Share

บทที่ 4

Author: หออักษร
ฝูงชนที่มุงดูอยู่โดยรอบต่างส่งเสียงอุทานด้วยความตกตะลึง!

“เขาจะแต่งจริง ๆ หรือ!?”

“หากองค์ชายแต่งงานครั้งนี้ ในอนาคตก็ยากที่จะดึงกองกำลังอื่นมาช่วยเขาได้แล้ว”

“นั่นสิ อย่างน้อยก็น่าจะหาบุตรสาวของขุนนางใหญ่สักคน เช่นนี้แล้วในอนาคตก็ยังพอจะมีกำลังสนับสนุนอยู่บ้าง”

ใบหน้าของกวนเยว่เต็มไปด้วยความลังเล ความขุ่นเคืองก่อนหน้านี้ก็จางหายไปไม่น้อย

อันที่จริงนางไม่รู้เลยว่า หลังจากที่ฉินหมิงได้เห็นนางแล้ว เขาก็ไม่ลังเลเรื่องการแต่งงานอีกต่อไป

ก็แค่แต่งงาน จะมีเรื่องอะไรมากมายนัก

ไม่ใช่ทุกคนที่จำเป็นต้องไต่เต้าเกาะผู้มีอำนาจ ชั่งน้ำหนักผลได้ผลเสีย หรือต้องคิดหน้าคิดหลังเสียหน่อย

ชาตินี้ ฉินหมิงขอเพียงแค่ได้ใช้ชีวิตอย่างสบายใจ ไม่ให้เสียชาติเกิดก็พอ!

“องค์ชาย ขอบพระทัยที่ทรงช่วยหม่อมฉันแก้ไขสถานการณ์ แต่ท่านไม่จำเป็นต้องสงสารตระกูลกวน”

กวนเยว่มองไปยังฉินหมิงอย่างลังเล ท่าทีไม่ได้โกรธเกรี้ยวเหมือนก่อนหน้านี้อีกต่อไป

“ใครสงสารเจ้า?”

“เจ้าคิดว่า ข้าอยากจะแต่งงานกับเจ้า เพราะสงสารตระกูลกวนอย่างนั้นหรือ?”

“แต่ข้าก็จะต้องไปรักษาการณ์ชายแดนที่หลิ่งหนานแล้ว เจ้าไม่กลัวหรือ?”

ฉินหมิงเหลือบมองนางแวบหนึ่ง รู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง

กวนเยว่เม้มริมฝีปากแน่น พูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ

ฉินหมิงยกมือขึ้น ดึงเส้นด้ายสองสามเส้นออกจากธงรบของค่ายทหารอู่เวย

แล้วถักทออย่างง่าย ๆ จนกลายเป็นแหวนเส้นด้ายวงหนึ่ง

หากสังเกตให้ดี จะเห็นว่าบนนั้นยังมีคราบเลือดจาง ๆ จากธงรบอยู่ด้วย

นี่เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าธงผืนนี้ ถูกนำกลับมาจากสนามรบจริง ๆ

“ท่านจะทำอะไร?”

กวนเยว่เห็นฉินหมิงก้าวเข้ามาหาตนทีละก้าว ก็รู้สึกประหม่าขึ้นมาทันที

“มานี่”

ฉินหมิงคว้ามือเล็ก ๆ ที่เนียนนุ่มและเย็นเฉียบของหญิงสาวไว้

แล้วสวมแหวนที่ทำจากธงรบให้แก่นางอย่างจริงจัง

กวนเยว่ก้มลงมองแหวนที่อยู่บนนิ้ว ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

“นี่คือของหมั้นของท่านหรือ?”

ฉินหมิงยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น

“นี่คือคำมั่นสัญญาระหว่างข้ากับเจ้า”

“คำมั่นสัญญาอะไร?”

“ข้าจะทำให้ธงรบของค่ายทหารอู่เวย ได้โบกสะบัดต่อไปในสนามรบ ตระกูลกวนก็ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาท่านอ๋องหรือขุนนางคนใด พวกเราจะเป็นตระกูลที่ยิ่งใหญ่ด้วยตัวของเราเอง!”

