Share

บทที่ 5

Author: หออักษร
บนใบหน้าของจ้าวสี่เผยสีหน้าตื่นเต้นดีใจ

แทบอยากจะปรบมือเฉลิมฉลองการลงโทษของฉินหมิงในตอนนี้เลยทีเดียว

ขุนนางหลายคนที่อยู่ฝ่ายเดียวกับเซียวซูเฟย ต่างก็แอบถอนหายใจอย่างโล่งอก

เมื่อองค์รัชทายาทไปยังหลิ่งหนานแล้ว คาดว่าคงจะไม่มีโอกาสได้กลับมาอีก

การที่ศัตรูตัวฉกาจในราชสำนักลดลงไปหนึ่งคน ย่อมเป็นเรื่องดีสำหรับทุกคน

แต่ในขณะนั้นเอง อัครมหาเสนาบดีเฉินซื่อเม่าก็ขมวดคิ้วแล้วก้าวออกมา

“ฝ่าบาท เรื่องนี้ยังไม่ได้ผ่านการไต่สวน จะอาศัยเพียงคำพูดฝ่ายเดียวของพวกเขา มาตัดสินพระทัยเช่นนี้ได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ?”

ฮ่องเต้เฉียนพลันรู้สึกว่าตนเองเสียหน้า จึงตรัสถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“เฉินซื่อเม่า เจ้ากำลังจะบอกว่าฉินหมิงไม่ได้ลงมือหรือ?”

“ฝ่าบาท กระหม่อมเพียงแค่รู้สึกว่าเรื่องนี้มีเงื่อนงำ ควรจะไต่สวนให้แน่ชัดก่อนแล้วจึงค่อยตัดสินพระทัย มิเช่นนั้นจะดูผลีผลามเกินไปพ่ะย่ะค่ะ”

ใบหน้าของเฉินซื่อเม่าไม่มีความหวาดกลัวแม้แต่น้อย เขากล่าวอย่างไม่นอบน้อมแต่ก็ไม่อวดดีจนเกินไป

“บังอาจ!”

“การทำร้ายคนเป็นเรื่องจริง การก่อความวุ่นวายบนท้องถนนก็เป็นเรื่องจริง นี่มิใช่ว่าเจ้าลูกทรพีนั่นเก็บความแค้นไว้ในใจ จงใจทำให้เราเห็นหรอกหรือ?”

“ฝ่าบาท...”

“ไม่ต้องพูดมากความอีก! ให้ดำเนินการตามนี้ ห้ามผู้ใดเอ่ยถึงเรื่องนี้อีกเด็ดขาด!”

ฮ่องเต้เฉียนไม่ให้โอกาสเฉินซื่อเม่าได้พูดอีกต่อไป ทรงตัดบทเขาโดยตรง

เฉินซื่อเม่ากำหมัดแน่น

เมื่อมองฮ่องเต้ที่ไม่รู้จักแยกแยะผิดชอบชั่วดีผู้นี้

ในตอนนี้เขารู้สึกเพียงแค่มึนหัว และรู้สึกเศร้าใจกับอนาคตของราชวงศ์นี้!

ร่างกายของเฉินซื่อเม่าโซเซ เกือบจะล้มลงไปกับพื้น

และในตอนนั้นเอง เฉียนไฉก็ก้าวเข้ามาประคองเขาไว้

“ฝ่าบาท กระหม่อมมีเรื่องจะทูลพ่ะย่ะค่ะ!”

“ว่ามา”

เฉียนไฉหยิบฎีกาออกมาแล้วกล่าวว่า

“เรือสินค้าจากหนานหยางได้เดินทางมาถึงกรมการค้าทางทะเลปั๋วซือในเมืองหลวงแล้ว กำลังรอการค้าขายสินค้าสำหรับปีนี้อยู่ ขอฝ่าบาททรงแต่งตั้งคนผู้หนึ่งไปจัดการด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

“เรือสินค้าจากหนานหยางมาถึงแล้วหรือ!?”

บนใบหน้าของทุกคนในราชสำนักพลันปรากฏความยินดี

สีพระพักตร์ที่เดิมทียังทรงพิโรธอยู่ของฮ่องเต้เฉียนก็เปลี่ยนไปในทันที

การค้าขายกับเรือสินค้าจากหนานหยาง เป็นกิจกรรมที่พวกเขาจัดขึ้นทุกปี

เพียงครั้งเดียวก็สามารถทำกำไรได้นับล้านตำลึงเงิน

ไม่เพียงแต่จะช่วยบรรเทาสถานการณ์ทางการคลังของราชสำนัก แต่ยังสามารถได้รับของแปลก ๆ หายากจากแคว้นต่าง ๆ ในแถบหนานหยางอีกด้วย

“ดี!”

