำลัง จะไปไหนก็ได้แต่ต้องอยู่ในระยะสายตาที่เขามองเห็น อยากได้อะไรหรืออยากกินอะไรต้องบอก เพราะเขาจะทำให้เอง เรียกว่าณิชชามีหน้าที่อย่างเดียว คือนั่งเฉยๆ“พอแล้วค่ะ คุณมานั่งเถอะ” ณิชชาบอก เมื่อชลาสินธุ์ถามเป็นครั้งที่ร้อยว่าอยากได้อะไรอีกหรือเปล่า หญิงสาวจึงเรียกให้มานั่งดูหนังในห้องนั่งเล่นด้วยกันชายหนุ่มตัดสินใจนั่งลงข้าง ๆ คนรัก และเหมือนเคย นับตั้งแต่กลับ มาจากไร่เจริญตา ไม่มีสักครั้งที่หากได้นั่งคู่กันชลาสินธุ์จะไม่โอบรอบตัวร่างเล็กให้อยู่ในอ้อมกอดตลอดเวลา“ไม่เจ็บแล้วแน่นะ ดูสิ ยังเป็นรอยช้ำอยู่เลย” ชลาสินธุ์บอกพลางใช้นิ้วโป้งลูบไล้เบา ๆ ไปที่รอยช้ำที่แขน ซึ่งยังเป็นรอยเด่นชัด น่าจะเกิดจากการต่อสู้กับลูกน้องของภัสสรา“เจ็บนิดหน่อย แต่ไม่เป็นไรแล้วจริง ๆ ไม่ต้องห่วงหรอก ห่วงขาคุณดีกว
บทที่ 50 จุดจบที่เลวร้ายภัสสราเดินตรงเข้ามายังชลาสินธุ์ ทำให้ชายหนุ่มต้องถอยหลังเพื่อเว้นระยะ กลุ่มชายฉกรรจ์ผิวเข้มเดินเข้ามาในห้องหลายคน ณิชชาเห็นคนที่โยนเขาเข้าไปในรถตู้รวมอยู่ในนั้นด้วย“ปล่อยฉันลงเถอะ ฉันเดินไหวแล้ว” ณิชชากระซิบบอก ชลาสินธุ์ยอมทำตาม แต่ก็ยังโอบไหล่บางไว้ ไม่ให้ห่างตัว ร่างเล็กซบใบหน้าตัวเองลงกับลำแขนใหญ่ แม้ว่าจะกลัวจนแทบบ้า แต่กลับรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยเมื่ออยู่ใกล้เขา“ทุกอย่างจะต้องผ่านไปด้วยดี เธอเชื่อมั่นในตัวฉันนะ” ชลาสินธุ์กระซิบบอกอย่างอ่อนโยนณิชชาพยักหน้ารับ เธอจะเชื่อมั่นในตัวคน ๆ นี้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตามกลุ่มชายฉกรรจ์ตีวงล้อมจนทั่วห้องโดยมีทั้งสามคนอยู่ตรงกลาง“รู้อะไรไหม คุณสินธุ์ คุณทำให้ฉันสูญเสียอะไรไปตั้งหลายอย่าง ลงทุนไปตั้งมากมาย แต่คุณกลับทำลายมันทิ้งในเวลาแค่วันเดียว” ภัสสราเอ่ยขึ้น คำพูดเนิบช้ากว่าปกติ เรียวปากเหยียดยิ้มแต่แววตากลับเข่นอาฆาต“คุณไม่เห็นต้องโกรธผมขนาดนี้เลยคุณสรา”“หึ ไม่ต้องโกรธเหรอ ถ้าคราวนั้น พวกแกไม่ทำตัวเป็นคนดี แล้วปล่อยให้ฉันดำเนินธุรกิจของฉันไป ฉันก็ไม่ต้องเป็นแบบนี้หรอก แกก็ได้ค่าเช่า ฉันก็ได้กำไร แกทำแบบนั้นทำ