“หึ ก็ดีแต่พูดจาใหญ่โต ทำให้ได้ก่อนแล้วค่อยพูด”

กวนเยว่ทำหน้าบึ้งแล้วหันไปทางอื่น แต่หัวใจกลับเต้นรัว

นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้พบกับองค์รัชทายาท

จะว่าอย่างไรดี...

เป็นคนที่ชอบพูดจาโอ้อวด ไม่เหมือนกับในข่าวลือเลยแม้แต่น้อย!

แต่ความรู้สึก... ก็ไม่เลวนัก?

คุณชายตระกูลสูงศักดิ์สองสามคนที่มุงดูอยู่ เมื่อเห็นภาพนี้ก็รู้สึกเหมือนได้เปิดโลกทัศน์

อดไม่ได้ที่จะจิ๊ปากแล้วกล่าวอย่างชื่นชม

“ใช้เส้นด้ายจากธงรบมาถักทอเป็นของแทนใจ องค์ชายนี่มีของจริง ๆ นะ”

“นี่มันเหนือชั้นเกินไปแล้ว!”

“ให้ตายเถอะ ต้องเรียนรู้วิธีนี้ไว้บ้างแล้ว”

พวกเขาต่างลอบจำวิชานี้ไว้ เตรียมจะนำไปใช้เมื่อตามจีบคุณหนูตระกูลไหนสักคนในอนาคต จะได้แสดงออกมาอย่างน่าประทับใจ

“ราชสำนักไม่มีทางมอบค่ายทหารอู่เวยให้ท่านหรอก”

เมื่อรู้สึกได้ว่าสายตาของฉินหมิงยังคงจับจ้องอยู่ที่ตนเอง

กวนเยว่ก็รีบเก็บสีหน้า ทำหน้าบึ้งแล้วกล่าวเตือนเขา

“เช่นนั้นถ้าข้าได้ค่ายทหารอู่เวยมา เจ้าจะไปหลิ่งหนานกับข้าหรือไม่?”

ฉินหมิงเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม ใบหน้าเต็มไปด้วยความมั่นใจ

กวนเยว่เบือนหน้าหนี กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“บุตรสาวตระกูลกวนไม่แต่งไปต่างแดน”

“แต่ว่าหากท่านได้ค่ายทหารอู่เวยมา... ก็อาจจะได้”

“ตกลงตามนี้?”

“ตกลงตามนี้”

...

ยามค่ำคืน ภายในตำหนักหย่างซิน

จ้าวสี่กุมใบหน้าของตน ร้องห่มร้องไห้ฟูมฟายอยู่ต่อหน้าเซียวซูเฟย

“เขาตีเจ้ากลางถนนจริง ๆ หรือ?”

เซียวซูเฟยขมวดคิ้ว บนใบหน้าแสดงความรังเกียจออกมา

“พ่ะย่ะค่ะ พระสนม เด็กคนนั้นก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไรไป จู่ ๆ นิสัยก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน!”

“พาลูกน้องสิบกว่าคน มารุมตีกระหม่อมจนเป็นเช่นนี้!”

“เขายังบอกว่าจะยื่นฎีกาทูลฟ้องว่ากระหม่อมใส่ร้ายป้ายสี สร้างข่าวลือ ท่านต้องให้ความเป็นธรรมกับกระหม่อมนะพ่ะย่ะค่ะ!”

เซียวซูเฟยไม่ได้ตอบรับเขา

เมื่อเทียบกันแล้ว นางสนใจเรื่องการแต่งงานของฉินหมิงมากกว่า

“เจ้าบอกว่าฉินหมิงยอมตกลงแต่งงานกับตระกูลกวนแล้วหรือ?”

“พ่ะย่ะค่ะ เขาพูดออกมาด้วยตนเอง”

“ดี ดีมาก!”

ข่าวนี้ ทำให้ในใจของเซียวซูเฟยผ่อนคลายลงไม่น้อย

เดิมทีนางยังกังวลว่าฉินหมิงจะเลือกแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับขุนนางใหญ่ในท้องถิ่น เพื่อไปสะสมกำลังที่หลิ่งหนาน

แต่เมื่อแต่งงานกับกวนเยว่ เขาก็หมดโอกาสแล้ว

“พรุ่งนี้เจ้าเข้าเฝ้า ก็ให้นำเรื่องนี้ไปทูลฝ่าบาทตามความจริง พระองค์จะทรงลงโทษฉินหมิงเอง”

