แชร์

บทที่ 5

ผู้เขียน: หออักษร
บนใบหน้าของจ้าวสี่เผยสีหน้าตื่นเต้นดีใจ

แทบอยากจะปรบมือเฉลิมฉลองการลงโทษของฉินหมิงในตอนนี้เลยทีเดียว

ขุนนางหลายคนที่อยู่ฝ่ายเดียวกับเซียวซูเฟย ต่างก็แอบถอนหายใจอย่างโล่งอก

เมื่อองค์รัชทายาทไปยังหลิ่งหนานแล้ว คาดว่าคงจะไม่มีโอกาสได้กลับมาอีก

การที่ศัตรูตัวฉกาจในราชสำนักลดลงไปหนึ่งคน ย่อมเป็นเรื่องดีสำหรับทุกคน

แต่ในขณะนั้นเอง อัครมหาเสนาบดีเฉินซื่อเม่าก็ขมวดคิ้วแล้วก้าวออกมา

“ฝ่าบาท เรื่องนี้ยังไม่ได้ผ่านการไต่สวน จะอาศัยเพียงคำพูดฝ่ายเดียวของพวกเขา มาตัดสินพระทัยเช่นนี้ได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ?”

ฮ่องเต้เฉียนพลันรู้สึกว่าตนเองเสียหน้า จึงตรัสถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“เฉินซื่อเม่า เจ้ากำลังจะบอกว่าฉินหมิงไม่ได้ลงมือหรือ?”

“ฝ่าบาท กระหม่อมเพียงแค่รู้สึกว่าเรื่องนี้มีเงื่อนงำ ควรจะไต่สวนให้แน่ชัดก่อนแล้วจึงค่อยตัดสินพระทัย มิเช่นนั้นจะดูผลีผลามเกินไปพ่ะย่ะค่ะ”

ใบหน้าของเฉินซื่อเม่าไม่มีความหวาดกลัวแม้แต่น้อย เขากล่าวอย่างไม่นอบน้อมแต่ก็ไม่อวดดีจนเกินไป

“บังอาจ!”

“การทำร้ายคนเป็นเรื่องจริง การก่อความวุ่นวายบนท้องถนนก็เป็นเรื่องจริง นี่มิใช่ว่าเจ้าลูกทรพีนั่นเก็บความแค้นไว้ในใจ จงใจทำให้เราเห็นหรอกหรือ?”

“ฝ่าบาท...”

“ไม่ต้องพูดมากความอีก! ให้ดำเนินการตามนี้ ห้ามผู้ใดเอ่ยถึงเรื่องนี้อีกเด็ดขาด!”

ฮ่องเต้เฉียนไม่ให้โอกาสเฉินซื่อเม่าได้พูดอีกต่อไป ทรงตัดบทเขาโดยตรง

เฉินซื่อเม่ากำหมัดแน่น

เมื่อมองฮ่องเต้ที่ไม่รู้จักแยกแยะผิดชอบชั่วดีผู้นี้

ในตอนนี้เขารู้สึกเพียงแค่มึนหัว และรู้สึกเศร้าใจกับอนาคตของราชวงศ์นี้!

ร่างกายของเฉินซื่อเม่าโซเซ เกือบจะล้มลงไปกับพื้น

และในตอนนั้นเอง เฉียนไฉก็ก้าวเข้ามาประคองเขาไว้

“ฝ่าบาท กระหม่อมมีเรื่องจะทูลพ่ะย่ะค่ะ!”

“ว่ามา”

เฉียนไฉหยิบฎีกาออกมาแล้วกล่าวว่า

“เรือสินค้าจากหนานหยางได้เดินทางมาถึงกรมการค้าทางทะเลปั๋วซือในเมืองหลวงแล้ว กำลังรอการค้าขายสินค้าสำหรับปีนี้อยู่ ขอฝ่าบาททรงแต่งตั้งคนผู้หนึ่งไปจัดการด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

“เรือสินค้าจากหนานหยางมาถึงแล้วหรือ!?”

