Share

บทที่ 4

Author: หออักษร
ฝูงชนที่มุงดูอยู่โดยรอบต่างส่งเสียงอุทานด้วยความตกตะลึง!

“เขาจะแต่งจริง ๆ หรือ!?”

“หากองค์ชายแต่งงานครั้งนี้ ในอนาคตก็ยากที่จะดึงกองกำลังอื่นมาช่วยเขาได้แล้ว”

“นั่นสิ อย่างน้อยก็น่าจะหาบุตรสาวของขุนนางใหญ่สักคน เช่นนี้แล้วในอนาคตก็ยังพอจะมีกำลังสนับสนุนอยู่บ้าง”

ใบหน้าของกวนเยว่เต็มไปด้วยความลังเล ความขุ่นเคืองก่อนหน้านี้ก็จางหายไปไม่น้อย

อันที่จริงนางไม่รู้เลยว่า หลังจากที่ฉินหมิงได้เห็นนางแล้ว เขาก็ไม่ลังเลเรื่องการแต่งงานอีกต่อไป

ก็แค่แต่งงาน จะมีเรื่องอะไรมากมายนัก

ไม่ใช่ทุกคนที่จำเป็นต้องไต่เต้าเกาะผู้มีอำนาจ ชั่งน้ำหนักผลได้ผลเสีย หรือต้องคิดหน้าคิดหลังเสียหน่อย

ชาตินี้ ฉินหมิงขอเพียงแค่ได้ใช้ชีวิตอย่างสบายใจ ไม่ให้เสียชาติเกิดก็พอ!

“องค์ชาย ขอบพระทัยที่ทรงช่วยหม่อมฉันแก้ไขสถานการณ์ แต่ท่านไม่จำเป็นต้องสงสารตระกูลกวน”

กวนเยว่มองไปยังฉินหมิงอย่างลังเล ท่าทีไม่ได้โกรธเกรี้ยวเหมือนก่อนหน้านี้อีกต่อไป

“ใครสงสารเจ้า?”

“เจ้าคิดว่า ข้าอยากจะแต่งงานกับเจ้า เพราะสงสารตระกูลกวนอย่างนั้นหรือ?”

“แต่ข้าก็จะต้องไปรักษาการณ์ชายแดนที่หลิ่งหนานแล้ว เจ้าไม่กลัวหรือ?”

ฉินหมิงเหลือบมองนางแวบหนึ่ง รู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง

กวนเยว่เม้มริมฝีปากแน่น พูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ

ฉินหมิงยกมือขึ้น ดึงเส้นด้ายสองสามเส้นออกจากธงรบของค่ายทหารอู่เวย

แล้วถักทออย่างง่าย ๆ จนกลายเป็นแหวนเส้นด้ายวงหนึ่ง

หากสังเกตให้ดี จะเห็นว่าบนนั้นยังมีคราบเลือดจาง ๆ จากธงรบอยู่ด้วย

นี่เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าธงผืนนี้ ถูกนำกลับมาจากสนามรบจริง ๆ

“ท่านจะทำอะไร?”

กวนเยว่เห็นฉินหมิงก้าวเข้ามาหาตนทีละก้าว ก็รู้สึกประหม่าขึ้นมาทันที

“มานี่”

ฉินหมิงคว้ามือเล็ก ๆ ที่เนียนนุ่มและเย็นเฉียบของหญิงสาวไว้

แล้วสวมแหวนที่ทำจากธงรบให้แก่นางอย่างจริงจัง

กวนเยว่ก้มลงมองแหวนที่อยู่บนนิ้ว ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

“นี่คือของหมั้นของท่านหรือ?”

ฉินหมิงยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น

“นี่คือคำมั่นสัญญาระหว่างข้ากับเจ้า”

“คำมั่นสัญญาอะไร?”

“ข้าจะทำให้ธงรบของค่ายทหารอู่เวย ได้โบกสะบัดต่อไปในสนามรบ ตระกูลกวนก็ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาท่านอ๋องหรือขุนนางคนใด พวกเราจะเป็นตระกูลที่ยิ่งใหญ่ด้วยตัวของเราเอง!”

“หึ ก็ดีแต่พูดจาใหญ่โต ทำให้ได้ก่อนแล้วค่อยพูด”

กวนเยว่ทำหน้าบึ้งแล้วหันไปทางอื่น แต่หัวใจกลับเต้นรัว

นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้พบกับองค์รัชทายาท

จะว่าอย่างไรดี...