ฮ่องเต้เฉียนทรงเกษมสำราญยิ่งนัก

แต่ไม่นานพระองค์ก็นึกถึงปัญหาหนึ่งขึ้นมาได้

“ทุกปีมิใช่ว่าพวกเจ้าเป็นคนจัดการหรอกหรือ? เหตุใดปีนี้กลับต้องให้เราเป็นคนแต่งตั้งคนไปดูแลด้วยตนเอง?”

เฉียนไฉยิ้มแล้วกล่าวว่า

“ฝ่าบาท คนที่จัดการเรื่องนี้ทุกปีได้จากไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องให้ฝ่าบาทแต่งตั้งคนใหม่”

“ใครจากไป?”

ฮ่องเต้เฉียนขมวดพระขนงเล็กน้อย ตรัสถามด้วยความสงสัย

เฉียนไฉเอ่ยออกมาสองคำอย่างเรียบเฉย

“องค์ชายพ่ะย่ะค่ะ”

...

ทันใดนั้น บรรยากาศที่คึกคักในท้องพระโรงก็พลันเงียบสงัด!

ฮ่องเต้เฉียนที่ยังทรงแย้มพระสรวลอยู่ ก็มีสีพระพักตร์แข็งค้างไปเช่นกัน

“เหตุใดจึงเป็นเขา?!”

เฉียนไฉกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“ฝ่าบาท หรือว่าพระองค์ไม่ทรงทราบว่า กรมการค้าทางทะเลปั๋วซือนั้นเป็นสิ่งที่องค์ชายทรงจัดตั้งขึ้น และกองคาราวานสินค้าจากหนานหยางก็เป็นองค์ชายที่จัดเตรียมคนให้เดินทางออกทะเลไปติดต่อมา?”

“แม้กระทั่งแผนที่เดินเรือในมือของพวกเขา ก็เป็นสิ่งที่องค์ชายทรงวาดขึ้นเป็นพิเศษแล้วส่งไปให้ เพื่ออำนวยความสะดวกให้พวกเขาหาเส้นทางมายังต้าเฉียนเพื่อทำการค้า!”

คำพูดเหล่านี้ ทำให้ฮ่องเต้เฉียนทรงประหลาดพระทัยอยู่บ้าง

หลายปีมานี้ พระองค์ไม่เคยได้ทำความเข้าใจเรื่องการค้าทางทะเลมากนักจริง ๆ

ยิ่งไม่รู้ว่า ในช่วงเวลานี้ฉินหมิงได้ทุ่มเทความพยายามไปมากเพียงใด

เช่นเดียวกับเหล่าขุนนางในราชสำนัก ฮ่องเต้เฉียนทรงทราบเพียงแค่ว่าหลังจากที่ขบวนเรือเหล่านี้มาถึงจักรวรรดิต้าเฉียนแล้ว

ก็ทำให้พวกเขามีเงินทองเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ปีแล้วปีเล่า

เฉียนไฉกล่าวต่อไปว่า

“บัดนี้องค์ชายไม่ได้เป็นผู้ดูแลเรื่องนี้อีกต่อไปแล้ว แต่กองคาราวานสินค้าจากหนานหยางมีจำนวนมาก กระหม่อมและกรมคลังก็ยากที่จะควบคุมการค้าขายกับหนานหยางได้ กระหม่อมจึงขอให้ฝ่าบาททรงแต่งตั้งผู้มีความสามารถอีกสักท่านหนึ่งมาช่วยพ่ะย่ะค่ะ”

ในที่สุดฮ่องเต้เฉียนก็ทรงเข้าใจความนัยแล้ว

เฉียนไฉกำลังแสดงความไม่พอใจที่พระองค์ทรงลดขั้นฉินหมิงไปยังหลิ่งหนาน!

ฮ่องเต้เฉียนทรงแค่นเสียงเย็น จ้องมองเขาแล้วตรัสว่า

“ความหมายของเจ้าคือ หากไม่มีฉินหมิง กรมคลังทั้งกรมของพวกเจ้าก็ไม่สามารถจัดการการค้ากับหนานหยางได้อย่างนั้นหรือ?”

