LOGINครั้นเยี่ยนจิงหนิงลืมตาขึ้น นางก็ถูกมัดอยู่ในบ้านหลังหนึ่ง เมื่อมองไปโดยรอบก็เห็นหญิงสาวอีกหลายคนถูกมัดเช่นกัน มีทั้งสาวน้อยวัยแรกแย้มและสตรีที่อายุเกินยี่สิบปี ทั้งหมดรวมๆ กันประมาณสิบคน
ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งก้มตัวลงเอามือหนาจับคางของหญิงสาวเพื่อมองหน้าพวกนางให้ชัดๆ ก่อนจะแยกพวกนางออกเป็นสองกลุ่ม
“นังคนนั้นไว้ทางซ้าย คนนี้ไว้ฝั่งทางขวา” เขาบอกลูกน้องให้จับตัวหญิงสาวนั่งห่างกันคนละฝั่งของบ้าน
เมื่อชายผู้นั้นมาถึงเยี่ยนจิงหนิง เขาสำรวจใบหน้าของเธอ “อืม งามใช้ได้” เขาทำสีหน้าครุ่นคิดก่อนที่จะจับแขนแล้วถลกแขนเสื้อดูแขนของนาง เมื่อเห็นแต้มโส่วกงซายังอยู่ “ของดีจริงๆ”
“ฝั่งทางขวา” ชายคนนั้นดึงมือของตนกลับ “ต้องขายได้ราคาดีแน่ๆ” เขายิ้มอย่างชั่วร้าย
“ข้าต้องไปปลดปล่อยก่อน” เขาบอกกับบรรดาลูกสมุนก่อนก้าวเท้าออกจากบ้านหลังนั้น
เขาเดินทางมาถึงคฤหาสน์ของตนที่อยู่ไม่ไกลกันเท่าใดนัก
“เรียกอนุลู่มาหาข้าที่ห้อง” เขาบอกสาวรับใช้ที่กำลังรินน้ำชาให้
ไม่นานนักที่ห้องนอนของบุรุษผู้นั้นก็มีหญิงสาวหน้าตาสะสวยเดินถือถาดใส่สุราและจอกสุราชั้นดีเข้ามา
“ท่านพี่ดื่มสุราหน่อยนะเจ้าคะ” นางวางถาดลงบนโต๊ะก่อนที่จะเทสุราลงจอกแล้วหยิบส่งให้กับเขา
ชายผู้นั้นยื่นมือไปรับจอกสุราก่อนดื่มลงคอ เขาวางจอกก่อนคว้าร่างบางมาโอบกอดแล้วก้มลงจุมพิตที่ต้นคอของนาง ไม่รอช้าเขาอุ้มร่างบางนั้นไปบนเตียงอย่างรวดเร็ว
หญิงสาวได้แต่ยินยอมทำตามความต้องการของชายที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นสามีด้วยความจำยอม แม้ร่างกายจะตอบรับการกระทำอันรุนแรงและกักขฬะ แต่แววตาของนางก็ฉายแววเหี้ยมโหดออกมา
“ไปตายซะ” นางพูดเมื่อเห็นเขาสลบอยู่บนหน้าอกที่ภาคภูมิใจของตน
นางแอบให้สาวใช้ติดต่อซื้อยาพิษที่ใช้เพียงครั้งเดียวแต่ทำให้คนค่อยๆ สิ้นลมภายในสามวัน ต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการติดต่อขอซื้อกับผู้ขาย ราคาก็แสนแพงได้มาแค่สองสามหยด อีกทั้งก็ไม่รู้ว่าผู้ที่ผลิตนั้นคือใคร แต่ไม่เป็นไร เพียงสามีจอมหื่นของนางตายเสียได้ก็ถือว่าคุ้ม
นางผลักร่างสามีที่กำลังสลบให้ออกจากร่างของตน ลุกไปแต่งตัวหวีผมให้เรียบร้อยก่อนเก็บข้าวของส่วนตัวเพื่อจะหลบหนี
“นังซินหลิน นังเสี่ยวลี่ ข้าต้องเอาคืนพวกเจ้าให้ได้” เสียงพูดอย่างเคียดแค้นออกมาจากปากสวยของนาง
“ชิงเย่ เก็บของเสร็จหรือยัง” พูดจบนางกับสาวใช้ก็รีบหอบสัมภาระหนีของจากคฤหาสน์จ้วง!