เป็นคนที่ชอบพูดจาโอ้อวด ไม่เหมือนกับในข่าวลือเลยแม้แต่น้อย!

แต่ความรู้สึก... ก็ไม่เลวนัก?

คุณชายตระกูลสูงศักดิ์สองสามคนที่มุงดูอยู่ เมื่อเห็นภาพนี้ก็รู้สึกเหมือนได้เปิดโลกทัศน์

อดไม่ได้ที่จะจิ๊ปากแล้วกล่าวอย่างชื่นชม

“ใช้เส้นด้ายจากธงรบมาถักทอเป็นของแทนใจ องค์ชายนี่มีของจริง ๆ นะ”

“นี่มันเหนือชั้นเกินไปแล้ว!”

“ให้ตายเถอะ ต้องเรียนรู้วิธีนี้ไว้บ้างแล้ว”

พวกเขาต่างลอบจำวิชานี้ไว้ เตรียมจะนำไปใช้เมื่อตามจีบคุณหนูตระกูลไหนสักคนในอนาคต จะได้แสดงออกมาอย่างน่าประทับใจ

“ราชสำนักไม่มีทางมอบค่ายทหารอู่เวยให้ท่านหรอก”

เมื่อรู้สึกได้ว่าสายตาของฉินหมิงยังคงจับจ้องอยู่ที่ตนเอง

กวนเยว่ก็รีบเก็บสีหน้า ทำหน้าบึ้งแล้วกล่าวเตือนเขา

“เช่นนั้นถ้าข้าได้ค่ายทหารอู่เวยมา เจ้าจะไปหลิ่งหนานกับข้าหรือไม่?”

ฉินหมิงเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม ใบหน้าเต็มไปด้วยความมั่นใจ

กวนเยว่เบือนหน้าหนี กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“บุตรสาวตระกูลกวนไม่แต่งไปต่างแดน”

“แต่ว่าหากท่านได้ค่ายทหารอู่เวยมา... ก็อาจจะได้”

“ตกลงตามนี้?”

“ตกลงตามนี้”

...

ยามค่ำคืน ภายในตำหนักหย่างซิน

จ้าวสี่กุมใบหน้าของตน ร้องห่มร้องไห้ฟูมฟายอยู่ต่อหน้าเซียวซูเฟย

“เขาตีเจ้ากลางถนนจริง ๆ หรือ?”

เซียวซูเฟยขมวดคิ้ว บนใบหน้าแสดงความรังเกียจออกมา

“พ่ะย่ะค่ะ พระสนม เด็กคนนั้นก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไรไป จู่ ๆ นิสัยก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน!”

“พาลูกน้องสิบกว่าคน มารุมตีกระหม่อมจนเป็นเช่นนี้!”

“เขายังบอกว่าจะยื่นฎีกาทูลฟ้องว่ากระหม่อมใส่ร้ายป้ายสี สร้างข่าวลือ ท่านต้องให้ความเป็นธรรมกับกระหม่อมนะพ่ะย่ะค่ะ!”

เซียวซูเฟยไม่ได้ตอบรับเขา

เมื่อเทียบกันแล้ว นางสนใจเรื่องการแต่งงานของฉินหมิงมากกว่า

“เจ้าบอกว่าฉินหมิงยอมตกลงแต่งงานกับตระกูลกวนแล้วหรือ?”

“พ่ะย่ะค่ะ เขาพูดออกมาด้วยตนเอง”

“ดี ดีมาก!”

ข่าวนี้ ทำให้ในใจของเซียวซูเฟยผ่อนคลายลงไม่น้อย

เดิมทีนางยังกังวลว่าฉินหมิงจะเลือกแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับขุนนางใหญ่ในท้องถิ่น เพื่อไปสะสมกำลังที่หลิ่งหนาน

แต่เมื่อแต่งงานกับกวนเยว่ เขาก็หมดโอกาสแล้ว

“พรุ่งนี้เจ้าเข้าเฝ้า ก็ให้นำเรื่องนี้ไปทูลฝ่าบาทตามความจริง พระองค์จะทรงลงโทษฉินหมิงเอง”