“เช่นนั้นแล้วเราจะมีพวกเจ้าไว้ทำอะไร!”

เฉียนไฉกล่าวอย่างไม่นอบน้อมแต่ก็ไม่อวดดีจนเกินไป

“ฝ่าบาท กรมคลังไม่เคยเป็นผู้ชี้นำการค้าครั้งนี้ พวกเราเป็นเพียงผู้ปฏิบัติตามคำสั่งขององค์ชายเท่านั้น”

“และยังมีอีกเรื่องหนึ่ง... กองคาราวานสินค้าจากหนานหยาง จำได้แต่เพียงใบหน้าขององค์ชายเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ”

หลายปีมานี้ เป็นฉินหมิงมาโดยตลอดที่ไปเจรจากับขบวนเรือต่าง ๆ จากหนานหยาง

ทั้งการลงนามในสัญญาการค้า และการกำหนดราคาสินค้าต่าง ๆ

เหตุผลที่ต้องให้เขาเป็นคนเจรจาด้วยตนเอง

เป็นเพราะว่าก่อนหน้านี้เมื่อกองคาราวานสินค้าจากหนานหยางเข้ามายังต้าเฉียน พวกเขาต้องเผชิญกับการขูดรีดและเรียกรับสินบนมากมาย

สิ่งนี้ทำให้พวกเขาคิดว่า สภาพแวดล้อมทางการค้าของราชวงศ์ต้าเฉียนนั้นเลวร้ายเกินไป

ไม่มีใครอยากจะมา

จนกระทั่งฉินหมิงปรากฏตัวขึ้น กองคาราวานสินค้าจากแคว้นต่าง ๆ ในแถบหนานหยางถึงได้มีเสาหลักที่พึ่งพิงได้

เวลาที่พวกเขาทำการค้าขายกับฉินหมิง จะเป็นแบบยื่นหมูยื่นแมว จ่ายเงินแล้วรับของกันอย่างตรงไปตรงมา

ไม่เคยมีเรื่องที่ไม่เป็นธรรมเกิดขึ้นเลย

“น่าขัน!”

ฮ่องเต้เฉียนทรงตบโต๊ะอย่างแรง

“เราไม่เชื่อหรอกว่า หากไม่มีฉินหมิงแล้ว แคว้นต่าง ๆ ในแถบหนานหยางจะไม่ทำการค้าขายกับต้าเฉียนของเรา?!”

พระองค์ทรงกวาดสายพระเนตรไปรอบ ๆ แล้วมอบหมายภารกิจนี้ให้แก่กรมพิธีการ

“จ้าวสี่! เจ้านำคนของกรมพิธีการไปเจรจากับพวกเขา!”

เดิมทีกรมพิธีการก็มีหน้าที่ดูแลการค้ากับต่างแคว้นของราชวงศ์อยู่แล้ว

เพียงแต่ไม่รู้ว่า ตั้งแต่เมื่อใดที่การค้าทางทะเลทั้งหมดตกไปอยู่ในมือของฉินหมิง

นี่ก็เป็นหนึ่งในข้อขัดแย้งระหว่างพวกเขากับฉินหมิง

ในฐานะขุนนางฝ่ายพิธีการ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดจ้าวสี่ก็สามารถทำเรื่องนี้ได้

เมื่อได้ยินดังนั้น ในใจของจ้าวสี่ก็รู้สึกยินดี

เหล่าขุนนางกรมพิธีการต่างก็พากันตื่นเต้นดีใจ

พวกเขารอคอยวินาทีนี้มานานเกินไปแล้ว

ตอนนี้ในที่สุดการค้าทางทะเลก็กลับมาอยู่ในความดูแลของพวกเขาอีกครั้ง!

ช่างสะใจยิ่งนัก!

“ฝ่าบาท กระหม่อมน้อมรับพระบัญชา!”

จ้าวสี่รีบก้าวออกมา คุกเข่าลงกับพื้นและโขกศีรษะรับราชโองการอย่างนอบน้อม

เฉียนไฉและเฉินซื่อเม่าสบตากัน จากนั้นก็เบ้ปาก

เฉินซื่อเม่ารู้ดีถึงพฤติกรรมของกรมพิธีการ

เวลาที่กรมพิธีการดูแลการค้า ก็จะขูดรีดเรียกรับสินบน ทำทุกวิถีทางโดยไม่เลือกวิธีการ!!

