Share

บทที่ 5

Penulis: หออักษร
บนใบหน้าของจ้าวสี่เผยสีหน้าตื่นเต้นดีใจ

แทบอยากจะปรบมือเฉลิมฉลองการลงโทษของฉินหมิงในตอนนี้เลยทีเดียว

ขุนนางหลายคนที่อยู่ฝ่ายเดียวกับเซียวซูเฟย ต่างก็แอบถอนหายใจอย่างโล่งอก

เมื่อองค์รัชทายาทไปยังหลิ่งหนานแล้ว คาดว่าคงจะไม่มีโอกาสได้กลับมาอีก

การที่ศัตรูตัวฉกาจในราชสำนักลดลงไปหนึ่งคน ย่อมเป็นเรื่องดีสำหรับทุกคน

แต่ในขณะนั้นเอง อัครมหาเสนาบดีเฉินซื่อเม่าก็ขมวดคิ้วแล้วก้าวออกมา

“ฝ่าบาท เรื่องนี้ยังไม่ได้ผ่านการไต่สวน จะอาศัยเพียงคำพูดฝ่ายเดียวของพวกเขา มาตัดสินพระทัยเช่นนี้ได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ?”

ฮ่องเต้เฉียนพลันรู้สึกว่าตนเองเสียหน้า จึงตรัสถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“เฉินซื่อเม่า เจ้ากำลังจะบอกว่าฉินหมิงไม่ได้ลงมือหรือ?”

“ฝ่าบาท กระหม่อมเพียงแค่รู้สึกว่าเรื่องนี้มีเงื่อนงำ ควรจะไต่สวนให้แน่ชัดก่อนแล้วจึงค่อยตัดสินพระทัย มิเช่นนั้นจะดูผลีผลามเกินไปพ่ะย่ะค่ะ”

ใบหน้าของเฉินซื่อเม่าไม่มีความหวาดกลัวแม้แต่น้อย เขากล่าวอย่างไม่นอบน้อมแต่ก็ไม่อวดดีจนเกินไป

“บังอาจ!”

“การทำร้ายคนเป็นเรื่องจริง การก่อความวุ่นวายบนท้องถนนก็เป็นเรื่องจริง นี่มิใช่ว่าเจ้าลูกทรพีนั่นเก็บความแค้นไว้ในใจ จงใจทำให้เราเห็นหรอกหรือ?”

“ฝ่าบาท...”

“ไม่ต้องพูดมากความอีก! ให้ดำเนินการตามนี้ ห้ามผู้ใดเอ่ยถึงเรื่องนี้อีกเด็ดขาด!”

ฮ่องเต้เฉียนไม่ให้โอกาสเฉินซื่อเม่าได้พูดอีกต่อไป ทรงตัดบทเขาโดยตรง

เฉินซื่อเม่ากำหมัดแน่น

เมื่อมองฮ่องเต้ที่ไม่รู้จักแยกแยะผิดชอบชั่วดีผู้นี้

ในตอนนี้เขารู้สึกเพียงแค่มึนหัว และรู้สึกเศร้าใจกับอนาคตของราชวงศ์นี้!

ร่างกายของเฉินซื่อเม่าโซเซ เกือบจะล้มลงไปกับพื้น

และในตอนนั้นเอง เฉียนไฉก็ก้าวเข้ามาประคองเขาไว้

“ฝ่าบาท กระหม่อมมีเรื่องจะทูลพ่ะย่ะค่ะ!”

“ว่ามา”

เฉียนไฉหยิบฎีกาออกมาแล้วกล่าวว่า

“เรือสินค้าจากหนานหยางได้เดินทางมาถึงกรมการค้าทางทะเลปั๋วซือในเมืองหลวงแล้ว กำลังรอการค้าขายสินค้าสำหรับปีนี้อยู่ ขอฝ่าบาททรงแต่งตั้งคนผู้หนึ่งไปจัดการด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

“เรือสินค้าจากหนานหยางมาถึงแล้วหรือ!?”