.........
ตำหนักไท่ซาน
“พวกลักลอบค้าสตรี มันส่งไปขายตามหอคณิกากับแคว้นอื่น” ซ่างเทียนหลินเอ่ยบอกฮ่องเต้
“แล้วสืบได้หรือยังว่าใครเป็นผู้บงการ”
“ยังเลย ทำขนาดนี้คนที่เข้าร่วมขบวนการต้องมีหลายฝ่ายแน่ๆ” ซ่างเทียนหรูตอบ
“ที่เจ้าพูดมาใครๆ ก็เดาได้ ข้าว่าเจ้าอยู่ฝึกงานต่อเถอะ” ฮ่องเต้มองหน้าพระอนุชาคนเล็กบ้านตนด้วยแววตาสมเพช
“พวกท่านจะทิ้งข้าไว้อีกแล้วใช่หรือไม่ ไม่สมควรเป็นพี่ข้าเลย” ซ่างเทียนหรูหน้าบูดบ่นฮ่องเต้
“เอาน่าๆ ฝากดูแลด้วยละกัน” ฮ่องเต้ทำหน้าตาจริงจังบอกซ่างเทียนหรู
........
หลังจากที่ลู่ซินหลินฟื้นขึ้นมาก็พบว่าตนเองอยู่ที่จวนอ๋องแล้ว หลังจากที่สลบไปก็จำสิ่งใดไม่ได้เลย นางไม่รู้ว่าผู้ใดจับตนเองไปและผู้ใดเข้ามาช่วยเหลือบ้าง
“พระชายาเพคะ ท่านอ๋องให้ท่านอยู่เฝ้าจวน ไม่ให้ออกไปข้างนอกแล้ว” ไป๋หลานกล่าวขณะที่นำของว่างส่งให้ลู่ซินหลิน
“แล้วโรงหมอล่ะ มีผู้ใดช่วยหรือ” นางยังเป็นห่วงงานที่โรงหมอเต๋ออีถัง
“ท่านอ๋องให้หมอที่จวนไปช่วยเพคะ พระชายาก็ศึกษาอยู่ที่จวนแทน ท่านอ๋องสั่งยาสมุนไพรมาเพิ่ม และก็สั่งเครื่องมือทำยาต่างๆ ด้วยเพคะ”
“จริงหรือ” ลู่ซินหลินทำตาโตดีใจ เครื่องมือทำยาอย่างงั้นหรือ มีเรื่องน่าสนใจให้ทำแล้วสินะ
“พวกตลาดมืดที่รับจ้างจับพระชายาไปก็ถูกท่านอ๋องกวาดล้างไปหมดแล้วเพคะ ถ้าไม่ถูกประหารก็คงจำคุกตลอดชีวิต เห็นว่าก่อเรื่องไว้หลายคดี” ไป๋หลานยังคงรายงานต่อ
ลู่ซินหลินมีสีหน้าผ่อนคลาย สามีที่แสนเย็นชาในตอนกลางวันผู้นี้ อย่างน้อยก็มีด้านดีให้นางประทับใจ
“ข้าไปเรือนโอสถก่อนนะ” ลู่ซินหลินขยับตัวลุกขึ้นแล้ววิ่งไปทันที
เรือนโอสถเดิมเป็นเรือนที่ใช้เก็บสมุนไพรมีค่าและหายากของจวนอ๋อง หากท่านอ๋องเจ็บป่วยก็จะใช้สมุนไพรของเรือนนี้มาทำเป็นยารักษา แต่เมื่อลู่ซินหลินแต่งเข้าจวนอ๋องมา ซ่างเทียนหลินก็สั่งให้ขยายเรือนให้กว้างขวางขึ้น ซื้อสมุนไพรต่างๆ มาเยอะจนแทบจะเปิดเป็นร้านขายยาได้อยู่แล้ว นอกจากนี้ยังมีบริเวณที่แปรรูปสมุนไพรได้ มีทั้งหม้อต้มอย่างดี เครื่องชั่ง เครื่องบดยาครบครัน