ให้พวกเขาไป เรื่องดี ๆ ก็อาจกลายเป็นเรื่องร้ายได้

เดิมทีเขาคิดจะอ้าปากเตือนสติฮ่องเต้เฉียนสักหน่อย

แต่ในตอนนั้นเอง เฉียนไฉกลับดึงเขาจากข้างหลัง แล้วส่ายหัวเบา ๆ

เฉินซื่อเม่าถอนหายใจอย่างจนใจ

จึงไม่ได้พูดอะไรอีก

ไม่นานนัก ราชโองการของราชสำนักก็ถูกส่งมาถึงจวนอ๋องของฉินหมิง

ฉางไป๋ซาน ผู้บัญชาการองครักษ์ของฉินหมิง ถือราชโองการของราชสำนัก เดินมาอยู่ต่อหน้าฉินหมิงด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความขุ่นเคือง

“องค์ชาย ราชสำนักจะยุบสามหน่วยพิทักษ์ของท่านพ่ะย่ะค่ะ!”

ฉางไป๋ซานรู้ดีว่า สามหน่วยพิทักษ์มีความสำคัญต่ออ๋องผู้ครองหัวเมืองมากเพียงใด

การกระทำครั้งนี้ของฮ่องเต้เฉียน เห็นได้ชัดว่าต้องการให้ฉินหมิงไปเริ่มต้นใหม่ที่หลิ่งหนานด้วยมือเปล่า!

ความยากลำบากนี้ไม่ต่างอะไรกับการขึ้นสวรรค์!

“โอ้?”

สิ่งที่อยู่นอกเหนือความคาดหมายของฉางไป๋ซานก็คือ เมื่อฉินหมิงได้ยินคำพูดเหล่านี้ กลับไม่ได้รู้สึกไม่พอใจแต่อย่างใด

ตรงกันข้าม กลับปรบมือเห็นดีเห็นงาม

“ยุบไปก็ดีเหมือนกัน จะได้เปลี่ยนเป็นคนของค่ายทหารอู่เวยแทนพอดี”

“องค์ชาย นี่คือการยุบสามหน่วยพิทักษ์นะพ่ะย่ะค่ะ ไม่ใช่การเปลี่ยนให้เป็นค่ายทหารอู่เวย! พวกเราจะไม่เหลืออะไรเลย!”

ฉางไป๋ซานร้อนใจราวกับมดที่อยู่บนกระทะร้อน

แต่ฉินหมิงกลับยังคงนั่งชงชาอยู่ที่เดิมอย่างสบายใจ

เมื่อดื่มชาเข้าไปหนึ่งอึก เขาก็หลับตาลงต่อ จัดระเบียบความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม

จากการจัดระเบียบในช่วงสองวันที่ผ่านมา

ฉินหมิงพบว่าเจ้าของร่างเดิมนี้ นอกจากนิสัยจะอ่อนแอเกินไปแล้ว ก็ไม่มีข้อบกพร่องอื่นใดที่น่าประหลาดใจเลย

การบริหารราชการแผ่นดินล้วนอยู่ในระดับดีเยี่ยม

สิ่งนี้ทำให้ฉินหมิงมีความเข้าใจเบื้องต้นเกี่ยวกับสถานการณ์ และวิธีการดำเนินงานของจักรวรรดิแห่งนี้

เมื่อมองฉางไป๋ซานที่เดินวนไปวนมาอยู่ตรงหน้าตน

ฉินหมิงก็ลุกขึ้นยืน กดเขาให้นั่งลงบนเก้าอี้แล้วกล่าวอย่างมีความหมายลึกซึ้ง

“จะรีบร้อนไปไย ปล่อยให้ราชสำนักวุ่นวายไปอีกสักพัก”

“อีกสองวัน พวกเขาจะมาหาข้าเอง”
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 100