บนใบหน้าของทุกคนในราชสำนักพลันปรากฏความยินดี

สีพระพักตร์ที่เดิมทียังทรงพิโรธอยู่ของฮ่องเต้เฉียนก็เปลี่ยนไปในทันที

การค้าขายกับเรือสินค้าจากหนานหยาง เป็นกิจกรรมที่พวกเขาจัดขึ้นทุกปี

เพียงครั้งเดียวก็สามารถทำกำไรได้นับล้านตำลึงเงิน

ไม่เพียงแต่จะช่วยบรรเทาสถานการณ์ทางการคลังของราชสำนัก แต่ยังสามารถได้รับของแปลก ๆ หายากจากแคว้นต่าง ๆ ในแถบหนานหยางอีกด้วย

“ดี!”

ฮ่องเต้เฉียนทรงเกษมสำราญยิ่งนัก

แต่ไม่นานพระองค์ก็นึกถึงปัญหาหนึ่งขึ้นมาได้

“ทุกปีมิใช่ว่าพวกเจ้าเป็นคนจัดการหรอกหรือ? เหตุใดปีนี้กลับต้องให้เราเป็นคนแต่งตั้งคนไปดูแลด้วยตนเอง?”

เฉียนไฉยิ้มแล้วกล่าวว่า

“ฝ่าบาท คนที่จัดการเรื่องนี้ทุกปีได้จากไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องให้ฝ่าบาทแต่งตั้งคนใหม่”

“ใครจากไป?”

ฮ่องเต้เฉียนขมวดพระขนงเล็กน้อย ตรัสถามด้วยความสงสัย

เฉียนไฉเอ่ยออกมาสองคำอย่างเรียบเฉย

“องค์ชายพ่ะย่ะค่ะ”

...

ทันใดนั้น บรรยากาศที่คึกคักในท้องพระโรงก็พลันเงียบสงัด!

ฮ่องเต้เฉียนที่ยังทรงแย้มพระสรวลอยู่ ก็มีสีพระพักตร์แข็งค้างไปเช่นกัน

“เหตุใดจึงเป็นเขา?!”

เฉียนไฉกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“ฝ่าบาท หรือว่าพระองค์ไม่ทรงทราบว่า กรมการค้าทางทะเลปั๋วซือนั้นเป็นสิ่งที่องค์ชายทรงจัดตั้งขึ้น และกองคาราวานสินค้าจากหนานหยางก็เป็นองค์ชายที่จัดเตรียมคนให้เดินทางออกทะเลไปติดต่อมา?”

“แม้กระทั่งแผนที่เดินเรือในมือของพวกเขา ก็เป็นสิ่งที่องค์ชายทรงวาดขึ้นเป็นพิเศษแล้วส่งไปให้ เพื่ออำนวยความสะดวกให้พวกเขาหาเส้นทางมายังต้าเฉียนเพื่อทำการค้า!”

คำพูดเหล่านี้ ทำให้ฮ่องเต้เฉียนทรงประหลาดพระทัยอยู่บ้าง

หลายปีมานี้ พระองค์ไม่เคยได้ทำความเข้าใจเรื่องการค้าทางทะเลมากนักจริง ๆ

ยิ่งไม่รู้ว่า ในช่วงเวลานี้ฉินหมิงได้ทุ่มเทความพยายามไปมากเพียงใด

เช่นเดียวกับเหล่าขุนนางในราชสำนัก ฮ่องเต้เฉียนทรงทราบเพียงแค่ว่าหลังจากที่ขบวนเรือเหล่านี้มาถึงจักรวรรดิต้าเฉียนแล้ว

ก็ทำให้พวกเขามีเงินทองเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ปีแล้วปีเล่า

เฉียนไฉกล่าวต่อไปว่า

“บัดนี้องค์ชายไม่ได้เป็นผู้ดูแลเรื่องนี้อีกต่อไปแล้ว แต่กองคาราวานสินค้าจากหนานหยางมีจำนวนมาก กระหม่อมและกรมคลังก็ยากที่จะควบคุมการค้าขายกับหนานหยางได้ กระหม่อมจึงขอให้ฝ่าบาททรงแต่งตั้งผู้มีความสามารถอีกสักท่านหนึ่งมาช่วยพ่ะย่ะค่ะ”

ในที่สุดฮ่องเต้เฉียนก็ทรงเข้าใจความนัยแล้ว

เฉียนไฉกำลังแสดงความไม่พอใจที่พระองค์ทรงลดขั้นฉินหมิงไปยังหลิ่งหนาน!