บนใบหน้าของทุกคนในราชสำนักพลันปรากฏความยินดี

สีพระพักตร์ที่เดิมทียังทรงพิโรธอยู่ของฮ่องเต้เฉียนก็เปลี่ยนไปในทันที

การค้าขายกับเรือสินค้าจากหนานหยาง เป็นกิจกรรมที่พวกเขาจัดขึ้นทุกปี

เพียงครั้งเดียวก็สามารถทำกำไรได้นับล้านตำลึงเงิน

ไม่เพียงแต่จะช่วยบรรเทาสถานการณ์ทางการคลังของราชสำนัก แต่ยังสามารถได้รับของแปลก ๆ หายากจากแคว้นต่าง ๆ ในแถบหนานหยางอีกด้วย

“ดี!”

ฮ่องเต้เฉียนทรงเกษมสำราญยิ่งนัก

แต่ไม่นานพระองค์ก็นึกถึงปัญหาหนึ่งขึ้นมาได้

“ทุกปีมิใช่ว่าพวกเจ้าเป็นคนจัดการหรอกหรือ? เหตุใดปีนี้กลับต้องให้เราเป็นคนแต่งตั้งคนไปดูแลด้วยตนเอง?”

เฉียนไฉยิ้มแล้วกล่าวว่า

“ฝ่าบาท คนที่จัดการเรื่องนี้ทุกปีได้จากไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องให้ฝ่าบาทแต่งตั้งคนใหม่”

“ใครจากไป?”

ฮ่องเต้เฉียนขมวดพระขนงเล็กน้อย ตรัสถามด้วยความสงสัย

เฉียนไฉเอ่ยออกมาสองคำอย่างเรียบเฉย

“องค์ชายพ่ะย่ะค่ะ”

...

ทันใดนั้น บรรยากาศที่คึกคักในท้องพระโรงก็พลันเงียบสงัด!

ฮ่องเต้เฉียนที่ยังทรงแย้มพระสรวลอยู่ ก็มีสีพระพักตร์แข็งค้างไปเช่นกัน

“เหตุใดจึงเป็นเขา?!”

เฉียนไฉกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“ฝ่าบาท หรือว่าพระองค์ไม่ทรงทราบว่า กรมการค้าทางทะเลปั๋วซือนั้นเป็นสิ่งที่องค์ชายทรงจัดตั้งขึ้น และกองคาราวานสินค้าจากหนานหยางก็เป็นองค์ชายที่จัดเตรียมคนให้เดินทางออกทะเลไปติดต่อมา?”

“แม้กระทั่งแผนที่เดินเรือในมือของพวกเขา ก็เป็นสิ่งที่องค์ชายทรงวาดขึ้นเป็นพิเศษแล้วส่งไปให้ เพื่ออำนวยความสะดวกให้พวกเขาหาเส้นทางมายังต้าเฉียนเพื่อทำการค้า!”

คำพูดเหล่านี้ ทำให้ฮ่องเต้เฉียนทรงประหลาดพระทัยอยู่บ้าง

หลายปีมานี้ พระองค์ไม่เคยได้ทำความเข้าใจเรื่องการค้าทางทะเลมากนักจริง ๆ

ยิ่งไม่รู้ว่า ในช่วงเวลานี้ฉินหมิงได้ทุ่มเทความพยายามไปมากเพียงใด

เช่นเดียวกับเหล่าขุนนางในราชสำนัก ฮ่องเต้เฉียนทรงทราบเพียงแค่ว่าหลังจากที่ขบวนเรือเหล่านี้มาถึงจักรวรรดิต้าเฉียนแล้ว

ก็ทำให้พวกเขามีเงินทองเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ปีแล้วปีเล่า

เฉียนไฉกล่าวต่อไปว่า

“บัดนี้องค์ชายไม่ได้เป็นผู้ดูแลเรื่องนี้อีกต่อไปแล้ว แต่กองคาราวานสินค้าจากหนานหยางมีจำนวนมาก กระหม่อมและกรมคลังก็ยากที่จะควบคุมการค้าขายกับหนานหยางได้ กระหม่อมจึงขอให้ฝ่าบาททรงแต่งตั้งผู้มีความสามารถอีกสักท่านหนึ่งมาช่วยพ่ะย่ะค่ะ”

ในที่สุดฮ่องเต้เฉียนก็ทรงเข้าใจความนัยแล้ว

เฉียนไฉกำลังแสดงความไม่พอใจที่พระองค์ทรงลดขั้นฉินหมิงไปยังหลิ่งหนาน!

ฮ่องเต้เฉียนทรงแค่นเสียงเย็น จ้องมองเขาแล้วตรัสว่า

“ความหมายของเจ้าคือ หากไม่มีฉินหมิง กรมคลังทั้งกรมของพวกเจ้าก็ไม่สามารถจัดการการค้ากับหนานหยางได้อย่างนั้นหรือ?”