    “กระไรนะ?!”เมื่อเว่ยกว่างซวินลองคิดดู ก็พบว่ามีความเป็นไปได้นี้จริงๆเดิมหานหมิงรุ่ยก็ถูกปลดลงมาจากราชสำนักจะรู้จักฉินอ๋องก็ไม่แปลกที่แท้ก็เป็นเช่นนี้!ซุนเฉิงคาดเดาต่อไปว่า“ท่านยังจำได้หรือไม่ ครั้งก่อนตอนที่ฉินอ๋องพบว่าพวกเราหาคนมาช่วย ก็ไม่ตระหนกแม้แต่น้อย”“ใช่แล้ว ที่แท้พวกเขารู้จักกันอยู่ก่อนแล้วนี่เอง”ภายในใจของเว่ยกว่างซวินเย็นยะเยียบขึ้นมาดูท่ามีแต่พวกเขาสองพี่น้อง ที่ถูกปั่นหัวอยู่เล่นอยู่ในเงื้อมมือผู้อื่น“เรื่องนี้อย่าได้พูดถึงอีก วันหลังพวกเราให้ถือเสียว่าไม่เคยเสียเปรียบเพราะฉินอ๋องแล้วกัน”เว่ยกว่างซวินได้วิธีการรับมืออย่างรวดเร็วซุนเฉิงก็พยักหนักอย่างหนักเช่นกันอย่างรวดเร็ว ความไม่พอใจแต่เดิมที่มีต่อฉินหมิงก็ถูกพวกเขาเก็บซ่อนไปเป็นอย่างดีภายหลังจากจินตนาการเรื่องราวออกมามากมาย พวกเขาสองคนก็รีบตามไปอย่างว่าง่ายมิได้สร้างปัญหาใดอีก…… ในฐานะผู้ที่ชักนำให้เกิดเหตุการณ์ในครั้งนี้ ฉินหมิงนั้นไม่รู้ว่าซุนเฉิงและเว่ยกว่างซวินพูดคุยสิ่งใดกันเพียงพบว่าหลังพวกเขาทั้งสองเดินเข้ามา ก็ต่างมองเขาด้วยรอยยิ้มที่เบิกบานราวดอกไม้บนใบหน้าก็ไม่พบร่องรอยความ

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 99

    หานหมิงรุ่ยเป็นหนึ่งในรองผู้บัญชาการทหารท้องถิ่นดังนั้นคำพูดของเขา ย่อมแสดงถึงท่าทีของทางการฉินหมิงจึงมิได้ถกเถียงกับเขา แต่กล่าวอย่างแย้มยิ้มว่า“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ กลับเป็นข้าที่ไม่เข้าใจสถานการณ์แล้ว”“ไม่หรอกพ่ะย่ะค่ะ ทรงมีเจตนาดี เพียงแต่บรรดาทหารในกองทัพก็ต้องการความสมดุลระหว่างหน้าที่และการพักผ่อนเช่นกันมิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ”เพราะอยากเล่นพนัน ท่าทีในการพูดจาของหานหมิงรุ่ยต่อฉินหมิงในยามนี้จึงดีขึ้นไม่น้อย“เช่นเดียวกันกับกระหม่อม ยามปกติก็ชอบเล่นตาสองตา การพนันเล็กๆ น้อยๆ ช่วยเพิ่มพูนความสุขและความสัมพันธ์ได้อย่างไรล่ะพ่ะย่ะค่ะ”หานหมิงรุ่ยมิได้มีชื่อเสียงมากนัก ดังนั้นยามเกิดเรื่องในตอนนั้น ผู้ที่รู้จึงมีไม่มากยกตัวอย่างเช่นพวกเฉาชวน คนเหล่านี้ล้วนไม่รู้เลยโชคดีที่ครอบครัวของกวนเยว่กับเยว่โส่วเจียงเป็นเพื่อนเก่ากันมานานปกติแล้ว เมื่อแม่ทัพระดับสูงอย่างพวกเขาพูดคุยกันในยามว่าง ถึงจะมีการเปิดเผยข้อมูลบางอย่างออกมาด้วยเหตุนี้ จนถึงตอนนี้หานหมิงรุ่ยจึงยังคงคิดว่า เรื่องของตนนั้นที่นี่น่าจะมีคนรู้ไม่มากดังนั้นต่อหน้าพวกฉินหมิง ตนจึงสามารถแสร้งแสดงเป็นผู้ทรงคุณธรรมไ

