Share

บทที่ 21

last update Last Updated: 2025-06-07 19:01:11

บทที่ 21

แสงอรุโณทัยเริ่มทาทาบขอบฟ้าในยามรุ่งอรุณ อากาศยามนี้เย็นลงกว่าตอนกลางคืน ทว่าร่างนุ่มๆ อุ่นๆ ที่นอนกอดอยู่ทั้งคืนกลับหายไป ทำให้รังสิมันต์รู้สึกหงุดหงิดไม่น้อย เขารีบสลัดผ้าห่มทิ้งแล้วลุกจากที่นอนก่อนจะก้าวยาวๆ ออกจากห้องด้วยความเร่งรีบ และถอนหายใจออกมาเต็มแรงเมื่อเห็นว่าจันทริกากำลังช่วยงานอยู่ในห้องครัว

“อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณตะวัน วันนี้ตื่นเช้าจังเลยนะคะ คุณตะวันอยากได้อะไรหรือเปล่าคะ” ฟองคำทักขึ้นเมื่อเห็นเจ้านายที่ยังอยู่ในชุดนอนก้าวเข้ามาในครัว โดยไม่ทันสังเกตว่าการมาของเขาทำให้สาวน้อยอีกคนตัวเกร็งขึ้น

“ไม่อยากได้อะไร ฉันแค่จะแวะมาบอกว่า อีกครึ่งชั่วโมงให้ฟองคำไปเรียกทุกคนในบ้านมาพบฉัน ฉันมีเรื่องจะพูดด้วย”

“ได้ค่ะคุณตะวัน”

รังสิมันต์พยักหน้าเบาๆ ตาตวัดมองไปยังคนที่ยืนหันข้างให้เขาครู่หนึ่ง ก่อนจะถอยห่างจากห้องครัว ขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวแล้วกลับลงมาใหม่ ก็พบว่าตอนนี้คนรับใช้ คนขับรถ และรปภ.ที่คอยเฝ้าอยู่หน้าบ้าน ต่างมารอเขาอยู่ในห้องโถงกันครบถ้วน หากแต่สายตาของเขากลับพุ่งตรงไปยังจันทริกา ซึ่งตอนนี้แต่งตัวด้วยชุดนักศึกษาคล้ายกับกำลังจะออกไปเรียน

“คุณตะวันเรียกพวกเรามามีอะไรหรือเปล่าคะ”

เสียงของฟองคำที่ดังขึ้นทำให้รังสิมันต์ต้องเบนสายตากลับมาหาหัวหน้าแม่บ้าน จากนั้นก็กวาดสายตามองทุกคน ก่อนจะเริ่มพูดถึงสาเหตุที่ตนเรียกทุกคนมาพบในวันนี้

“ที่ฉันเรียกทุกคนมาเพราะมีเรื่องอยากพูดด้วย จะถือว่าเป็นการขอร้องก็ว่าได้ ตอนนี้ทางห้างขยายพื้นที่ทำให้ขาดคนอยู่จำนวนหนึ่ง ฉันจึงอยากให้ทุกคนยกเว้นอุ้ยคำกับลุงรปภ.ย้ายไปทำงานที่ห้างชั่วคราว โดยในระหว่างนี้ฉันจะปรับเงินเดือนเพิ่มให้ รวมถึงมีที่พักและรถรับส่งให้ด้วย”

จันทริกาไม่รู้ว่ารังสิมันต์หมายรวมถึงตนด้วยหรือเปล่า แต่กระนั้นก็ไม่กล้าเอ่ยปากถาม กระทั่งฟองคำถามขึ้นเธอจึงได้คำตอบ

“ถ้าคุณตะวันให้พวกเราไปหมด แล้วใครจะดูแลที่นี่ล่ะคะ”

“ที่นี่ฉันจะให้จันทริกาเป็นคนดูแล”