เดิมทีฮ่องเต้เฉียนก็มีอคติต่อฉินหมิงอยู่แล้ว

ประกอบกับความดื้อรั้นของฉินหมิงในท้องพระโรง

ยิ่งทำให้อีกฝ่ายเปรียบเสมือนถังดินปืน แค่มีประกายไฟเล็กน้อยก็พร้อมจะระเบิดออกมา

“เข้าใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ พระสนม”

จ้าวสี่พยักหน้า ในดวงตาเต็มไปด้วยจิตสังหารอันเข้มข้น

หลังจากที่เขาจากไป เซียวซูเฟยก็หันไปมองขันทีหวังเป่าที่อยู่ข้างกาย

“เจ้าไปติดต่อขุนนางกรมต่าง ๆ ให้พวกเขายื่นฎีกาพร้อมกับจ้าวสี่ในวันพรุ่งนี้ ยิ่งหลายคนช่วยกันสุมไฟ ย่อมโหมกระพือได้ง่าย”

“พระสนม ทำเช่นนี้จะไม่ดูจงใจเกินไปหรือพ่ะย่ะค่ะ”

หวังเป่าค้อมกาย เอ่ยปากด้วยความกังวลเล็กน้อย

ตอนนี้เสียงวิพากษ์วิจารณ์เซียวซูเฟยในราชสำนักก็ไม่ค่อยดีนัก

ฉินหมิงก็ถูกลดขั้นไปแล้ว หากยังคงบีบคั้นเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าจะมีคนนินทาลับหลังได้

มุมปากของเซียวซูเฟยยกขึ้นเป็นรอยยิ้มดูแคลน กล่าวอย่างเฉยเมยว่า

“ในราชสำนักนี้เมื่อไม่มีเขาแล้ว ต่อไปก็คือโลกของเยว่เอ๋อร์กับข้า”

“ก็แค่คำนินทาไร้สาระ ปล่อยให้พวกเขาพูดไปเถอะ ไม่มีประโยชน์อันใด!”

“พ่ะย่ะค่ะ!”

หวังเป่ารับคำ แล้วจัดแจงให้ขันทีน้อยสองสามคน เริ่มส่งข่าวให้แก่ขุนนางฝ่ายของเซียวซูเฟย

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วจนถึงรุ่งเช้าของวันถัดมา

เป็นเวลาประชุมราชสำนักยามเช้าอีกครั้ง

ฮ่องเต้เฉียนประทับบนบัลลังก์ในท้องพระโรงจินหลวน ขุนนางทั้งหลายที่กำลังพูดคุยกันเสียงเบา ๆ ก็พลันเงียบลง

พระองค์ทอดพระเนตรลงมาจากบนบันไดใต้ที่ประทับ

ตำแหน่งที่เดิมทีควรจะเป็นที่ยืนของฉินหมิง บัดนี้กลับว่างเปล่า

สิ่งนี้ทำให้ท้องพระโรงจินหลวนที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงมานานหลายปี ดูว่างเปล่าเล็กน้อย

ราวกับทรงระลึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้

ฮ่องเต้เฉียนแค่นเสียงเย็น สีพระพักตร์ก็ดูย่ำแย่ลงไปอีกหลายส่วน

“มีเรื่องก็ทูลมา ไม่มีก็เลิกประชุม!”

“ฝ่าบาท กระหม่อมมีเรื่องจะทูล!”

เมื่อได้รับข่าวนี้

จ้าวสี่ก็รีบก้าวออกมาทันที ในมือถือฎีกา เตรียมถวายรายงานต่อหน้าพระพักตร์

“มีเรื่องอันใด?”

จ้าวสี่กล่าวด้วยน้ำเสียงแหลมสูง

“ทูลฝ่าบาท เมื่อวานนี้กระหม่อมได้ไปยังจวนขององค์ชาย เพื่อถ่ายทอดพระราชประสงค์ของฝ่าบาท แต่องค์ชายกลับมีท่าทีหยิ่งยโส และไม่เห็นผู้ใดอยู่ในสายตา!”

“ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อกระหม่อมเดินออกจากจวนอ๋องไป เขากลับเก็บความแค้นไว้ในใจ หาโอกาสก่อเรื่อง และรุมทำร้ายกระหม่อมกลางถนน!”