บทที่ 49 ลักพาตัว“คืนนี้เธอจะนอนที่นี่ใช่มั้ย”“ฉันไม่ได้เตรียมเสื้อผ้ามาเลย”“ก็ใส่ตัวเดิมสิ ไม่เปื้อนหรอก เพราะคืนนี้เธอไม่ต้องใส่นี่” อีกคนยังดื้อรั้นไม่ฟังคำอธิบายแถมยังทำท่าจะหื่นใส่อีก“คิดจะทำอะไรน่ะ ที่นี่โรงพยาบาลนะ แล้วคุณก็ป่วยอยู่ ทำไหวหรือไง?”“จะได้พิสูจน์ด้วยตัวเองมั้ย”“ไม่ ฉันไม่ยอมหรอก คุณน่ะ เอะอะก็จะทำมิดีมิร้ายฉันตลอด”“ขี้บ่นจัง” ชลาสินธุ์แกล้งทำท่าเกาหัว “งั้นฉันสัญญาว่าจะไม่ทำอะไร แต่เธอนอนให้ฉันกอดนะ คิดถึงจะแย่ คิดถึงจะตายอยู่แล้วคนใจร้าย”“ว่าฉันใจร้าย คุณก็ใจร้ายเหมือนกันนั่นแหละ”“นะ”“เอ่อ...ถ้าคุณไม่ทำอะไรจริง ๆ ฉันนอนด้วยก็ได้”“ไม่ทำหรอก ถ้าเธอไม่เผลอน่ะ”“อะไรนะ!” และอย่างไม่ต้องรอคำตอบ ณิชชาก็ฟาดมือไปที่แขนคนป่วยเสียงดังลั่นห้อง ก่อนจะแจกค้อนไปให้อีกหลายทีชลาสินธุ์ลูบแขนตัวเองแล้วหัวเราะไปด้วย“ฉันยอมให้หน่อย ก็ทำร้ายฉันเลยนะ” เสียงอ่อนบอกก่อนจะโอบคนรักให้แน่น ๆ อีกหน “งั้นตกลง นายนอนที่นี่นะ นอนเฉย ๆ ให้ฉันมองหน้า จะได้หายคิดถึง”“หึ” หญิงสาวค้อนคนป่วยขวับ เธอเองก็อยากกอด อยากมองหน้า อยากยิ้มให้ผู้ชายคนนี้ เพื่อให้แน่ใจว่า ความรักระหว่างตัวเองกับ
บทที่ 48 ฝันที่ (ไม่) อาจเป็นจริงแม้จะเป็นเวลาพลบค่ำแล้วทำให้อาจจะได้พบคนที่เขาคิดถึงแค่ไม่กี่นาทีแต่ณิชชา ก็ตัดสินใจออกจากบ้านทันทีที่อัครชัยปล่อยมือเขา ความโหยหาที่ลอยวนอยู่ในใจมันฉุดกระชากให้เขามาที่นี่ โรงพยาบาลใหญ่ใจกลางกรุง ชลาสินธุ์ถูกย้ายมาที่นี่ทันทีที่ร่างกายสามารถทนต่อการเดินทางได้หญิงสาวเดินหาห้องนั้นจนพบ ในมือถือดอกไม้ช่อเล็ก ๆ ที่ตั้งใจทำเองด้วยหัวใจ มือบางที่กำลังจะเคาะห้องมีอันต้องชะงักค้างไว้“คุณณิชคะ คุยกันหน่อยดีมั้ย” ชลาธารที่เพิ่งมาถึงเช่นกัน มองมาที่ณิชชา ไม่มีสายตาของมิตรภาพแม้แต่น้อยชลาสินธุ์นอนลืมตาโพรงอยู่บนเตียงคนป่วย แม้อาการทางกายจะค่อย ๆ หายจนเกือบเป็นปกติ เพราะรถที่ชนก็แค่เฉี่ยวขาทำให้เจ็บที่หัวเข่าซ้ายเท่านั้น แย่หน่อยตรงที่ตอนกระโดดหลบ หัวของเขามันไปชนต้นไม้ข้างทางทำให้ทั้งน้อง ๆ และคุณหมอค่อนข้างเป็นห่วง แต่อาการทางใจของชายหนุ่มก็ทำให้ตอนนี้เขาแทบไม่ต่างจากผักเหี่ยว ๆ ที่รอวันเฉาลงไปอีกชลาธารรับหน้าที่ดูแลพี่ชายของเธอที่โรงพยาบาล ขณะที่คนอื่นดูแลเรื่องงาน ยิ่งเห็นพี่เป็นแบบนี้ ก็ยิ่งโกรธณิชชามากขึ้นเรื่อย ๆ เห็นว่าเป็นคนนิ่ม ๆ ไม่คิดว่าจะมีอิ