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 98

    พวกเขาสวมเครื่องแบบทหาร ปลอมตัวเป็นทหารที่กำลังพักผ่อนเล่นไพ่โกวกันอยู่ที่นี่เมื่อเห็นฉินหมิงเดินเข้ามา เหล่ามืออาชีพที่กำลังนั่งไข้วขาอยู่บนพื้นก็ให้ความร่วมมืออย่างมาก“ย๊าก! กิน!”“เพิ่มร้อยยี่สิบแปดเท่า! จ่ายเงินมา!”หานหมิงรุ่ยชะงักเท้าลงจริงๆ สายตาเหลือบมองไปที่การเรียงไพ่ด้านล่างอย่างอดไม่ได้ฉินหมิงไม่ค่อยเข้าใจวิธีการเล่นของเจ้าสิ่งนี้นักรู้เพียงว่าไพ่โกวของต้าเฉียน มีรูปร่างหน้าตาคล้ายไพ่นกกระจอก ปกติเป็นแผ่นไม้ เพียงแต่รูปร่างจะแบนกว่ายาวกว่าในขณะที่กำลังกังวลว่าพวกเขาจะแสดงมากเกินไปจนโป๊ะแตกหานหมิงรุ่ยซึ่งเหลือบมองเพียงครั้งเดียวก็เห็นไพ่โกวที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้น ก็พยักหน้าแล้วพึมพำว่า“ร้อยยี่สิบแปดเท่า เล่นใหญ่ขนาดนี้เชียว…”ดูจากท่าทางแล้ว ต้องคันไม้คันมือขึ้นมาแล้วเป็นแน่ฉินหมิงสบตากับซ่งติ้งเซิงคราหนึ่ง คนทั้งสองล้วนสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของหานหมิงรุ่ยแต่การตกปลานั้นจะต้องมีความอดทนฝีเท้าของฉินหมิงมิได้หยุดชะงักลงแม้แต่น้อย กระทั่งยังหันศีรษะไปมองหานหมิงรุ่ยที่รั้งท้ายอยู่ด้านหลังด้วยหานหมิงรุ่ยก็รู้ตัวว่าพลาดไป มองเกมไพ่เบื้องล่างทีหนึ่งอย

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 97

    ลักษณะนิสัยและพฤติกรรมของหานหมิงรุ่ยขาดความซื่อสัตย์ ผู้ที่รู้ถึงการกระทำในอดีตของเขาล้วนไม่มีทางมอบหมายงานสำคัญและเป็นเพราะอาศัยผลงานทางทหารที่สั่งสมมานานหลายปี เขาถึงสามารถดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการในหลิ่งหนานได้ทว่าเมื่ออยู่ในค่ายทหาร การมีตัวตนของเขายังคงประดุจสุนัขที่ไร้ผู้เหลียวแลเมื่อเวลาผ่านไป หนังหน้าหนาของเจ้าตัวนี้จึงหนาขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายก็ไร้ยางอายถึงขึ้นปล่อยตัวปล่อยใจอย่างเหลวแหลกเสียเลยเพราะถึงอย่างไรก็ไม่มีผู้ใดสนใจ แบบใดสบายใจก็ทำแบบนั้น เห็นผู้ใดไม่ถูกใจก็ชักสีหน้าก็เหมือนกับตอนนี้ ที่แม้แต่ฉินหมิงเขาก็ไม่เห็นอยู่ในสายตานี่ค่อนข้างคล้ายพวกระดับผู้นำในองค์กรต่างๆ ที่ผ่านไปนานหลายปีก็ไม่ได้เลื่อนตำแหน่งอยู่บ้างซึ่งพวกเขาเองก็รู้ว่า อนาคตไร้หนทางก้าวหน้าแล้วจึงคร้านที่จะเสแสร้งอีก ทำตามอำเภอใจเสียเลยเฉาชวนมองความไม่สบอารมณ์ของฉินหมิงออก จึงเป็นตัวแทนเขาเริ่มเข้าไปพูดคุยกับหานหมิงรุ่ยแทน“ยากนักที่ท่านแม่ทัพหานจะมาเยือนสักครั้ง นั่งลงสนทนากันก่อนเถอะขอรับ”“คุยอะไร? ท่านอ๋อง เรื่องนี้เดิมก็เป็นพวกท่านที่ทำไม่ถูก”หานหมิงรุ่ยเบะปาก สีหน้าเต็มไปด้วยความ