“เช่นนั้นแล้วเราจะมีพวกเจ้าไว้ทำอะไร!”

เฉียนไฉกล่าวอย่างไม่นอบน้อมแต่ก็ไม่อวดดีจนเกินไป

“ฝ่าบาท กรมคลังไม่เคยเป็นผู้ชี้นำการค้าครั้งนี้ พวกเราเป็นเพียงผู้ปฏิบัติตามคำสั่งขององค์ชายเท่านั้น”

“และยังมีอีกเรื่องหนึ่ง... กองคาราวานสินค้าจากหนานหยาง จำได้แต่เพียงใบหน้าขององค์ชายเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ”

หลายปีมานี้ เป็นฉินหมิงมาโดยตลอดที่ไปเจรจากับขบวนเรือต่าง ๆ จากหนานหยาง

ทั้งการลงนามในสัญญาการค้า และการกำหนดราคาสินค้าต่าง ๆ

เหตุผลที่ต้องให้เขาเป็นคนเจรจาด้วยตนเอง

เป็นเพราะว่าก่อนหน้านี้เมื่อกองคาราวานสินค้าจากหนานหยางเข้ามายังต้าเฉียน พวกเขาต้องเผชิญกับการขูดรีดและเรียกรับสินบนมากมาย

สิ่งนี้ทำให้พวกเขาคิดว่า สภาพแวดล้อมทางการค้าของราชวงศ์ต้าเฉียนนั้นเลวร้ายเกินไป

ไม่มีใครอยากจะมา

จนกระทั่งฉินหมิงปรากฏตัวขึ้น กองคาราวานสินค้าจากแคว้นต่าง ๆ ในแถบหนานหยางถึงได้มีเสาหลักที่พึ่งพิงได้

เวลาที่พวกเขาทำการค้าขายกับฉินหมิง จะเป็นแบบยื่นหมูยื่นแมว จ่ายเงินแล้วรับของกันอย่างตรงไปตรงมา

ไม่เคยมีเรื่องที่ไม่เป็นธรรมเกิดขึ้นเลย

“น่าขัน!”

ฮ่องเต้เฉียนทรงตบโต๊ะอย่างแรง

“เราไม่เชื่อหรอกว่า หากไม่มีฉินหมิงแล้ว แคว้นต่าง ๆ ในแถบหนานหยางจะไม่ทำการค้าขายกับต้าเฉียนของเรา?!”

พระองค์ทรงกวาดสายพระเนตรไปรอบ ๆ แล้วมอบหมายภารกิจนี้ให้แก่กรมพิธีการ

“จ้าวสี่! เจ้านำคนของกรมพิธีการไปเจรจากับพวกเขา!”

เดิมทีกรมพิธีการก็มีหน้าที่ดูแลการค้ากับต่างแคว้นของราชวงศ์อยู่แล้ว

เพียงแต่ไม่รู้ว่า ตั้งแต่เมื่อใดที่การค้าทางทะเลทั้งหมดตกไปอยู่ในมือของฉินหมิง

นี่ก็เป็นหนึ่งในข้อขัดแย้งระหว่างพวกเขากับฉินหมิง

ในฐานะขุนนางฝ่ายพิธีการ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดจ้าวสี่ก็สามารถทำเรื่องนี้ได้

เมื่อได้ยินดังนั้น ในใจของจ้าวสี่ก็รู้สึกยินดี

เหล่าขุนนางกรมพิธีการต่างก็พากันตื่นเต้นดีใจ

พวกเขารอคอยวินาทีนี้มานานเกินไปแล้ว

ตอนนี้ในที่สุดการค้าทางทะเลก็กลับมาอยู่ในความดูแลของพวกเขาอีกครั้ง!

ช่างสะใจยิ่งนัก!

“ฝ่าบาท กระหม่อมน้อมรับพระบัญชา!”

จ้าวสี่รีบก้าวออกมา คุกเข่าลงกับพื้นและโขกศีรษะรับราชโองการอย่างนอบน้อม

เฉียนไฉและเฉินซื่อเม่าสบตากัน จากนั้นก็เบ้ปาก

เฉินซื่อเม่ารู้ดีถึงพฤติกรรมของกรมพิธีการ

เวลาที่กรมพิธีการดูแลการค้า ก็จะขูดรีดเรียกรับสินบน ทำทุกวิถีทางโดยไม่เลือกวิธีการ!!