“กระหม่อมได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ยังกัดฟันฝืนทนมาเข้าเฝ้าในวันนี้ เพียงเพื่อขอให้ฝ่าบาททรงมอบความเป็นธรรม คืนความยุติธรรมให้แก่กระหม่อมด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”

ในฐานะปัญญาชน หลังจากที่คลุกคลีอยู่ในราชสำนักมาหลายปี ความสามารถในการกลับดำเป็นขาวของจ้าวสี่ก็ได้ฝึกฝนจนถึงขั้นสุดยอดแล้ว

เพียงไม่กี่ประโยคก็สามารถกลับผิดเป็นถูก สลับประเด็นสำคัญ

บรรยายให้ฉินหมิงกลายเป็นองค์ชายที่ใจแคบ และเก็บความแค้นต่อราชสำนักไว้ในใจ

สีพระพักตร์ของฮ่องเต้เฉียนค่อย ๆ มืดมนลง

โดยเฉพาะเมื่อได้ยินคำว่าเก็บความแค้นไว้ในใจและหาโอกาสก่อเรื่อง ความพิโรธก็พลุ่งพล่านขึ้นมาทันที!

“ที่เจ้าพูดมาเป็นความจริงหรือ?!”

“ฝ่าบาท เมื่อวานนี้กระหม่อมก็ได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนในเมืองหลวงเช่นกันพ่ะย่ะค่ะ”

โอวหยางหย่วนผู้ตรวจการแห่งสำนักตรวจการ กล่าวสนับสนุนคำพูดของจ้าวสี่อย่างหนักแน่น

เฉาเจิ้งหยางแม่ทัพรักษาการณ์แห่งกองกำลังรักษาการณ์กล่าวต่อ

“เมื่อวานนี้หน้าประตูจวนขององค์ชายมีผู้คนมารวมตัวกันเป็นจำนวนมาก และได้มีปากเสียงกับใต้เท้าจ้าว ทำให้การจราจรในเมืองหลวงติดขัด เป็นกระหม่อมเองที่ต้องนำทหารหลายร้อยนายไป จึงสามารถขับไล่ฝูงชนให้สลายตัวไปได้ในที่สุดพ่ะย่ะค่ะ”

เมื่อได้ฟังคำพูดของพวกเขา ฮ่องเต้เฉียนก็ทรงพระพิโรธจนถึงขีดสุด

“เจ้าสารเลวนี่!!”

“ถ่ายทอดราชโองการของเรา ลงโทษฉินหมิงงดเบี้ยหวัดสามปี กักบริเวณครึ่งปี และให้ยุบสามหน่วยพิทักษ์! ให้มีผลทันทีที่ไปถึงหลิ่งหนาน!”

“ว่ากระไรนะ!?”

การกักบริเวณและงดเบี้ยหวัดนั้น ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร

แต่การยุบสามหน่วยพิทักษ์ เรื่องนี้ใหญ่หลวงนัก!

สามหน่วยพิทักษ์คือกองกำลังสามหน่วยของอ๋องผู้ครองหัวเมือง

ตามกฎหมายของราชสำนัก เมื่ออ๋องผู้ครองหัวเมืองเดินทางไปยังที่ดินศักดินาของตน จะสามารถได้รับกองกำลังองครักษ์สามหน่วยจากราชสำนัก

นี่ถือเป็นกองกำลังพื้นฐานที่มอบให้แก่พวกเขา เพื่อช่วยให้พวกเขาสามารถวางรากฐานได้อย่างง่ายดายขึ้น หลังจากที่ไปถึงที่ดินศักดินา

ในอนาคตการป้องกันชายแดน ก็ต้องอาศัยความช่วยเหลือจากสามหน่วยพิทักษ์นี้เช่นกัน

แต่บัดนี้ฮ่องเต้เฉียนกลับจะยุบสามหน่วยพิทักษ์ของฉินหมิง!
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 257