“คุณจันทร์คนเดียวจะไหวเหรอคะ อีกอย่างเธอก็ต้องไปเรียน ดิฉันเกรงว่าเธอจะเหนื่อยเกินไป” ฟองคำถามอย่างเป็นกังวลทั้งเป็นห่วงบ้านที่ตนคอยดูแลมานานหลายปี เป็นห่วงเจ้านาย รวมทั้งเป็นห่วงหญิงสาวตัวเล็กๆ ที่เพิ่งได้รับมอบหมายงานอันหนักหนานี้ด้วย

“ไม่ต้องห่วงหรอกฟองคำ วันนี้จันทริกาจะไปลาออกจากมหาวิทยาลัย หลังจากนั้นจะมาทำหน้าที่ดูแลบ้านอย่างเดียว”

คำประกาศิตของรังสิมันต์ไม่ได้ทำให้ฟองคำหมดข้อซักถามเพียงอย่างเดียว แต่ยังทำให้คนที่ถูกพูดถึงยืนตัวแข็งทื่อ ตาคู่สวยกะพริบถี่ๆ เพื่อระงับไม่ให้ตัวเองร้องไห้ หลังจากรับรู้ว่าหลังจากนี้เธอจะไม่ได้เรียนหนังสืออีกแล้ว ซึ่งนั่นหมายความว่าความฝันและอนาคตข้างหน้ายิ่งมืดมนลงไป ทว่าเธอจะทำอะไรได้นอกจากยอมรับมัน ในเมื่อคนส่งเสียเขาไม่เมตตาและไม่อนุญาตให้เรียนอีกต่อไป

 ร่างบางยืนนิ่งเหมือนถูกสาป หัวใจและเท้าหนักอึ้งราวกับถูกหินก้อนใหญ่ๆ ทับเอาไว้จนก้าวไปไหนไม่ออก ในขณะที่คนอื่นๆ ต่างแยกย้ายกันไปทำงานของตัวเองและเตรียมตัวสำหรับการไปทำงานที่ห้างสรรพสินค้าในวันพรุ่งนี้ หลังจากฟังคำสั่งของเจ้านายเรียบร้อยแล้ว ซึ่งจันทริกาคงจะยืนอยู่เช่นนั้นอีกนาน หากว่ารังสิมันต์ไม่ก้าวเข้ามาใกล้พร้อมกับเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม

“เมื่อกี้เธอได้ยินที่ฉันสั่งแล้วใช่ไหม”

“ได้ยินค่ะ...” เสียงหวานเอ่ยแผ่วเบา แต่ก็ดังพอที่คนถามจะได้ยิน

“งั้นก็ไปกับฉัน”

ยังไม่ทันได้ถามว่าไปที่ไหน ข้อมือเล็กก็ถูกฉวยเอาไว้ จากนั้นรังสิมันต์กึ่งลากกึ่งจูงหญิงสาวไปยังรถ จัดการเปิดประตูแล้วกดไหล่บอบบางให้นั่งลงไปที่เบาะหน้าคู่กับคนขับ ก่อนที่เขาจะเดินอ้อมไปขึ้นอีกฝั่งของรถ

“คุณตะวันจะพาจันทร์ไปไหนคะ” จันทริกาหันไปถามอย่างคนที่เพิ่งตั้งตัวได้

“ก็พาไปลาออกจากมหาวิทยาลัยน่ะสิ”

คำตอบที่ได้รับทำให้จันทริกาเบนหน้ากลับมา แล้วก้มลงมองมือตัวเองนิ่งๆ รังสิมันต์ปรายตามองแวบหนึ่ง ก่อนจะออกรถแล้วเอ่ยถ้อยคำที่ยิ่งเหมือนสร้างแผลให้เกิดขึ้นกับใจคนฟัง

“ทำไม จะร้องไห้เรียกคะแนนสงสารหรือไง บอกไว้เลยว่าไม่มีวัน ฉันจะไม่มีวันสงสารเธออีก”

รังสิมันต์ตอกย้ำเด็กสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ พร้อมๆ กับตอกย้ำหัวใจตัวเองที่อ่อนไหวคลอนแคลนทุกครั้งยามที่ได้เห็นจันทริกาทำท่าแบบนี้