“ข้าทำยาตัวไหนก่อนดีนะ” ลู่ซินหลินพูดกับตัวเองขณะที่กวาดตามองอุปกรณ์ต่างๆ ตรงหน้า
“ยาบำรุงไตดีหรือไม่เพคะ หากท่านอ๋องมาค้างคืนกับพระชายาบ่อยๆ ต้องมีไตพร่องแน่นอน” ไป๋หลานพูดอย่างไร้เดียงสา
“ทะลึ่ง” ลู่ซินหลินหันไปหยิกมือสาวใช้ตัวน้อย ใบหน้างามแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย
“ข้าทำยาสมานแผลห้ามเลือดดีกว่า ได้ยินมาว่าอีกไม่กี่วันท่านอ๋องจะต้องออกไปช่วยราชกิจฮ่องเต้” ลู่ซินหลินเอ่ย พลางเดินไปเลือกตัวยาสมุนไพรในห้องเก็บยา
“พระชายาจะทำตำรับใดหรือ กระหม่อมช่วยหยิบยาให้” หมอประจำจวนอ๋องเข้ามาเห็นพอดีจึงรีบเข้ามาดูแล
“ขอบใจท่านหมอมาก ตำรับยานี้ข้าเคยเห็นท่านแม่ข้าทำตอนเด็กๆ แต่ไม่รู้ชื่อตำรับ น่าจะเป็นยาที่เปิดตามประสบการณ์”
ลู่ซินหลินตอบ มือเรียวหยิบยามาตวงตามปริมาณที่ต้องการอย่างคล่องแคล่ว
ท่านหมอประจำจวนมองท่าทางของลู่ซินหลินด้วยความชื่นชม “พระมารดาของพระชายาคงเป็นหมอที่เก่งมากแน่ๆ”
“ข้าอยู่กับท่านแม่จนถึงสิบเอ็ดปี แล้วท่านแม่ก็หายตัวไป” ลู่ซินหลินเล่าเสียงเบา
ท่านหมอเงียบไปชั่วครู่ “เช่นนั้นพระชายาก็มีพรสวรรค์มาก อายุยังน้อยสามารถจดจำสมุนไพรและการรักษาได้มากขนาดนี้”
ลู่ซินหลินยิ้ม “หลังจากท่านแม่หายตัวไปข้าก็ได้ท่านลุงใจดีคอยช่วยเหลือเรื่องความเป็นอยู่ ตำรายาและการแพทย์ต่างๆ ล้วนเป็นท่านลุงที่มอบให้ อุปกรณ์ที่ต้องใช้เกี่ยวกับการทำยาท่านลุงก็มอบให้ข้าเช่นกัน”
“เป็นโชคดีของพระชายาจริงๆ ได้ร่ำเรียนฝึกฝนตั้งแต่เล็ก แถมยังมีพรสวรรค์ที่น่าทึ่ง” ท่านหมอกล่าวชม เขาแสดงออกทั้งทางคำพูด สีหน้าและแววตา
“ขอบคุณท่านหมอมาก ข้าต้องรีบทำให้ท่านอ๋องก่อนที่จะออกเดินทาง” นางหอบยาในอ้อมแขน มีไป๋หลานหอบยาส่วนที่เหลือเดินตาม