    เมื่อฟังคำอธิบายของฉินหมิงจบ ฟางชิงหย่วนก็เดินไปยังป้ายบอกทางของโรงทอผ้าหลังก่อสร้างมาได้ระยะหนึ่ง โรงทอผ้าก็มีพื้นที่กว้างขวางมากแล้วยามมีคนงานซึ่งไม่คุ้นเคยกับสถานที่เดินทางมาจากอำเภอต่าง ๆ ก็ต้องใช้ทั้งป้ายและแผนที่คอยนำทาง“เอาเป็นสองที่นี้ก็แล้วกัน ขนาดเท่ากันพอดี”“ส่วนจำนวนคนเดี๋ยวข้าจะจัดสรรให้พวกท่าน เชิญพวกท่านไปเลือกคนกันได้ตามสบาย”ฟางชิงหย่วนพูดเนิบนาบตามความคิดของเขา เรื่องนี้ไม่มีอะไรชวนให้เดือดดาลใจในเมื่อทุกคนอยากดู ก็แค่แข่งขันกันให้รู้แล้วรู้รอดไปความจริงย่อมมีน้ำหนักกว่าคำพูด เขาเชื่อมั่นในทฤษฎีของตนเองยิ่งนัก“ประเสริฐ”ฉินหมิงกับหลี่เอ้อร์หนิวต่างพยักหน้า“พวกเจ้า ไปแย่งคนมาก่อนเลย”เมื่อตกลงกันเรียบร้อย หลี่เอ้อร์หนิวก็สั่งลูกน้อง ให้เริ่มไปชิงตัวสาวชาวบ้านที่ทำงานคล่องแคล่วในโรงทอผ้ามาก่อนล่วงหน้าฉินหมิงกลับไม่ได้ทำอะไร ด้วยความที่ตนมีคนน้อยกว่าหลี่เอ้อร์หนิวถึงครึ่งหนึ่ง จึงไม่จำเป็นต้องไปแย่งชิงวันรุ่งขึ้น ทั้งสองฝ่ายก็นำกลุ่มคนงานของตนไปเริ่มทำงานอย่างรวดเร็วฉินหมิงเลือกคนมาสามกลุ่มแบบเดาสุ่ม แล้วเอ่ยขึ้นว่า“ทุกคนทำตามกฎระเบียบเดิม ติ

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 256

    ถ้าต้องรับมือกับคนนอก ฉินหมิงย่อมเลือกใช้วิธีทางกายภาพอันรวดเร็วที่สุดเพื่อกำจัดอีกฝ่ายโดยไม่ลังเลแต่คนในโรงงานเวลานี้ ล้วนแต่เป็นคนของฉินหมิงทั้งสิ้นเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้ หากให้ซ่งติ้งเซิงลงมือ ไม่เพียงแต่จะทำให้กลุ่มคนงานหมดความภักดี แม้แต่ภาพลักษณ์ก็คงเสียหายย่อยยับเช่นกัน“ท่านอ๋อง โปรดอธิบายให้พวกเราฟังแต่โดยดีเถิด มิเช่นนั้นทุกคนคงไม่เชื่อท่านแล้ว”หลี่เอ้อร์หนิวเห็นสถานการณ์พลิกผัน ก็ได้ทีรุกคืบด้วยความลำพองใจบัดนี้ทุกคนต่างกำลังรอคอยคำตอบจากฉินหมิงฉินหมิงส่ายหน้าเล็กน้อย ก่อนกล่าวด้วยความจนปัญญาว่า“หลี่เอ้อร์หนิว เจ้าเป็นหนึ่งในหัวหน้าหน่วยการผลิต ใช่หรือไม่?”“ใช่ขอรับ”หลี่เอ้อร์หนิวยักไหล่ มองฉินหมิงด้วยความกังขา“เช่นนี้แล้วกัน ข้าจะให้คนแก่เจ้ามากกว่าของข้าหนึ่งเท่า ในเวลาสามวัน พวกเรามาแข่งกันเรื่องผลผลิต ดีหรือไม่?”“ท่านจะแข่งเรื่องประสิทธิภาพการผลิตกับข้างั้นรึ? ซ้ำยังใช้คนเพียงครึ่งเดียวอีก?”หลี่เอ้อร์หนิวแทบไม่เชื่อหูตนเอง“ถูกต้อง ข้าจะพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่า บางครั้งมีคนเยอะก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องดี หลักการที่ว่ามากคนก็มากความ ดูท่าจะมีผ