ฮ่องเต้เฉียนทรงแค่นเสียงเย็น จ้องมองเขาแล้วตรัสว่า

“ความหมายของเจ้าคือ หากไม่มีฉินหมิง กรมคลังทั้งกรมของพวกเจ้าก็ไม่สามารถจัดการการค้ากับหนานหยางได้อย่างนั้นหรือ?”

“เช่นนั้นแล้วเราจะมีพวกเจ้าไว้ทำอะไร!”

เฉียนไฉกล่าวอย่างไม่นอบน้อมแต่ก็ไม่อวดดีจนเกินไป

“ฝ่าบาท กรมคลังไม่เคยเป็นผู้ชี้นำการค้าครั้งนี้ พวกเราเป็นเพียงผู้ปฏิบัติตามคำสั่งขององค์ชายเท่านั้น”

“และยังมีอีกเรื่องหนึ่ง... กองคาราวานสินค้าจากหนานหยาง จำได้แต่เพียงใบหน้าขององค์ชายเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ”

หลายปีมานี้ เป็นฉินหมิงมาโดยตลอดที่ไปเจรจากับขบวนเรือต่าง ๆ จากหนานหยาง

ทั้งการลงนามในสัญญาการค้า และการกำหนดราคาสินค้าต่าง ๆ

เหตุผลที่ต้องให้เขาเป็นคนเจรจาด้วยตนเอง

เป็นเพราะว่าก่อนหน้านี้เมื่อกองคาราวานสินค้าจากหนานหยางเข้ามายังต้าเฉียน พวกเขาต้องเผชิญกับการขูดรีดและเรียกรับสินบนมากมาย

สิ่งนี้ทำให้พวกเขาคิดว่า สภาพแวดล้อมทางการค้าของราชวงศ์ต้าเฉียนนั้นเลวร้ายเกินไป

ไม่มีใครอยากจะมา

จนกระทั่งฉินหมิงปรากฏตัวขึ้น กองคาราวานสินค้าจากแคว้นต่าง ๆ ในแถบหนานหยางถึงได้มีเสาหลักที่พึ่งพิงได้

เวลาที่พวกเขาทำการค้าขายกับฉินหมิง จะเป็นแบบยื่นหมูยื่นแมว จ่ายเงินแล้วรับของกันอย่างตรงไปตรงมา

ไม่เคยมีเรื่องที่ไม่เป็นธรรมเกิดขึ้นเลย

“น่าขัน!”

ฮ่องเต้เฉียนทรงตบโต๊ะอย่างแรง

“เราไม่เชื่อหรอกว่า หากไม่มีฉินหมิงแล้ว แคว้นต่าง ๆ ในแถบหนานหยางจะไม่ทำการค้าขายกับต้าเฉียนของเรา?!”

พระองค์ทรงกวาดสายพระเนตรไปรอบ ๆ แล้วมอบหมายภารกิจนี้ให้แก่กรมพิธีการ

“จ้าวสี่! เจ้านำคนของกรมพิธีการไปเจรจากับพวกเขา!”

เดิมทีกรมพิธีการก็มีหน้าที่ดูแลการค้ากับต่างแคว้นของราชวงศ์อยู่แล้ว

เพียงแต่ไม่รู้ว่า ตั้งแต่เมื่อใดที่การค้าทางทะเลทั้งหมดตกไปอยู่ในมือของฉินหมิง

นี่ก็เป็นหนึ่งในข้อขัดแย้งระหว่างพวกเขากับฉินหมิง

ในฐานะขุนนางฝ่ายพิธีการ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดจ้าวสี่ก็สามารถทำเรื่องนี้ได้

เมื่อได้ยินดังนั้น ในใจของจ้าวสี่ก็รู้สึกยินดี

เหล่าขุนนางกรมพิธีการต่างก็พากันตื่นเต้นดีใจ

พวกเขารอคอยวินาทีนี้มานานเกินไปแล้ว

ตอนนี้ในที่สุดการค้าทางทะเลก็กลับมาอยู่ในความดูแลของพวกเขาอีกครั้ง!

ช่างสะใจยิ่งนัก!

“ฝ่าบาท กระหม่อมน้อมรับพระบัญชา!”

จ้าวสี่รีบก้าวออกมา คุกเข่าลงกับพื้นและโขกศีรษะรับราชโองการอย่างนอบน้อม

เฉียนไฉและเฉินซื่อเม่าสบตากัน จากนั้นก็เบ้ปาก

เฉินซื่อเม่ารู้ดีถึงพฤติกรรมของกรมพิธีการ

เวลาที่กรมพิธีการดูแลการค้า ก็จะขูดรีดเรียกรับสินบน ทำทุกวิถีทางโดยไม่เลือกวิธีการ!!