ซ่างเทียนหลินที่กลับถึงจวนมาสักพักแล้ว เขาอยู่บนกิ่งไม้เหนือเรือนโอสถ หลังพิงลำต้นเอนกายอย่างสบายใจ ได้ยินคำพูดของพระชายาก็ทำให้เขายิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว
ค่ำคืนก่อนที่ซ่างเทียนหลินจะออกเดินทาง พ่อบ้านฉวนก็นำขวดหยกขนาดเล็กมาให้เขา ภายในบรรจุยาลูกกลอนที่ถูกเขียนด้วยอักษร “เสิน 神” บนเม็ดยา
“ช่างเป็นยาที่มีเอกลักษณ์จริงๆ” เขาอมยิ้มก่อนเก็บขวดหยกนั้นไว้กับตัว
การเดินทางในครั้งนี้มีเพียงฮ่องเต้ซ่างเทียนรุ่ย ชินอ๋องซ่างเทียนหลินและองครักษ์ที่ออกไปสืบข่าวภายนอก ทิ้งจวิ้นอ๋องซ่างเทียนหรูอยู่สำเร็จราชการแทน
พวกเขาปลอมเป็นสามัญชนในการเดินทาง การสืบเรื่องขายสตรีไปต่างแคว้นเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง เพราะบางส่วนเป็นการลักพาตัว ไม่ใช่ความสมัครใจ และส่งผลต่อสถาบันครอบครัวของแคว้นตงชวน ครอบครัวที่สูญเสียลูกสาว พี่สาวน้องสาว ภรรยาล้วนแต่โศกเศร้าเสียใจ
ที่จริงแล้วเรื่องสำคัญเช่นนี้มอบหมายให้ซ่างเทียนหลินมาสืบเพียงผู้เดียวก็ได้ แต่ฮ่องเต้อยากพักผ่อนเลยถือโอกาสมาสืบคดีและท่องเที่ยวไปในตัว
“ร่ำลาพระชายาสุดที่รักหรือยัง” เสียงฮ่องเต้กล่าวถามน้องชายตน
“ไม่จำเป็น” ซ่างเทียนหลินตอบเสียงราบเรียบ เขาไม่ต้องการให้เรื่องผู้หญิงเป็นจุดอ่อนของเขา
“แล้วฝ่าบาทได้ร่ำลาบรรดาพระสนมหรือยัง ถ้ายังไม่สำราญพอ กระหม่อมจะพาแวะที่ๆ ทำให้พระองค์สำราญเอง” เขาถามพี่ชายปากดีของตนกลับ
“ให้มันน้อยๆ หน่อย ข้ามีสนมเพียงสองคน แล้วก็พบหน้ากันสามเดือนครั้ง” ฮ่องเต้ซ่างเทียนรุ่ยตอบเสียงเบา
“ทำไมน้อยเช่นนั้น” ซ่างเทียนหลินทำเสียงเข้มแกล้งยั่วยุ
“ยังไม่เจอสตรีที่ทำให้รู้สึกโหยหาขนาดนั้น”
ฮ่องเต้ตอบน้ำเสียงเหนื่อยหน่าย ที่เขารับพระสนมเข้ามาเพราะเรื่องความมั่นคงภายใน ตระกูลใหญ่ก็ต้องการส่งหญิงสาวในตระกูลมาคานอำนาจกัน
“น่าสงสาร” ซ่างเทียนหลินยิ้มมุมปาก โชคดีของเขาที่ไม่ต้องมารับตำแหน่งหน้าที่เช่นนี้
“ไม่ต้องมาสงสาร ไปได้แล้ว” ฮ่องเต้โบกมือส่งสัญญาณให้รถม้าออกเดินทาง
........