รถราคาแพงเฉียดห้าล้านแล่นมาจอดยังลานจอดรถที่อยู่ใกล้กับตึกคณะที่จันทริกาเรียนอยู่ ก่อนคนขับจะดับเครื่องแล้วหันไปสั่งเด็กสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ อย่างคนรู้ระเบียบของการลาออกดี

“ไปกรอกเอกสารและยื่นเรื่องกับอาจารย์ที่ปรึกษาให้เรียบร้อย ส่วนหนังสือยินยอมจากผู้ปกครองฉันเตรียมไว้ให้แล้ว เสร็จแล้วก็ให้ลงมาหาฉัน ฉันจะรออยู่ที่นี่”

สั่งเสร็จรังสิมันต์ก็โน้มตัวลงไปเปิดลิ้นชักใส่ของซึ่งอยู่ฝั่งที่จันทริกานั่งอยู่ โดยที่จันทริกาได้แต่นั่งเกร็ง สักพักซองเอกสารสีน้ำตาลก็ถูกยื่นมาให้ จันทริการับไปโดยไม่ยอมมองหน้าคนพามา จากนั้นก็รีบปลดเข็มขัดนิรภัยออก แล้วก้าวลงจากรถอย่างรวดเร็ว โดยรังสิมันต์ขยับตัวตามลงมาและไปยืนรอที่ข้างรถ

แดดที่ส่องผ่านต้นไม้ใหญ่ไม่ร้อนมากนัก แต่รัศมีความหล่อเหลาและความสวยงามของรถนั้นกลับร้อนแรงโดดเด่นกว่า ทำให้รังสิมันต์กลายเป็นจุดสนใจของคนที่มาใช้ลานจอดรถเดียวกัน หากเขาก็ไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้างใดๆ นอกจากฆ่าเวลาด้วยการหยิบโทรศัพท์ออกมากดเล่นฆ่าเวลา จะว่าเล่นก็ไม่ถูกนัก เขากำลังใช้มันเพื่อเปิดอีเมลที่เลขานุการส่วนตัวส่งมาให้หลายต่อหลายฉบับในช่วงที่เขาไม่ได้ไปทำงานต่างหาก

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ตะวันพ่ายจันทร์   บทที่ 50

    บทที่ 50“แต่คุณปรัชญ์ขอร้องนะคะ จันทร์ไม่อยากผิดคำพูดกับ...”จันทริกายังพูดไม่ทันจบ นิ้วแกร่งเรียวยาวก็แตะลงบนเรียวปากนุ่ม เพื่อห้ามไม่ให้เธอพูดต่อ“ฉันไม่อนุญาตให้เธอเห็นคนอื่นสำคัญกว่าฉัน”พูดจบนิ้วที่แตะอยู่บนเรียวปากนุ่มก็เลื่อนออก แต่เรียวปากหยักร้อนกลับเคลื่อนเข้ามาแทนที่ ร่างบางเกร็งขึ้นเพราะกลัวว่ารังสิมันต์จะทำรุนแรงเช่นเดิมอีก หากแต่จูบครั้งนี้เป็นจูบที่แสนอ่อนโยน จูบที่คล้ายจะไถ่โทษ จูบที่เว้าวอน จนอาการเกร็งนั้นมลายหายไป และยืนนิ่งให้เขาจูบอยู่เนิ่นนาน“เมี้ยว...”เสียงร้องของเมสซี่ที่ดังขึ้น ทำให้อารมณ์ที่กำลังอ่อนไหวของทั้งคู่สะดุดลง จันทริกาได้สติจึงรีบผละออกห่างจากการโอบกอดของเขาอย่างรวดเร็ว แล้วย่อตัวลงไปอุ้มเมสซี่ขึ้นมาแนบอก คล้ายกับจะใช้มันเป็นเกราะป้องกันไม่ให้เขาเข้าถึงตัวได้อีกรังสิมันต์ออกจะเขม่นแมวตัวโปรดเป็นครั้งแรก แต่ไหนแต่ไรมันรู้งาน และไม่เคยทำตัวเป็นก้างขวางคอ แต่ทำไมวันนี้มันถึงมาขัดจังหวะก็ไม่รู้“ฉันเพิ่งบอกเธอไปหยกๆ ว่าไม่ให้เห็นใครสำคัญกว่าฉัน”“แต่นี่เมสซี่แมวของคุณนะคะ คุณให้อาหารมันหรือยังคะ” จันทริกาถามอย่างพอจะเข้าใจอากัปกิริยาของเมสซี่ดีว่าที