ให้พวกเขาไป เรื่องดี ๆ ก็อาจกลายเป็นเรื่องร้ายได้

เดิมทีเขาคิดจะอ้าปากเตือนสติฮ่องเต้เฉียนสักหน่อย

แต่ในตอนนั้นเอง เฉียนไฉกลับดึงเขาจากข้างหลัง แล้วส่ายหัวเบา ๆ

เฉินซื่อเม่าถอนหายใจอย่างจนใจ

จึงไม่ได้พูดอะไรอีก

ไม่นานนัก ราชโองการของราชสำนักก็ถูกส่งมาถึงจวนอ๋องของฉินหมิง

ฉางไป๋ซาน ผู้บัญชาการองครักษ์ของฉินหมิง ถือราชโองการของราชสำนัก เดินมาอยู่ต่อหน้าฉินหมิงด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความขุ่นเคือง

“องค์ชาย ราชสำนักจะยุบสามหน่วยพิทักษ์ของท่านพ่ะย่ะค่ะ!”

ฉางไป๋ซานรู้ดีว่า สามหน่วยพิทักษ์มีความสำคัญต่ออ๋องผู้ครองหัวเมืองมากเพียงใด

การกระทำครั้งนี้ของฮ่องเต้เฉียน เห็นได้ชัดว่าต้องการให้ฉินหมิงไปเริ่มต้นใหม่ที่หลิ่งหนานด้วยมือเปล่า!

ความยากลำบากนี้ไม่ต่างอะไรกับการขึ้นสวรรค์!

“โอ้?”

สิ่งที่อยู่นอกเหนือความคาดหมายของฉางไป๋ซานก็คือ เมื่อฉินหมิงได้ยินคำพูดเหล่านี้ กลับไม่ได้รู้สึกไม่พอใจแต่อย่างใด

ตรงกันข้าม กลับปรบมือเห็นดีเห็นงาม

“ยุบไปก็ดีเหมือนกัน จะได้เปลี่ยนเป็นคนของค่ายทหารอู่เวยแทนพอดี”

“องค์ชาย นี่คือการยุบสามหน่วยพิทักษ์นะพ่ะย่ะค่ะ ไม่ใช่การเปลี่ยนให้เป็นค่ายทหารอู่เวย! พวกเราจะไม่เหลืออะไรเลย!”

ฉางไป๋ซานร้อนใจราวกับมดที่อยู่บนกระทะร้อน

แต่ฉินหมิงกลับยังคงนั่งชงชาอยู่ที่เดิมอย่างสบายใจ

เมื่อดื่มชาเข้าไปหนึ่งอึก เขาก็หลับตาลงต่อ จัดระเบียบความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม

จากการจัดระเบียบในช่วงสองวันที่ผ่านมา

ฉินหมิงพบว่าเจ้าของร่างเดิมนี้ นอกจากนิสัยจะอ่อนแอเกินไปแล้ว ก็ไม่มีข้อบกพร่องอื่นใดที่น่าประหลาดใจเลย

การบริหารราชการแผ่นดินล้วนอยู่ในระดับดีเยี่ยม

สิ่งนี้ทำให้ฉินหมิงมีความเข้าใจเบื้องต้นเกี่ยวกับสถานการณ์ และวิธีการดำเนินงานของจักรวรรดิแห่งนี้

เมื่อมองฉางไป๋ซานที่เดินวนไปวนมาอยู่ตรงหน้าตน

ฉินหมิงก็ลุกขึ้นยืน กดเขาให้นั่งลงบนเก้าอี้แล้วกล่าวอย่างมีความหมายลึกซึ้ง

“จะรีบร้อนไปไย ปล่อยให้ราชสำนักวุ่นวายไปอีกสักพัก”

“อีกสองวัน พวกเขาจะมาหาข้าเอง”
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 426