ให้พวกเขาไป เรื่องดี ๆ ก็อาจกลายเป็นเรื่องร้ายได้

เดิมทีเขาคิดจะอ้าปากเตือนสติฮ่องเต้เฉียนสักหน่อย

แต่ในตอนนั้นเอง เฉียนไฉกลับดึงเขาจากข้างหลัง แล้วส่ายหัวเบา ๆ

เฉินซื่อเม่าถอนหายใจอย่างจนใจ

จึงไม่ได้พูดอะไรอีก

ไม่นานนัก ราชโองการของราชสำนักก็ถูกส่งมาถึงจวนอ๋องของฉินหมิง

ฉางไป๋ซาน ผู้บัญชาการองครักษ์ของฉินหมิง ถือราชโองการของราชสำนัก เดินมาอยู่ต่อหน้าฉินหมิงด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความขุ่นเคือง

“องค์ชาย ราชสำนักจะยุบสามหน่วยพิทักษ์ของท่านพ่ะย่ะค่ะ!”

ฉางไป๋ซานรู้ดีว่า สามหน่วยพิทักษ์มีความสำคัญต่ออ๋องผู้ครองหัวเมืองมากเพียงใด

การกระทำครั้งนี้ของฮ่องเต้เฉียน เห็นได้ชัดว่าต้องการให้ฉินหมิงไปเริ่มต้นใหม่ที่หลิ่งหนานด้วยมือเปล่า!

ความยากลำบากนี้ไม่ต่างอะไรกับการขึ้นสวรรค์!

“โอ้?”

สิ่งที่อยู่นอกเหนือความคาดหมายของฉางไป๋ซานก็คือ เมื่อฉินหมิงได้ยินคำพูดเหล่านี้ กลับไม่ได้รู้สึกไม่พอใจแต่อย่างใด

ตรงกันข้าม กลับปรบมือเห็นดีเห็นงาม

“ยุบไปก็ดีเหมือนกัน จะได้เปลี่ยนเป็นคนของค่ายทหารอู่เวยแทนพอดี”

“องค์ชาย นี่คือการยุบสามหน่วยพิทักษ์นะพ่ะย่ะค่ะ ไม่ใช่การเปลี่ยนให้เป็นค่ายทหารอู่เวย! พวกเราจะไม่เหลืออะไรเลย!”

ฉางไป๋ซานร้อนใจราวกับมดที่อยู่บนกระทะร้อน

แต่ฉินหมิงกลับยังคงนั่งชงชาอยู่ที่เดิมอย่างสบายใจ

เมื่อดื่มชาเข้าไปหนึ่งอึก เขาก็หลับตาลงต่อ จัดระเบียบความทรงจำของเจ้าของร่างเดิม

จากการจัดระเบียบในช่วงสองวันที่ผ่านมา

ฉินหมิงพบว่าเจ้าของร่างเดิมนี้ นอกจากนิสัยจะอ่อนแอเกินไปแล้ว ก็ไม่มีข้อบกพร่องอื่นใดที่น่าประหลาดใจเลย

การบริหารราชการแผ่นดินล้วนอยู่ในระดับดีเยี่ยม

สิ่งนี้ทำให้ฉินหมิงมีความเข้าใจเบื้องต้นเกี่ยวกับสถานการณ์ และวิธีการดำเนินงานของจักรวรรดิแห่งนี้

เมื่อมองฉางไป๋ซานที่เดินวนไปวนมาอยู่ตรงหน้าตน

ฉินหมิงก็ลุกขึ้นยืน กดเขาให้นั่งลงบนเก้าอี้แล้วกล่าวอย่างมีความหมายลึกซึ้ง

“จะรีบร้อนไปไย ปล่อยให้ราชสำนักวุ่นวายไปอีกสักพัก”

“อีกสองวัน พวกเขาจะมาหาข้าเอง”
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 257