  • ตะวันพ่ายจันทร์   บทที่ 49

    บทที่ 49ร่างสูงเดินดุ่มไปหาคนทั้งคู่อย่างไม่รีรอ สีหน้าบอกชัดว่าไม่สบอารมณ์และไม่พอใจเป็นอย่างมาก ปรัชญ์จึงพยักหน้าให้จันทริกาหลบไปก่อน ส่วนเขาเป็นฝ่ายอยู่รับหน้ารังสิมันต์ “แกมาทำอะไรที่บ้านฉัน” รังสิมันต์ถามเสียงห้วนกระด้างอย่างไม่คิดจะเก็บอารมณ์“มาหาจันทร์”“มาหาทำไม?”“มาจีบมั้ง” ปรัชญ์ตอบกวนๆ ยิ่งเห็นรังสิมันต์ทำหน้าถมึงทึงเช่นนั้นก็ยิ่งพอใจที่ได้ยั่วให้เพื่อนโกรธได้ แต่ดูแค่ตาเดียวก็รู้ว่าที่รังสิมันต์ทำหน้าแบบนั้นก็เพราะกำลังหึงหรือไม่ก็หวงก้าง“มันใช่เวลาไหม” รังสิมันต์ย้อนถามด้วยน้ำเสียงโทนเดิม“ทีแกยังเคยคิดจีบเมียฉัน ทำไมฉันจะจีบเมียแกบ้างไม่ได้” ปรัชญ์ยักไหล่และตอบกวนๆ เช่นเดิม ทั้งๆ ที่ในใจแอบหัวเราะคนออกอาการอยู่เงียบๆ “ฉันบอกแล้วไงว่าเด็กคนนั้นไม่ใช่เมียฉัน” แม้จะออกอาการว่าหึงหวงปานใด แต่ปากก็ยังคงปฏิเสธเสียงแข็ง ซึ่งนั่นกลับยิ่งเข้าทางปรัชญ์“ไม่ใช่ก็ยิ่งดีใหญ่ ฉันจะได้ทำอะไรสะดวกๆ”“แกกำลังจะแต่งงานกับน้องเล็กนะเว้ย เลวให้มันน้อยๆ หน่อยได้ไหมไอ้เวร”“หวงก้างว่างั้น”“แกแม่งกวนตีนไม่เลิกว่ะ แล้วแต่แกเถอะไอ้เลวอยากทำอะไรก็ทำ” เมื่อถูกจี้แบบถูกจุดซ้ำแล้วซ้ำอีก รังสิ