เดิมทีฮ่องเต้เฉียนก็มีอคติต่อฉินหมิงอยู่แล้ว

ประกอบกับความดื้อรั้นของฉินหมิงในท้องพระโรง

ยิ่งทำให้อีกฝ่ายเปรียบเสมือนถังดินปืน แค่มีประกายไฟเล็กน้อยก็พร้อมจะระเบิดออกมา

“เข้าใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ พระสนม”

จ้าวสี่พยักหน้า ในดวงตาเต็มไปด้วยจิตสังหารอันเข้มข้น

หลังจากที่เขาจากไป เซียวซูเฟยก็หันไปมองขันทีหวังเป่าที่อยู่ข้างกาย

“เจ้าไปติดต่อขุนนางกรมต่าง ๆ ให้พวกเขายื่นฎีกาพร้อมกับจ้าวสี่ในวันพรุ่งนี้ ยิ่งหลายคนช่วยกันสุมไฟ ย่อมโหมกระพือได้ง่าย”

“พระสนม ทำเช่นนี้จะไม่ดูจงใจเกินไปหรือพ่ะย่ะค่ะ”

หวังเป่าค้อมกาย เอ่ยปากด้วยความกังวลเล็กน้อย

ตอนนี้เสียงวิพากษ์วิจารณ์เซียวซูเฟยในราชสำนักก็ไม่ค่อยดีนัก

ฉินหมิงก็ถูกลดขั้นไปแล้ว หากยังคงบีบคั้นเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าจะมีคนนินทาลับหลังได้

มุมปากของเซียวซูเฟยยกขึ้นเป็นรอยยิ้มดูแคลน กล่าวอย่างเฉยเมยว่า

“ในราชสำนักนี้เมื่อไม่มีเขาแล้ว ต่อไปก็คือโลกของเยว่เอ๋อร์กับข้า”

“ก็แค่คำนินทาไร้สาระ ปล่อยให้พวกเขาพูดไปเถอะ ไม่มีประโยชน์อันใด!”

“พ่ะย่ะค่ะ!”

หวังเป่ารับคำ แล้วจัดแจงให้ขันทีน้อยสองสามคน เริ่มส่งข่าวให้แก่ขุนนางฝ่ายของเซียวซูเฟย

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วจนถึงรุ่งเช้าของวันถัดมา

เป็นเวลาประชุมราชสำนักยามเช้าอีกครั้ง

ฮ่องเต้เฉียนประทับบนบัลลังก์ในท้องพระโรงจินหลวน ขุนนางทั้งหลายที่กำลังพูดคุยกันเสียงเบา ๆ ก็พลันเงียบลง

พระองค์ทอดพระเนตรลงมาจากบนบันไดใต้ที่ประทับ

ตำแหน่งที่เดิมทีควรจะเป็นที่ยืนของฉินหมิง บัดนี้กลับว่างเปล่า

สิ่งนี้ทำให้ท้องพระโรงจินหลวนที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงมานานหลายปี ดูว่างเปล่าเล็กน้อย

ราวกับทรงระลึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้

ฮ่องเต้เฉียนแค่นเสียงเย็น สีพระพักตร์ก็ดูย่ำแย่ลงไปอีกหลายส่วน

“มีเรื่องก็ทูลมา ไม่มีก็เลิกประชุม!”

“ฝ่าบาท กระหม่อมมีเรื่องจะทูล!”

เมื่อได้รับข่าวนี้

จ้าวสี่ก็รีบก้าวออกมาทันที ในมือถือฎีกา เตรียมถวายรายงานต่อหน้าพระพักตร์

“มีเรื่องอันใด?”

จ้าวสี่กล่าวด้วยน้ำเสียงแหลมสูง

“ทูลฝ่าบาท เมื่อวานนี้กระหม่อมได้ไปยังจวนขององค์ชาย เพื่อถ่ายทอดพระราชประสงค์ของฝ่าบาท แต่องค์ชายกลับมีท่าทีหยิ่งยโส และไม่เห็นผู้ใดอยู่ในสายตา!”

“ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อกระหม่อมเดินออกจากจวนอ๋องไป เขากลับเก็บความแค้นไว้ในใจ หาโอกาสก่อเรื่อง และรุมทำร้ายกระหม่อมกลางถนน!”