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 255

    ทั้งสองคนเดินมาถึงเบื้องหน้าฝูงชนหลี่เอ้อร์หนิวยังคงพูดความคิดของตนอย่างออกรส ขัดขวางการจัดสรรคนงานของโรงทอผ้าโดยไม่มีคำว่าเกรงใจ“ท่านอ๋องมาแล้ว!”ไม่รู้ว่าเป็นผู้ใดในฝูงชนที่ตะโกนขึ้นมาก่อน จากนั้นทุกคนก็พร้อมใจกันหลีกทางให้เมื่อฉินหมิงเดินเข้ามาจากนอกวง หลี่เอ้อร์หนิวก็พลันมีท่าทีอ่อนลงไปกว่าครึ่งเมื่อครู่เขายังส่งเสียงดังลั่น แต่บัดนี้กลับเงียบเสียงลงแล้ว“ขอถามหน่อยเถิด ผู้ใดบอกว่าจะลดค่าจ้างพวกเจ้ารึ?”เสียงของฉินหมิงถามขึ้นอย่างแช่มช้าทุกคนต่างเหลือบมองไปที่หลี่เอ้อร์หนิวผู้ซึ่งเมื่อครู่ยังทำตัวหยิ่งผยองส่วนหลี่เอ้อร์หนิวนั้น ยามนี้ก็ได้แต่พูดอึกอักว่า“ก็ในประกาศมีความหมายเช่นนั้นมิใช่หรือ…”เรื่องนี้เดิมทีก็เป็นสิ่งที่เขาคิดขึ้นมาเองเหตุผลที่ไม่อยากให้มีการย้ายคนงานเกิดขึ้น ก็เพราะเขามีลูกน้องหลายคนมาจากต่างพื้นที่กันบางคนมีบ้านอยู่ใกล้โรงช่าง บ้างก็อยู่ใกล้โรงย้อมผ้า ล้วนแต่ร้องขออยากย้ายที่ทำงานกันทั้งสิ้นเมื่อเห็นว่าลูกน้องอยากย้ายที่ทำงานกันเหลือเกิน หลี่เอ้อร์หนิวก็ยิ่งไม่อยากปล่อยมือตัวเขาอุตส่าห์ฝึกฝนลูกน้องจนกลายเป็นคนสนิท ถึงขั้นทำตัววางอำนาจใน

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 254

    เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับปัญหาด้านประสิทธิภาพการผลิต และคนงานจำนวนมากที่ไม่รู้หนังสือดังนั้น ฟางชิงหย่วนจึงไม่ได้อธิบายอะไรมากนัก เพียงนำข้อสรุปไปติดประกาศไว้ล่วงหน้า เพื่อให้ทุกคนเตรียมตัวแต่คนงานหลายพันคนในโรงทอผ้า อยู่ดี ๆ จะให้พวกเขาย้ายที่ทำงานอย่างกะทันหัน ย่อมมีบางส่วนไม่พอใจเป็นธรรมดาสิ้นเสียงของฉินหมิง ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นจากในฝูงชน“ให้ตายเถิด คิดจะลดค่าจ้างกับสวัสดิการของพวกเราใช่หรือไม่? อย่างไรข้าก็ไม่ไป!”คนที่พูด มีนามว่าหลี่เอ้อร์หนิวเขาเป็นชาวบ้านจากหมู่บ้านกว่างสุ่ยทางตอนเหนือของเมืองหลินเจียง ว่ากันว่ามีชื่อเสียงในหมู่บ้านพอสมควรหลังมาถึงโรงทอผ้า เนื่องจากมีผลงานโดดเด่น และผู้คนนับหน้าถือตาไม่น้อย จึงได้เลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้าหน่วยในเวลาไม่นาน“บังอาจนัก!”ซ่งติ้งเซิงขมวดคิ้ว โบกมือเรียกเจ้าหน้าที่กลุ่มหนึ่งซึ่งอยู่ข้างกาย ให้เตรียมเข้าไปจับตัวหลี่เอ้อร์หนิวในยามที่โรงทอผ้ากำลังจะจัดสรรจำนวนคนงาน เพื่อไปส่งเสริมอุตสาหกรรมอื่น ๆ หากมีคนเสนอหน้าออกมาขัดขวางย่อมส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงและการดำเนินงานของโรงทอผ้าอย่างใหญ่หลวงนัก!ยิ่งไปกว่านั้น ท่านอ๋องก็ย