ขบวนการที่จับหญิงสาวส่งขายไปต่างแคว้นได้นำพวกเยี่ยนจิงหนิงและหญิงสาวคนอื่นๆ มาพักไว้ในหมู่บ้านร้างลับตาคน ไม่นานนักก็มีคนกลุ่มหนึ่งเข้ามา
“มีสตรีพรหมจรรย์หรือไม่ พวกข้าจะนำไปปรนนิบัติท่านอ๋อง”
“อยู่ด้านใน พวกท่านไปเลือกดูได้เลย” คนที่เฝ้าหมู่บ้านร้างตอบ
ชายกลุ่มนั้นเดินเข้าไปในตัวบ้าน พวกเขาสำรวจสตรีแต่ละนางพร้อมกับเปิดแขนเสื้อตรวจจุดโส่วกงซาของสตรีเหล่านั้นอีกรอบ
“นังคนนี้น่าจะถูกใจท่านอ๋อง” เขากระชากตัวเยี่ยนจิงหนิงขึ้นมา
เยี่ยนจิงหนิงจากที่หวาดกลัวเพราะถูกจับส่งมาขาย ตอนแรกที่รู้ นางเหมือนคนเสียสติไปหลายวัน แต่เมื่อทำใจได้ นางก็วางแผนไว้ว่าจะต้องหนีให้ได้ นอกจากคนที่ซื้อตัวนางจะรูปงามและมีอำนาจ นางถึงจะปีนขึ้นเตียงและกำจัดสตรีคนอื่นๆ ของบุรุษพวกนั้นให้พ้นทาง
เมื่อได้ยินว่า ‘ท่านอ๋อง’ ในใจของนางก็รู้สึกหวั่นไหว ไม่รู้ว่าอ๋องคนใดที่เรียกใช้สตรีพรหมจรรย์ไปอุ่นเตียง แต่คำว่าท่านอ๋อง ก็เปรียบเสมือนแสงเรืองรองที่สาดส่องทำให้นางรู้สึกว่ามีความหวังในการมีอิสรภาพ
เยี่ยนจิงหนิงเซเล็กน้อยจากการถูกกระชากตัวขึ้นมา เมื่อยืนได้มั่นคงนางก็เชิดหน้า วางตัวเป็นคุณหนูผู้สูงส่งไม่เกรงกลัวผู้ใด “ข้าจะปรนนิบัติท่านอ๋องอย่างดี”
กลุ่มชายผู้นั้นใช้ผ้าดำคาดปิดตานาง ก่อนที่จะนำนางไปเรือนลับท่ามกลางภูเขา
.........
หลังจากที่ซ่างเทียนหลินออกเดินทาง ลู่ซินหลินก็เตรียมตัวออกเดินทางเช่นกัน นางวางแผนไว้ว่าจะไปปีนเขาและแวะไหว้พระขอพรที่วัดบริเวณเชิงเขา นางให้ไป๋หลาน และองครักษ์อีกสองคนติดตามข้างกาย
ตอนแรกนางเกรงใจไม่อยากเรียกใช้องครักษ์ แต่พ่อบ้าน ฉวนเจี่ยนกลัวว่าพระชายาจะเจออันตรายจึงยืนกรานให้องครักษ์ตามไป หากนางไม่ยอมเขาก็ไม่ให้พระชายาออกนอกจวนอ๋อง ครั้งก่อนที่พระชายารีบออกจากจวนไปโดยไม่บอกผู้ใดแล้วเกิดเรื่อง ทำให้ท่านอ๋องโมโหไปหลายวัน
อย่าคิดว่าท่านอ๋องไม่สนใจแล้วไม่เห็นความสำคัญ แค่สิ่งที่ท่านอ๋องประทานให้พระชายา หรือส่งทหารไปกวาดล้างพวกกลุ่มตลาดมืดนั่นก็แสดงให้เห็นว่าพระชายามีความสำคัญมากในใจของเขา
นอกจากคนที่คอยรับใช้ในจวนอ๋องจะรอวันที่ท่านอ๋องแสดงความรักต่อพระชายาอย่างเปิดเผย ไทเฮาก็แอบส่งคนมาสอบถามแทบทุกวัน พระนางก็อยากอุ้มหลานแล้ว หลังจากผิดหวังกับฮ่องเต้มานาน
บุตรชายแต่ละคนเป็นถึงองค์ชาย จะหาความสำราญกับสตรีนางใดก็แทบไม่มีปัญหา ปัญหาก็คือพวกเขาเฉยชากับเรื่องชายหญิง ถ้าไม่รู้ว่าพวกเขาก็มีเรื่องอภิรมย์บนเตียงบ้าง นางคงจะคิดว่าบุตรชายตนเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ
........