“กระหม่อมได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ยังกัดฟันฝืนทนมาเข้าเฝ้าในวันนี้ เพียงเพื่อขอให้ฝ่าบาททรงมอบความเป็นธรรม คืนความยุติธรรมให้แก่กระหม่อมด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”

ในฐานะปัญญาชน หลังจากที่คลุกคลีอยู่ในราชสำนักมาหลายปี ความสามารถในการกลับดำเป็นขาวของจ้าวสี่ก็ได้ฝึกฝนจนถึงขั้นสุดยอดแล้ว

เพียงไม่กี่ประโยคก็สามารถกลับผิดเป็นถูก สลับประเด็นสำคัญ

บรรยายให้ฉินหมิงกลายเป็นองค์ชายที่ใจแคบ และเก็บความแค้นต่อราชสำนักไว้ในใจ

สีพระพักตร์ของฮ่องเต้เฉียนค่อย ๆ มืดมนลง

โดยเฉพาะเมื่อได้ยินคำว่าเก็บความแค้นไว้ในใจและหาโอกาสก่อเรื่อง ความพิโรธก็พลุ่งพล่านขึ้นมาทันที!

“ที่เจ้าพูดมาเป็นความจริงหรือ?!”

“ฝ่าบาท เมื่อวานนี้กระหม่อมก็ได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนในเมืองหลวงเช่นกันพ่ะย่ะค่ะ”

โอวหยางหย่วนผู้ตรวจการแห่งสำนักตรวจการ กล่าวสนับสนุนคำพูดของจ้าวสี่อย่างหนักแน่น

เฉาเจิ้งหยางแม่ทัพรักษาการณ์แห่งกองกำลังรักษาการณ์กล่าวต่อ

“เมื่อวานนี้หน้าประตูจวนขององค์ชายมีผู้คนมารวมตัวกันเป็นจำนวนมาก และได้มีปากเสียงกับใต้เท้าจ้าว ทำให้การจราจรในเมืองหลวงติดขัด เป็นกระหม่อมเองที่ต้องนำทหารหลายร้อยนายไป จึงสามารถขับไล่ฝูงชนให้สลายตัวไปได้ในที่สุดพ่ะย่ะค่ะ”

เมื่อได้ฟังคำพูดของพวกเขา ฮ่องเต้เฉียนก็ทรงพระพิโรธจนถึงขีดสุด

“เจ้าสารเลวนี่!!”

“ถ่ายทอดราชโองการของเรา ลงโทษฉินหมิงงดเบี้ยหวัดสามปี กักบริเวณครึ่งปี และให้ยุบสามหน่วยพิทักษ์! ให้มีผลทันทีที่ไปถึงหลิ่งหนาน!”

“ว่ากระไรนะ!?”

การกักบริเวณและงดเบี้ยหวัดนั้น ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร

แต่การยุบสามหน่วยพิทักษ์ เรื่องนี้ใหญ่หลวงนัก!

สามหน่วยพิทักษ์คือกองกำลังสามหน่วยของอ๋องผู้ครองหัวเมือง

ตามกฎหมายของราชสำนัก เมื่ออ๋องผู้ครองหัวเมืองเดินทางไปยังที่ดินศักดินาของตน จะสามารถได้รับกองกำลังองครักษ์สามหน่วยจากราชสำนัก

นี่ถือเป็นกองกำลังพื้นฐานที่มอบให้แก่พวกเขา เพื่อช่วยให้พวกเขาสามารถวางรากฐานได้อย่างง่ายดายขึ้น หลังจากที่ไปถึงที่ดินศักดินา

ในอนาคตการป้องกันชายแดน ก็ต้องอาศัยความช่วยเหลือจากสามหน่วยพิทักษ์นี้เช่นกัน

แต่บัดนี้ฮ่องเต้เฉียนกลับจะยุบสามหน่วยพิทักษ์ของฉินหมิง!
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 100