    เมื่อฟังคำอธิบายของฉินหมิงจบ ฟางชิงหย่วนก็เดินไปยังป้ายบอกทางของโรงทอผ้าหลังก่อสร้างมาได้ระยะหนึ่ง โรงทอผ้าก็มีพื้นที่กว้างขวางมากแล้วยามมีคนงานซึ่งไม่คุ้นเคยกับสถานที่เดินทางมาจากอำเภอต่าง ๆ ก็ต้องใช้ทั้งป้ายและแผนที่คอยนำทาง“เอาเป็นสองที่นี้ก็แล้วกัน ขนาดเท่ากันพอดี”“ส่วนจำนวนคนเดี๋ยวข้าจะจัดสรรให้พวกท่าน เชิญพวกท่านไปเลือกคนกันได้ตามสบาย”ฟางชิงหย่วนพูดเนิบนาบตามความคิดของเขา เรื่องนี้ไม่มีอะไรชวนให้เดือดดาลใจในเมื่อทุกคนอยากดู ก็แค่แข่งขันกันให้รู้แล้วรู้รอดไปความจริงย่อมมีน้ำหนักกว่าคำพูด เขาเชื่อมั่นในทฤษฎีของตนเองยิ่งนัก“ประเสริฐ”ฉินหมิงกับหลี่เอ้อร์หนิวต่างพยักหน้า“พวกเจ้า ไปแย่งคนมาก่อนเลย”เมื่อตกลงกันเรียบร้อย หลี่เอ้อร์หนิวก็สั่งลูกน้อง ให้เริ่มไปชิงตัวสาวชาวบ้านที่ทำงานคล่องแคล่วในโรงทอผ้ามาก่อนล่วงหน้าฉินหมิงกลับไม่ได้ทำอะไร ด้วยความที่ตนมีคนน้อยกว่าหลี่เอ้อร์หนิวถึงครึ่งหนึ่ง จึงไม่จำเป็นต้องไปแย่งชิงวันรุ่งขึ้น ทั้งสองฝ่ายก็นำกลุ่มคนงานของตนไปเริ่มทำงานอย่างรวดเร็วฉินหมิงเลือกคนมาสามกลุ่มแบบเดาสุ่ม แล้วเอ่ยขึ้นว่า“ทุกคนทำตามกฎระเบียบเดิม ติ

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 256

    ถ้าต้องรับมือกับคนนอก ฉินหมิงย่อมเลือกใช้วิธีทางกายภาพอันรวดเร็วที่สุดเพื่อกำจัดอีกฝ่ายโดยไม่ลังเลแต่คนในโรงงานเวลานี้ ล้วนแต่เป็นคนของฉินหมิงทั้งสิ้นเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้ หากให้ซ่งติ้งเซิงลงมือ ไม่เพียงแต่จะทำให้กลุ่มคนงานหมดความภักดี แม้แต่ภาพลักษณ์ก็คงเสียหายย่อยยับเช่นกัน“ท่านอ๋อง โปรดอธิบายให้พวกเราฟังแต่โดยดีเถิด มิเช่นนั้นทุกคนคงไม่เชื่อท่านแล้ว”หลี่เอ้อร์หนิวเห็นสถานการณ์พลิกผัน ก็ได้ทีรุกคืบด้วยความลำพองใจบัดนี้ทุกคนต่างกำลังรอคอยคำตอบจากฉินหมิงฉินหมิงส่ายหน้าเล็กน้อย ก่อนกล่าวด้วยความจนปัญญาว่า“หลี่เอ้อร์หนิว เจ้าเป็นหนึ่งในหัวหน้าหน่วยการผลิต ใช่หรือไม่?”“ใช่ขอรับ”หลี่เอ้อร์หนิวยักไหล่ มองฉินหมิงด้วยความกังขา“เช่นนี้แล้วกัน ข้าจะให้คนแก่เจ้ามากกว่าของข้าหนึ่งเท่า ในเวลาสามวัน พวกเรามาแข่งกันเรื่องผลผลิต ดีหรือไม่?”“ท่านจะแข่งเรื่องประสิทธิภาพการผลิตกับข้างั้นรึ? ซ้ำยังใช้คนเพียงครึ่งเดียวอีก?”หลี่เอ้อร์หนิวแทบไม่เชื่อหูตนเอง“ถูกต้อง ข้าจะพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่า บางครั้งมีคนเยอะก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องดี หลักการที่ว่ามากคนก็มากความ ดูท่าจะมีผ