    “ข้ารู้แล้ว เช่นนั้นก็รายงานขึ้นไปเถิด แต่ค่ายทหารในมือข้าไม่มีทางมอบให้ราชสำนักเด็ดขาด”คำพูดของพวกเขา อันที่จริงฉินหมิงคาดการณ์ได้นานแล้วแต่ค่ายทหารอู่เวย ฉินหมิงเป็นคนสร้างขึ้นมากับมือไม่ว่าจะเป็นโรงช่าง โรงทอผ้า ร้านขายผ้า หรือโรงผลิตเกลือ ต่างก็เป็นของเขาทั้งสิ้น“ท่านอ๋อง เกรงว่าจะไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ”หลี่เหรินโซ่วผู้อยู่ด้านข้างเพิ่งได้ยินฉินหมิงกล่าวตอบ ก็คัดค้านขึ้นทันทีแต่ฟู่เจิ้งเซวียนกลับห้ามเขาไว้“ท่านอ๋อง ท่านจะคิดอย่างไรก็ได้ แต่พวกกระหม่อมจะรายงานต่อราชสำนักตามความเป็นจริงพ่ะย่ะค่ะ”ฟู่เจิ้งเซวียนไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวกับฉินหมิงให้มากความที่พวกเขามาครั้งนี้ก็แค่ทำตามขั้นตอนเท่านั้นส่วนความผิดที่แท้จริงของฉินหมิงนั้น ถูกกำหนดไว้ก่อนที่พวกเขาจะมาถึงเสียอีก“ย่อมได้”ฉินหมิงพยักหน้าเชื่องช้าระยะนี้ โรงช่างของพวกเขาเดินหน้าผลิตเต็มกำลัง สามารถติดอาวุธให้ทั้งค่ายทหารได้อย่างทั่วถึงแม้แต่จำนวนปืนคาบศิลา ก็มีถึงหนึ่งพันกว่ากระบอกยาเม็ดยิ่งเตรียมไว้นับไม่ถ้วนถ้าราชสำนักมาจริงก็พร้อมสู้นับตั้งแต่ที่ฉินหมิงมาถึงโลกใบนี้ เขาก็ตระหนักดีว่า ไม่ว่ายุคใดสมัยใดควา

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 425

    อีกด้านหนึ่ง ภายในจวนของฉินหมิงหลิ่วเยว่หลีกำลังรายงานตำแหน่งของเหล่าองครักษ์เงา“ท่านอ๋อง ครั้งนี้ตรวจพบสิบกว่าคน พวกเขารวมตัวกันอยู่ที่อำเภอซี ในสังกัดเมืองเฉียนถังเพคะ”“ข้ารู้แล้ว”ฉินหมิงพยักหน้าแช่มช้า จากนั้นจึงเหน็บดาบยาวไว้ข้างเอว ก่อนขี่ม้าตรงไปที่อำเภอซีด้วยตนเองไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าครั้งนี้ ฉินหมิงจะไปกำจัดเหล่าองครักษ์เงาเพียงลำพัง!กลุ่มข่าวกรองของหลิ่วเยว่หลี เพียงระบุตำแหน่งให้เขารู้เท่านั้นการลงมือฉายเดี่ยวของฉินหมิงนั้นทั้งรวดเร็ว แม่นยำ และเด็ดขาด โดยที่อีกฝ่ายไม่มีโอกาสตั้งตัวสักนิด!ฉินหมิงมีความสามารถถึงขั้นนั้นแล้วแม้การออกกระบวนท่าต่าง ๆ จะยังไม่ชำนาญนัก แต่สิ่งที่เขาขาดในยามนี้ก็คือการฝึกฝน“หวังว่าคู่ซ้อมในวันนี้จะทำให้ข้าพอใจก็แล้วกัน”ขณะนั่งอยู่บนหลังม้า ฉินหมิงก็พึมพำกับตนเองอาศัยพลังยุทธ์ที่แข็งแกร่ง ฉินหมิงย่อมต่อสู้กับพวกเขาได้อย่างสูสีแม้จะมีเพียงตัวคนเดียว แต่เขาก็สามารถสังหารหมู่กลุ่มคนขนาดเล็กของฝ่ายตรงข้ามได้ถึงสิบกว่ากลุ่มเขาลงมือเพียงลำพัง ไม่มีผู้ใดพบเห็นหรือต่อให้พบเห็น พวกเขาก็คงไม่คิดว่าฉินหมิงผู้ควบม้าอยู่ด้านนอกเพียงลำพ