ลู่ซินหลินขอพักที่วัดบริเวณเชิงเขา ที่พักของคนในราชวงศ์จะสร้างแยกสัดส่วนกับส่วนของวัด เพียงแต่อยู่ในอาณาเขตเดียวกัน
เมื่อเดินทางถึงวัด ลู่ซินหลินก็เดินเข้าไปในอาคารที่ประดิษฐานพระพุทธรูปและเทพเจ้าต่างๆ สายตามองเห็นสตรีนางหนึ่งกำลังหลับตาสวดมนต์หน้าองค์พระ นางชะงักจะเดินถอยหลัง หญิงคนนั้นเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าก็ลืมตาขึ้นมอง
“นังซินหลิน นังตัวดี มาให้เจอตัวโดยไม่ต้องไปหา พระที่นี่ศักดิ์สิทธิ์จริงๆ ฮ่า ฮ่า” ลู่เซียงเจี้ยนยืนหัวเราะเหมือนคนบ้าคลั่ง
“ในวัดในวา สำรวมมารยาทด้วย” ลู่ซินหลินไม่ได้กลัว ลู่เซียงเจี้ยน เพียงแต่อยู่ในวัด นางไม่ต้องการทำลายความเงียบสงบและทำให้พระภิกษุแตกตื่น
ลู่เซียงเจี้ยนได้ยินก็ไม่หวาดกลัวต่อสิ่งใด นางวิ่งเข้ามาหมายจะตบตีลู่ซินหลิน ขนาดวางยาฆ่าสามีตนเองยังทำมาแล้ว การตบหน้าพี่สาวต่างมารดากลายเป็นเรื่องเล็กน้อยในทันที ลู่ซินหลินยืนนิ่งๆ ไม่เคลื่อนไหว เมื่อลู่เซียงเจี้ยนเข้ามาใกล้ก็ถูกองครักษ์รวบตัวอย่างรวดเร็ว “พระชายา จะให้จัดการนางอย่างไรหรือพะย่ะค่ะ” “พานางไปไว้นอกวัด อย่าให้เข้ามาก็พอ รบกวนพระเดี๋ยวจะบาป” ลู่ซินหลินตอบ เดินเข้าไปไหว้พระพุทธรูปองค์ใหญ่ด้านหน้าอย่างใจเย็น องครักษ์หิ้วตัวลู่เซียงเจี้ยนไปไว้นอกกำแพงวัด ลู่เซียง เจี้ยนทุบประ
ครั้นเยี่ยนจิงหนิงลืมตาขึ้น นางก็ถูกมัดอยู่ในบ้านหลังหนึ่ง เมื่อมองไปโดยรอบก็เห็นหญิงสาวอีกหลายคนถูกมัดเช่นกัน มีทั้งสาวน้อยวัยแรกแย้มและสตรีที่อายุเกินยี่สิบปี ทั้งหมดรวมๆ กันประมาณสิบคนชายวัยกลางคนผู้หนึ่งก้มตัวลงเอามือหนาจับคางของหญิงสาวเพื่อมองหน้าพวกนางให้ชัดๆ ก่อนจะแยกพวกนางออกเป็นสองกลุ่ม“นังคนนั้นไว้ทางซ้าย คนนี้ไว้ฝั่งทางขวา” เขาบอกลูกน้องให้จับตัวหญิงสาวนั่งห่างกันคนละฝั่งของบ้านเมื่อชายผู้นั้นมาถึงเยี่ยนจิงหนิง เขาสำรวจใบหน้าของเธอ “อืม งามใช้ได้” เขาทำสีหน้าครุ่นคิดก่อนที่จะจับแขนแล้วถลกแขนเสื้อดูแขนของนาง เมื่อเห็นแต้มโส่วกงซายังอยู่ “ของดีจริงๆ”“ฝั่งทางขวา” ชายคนนั้นดึงมือของตนกลับ “ต้องขายได้ราคาดีแน่ๆ” เขายิ้มอย่างชั่วร้าย“ข้าต้องไปปลดปล่อยก่อน” เขาบอกกับบรรดาลูกสมุนก่อนก้าวเท้าออก