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 253

    “ตอนแรกเมื่อเริ่มใช้คนงานเยอะขึ้น ปริมาณการผลิตก็เพิ่มขึ้นเร็ว แต่พอเพิ่มคนเข้าไปเรื่อย ๆ ปริมาณการผลิตกลับเพิ่มขึ้นไม่เร็วเท่าเดิมแล้วพ่ะย่ะค่ะ”ฟางชิงหย่วนหยิบสมุดเล่มเล็กออกมา อธิบายการค้นพบของตนให้ฉินหมิงฟังด้วยความเคร่งเครียด“นี่คงเรียกว่ากฎการลดน้อยถอยลงของผลผลิตส่วนเพิ่ม”ฉินหมิงใช้ความรู้ด้านเศรษฐศาสตร์เท่าหางอึ่งของตน รำพึงออกมาโดยไม่รู้ตัว“อะไรคือกฎการลดน้อยถอยลงของผลผลิตส่วนเพิ่มรึพ่ะย่ะค่ะ?”ฟางชิงหย่วนรั้งฉินหมิงไว้ ขณะถามบนขั้นบันได“ก็คือการลงทุนลงแรงไปกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งมากเกินไป ผลตอบแทนก็จะเพิ่มขึ้นไม่เร็วเท่าเดิมแล้ว”“เป็นเช่นนี้นี่เอง ดูเหมือนว่าที่กระหม่อมศึกษามาจะถูกต้องแล้ว”ฟางชิงหย่วนผงกศีรษะ หยิบแท่งถ่านสีดำยาวออกมาจากอกเสื้อ แล้วเริ่มขีดเขียนลงบนสมุดเล่มเล็กที่เย็บเล่มอย่างประณีตตรงหน้าในยุคนี้มีเพียงพู่กัน ซึ่งใช้งานค่อนข้างลำบากหากอยากจดบันทึกทุกที่ทุกเวลาเช่นเขา ก็ต้องใช้แท่งถ่านกับสมุดเล่มเล็กเท่านั้น“ท่านอ๋อง กระหม่อมไม่อยากขยายการผลิตของโรงงานแล้ว รักษาสภาพเดิมไว้ก็พอ สิ่งที่เราต้องคิดในตอนนี้คือ จะรักษาระดับการเติบโตให้เร็วขึ้นได้อย

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 252

    “จับได้กี่คน?”“สองคนพ่ะย่ะค่ะ ประตูเมืองทิศอื่น ๆ ก็น่าจะมีเช่นกัน”เมื่อได้ยิน ฉินหมิงก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางกล่าวว่า“จับต่อไป ไว้ชีวิตแค่จำนวนหนึ่งก็พอ เอาไว้เค้นถามกำลังคนที่แน่ชัดในภายหลัง ถือโอกาสที่ฝนตกหลายวันมานี้ คนเดินถนนมีน้อย ปิดล้อมอำเภอไว้ก่อน รอให้สังหารองครักษ์เงาหมดสิ้นเมื่อใด ค่อยเปิดประตูเมือง”“พ่ะย่ะค่ะ!”ซ่งติ้งเซิงรับคำสั่ง พลางมองอู๋สื่อจงที่ยังคงยืนนิ่งตัวแข็งทื่อไม่พูดคำใด ในใจพลันรู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง“อะแฮ่ม!”เขากระตุกชายเสื้ออู๋สื่อจงตอนนั้นเอง อู๋สื่อจงถึงได้สติ“เข้าใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง”หลังปิดล้อมสังหารคนอยู่สองวันครึ่ง ฉางไป๋ซานก็นำกองกำลังองครักษ์ของฉินหมิง สังหารองครักษ์เงาทั้งยี่สิบเจ็ดคนที่มาถึงอำเภออินซานจนหมดสิ้นขณะมองดูรายชื่อผู้เสียชีวิตที่เขียนด้วยหมึกสีแดงสด ฉินหมิงก็ต้องถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกซ่งติ้งเซิงผู้ที่อยู่ด้านข้างพูดขึ้นว่า“ท่านอ๋อง โรงทอผ้าส่งข่าวมา บอกว่าพวกเขาสร้างเสร็จไปกว่าครึ่งแล้ว สามารถเริ่มการผลิตจำนวนมากได้ทันที เวลานี้อยากให้ท่านส่งคนงานไปที่นั่นพ่ะย่ะค่ะ”อุตสาหกรรมสิ่งทอได้รับการยกระดับอีกครั้ง

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status