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 255

    ทั้งสองคนเดินมาถึงเบื้องหน้าฝูงชนหลี่เอ้อร์หนิวยังคงพูดความคิดของตนอย่างออกรส ขัดขวางการจัดสรรคนงานของโรงทอผ้าโดยไม่มีคำว่าเกรงใจ“ท่านอ๋องมาแล้ว!”ไม่รู้ว่าเป็นผู้ใดในฝูงชนที่ตะโกนขึ้นมาก่อน จากนั้นทุกคนก็พร้อมใจกันหลีกทางให้เมื่อฉินหมิงเดินเข้ามาจากนอกวง หลี่เอ้อร์หนิวก็พลันมีท่าทีอ่อนลงไปกว่าครึ่งเมื่อครู่เขายังส่งเสียงดังลั่น แต่บัดนี้กลับเงียบเสียงลงแล้ว“ขอถามหน่อยเถิด ผู้ใดบอกว่าจะลดค่าจ้างพวกเจ้ารึ?”เสียงของฉินหมิงถามขึ้นอย่างแช่มช้าทุกคนต่างเหลือบมองไปที่หลี่เอ้อร์หนิวผู้ซึ่งเมื่อครู่ยังทำตัวหยิ่งผยองส่วนหลี่เอ้อร์หนิวนั้น ยามนี้ก็ได้แต่พูดอึกอักว่า“ก็ในประกาศมีความหมายเช่นนั้นมิใช่หรือ…”เรื่องนี้เดิมทีก็เป็นสิ่งที่เขาคิดขึ้นมาเองเหตุผลที่ไม่อยากให้มีการย้ายคนงานเกิดขึ้น ก็เพราะเขามีลูกน้องหลายคนมาจากต่างพื้นที่กันบางคนมีบ้านอยู่ใกล้โรงช่าง บ้างก็อยู่ใกล้โรงย้อมผ้า ล้วนแต่ร้องขออยากย้ายที่ทำงานกันทั้งสิ้นเมื่อเห็นว่าลูกน้องอยากย้ายที่ทำงานกันเหลือเกิน หลี่เอ้อร์หนิวก็ยิ่งไม่อยากปล่อยมือตัวเขาอุตส่าห์ฝึกฝนลูกน้องจนกลายเป็นคนสนิท ถึงขั้นทำตัววางอำนาจใน

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 254

    เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับปัญหาด้านประสิทธิภาพการผลิต และคนงานจำนวนมากที่ไม่รู้หนังสือดังนั้น ฟางชิงหย่วนจึงไม่ได้อธิบายอะไรมากนัก เพียงนำข้อสรุปไปติดประกาศไว้ล่วงหน้า เพื่อให้ทุกคนเตรียมตัวแต่คนงานหลายพันคนในโรงทอผ้า อยู่ดี ๆ จะให้พวกเขาย้ายที่ทำงานอย่างกะทันหัน ย่อมมีบางส่วนไม่พอใจเป็นธรรมดาสิ้นเสียงของฉินหมิง ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นจากในฝูงชน“ให้ตายเถิด คิดจะลดค่าจ้างกับสวัสดิการของพวกเราใช่หรือไม่? อย่างไรข้าก็ไม่ไป!”คนที่พูด มีนามว่าหลี่เอ้อร์หนิวเขาเป็นชาวบ้านจากหมู่บ้านกว่างสุ่ยทางตอนเหนือของเมืองหลินเจียง ว่ากันว่ามีชื่อเสียงในหมู่บ้านพอสมควรหลังมาถึงโรงทอผ้า เนื่องจากมีผลงานโดดเด่น และผู้คนนับหน้าถือตาไม่น้อย จึงได้เลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้าหน่วยในเวลาไม่นาน“บังอาจนัก!”ซ่งติ้งเซิงขมวดคิ้ว โบกมือเรียกเจ้าหน้าที่กลุ่มหนึ่งซึ่งอยู่ข้างกาย ให้เตรียมเข้าไปจับตัวหลี่เอ้อร์หนิวในยามที่โรงทอผ้ากำลังจะจัดสรรจำนวนคนงาน เพื่อไปส่งเสริมอุตสาหกรรมอื่น ๆ หากมีคนเสนอหน้าออกมาขัดขวางย่อมส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงและการดำเนินงานของโรงทอผ้าอย่างใหญ่หลวงนัก!ยิ่งไปกว่านั้น ท่านอ๋องก็ย