เขาจับร่างบางของสตรีให้พลิกคว่ำลงกับหมอน รั้งสะโพกงามให้ลอยเด่นยั่วยวนสายตาเขา เมื่อดอกไม้งามสั่นไหวเรียกหาอยู่ตรงหน้า เข้าก็ก้มลงทักทายอย่างไม่รอช้า ปากหยักขยับคล่องแคล่วเหมือนผู้มีประสบการณ์มานาน เมื่อแท่งหยกเขาพร้อมอีกครั้งก็ส่งเข้าไปยังช่องทางเดิมทันที การส่งไปในครั้งนี้เป็นการสำรวจโพรงน้ำหวานที่ลึกกว่าเดิม “ดีมาก” เขาพูดในลำคอ มือจับสะโพกที่งอนงามไว้ส่วนแก่นกายของตนก็กระแทกเข้าออกไม่ยอมหยุด “เรียกสามี” เขาสั่งให้สตรีที่ร้องเสียงหลงเรียกอย่างหน้าไม่อาย “สะ สามี” นางที่หัวสมองโล่งไปหมดก็เรียกสามีตามที่เขาสั่ง เขาสั่งให้อยู่ท่าไหนก็ยอมเขาอย่างว่าง่าย เป็นอีกค่ำคืนหนึ่งที่ร่างของคนทั้งสองเกี่ยวพันประสานกันอย่างล้ำลึก ........ หลังจากว่าราชกิจในท้องพระโรงเสร็จ สายตาทั้งสามคู่ของฮ่องเต้ จวิ้นอ๋องซ่างเทียนหรูและจิ่งเซี่ยวหรานก็จับจ้องมายังซ่างเทียนหลินโดยไม่ได้นัดหมาย “ชินอ๋องละทิ้งหน้าที่ เขาขลุกอยู่กับพระชายาตั้งแต่ค่ำของเมื่อวาน ปล่อยให้กระหม่อมต้องสอบสวนเจ้าชั่วนั่นคนเดียว” จิ่งเซี่ยวหรานทูลฟ้อ
ซ่างเทียนหลินวางหญิงสาวที่ร่างกายเปียกชื้นลงบนเตียง นางเหนื่อยหอบส่งสายตาหวานเยิ้มมาให้เขาแต่ไม่เอื้อนเอ่ยอะไร เขายิ้มมุมปากก่อนยกเรียวขางามมาพาดบ่าของตนทั้งสองข้าง จากนั้นจึงส่งแท่งหยกร้อนเข้าไปทักทายโพรงดอกไม้ที่คับแน่นและชุ่มฉ่ำอีกครั้ง ใบหน้าของเขาก้มลงประทับจุมพิต โลมเลียและขบกัดตั้งแต่ริมฝีปาก ลำคอและหน้าอกที่อวบอิ่มของนาง ฝ่ามือลูบไล้คลึงเคล้นไปทั่วเรือนร่าง การรุกล้ำ จังหวะเคลื่อนไหวที่ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยของเขาทำให้สตรีใต้ร่างส่งเสียงครวญครางทั้งคืนจวบจนถึงรุ่งสางประตูห้องบรรทมตำหนักถูกเปิดออก ซ่างเทียนหลินก้าวเท้าออกมาจากห้องตั้งแต่เช้าด้วยความสดชื่น เขากล่าวกับไป๋หลานที่ยืนรออยู่หน้าหอ “ดูแลพระชายาให้ดี”ไป๋หลานก้มหน้ารับคำ นางรีบเข้าไปให้ห้องเพื่อปรนนิบัติ ลู่ซินหลิน“คุณหนู เอ่อ พระชายาจะอาบน้ำหรือเสวยมื้อเช้าก่อน เพคะ”สตรีบนเตียงนอนแผ่อย่างอ่อนล้า พูดเสียงแหบพร่า“ขอน้ำก่อน ข้าหิวน้ำ” นางร้องทั้งคืนไม่มีโอกาสได้ดื่มน้ำแม้แต่หยดเดียว ตอนนี้คอแห้งผากอยากดื่มน้ำก่อนทำสิ่งอื่นใดเมื่อร่างกายพอมีแรง นางจึงให้ไป๋หลานพยุงนางลุกขึ้นไปอาบน้ำก่อนที่จะรับประทานอาหารเช้า.....