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 424

    พวกเขาล้วนเป็นขุนนางชั้นผู้ใหญ่ในราชสำนักเดิมทีฟางชิงหย่วนก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่หลังถูกลดตำแหน่งมาอยู่ที่นี่ ก็ไม่มีอำนาจเหมือนเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งใหญ่อีกต่อไปย่อมทำให้บรรดาเพื่อนขุนนางที่เคยร่วมงานกัน คิดดูแคลนเล็กน้อยประกอบกับจุดยืนของพวกเขาในยามนี้แตกต่างกันขุนนางส่วนใหญ่ล้วนยืนอยู่ข้างเซียวซูเฟย จึงไม่คิดเปิดโอกาสให้ฉินหมิงกับฟางชิงหย่วนได้แข็งข้อส่วนหลี่เหรินโซ่วผู้เป็นถึงรองเจ้ากรมกลาโหม ด้วยความที่กรมกลาโหมมักไปเบิกเงินและเสบียงจากกรมคลังอยู่บ่อยครั้งแต่ฟางชิงหย่วนเป็นคนที่ยึดมั่นในหลักการจึงปฏิเสธคำขอของหลี่เหรินโซ่วเป็นประจำ ทำให้หลี่เหรินโซ่วแค้นฝังใจในเวลานี้เมื่อเห็นเขาตกต่ำ หลี่เหรินโซ่วจึงต้องเข้ามาเหยียบย่ำซ้ำเติมเป็นธรรมดาเมื่อได้ยินคำพูดดูแคลนของอีกฝ่าย บรรดาผู้ใต้บังคับบัญชาของฉินหมิงอย่างซ่งติ้งเซิงและหลิวฉ่วง ต่างก็รู้สึกไม่พอใจฟางชิงหย่วนเองก็ไม่ใช่คนที่จะยอมผู้ใดโดยง่าย จึงกล่าวขึ้นทันที“ใต้เท้าหลี่ หากท่านไม่เข้าใจบัญชีของกรมกลาโหม ก็มากราบข้าเป็นอาจารย์สิ เดี๋ยวข้าสอนท่านเอง”“จะให้ข้ากราบเจ้าเป็นอาจารย์น่ะหรือ?”หลี่เหรินโซ่วเบะปากด้วยคว

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 423

    “รับบัญชาเพคะ!”หลิ่วเยว่หลีพยักหน้าอย่างรวดเร็ว ก่อนหันหลังเตรียมตัวเดินจากไปนางจะนำกลุ่มองครักษ์ลับ ไปสืบหาร่องรอยขององครักษ์เงาเหล่านั้นส่วนฉินหมิง ช่วงนี้คงต้องลบล้างอิทธิพลที่เกิดจากสำนักหลัวให้ได้ก่อนรัตติกาลมาเยือน กวนเยว่ต้มชาโสมถ้วยหนึ่ง นำมาวางลงตรงหน้าฉินหมิงฉินหมิงสวมเสื้อคลุมตัวหนึ่ง นั่งรับลมฤดูใบไม้ร่วงอยู่ในศาลา“หากราชสำนักใช้เรื่องสำนักหลัวเป็นข้ออ้าง นำทัพเข้ามาในหลิ่งหนาน พวกเราจะทำอย่างไร?”กวนเยว่กังวลใจเรื่องค่ายทหารอู่เวยยิ่งนักเนื่องจากนี่คือกองทัพสำคัญที่บิดานางทิ้งไว้ให้ฉินหมิงเคยกล่าวไว้ว่า จะฟื้นฟูมันขึ้นมาใหม่บัดนี้ เขาทำได้แล้ว แต่ก็มีแรงกดดันจากราชสำนักตามมาติด ๆ เช่นกัน“กองทัพเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่ราชสำนักจะเข้ามายุ่งเกี่ยวได้ รอให้พวกเขาเคลื่อนไหวก่อนค่อยว่ากัน”“อืม”หลายวันต่อมา คณะผู้ตรวจสอบจากราชสำนักก็เดินทางมาถึงหลิ่งหนานคนที่มาในครั้งนี้คือ หัวหน้าผู้ตรวจการฝ่ายซ้ายแห่งสำนักตรวจสอบ ฟู่เจิ้งเซวียนผู้ช่วยของเขาคือรองเจ้ากรมกลาโหม หลี่เหรินโซ่วนอกจากนี้ยังมีลู่เหยียนเหนียนจากกรมทหารม้า เริ่นหลิงอวิ๋นจากกรมโยธาธิการและผู้คน