    “กระไรนะ?!”เมื่อเว่ยกว่างซวินลองคิดดู ก็พบว่ามีความเป็นไปได้นี้จริงๆเดิมหานหมิงรุ่ยก็ถูกปลดลงมาจากราชสำนักจะรู้จักฉินอ๋องก็ไม่แปลกที่แท้ก็เป็นเช่นนี้!ซุนเฉิงคาดเดาต่อไปว่า“ท่านยังจำได้หรือไม่ ครั้งก่อนตอนที่ฉินอ๋องพบว่าพวกเราหาคนมาช่วย ก็ไม่ตระหนกแม้แต่น้อย”“ใช่แล้ว ที่แท้พวกเขารู้จักกันอยู่ก่อนแล้วนี่เอง”ภายในใจของเว่ยกว่างซวินเย็นยะเยียบขึ้นมาดูท่ามีแต่พวกเขาสองพี่น้อง ที่ถูกปั่นหัวอยู่เล่นอยู่ในเงื้อมมือผู้อื่น“เรื่องนี้อย่าได้พูดถึงอีก วันหลังพวกเราให้ถือเสียว่าไม่เคยเสียเปรียบเพราะฉินอ๋องแล้วกัน”เว่ยกว่างซวินได้วิธีการรับมืออย่างรวดเร็วซุนเฉิงก็พยักหนักอย่างหนักเช่นกันอย่างรวดเร็ว ความไม่พอใจแต่เดิมที่มีต่อฉินหมิงก็ถูกพวกเขาเก็บซ่อนไปเป็นอย่างดีภายหลังจากจินตนาการเรื่องราวออกมามากมาย พวกเขาสองคนก็รีบตามไปอย่างว่าง่ายมิได้สร้างปัญหาใดอีก…… ในฐานะผู้ที่ชักนำให้เกิดเหตุการณ์ในครั้งนี้ ฉินหมิงนั้นไม่รู้ว่าซุนเฉิงและเว่ยกว่างซวินพูดคุยสิ่งใดกันเพียงพบว่าหลังพวกเขาทั้งสองเดินเข้ามา ก็ต่างมองเขาด้วยรอยยิ้มที่เบิกบานราวดอกไม้บนใบหน้าก็ไม่พบร่องรอยความ

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 99

    หานหมิงรุ่ยเป็นหนึ่งในรองผู้บัญชาการทหารท้องถิ่นดังนั้นคำพูดของเขา ย่อมแสดงถึงท่าทีของทางการฉินหมิงจึงมิได้ถกเถียงกับเขา แต่กล่าวอย่างแย้มยิ้มว่า“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ กลับเป็นข้าที่ไม่เข้าใจสถานการณ์แล้ว”“ไม่หรอกพ่ะย่ะค่ะ ทรงมีเจตนาดี เพียงแต่บรรดาทหารในกองทัพก็ต้องการความสมดุลระหว่างหน้าที่และการพักผ่อนเช่นกันมิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ”เพราะอยากเล่นพนัน ท่าทีในการพูดจาของหานหมิงรุ่ยต่อฉินหมิงในยามนี้จึงดีขึ้นไม่น้อย“เช่นเดียวกันกับกระหม่อม ยามปกติก็ชอบเล่นตาสองตา การพนันเล็กๆ น้อยๆ ช่วยเพิ่มพูนความสุขและความสัมพันธ์ได้อย่างไรล่ะพ่ะย่ะค่ะ”หานหมิงรุ่ยมิได้มีชื่อเสียงมากนัก ดังนั้นยามเกิดเรื่องในตอนนั้น ผู้ที่รู้จึงมีไม่มากยกตัวอย่างเช่นพวกเฉาชวน คนเหล่านี้ล้วนไม่รู้เลยโชคดีที่ครอบครัวของกวนเยว่กับเยว่โส่วเจียงเป็นเพื่อนเก่ากันมานานปกติแล้ว เมื่อแม่ทัพระดับสูงอย่างพวกเขาพูดคุยกันในยามว่าง ถึงจะมีการเปิดเผยข้อมูลบางอย่างออกมาด้วยเหตุนี้ จนถึงตอนนี้หานหมิงรุ่ยจึงยังคงคิดว่า เรื่องของตนนั้นที่นี่น่าจะมีคนรู้ไม่มากดังนั้นต่อหน้าพวกฉินหมิง ตนจึงสามารถแสร้งแสดงเป็นผู้ทรงคุณธรรมไ