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 253

    “ตอนแรกเมื่อเริ่มใช้คนงานเยอะขึ้น ปริมาณการผลิตก็เพิ่มขึ้นเร็ว แต่พอเพิ่มคนเข้าไปเรื่อย ๆ ปริมาณการผลิตกลับเพิ่มขึ้นไม่เร็วเท่าเดิมแล้วพ่ะย่ะค่ะ”ฟางชิงหย่วนหยิบสมุดเล่มเล็กออกมา อธิบายการค้นพบของตนให้ฉินหมิงฟังด้วยความเคร่งเครียด“นี่คงเรียกว่ากฎการลดน้อยถอยลงของผลผลิตส่วนเพิ่ม”ฉินหมิงใช้ความรู้ด้านเศรษฐศาสตร์เท่าหางอึ่งของตน รำพึงออกมาโดยไม่รู้ตัว“อะไรคือกฎการลดน้อยถอยลงของผลผลิตส่วนเพิ่มรึพ่ะย่ะค่ะ?”ฟางชิงหย่วนรั้งฉินหมิงไว้ ขณะถามบนขั้นบันได“ก็คือการลงทุนลงแรงไปกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งมากเกินไป ผลตอบแทนก็จะเพิ่มขึ้นไม่เร็วเท่าเดิมแล้ว”“เป็นเช่นนี้นี่เอง ดูเหมือนว่าที่กระหม่อมศึกษามาจะถูกต้องแล้ว”ฟางชิงหย่วนผงกศีรษะ หยิบแท่งถ่านสีดำยาวออกมาจากอกเสื้อ แล้วเริ่มขีดเขียนลงบนสมุดเล่มเล็กที่เย็บเล่มอย่างประณีตตรงหน้าในยุคนี้มีเพียงพู่กัน ซึ่งใช้งานค่อนข้างลำบากหากอยากจดบันทึกทุกที่ทุกเวลาเช่นเขา ก็ต้องใช้แท่งถ่านกับสมุดเล่มเล็กเท่านั้น“ท่านอ๋อง กระหม่อมไม่อยากขยายการผลิตของโรงงานแล้ว รักษาสภาพเดิมไว้ก็พอ สิ่งที่เราต้องคิดในตอนนี้คือ จะรักษาระดับการเติบโตให้เร็วขึ้นได้อย

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 252

    “จับได้กี่คน?”“สองคนพ่ะย่ะค่ะ ประตูเมืองทิศอื่น ๆ ก็น่าจะมีเช่นกัน”เมื่อได้ยิน ฉินหมิงก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางกล่าวว่า“จับต่อไป ไว้ชีวิตแค่จำนวนหนึ่งก็พอ เอาไว้เค้นถามกำลังคนที่แน่ชัดในภายหลัง ถือโอกาสที่ฝนตกหลายวันมานี้ คนเดินถนนมีน้อย ปิดล้อมอำเภอไว้ก่อน รอให้สังหารองครักษ์เงาหมดสิ้นเมื่อใด ค่อยเปิดประตูเมือง”“พ่ะย่ะค่ะ!”ซ่งติ้งเซิงรับคำสั่ง พลางมองอู๋สื่อจงที่ยังคงยืนนิ่งตัวแข็งทื่อไม่พูดคำใด ในใจพลันรู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง“อะแฮ่ม!”เขากระตุกชายเสื้ออู๋สื่อจงตอนนั้นเอง อู๋สื่อจงถึงได้สติ“เข้าใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง”หลังปิดล้อมสังหารคนอยู่สองวันครึ่ง ฉางไป๋ซานก็นำกองกำลังองครักษ์ของฉินหมิง สังหารองครักษ์เงาทั้งยี่สิบเจ็ดคนที่มาถึงอำเภออินซานจนหมดสิ้นขณะมองดูรายชื่อผู้เสียชีวิตที่เขียนด้วยหมึกสีแดงสด ฉินหมิงก็ต้องถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกซ่งติ้งเซิงผู้ที่อยู่ด้านข้างพูดขึ้นว่า“ท่านอ๋อง โรงทอผ้าส่งข่าวมา บอกว่าพวกเขาสร้างเสร็จไปกว่าครึ่งแล้ว สามารถเริ่มการผลิตจำนวนมากได้ทันที เวลานี้อยากให้ท่านส่งคนงานไปที่นั่นพ่ะย่ะค่ะ”อุตสาหกรรมสิ่งทอได้รับการยกระดับอีกครั้ง

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status