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 96

    ซ่งติ้งเซิงเดินไปที่ข้างกายฉินหมิงแล้วกล่าวว่า“ท่านอ๋อง ทรงไม่ต้องสอนพวกเขาดอกพ่ะย่ะค่ะ”“คนกลุ่มนี้ล้วนเป็นพวกฝีมือแก่กล้ามากประสบการณ์ หากต้องการวางแผน พวกเขาสามารถทำได้เอง ไม่แน่ว่าผลงานที่ออกมายังอาจทำได้ดีกว่าที่ทรงกำกับอีกพ่ะย่ะค่ะ”“ที่แท้เป็นเช่นนี้”มุมปากของฉินหมิงกระตุก เดิมคิดจะเตือนพวกเขาว่าควรเล่นอย่างไรตอนนี้ดูไปคงไม่จำเป็นแล้ว“งั้นก็ไปเถอะ อีกครู่เจ้ามอบผลประโยชน์ให้พวกเขาหน่อย ให้คนปิดปากให้สนิทขึ้น”“พ่ะย่ะค่ะ”เมื่อกลับมาถึงค่ายทหารอู่เวย ฉินหมิงก็ให้พวกเขาใส่เครื่องแบบทหาร แล้วนั่งอยู่ในบริเวณที่สะดุดตารอเหยื่อมาติดกับในเวลาเดียวกัน ฉินหมิงยังเรียกหลิวฉ่วงมาด้วย“เหล่าหลิว เจ้าพาคนจำนวนหนึ่งไปลาดตระเวนในค่ายทหาร”เรื่องอื่นไม่พูดถึง หากต้องการลงไม้ลงมือแล้วล่ะก็ หลิวฉ่วงนั้นเป็นพวกสายลุยตัวจริงมีบางครั้งหากไม่ทันระวัง เขากระทั่งทุบตีคนจนตายได้เมื่อเรียกแม่ทัพผู้ดุดันคนนี้มาเข้าร่วม ฉินหมิงก็ถือว่าได้ทำประกันเพิ่มให้ตนเองอีกชั้นหลิวฉ่วงรู้จักฉินหมิงเป็นอย่างดี เห็นเขาท่าทางมีลับลมคมใน จึงบ่นพึมพำอยู่ด้านข้างว่า“ท่านอ๋อง ท่านเรียกกระหม่อมมาต้องไ

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 95

    “สร้างกับดักหรือพ่ะย่ะค่ะ?”“ใช่แล้ว เจ้ากินก่อนเถอะ กินเสร็จแล้วค่อยออกมา เราไปทำธุระกันสักหน่อย”“พ่ะย่ะค่ะ!”ซ่งติ้งเซิงดื่มโจ๊กข้าวกล้องหมดภายในไม่กี่คำ สวมชุดขุนนางเสร็จ ก็สาวเท้าออกจากประตูใหญ่ทันทีฉินหมิงที่รออยู่บริเวณมุมกำแพง กระซิบเล่าเรื่องประสบการณ์ชีวิตของหานหมิงรุ่ยแก่เขาหลังฟังจบ ซ่งติ้งเซิงก็เต็มไปด้วยความตกตะลึงพรึงเพริดในเวลาเดียวกัน เขาก็ถอนใจอย่างอดไม่ได้ เรื่องสกปรกในราชสำนักช่างมีมากมายเสียจริงเขาถูกมือไปมา แล้วถามอย่างสงสัยว่า“ท่านอ๋อง กระหม่อมมีคำถามข้อหนึ่งพ่ะย่ะค่ะ”“คำถามอะไร?”“หานหมิงรุ่ยผู้นั้น คืนเงินท่านแม่ทัพเย่แล้วหรือยังพ่ะย่ะค่ะ?”“ไร้สาระ ย่อมไม่น่ะสิ เจ้าคนไร้เมียนั่นตอนนี้แม้แต่ตัวเองก็ยังเอาตัวไม่รอด ยังจะหวังให้เขาคืนเงิน?”ฉินหมิงค้อนเขาทีหนึ่งโลกนี้กว้างใหญ่ไพศาลนัก ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีคุณธรรมจริยธรรมแม้น ‘ติดหนี้ต้องชดใช้’ จะเป็นหลักการแห่งฟ้าดินที่ถูกต้องอย่างไม่ต้องสงสัยแต่ก็ยังมีอีกคำกล่าวที่ว่า ‘เหาเยอะไม่กลัวคัน’ ด้วย“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ อย่างนั้นหากพวกเรายังเล่นงานเขาเช่นนี้อีก มิเท่ากับไร้คุณธรรมอย่างยิ่งหรือพ่ะย

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status