“พระชายาลู่ไม่อยู่ที่จวนอ๋องพะย่ะค่ะ” ทหารองครักษ์กล่าวรายงาน“งั้นก็รีบหาสตรีเข้าห้องท่านอ๋องไปซะ” จวิ้นอ๋องสั่งทหารด้วยน้ำเสียงดุดัน แต่ส่งสายตาเจ้าเล่ห์ให้กับองครักษ์จ้าวเจินเซี่ยงที่ยืนฟังอยู่หน้าห้องสีหน้าตื่นตระหนกแต่ภายในใจลิงโลด เขาทำสัญญาณมือบอกฮูหยินให้สาวใช้นำจ้าวไฉ่เจินเข้าไปในห้องพักของชินอ๋องแสงไฟภายในห้องค่อนข้างมืดสลัว สว่างแค่พอมองเห็นกิริยาท่าทางของผู้ที่อยู่ภายในห้อง แต่มองเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายไม่ชัดเจนเมื่อจ้าวไฉ่เจินก้าวเท้าเข้าไปในห้องก็โผเข้าไปที่เตียงนอน ฝ่ามือลูบไล้ร่างของบุรุษที่อยู่นอนรออยู่บนเตียง“ท่านอ๋อง หม่อมฉันร้อนมากเลยเพคะ ไม่ไหวแล้ว ท่านอ๋องช่วยหม่อมฉันด้วย”จ้าวไฉ่เจินพูดเสียงกระเส่า นางขึ้นไปบนเตียงนอนแล้วถอดเสื้อผ้าของตนเองออกอย่างไร้ความเขินอายบุรุษที่นอนอยู่บนเตียงรีบพลิกกายเข้าหาสตรีร่างบาง มือของเขารีบช่วยนางปลดเสื้อผ้าด้วยความรวดเร็ว“เจ้าช่วยถอดให้ข้าด้วย” เขาพูดเสียงแหบพร่าเมื่อเสื้อผ้าของคนทั้งคู่หลุดออกจากร่างจนหมดบุรุษนั้นก็จับร่างบางให้พลิกลงด้านล่าง ส่วนตัวเขาเปลี่ยนเป็นลุกขึ้นคร่อมร่างบางนั้นฝ่ามือหนาทั้งสองข้างฟอนเฟ้นหน้าอก
เมื่อถึงวันเกิดใต้เท้าจ้าวเจินเซี่ยง ในตอนเช้าลู่เสี่ยวลี่รีบไปยังจวนชินอ๋องตั้งแต่เช้าก่อนงานเลี้ยงตอนเย็นเริ่มเป็นเวลาหลาย ชั่วยาม“หม่อมฉันคารวะพระชายาเพคะ” ลู่เสี่ยวลี่ยอบกายคำนับอย่างมีมารยาทลู่ซินหลินที่ไม่ได้ติดต่อกับพี่น้องทั้งสองของตนเองเลยนับตั้งแต่แต่งงานมาก็ทำหน้าสงสัย “มาหาข้ามีธุระอะไรหรือ”“ข้าได้ยินมาว่าที่ป่าบริเวณชานเมืองด้านตะวันออกพบเห็ดหลินจือขึ้นมากเลยเพคะ ข้าอยากจะไปเก็บแต่ก็ไม่ค่อยมีความรู้ว่าต้องเลือกอย่างไร พอดีทราบมาว่าท่านพี่ซินหลินเชี่ยวชาญเรื่องยาสมุนไพร เลยอยากชวนท่านพี่ไปด้วยกัน” ลู่เสี่ยวลี่เอ่ยปากชักชวนอย่างไหลลื่นลู่ซินหลินได้ยินก็สนใจ “ข้าขอไปถามท่านอ๋องก่อนนะ” พูดจบนางก็ลุกไปทางตำหนักวั่งอวิ๋นบอกกล่าวแก่พ่อบ้านฉวน สักพัก ฉวนเจี่ยนก็เดินเข้ามา“ท่านอ๋องอนุญาตให้พระชายาเสด็จไปได้พะย่ะค่ะ แต่พระชายาห้ามไปเพียงลำพัง ต้องพาแม่นางไป๋หลานกับองครักษ์ไปด้วย เดี๋ยวข้าน้อยเลือกองครักษ์ให้พระองค์เอง”ผ่านไปไม่นานรถม้าของจวนชินอ๋องก็ออกเดินทาง ลู่เสี่ยวลี่ก็ขึ้นรถม้าคันเดียวกัน เนื่องจากตอนที่มานางนั่งเกี้ยวมา เมื่อชินอ๋องให้รถม้านางจึงไม่ต้องย้อนกลับไปยังจว