บทที่ 47 อัครชัยคือคนที่เลือกแล้วชลาธารทำอย่างที่ตนเองได้ลั่นวาจาไว้ทันทีที่วันทำงานวันแรกมาถึง“คุณณิชคะ คุยกับธารในห้องก่อนค่ะ” มาถึงยังไม่ทันได้นั่ง ก็เอ่ยปากให้ณิชชาเดินตามตัวเองเข้าไปในห้องแล้ว ณิชชาเดาไม่ถูกว่าเจ้านายคนเล็กคนนี้จะพูดเรื่องอะไร เรื่องงานหรือว่าอย่างอื่น เพราะแทบจะไม่เคยทำงานด้วยกันเลย ยิ่งหญิงสาวไปเรียนต่อได้เป็นปีแล้ว ยิ่งห่างกันไป เดาใจไม่ถูก“คุณธาร มีอะไรให้ณิชทำเหรอคะ” ณิชชาพูดก่อนจะนั่งลงตามมือที่ผายออก หญิงสาวไม่ได้ชวนเธอนั่งที่โต๊ะทำงาน ซึ่งตอนนี้คนที่ยึดโต๊ะตัวนั้นเป็นของตัวเองยังไม่มา แต่พวกเธอนั่งคุยกันที่โซฟารับแขกซึ่งอยู่ในห้องทำงานของชลาสินธุ์ด้วยนั่นเอง“คุณณิชจะว่าอะไรมั้ยคะ ถ้าธารจะถามเรื่องพี่สินธุ์” ยิงคำถามทันทีพร้อมกอดอกฟังคำตอบ แต่ดูเหมือนคนที่ต้องตอบจะยังหาเสียงของตัวเองไม่เจอ“คือ...เอ่อ...”“ไปเยี่ยมสักวัน หรือดอกไม้สักช่อ ไม่คิดจะส่งไปหน่อยเหรอคะ” ชลาธารพูดแทรกขึ้นอย่างหงุดหงิด อยากจะเล่าสภาพของพี่ชายให้คนตรงหน้าฟังว่าเลวร้ายแค่ไหน แต่ก็กลัวว่าสิ่งที่ได้กลับมาจะเป็นอย่างอื่นนอกจากความเห็นอกเห็นใจ ถ้าณิชชารู้สึกยินดีกับสภาพของพี่ชายตนเอ
บทที่ 46 รถชนณิชชาฟังแล้วอึ้งไป เพราะน้ำเสียงนั้นแม้จะสุภาพแต่ก็เฉียบขาด พี่น้องบ้านนี้บุคลิกไม่เหมือนกันสักคน สาคเรศคนนี้หากฟังจากน้ำเสียง ลักษณะนิสัยคงเป็นแบบ อยู่ตรงกลางระหว่าง ชลาสินธุ์และธารากานต์ คือไม่ได้ดูใจดีมากเหมือนธารากานต์ แต่ก็ไม่ได้ดุและขี้หงุดหงิดเหมือนพี่ชายคนโต“คือ...คุณสินธุ์คงไม่สะดวกให้ดิฉันไปทำงานแล้วล่ะค่ะ”“พี่สินธุ์ไม่อยู่ที่นี่มาสองสัปดาห์แล้วครับ ตั้งแต่คุณไป” เสียงถอนหายใจปล่อยมาตามสาย “คุณทำให้พี่สินธุ์อยู่ที่นี่ไม่ได้ แล้วคุณก็จะไม่อยู่ดูแลที่นี่อีก นี่คุณกะจะให้พวกเราล่มจมเลยเหรอครับ”“คุณเรศคะ...ดิฉันเปล่า...คือ...ดิฉันไม่ได้มีเจตนาจะทำร้ายพวกคุณเลยนะ เพียงแต่ไม่คิดว่าคุณสินธุ์เขา...”“เขาจะอยู่ไม่ได้เมื่อไม่มีคุณ?” สาคเรศขัดอีกแล้ว แล้วก็ถูกที่ถูกเวลาเสมอ เพราะมันเป็นสิ่งที่อยู่ในใจณิชชาด้วย คนฟังน้ำตาแทบจะไหลลงมาอีกครั้ง เสียงถอนหายใจของปลายสายทำให้ณิชชาทำอะไรไม่ถูก “ผมทราบว่าคุณไปคุยกับที่อื่นมาแล้ว แต่ก่อนจะไป คุณน่าจะมาเคลียร์งานที่นี่สักหน่อย พรุ่งนี้เข้ามานะครับ ผมรออยู่”สาคเรศวางหูไปนานแล้ว แต่ณิชชายังอยู่ที่ระเบียงไม่ไปไหน ความคิดสับสนว