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 422

    ในอดีตครั้งที่เฉินซื่อเม่าอยู่ในราชสำนัก เขายังพอจะกดข่มคำพูดว่าร้ายฉินหมิงจากฝ่ายพระสนมเซียวซูเฟยได้บ้างแต่เมื่อเขาออกมาจากเมืองหลวง พระสนมเซียวซูเฟยและเหล่าขุนนางใต้สังกัดนางก็สบโอกาสลงมือพวกเขาอาศัยจังหวะนี้ เริ่มโจมตีฉินหมิงทันทีเมื่อได้ยิน ฉินหมิงก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนสอบถาม“แล้วศึกทางเหนือเล่า พวกเขาไม่สนใจแล้วหรือ?”“ได้ข่าวว่ายังรบกันอยู่ แต่ฝ่ายต้าเฉียนน่าจะใกล้ขอเจรจาสงบศึกสำเร็จแล้วเพคะ”“เจรจาสงบศึก!?”ฉินหมิงถึงกับตกตะลึงแม้ชนเผ่าทางเหนือจะมีกำลังรบที่แข็งแกร่ง แต่กำลังรบของต้าเฉียนก็ไม่ได้อ่อนแอเช่นกันยิ่งไปกว่านั้น ต้าเฉียนเป็นเพียงฝ่ายตั้งรับรอโต้กลับ แต่บัดนี้กลับคิดยอมจำนนนี่ช่างน่าอัปยศเสียจริงหากเป็นฝ่ายเริ่มขอเจรจาสงบศึก เมื่อถึงเวลาก็ต้องชดใช้ด้วยเงินมหาศาล มิหนำซ้ำอาจต้องยกดินแดนให้อีกฝ่ายต้าเฉียนก่อตั้งประเทศมาหลายชั่วอายุคน ยังไม่เคยปรากฏสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน!“จากการสืบสวนของกองเงาทมิฬ ราชสำนักคงอยากถอนตัวโดยเร็ว เพื่อมาจัดการกับท่านอ๋องเพคะ”หลิ่วเยว่หลีกล่าวถึงการคาดเดาของนางด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมและนี่ก็สอดคล้องกับวิธีการทำงานของราช

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 421

    เมื่อเห็นดังนั้น ฉินหมิงก็รีบชักมือกลับทันทีเฉาชวนกับหลิวฉ่วงจึงทิ้งตัวลงนั่งบนพื้น พลางหอบหายใจหนักหน่วง“สำนักหลัวช่างน่าสะพรึงกลัวโดยแท้!”ยามนี้บนใบหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความตกตะลึงพูดตามตรง พลังลมปราณของฉินหมิงเวลานี้ หากบอกว่าเป็นอันดับสองในใต้หล้า ก็คงไม่มีผู้ใดกล้าบอกว่าตนเป็นอันดับหนึ่งแล้ว“ท่านอ๋อง กระหม่อมจะไปรวบรวมตำราวรยุทธ์ให้ท่านเองพ่ะย่ะค่ะ!”แม้หลิวฉ่วงจะพ่ายแพ้ให้แก่ฉินหมิง แต่เมื่อฟื้นตัวแล้ว เขาก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาอีกครั้งหากฉินหมิงมีพลังต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมถึงเพียงนี้ หลังฝึกฝนวรยุทธ์ ก็สามารถขึ้นเป็นยอดแม่ทัพอีกคนหนึ่งของค่ายทหาร และเข้าร่วมสงครามได้อย่างแน่นอนและการค้าขายของพวกเขาขณะนี้ก็เป็นไปด้วยดี กิจการทุกประเภทล้วนได้รับผลกำไรมากมายกระทั่งเงินที่เคยหยิบยืมจากหอการค้าหลิ่งหนาน ก็ชดใช้คืนหมดสิ้นและเมื่อมีเงินแล้ว ก็ซื้อตำราฝึกวรยุทธ์เหล่านั้นได้ไม่มีปัญหา“จะลำบากเช่นนั้นไปไย”ฉางไป๋ซานพลันขวางเขาไว้ และโบกมือเบา ๆจากนั้นก็ชี้ไปที่หน้าผากของตนเองพลางกล่าว“เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้ามาจากที่ใด?”“ตอนแรกที่ข้าติดตามท่านอ๋องนั้น ความจริงก็เพื่อฝึ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status