  • ตะวันพ่ายจันทร์   บทที่ 48

    บทที่ 48วันนี้เป็นวันหยุดของรังสิมันต์ซึ่งเพิ่งจะกลับมาจากกรุงเทพฯ เมื่อวานนี้ อุ้ยคำจึงลากลับบ้านไปหาครอบครัว ส่วนหนานอินซึ่งเป็นรปภ.เฝ้าป้อมหน้าบ้านก็ขอลาหยุดเช่นกัน จึงกลายเป็นว่าวันนี้จันทริกาต้องอยู่บ้านหลังใหญ่นั้นกับเจ้าของบ้านตามลำพังรังสิมันต์อยู่กับเมสซี่ในห้องนั่งเล่น ส่วนจันทริกาตากผ้าอยู่หลังบ้าน มือเล็กที่กำลังจับผ้าขึ้นแขวนบนราวตากชะงักครู่หนึ่งพลางเงี่ยฟัง เมื่อได้ยินเสียงกดกริ่งหน้าบ้าน ปกติแล้วหน้าที่เปิดประตูรั้วจะเป็นของหนานอินซึ่งเป็นรปภ.เฝ้าหน้าป้อม แต่วันนี้หนานอินลางาน จันทริกาจึงต้องละมือจากการตากผ้า แล้วเร่งฝีเท้าไปยังประตูหน้าบ้านอย่างรู้ดีว่าเป็นหน้าที่ตัวเอง“มาหาใครคะ” เสียงหวานถามคนที่มากดกริ่งอย่างสุภาพ ก่อนที่ดวงตาสวยปนเศร้าจะเบิกกว้างและเปลี่ยนเป็นเปล่งประกายด้วยความดีใจ เมื่อเห็นหน้าคนที่มากดกริ่งในระยะใกล้“พี่เล็ก...”เจ้าของชื่อที่เธอเรียกคือรุ่นพี่ที่เธอเคยสนิทสนมมากในตอนเรียนมัธยม เพราะเคยอยู่ชมรมดนตรีด้วยกันนั่นเอง “จันทร์...” “ดีใจจังค่ะที่ได้เจอพี่เล็ก พี่เล็กสวยขึ้นจนจันทร์เกือบจะจำไม่ได้เลยค่ะ”

  • ตะวันพ่ายจันทร์   บทที่ 47

    บทที่ 47สำหรับคนที่จมอยู่ในห้วงของความทุกข์ใจ วันเวลามักผ่านไปช้าเสมอ คนในบ้านที่รังสิมันต์ส่งไปทำงานที่ห้างสรรพสินค้าของเขา ยังไม่มีใครได้กลับมา ดังนั้นจันทริกาจึงต้องทำงานบ้านทุกอย่างแทบจะคนเดียวเช่นเดิม และยังมีสิ่งที่ต้องทำมากกว่าหน้าที่ของคนรับใช้ทั่วไป นั่นคือเธอต้องคอยรองรับไฟปรารถนาของรังสิมันต์ ไม่ว่าเขาต้องการยามใด เธอก็ไม่เคยที่จะปฏิเสธได้สักครั้ง จันทริการู้ดีว่าเขาทำไปเพื่อระบายความแค้นเท่านั้น หากแต่ตอนนี้เธอกลับเริ่มรู้สึกว่าร่างกายของตัวเองเริ่มจะผูกพันกับเขาอย่างลึกซึ้งมากขึ้นทุกวัน ซึ่งเรื่องเหล่านี้ทำให้เธอทุกข์ใจไม่น้อย หากจะมีสิ่งที่ทำให้เธออยู่บ้านหลังนี้ได้อย่างมีความสุข ก็คงจะเป็นความน่ารักของเมสซี่กับความเอ็นดูจากลุงหนานอินซึ่งเป็นรปภ.กับอุ้ยคำเท่านั้น ส่วนเจ้าของบ้าน แม้ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน เขาก็ยังคงใจร้ายและเย็นชาใส่เธอดังเดิม แม้บางครั้งเขาเหมือนจะอ่อนโยน แต่นั่นก็เป็นเพียงเพราะเขาลืมตัว ครั้นพอเขาคิดได้ว่าเกลียดชังเธอแค่ไหน จันทริกาก็มักจะได้รับผลจากความเคียดแค้นชิงชังของเขาดังเดิมเช้านี้จันทริกาไม่ได้ทำอาหาร รังสิมันต์บอกเอาไว้ตั้งแต่เมื่อวานแล้วว่

  • ตะวันพ่ายจันทร์   บทที่ 46

    บทที่ 46“คำว่าเกมหัวใจ มันไว้สำหรับคนที่มีใจให้กัน”“แกไม่ได้คิดอะไรกับจันทร์ว่างั้น” จากที่ถูกไล่ต้อนตอนนี้ปรัชญ์เปลี่ยนเป็นฝ่ายไล่ต้อนรังสิมันต์บ้าง“คิด...คิดว่าเด็กคนนั้นทำให้เมียฉันตาย”“แน่ใจว่าคิดแค่นั้น แล้วนี่แต่งตัวจะไปไหน”“กลับเชียงใหม่สิวะ จะอยู่ทำไมล่ะ ก็ผู้หญิงที่ฉันตั้งใจจะมาจีบกลายเป็นเมียแกไปแล้วนี่ หรือแกจะให้ฉันแย่งเมียเพื่อนก็ได้นะฉันไม่ถือ”“ก่อนจะถามฉัน ถามตัวเองก่อนว่าคิดจะแย่งเมียฉันจริงๆ หรือแค่อยากให้เมียตัวเองหึง”คำพูดที่เหมือนกับมานั่งอยู่ในใจเช่นนั้น ทำให้รังสิมันต์ต้องทำหน้าตึงกลบเกลื่อน แม้สิ่งที่ปรัชญ์พูดมาจะไม่ตรงกับความจริงนักแต่ก็เฉียดสุดๆ เขาไม่ได้อยากให้จันทริกาหึง แค่อยากให้เธอเจ็บจริงหรือที่ว่าต้องการแค่นั้น?รังสิมันต์ถามตัวเอง...แล้วทำไมตอนที่เด็กคนนั้นทำหน้าเหมือนไม่รู้สึกอะไรกับเขา เขาถึงได้หงุดหงิดนัก“ต้องให้ย้ำกี่ครั้งว่าเมียฉันตายแล้ว แกความจำเสื่อมหรือไงไอ้เชี่ยปรัชญ์” คนถูกต้อนคืนทำเสียงฉุนๆ ใส่“ฉันไม่ได้หมายถึงคนที่ตายแล้วเว้ย แต่หมายถึงคนที่แกอยู่ด้วยตอนนี้”“จันทริกาไม่ใช่เมียฉัน”“แล้วเป็นอะไร แค่อดีตน้องเมียที่ตอนนี้ถูกลดฐานะล

  • ตะวันพ่ายจันทร์   บทที่ 45

    บทที่ 45“เธอนอนหรือยัง” ถามทั้งๆ ที่รู้ว่าดึกดื่นขนาดนี้ จันทริกาต้องนอนแล้ว เพราะปกติถ้าคืนไหนที่เขาไม่ได้ให้เธอขึ้นไปหา หรือเป็นฝ่ายลงมาหาเธอ เด็กคนนั้นจะหลับเร็วเป็นพิเศษ“นอนแล้วค่ะ คุณโทร.มามีอะไรหรือเปล่าคะ”“ฉันแค่โทร.มาถามว่าเมสซี่เป็นยังไงบ้าง” ปากพูดไปตามที่สมองเตรียมการเอาไว้ล่วงหน้า หากแต่เสียงในใจเสียงหนึ่งกลับตะโกนก้องขึ้นมาว่า เพราะอยากได้ยินเสียงนุ่มๆ เรียบๆ ของเธอต่างหาก“เมสซี่อยู่กับจันทร์ค่ะ ตอนนี้หลับไปแล้ว”“ก็ดี ฉันแค่เป็นห่วงมัน”“ไม่ต้องห่วงนะคะจันทร์จะดูแลเมสซี่อย่างดี และสมบัติทุกชิ้นของคุณในบ้านหลังนี้ยังอยู่ครบค่ะ” จันทริกาพูดกับคนโทร.มาด้วยน้ำเสียงที่เหมือนจะเป็นการบอกกล่าวตามปกติ ทว่าหัวใจกลับปวดแปลบ เมื่อตระหนักถึงความจริงที่ว่า คุณตะวันเป็นห่วงแค่เมสซี่เท่านั้น ไม่ได้ห่วงเธอแม้แต่นิด หากจะห่วงก็คงห่วงว่าเธอจะพาใครมาขโมยของในบ้านอย่างที่เขาพูดไว้ก่อนไปมากกว่า เพราะเธอเป็นผู้ร้ายในสายตาเขามาตลอดตั้งแต่ศศิประภาตายไป จันทริกาจึงต้องบอกเขาไปเช่นนั้น หากแต่คนฟังกลับรู้สึกว่าเธอกำลังประชด“สมบัติของฉันที่เธอว่าอยู่ครบทุกชิ้น รวมถึงเธอด้วยหรือเปล่า”จันทริกาห

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status