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 98

    พวกเขาสวมเครื่องแบบทหาร ปลอมตัวเป็นทหารที่กำลังพักผ่อนเล่นไพ่โกวกันอยู่ที่นี่เมื่อเห็นฉินหมิงเดินเข้ามา เหล่ามืออาชีพที่กำลังนั่งไข้วขาอยู่บนพื้นก็ให้ความร่วมมืออย่างมาก“ย๊าก! กิน!”“เพิ่มร้อยยี่สิบแปดเท่า! จ่ายเงินมา!”หานหมิงรุ่ยชะงักเท้าลงจริงๆ สายตาเหลือบมองไปที่การเรียงไพ่ด้านล่างอย่างอดไม่ได้ฉินหมิงไม่ค่อยเข้าใจวิธีการเล่นของเจ้าสิ่งนี้นักรู้เพียงว่าไพ่โกวของต้าเฉียน มีรูปร่างหน้าตาคล้ายไพ่นกกระจอก ปกติเป็นแผ่นไม้ เพียงแต่รูปร่างจะแบนกว่ายาวกว่าในขณะที่กำลังกังวลว่าพวกเขาจะแสดงมากเกินไปจนโป๊ะแตกหานหมิงรุ่ยซึ่งเหลือบมองเพียงครั้งเดียวก็เห็นไพ่โกวที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้น ก็พยักหน้าแล้วพึมพำว่า“ร้อยยี่สิบแปดเท่า เล่นใหญ่ขนาดนี้เชียว…”ดูจากท่าทางแล้ว ต้องคันไม้คันมือขึ้นมาแล้วเป็นแน่ฉินหมิงสบตากับซ่งติ้งเซิงคราหนึ่ง คนทั้งสองล้วนสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของหานหมิงรุ่ยแต่การตกปลานั้นจะต้องมีความอดทนฝีเท้าของฉินหมิงมิได้หยุดชะงักลงแม้แต่น้อย กระทั่งยังหันศีรษะไปมองหานหมิงรุ่ยที่รั้งท้ายอยู่ด้านหลังด้วยหานหมิงรุ่ยก็รู้ตัวว่าพลาดไป มองเกมไพ่เบื้องล่างทีหนึ่งอย

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 97

    ลักษณะนิสัยและพฤติกรรมของหานหมิงรุ่ยขาดความซื่อสัตย์ ผู้ที่รู้ถึงการกระทำในอดีตของเขาล้วนไม่มีทางมอบหมายงานสำคัญและเป็นเพราะอาศัยผลงานทางทหารที่สั่งสมมานานหลายปี เขาถึงสามารถดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการในหลิ่งหนานได้ทว่าเมื่ออยู่ในค่ายทหาร การมีตัวตนของเขายังคงประดุจสุนัขที่ไร้ผู้เหลียวแลเมื่อเวลาผ่านไป หนังหน้าหนาของเจ้าตัวนี้จึงหนาขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายก็ไร้ยางอายถึงขึ้นปล่อยตัวปล่อยใจอย่างเหลวแหลกเสียเลยเพราะถึงอย่างไรก็ไม่มีผู้ใดสนใจ แบบใดสบายใจก็ทำแบบนั้น เห็นผู้ใดไม่ถูกใจก็ชักสีหน้าก็เหมือนกับตอนนี้ ที่แม้แต่ฉินหมิงเขาก็ไม่เห็นอยู่ในสายตานี่ค่อนข้างคล้ายพวกระดับผู้นำในองค์กรต่างๆ ที่ผ่านไปนานหลายปีก็ไม่ได้เลื่อนตำแหน่งอยู่บ้างซึ่งพวกเขาเองก็รู้ว่า อนาคตไร้หนทางก้าวหน้าแล้วจึงคร้านที่จะเสแสร้งอีก ทำตามอำเภอใจเสียเลยเฉาชวนมองความไม่สบอารมณ์ของฉินหมิงออก จึงเป็นตัวแทนเขาเริ่มเข้าไปพูดคุยกับหานหมิงรุ่ยแทน“ยากนักที่ท่านแม่ทัพหานจะมาเยือนสักครั้ง นั่งลงสนทนากันก่อนเถอะขอรับ”“คุยอะไร? ท่านอ๋อง เรื่องนี้เดิมก็เป็นพวกท่านที่ทำไม่ถูก”หานหมิงรุ่ยเบะปาก สีหน้าเต็มไปด้วยความ

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 96

    ซ่งติ้งเซิงเดินไปที่ข้างกายฉินหมิงแล้วกล่าวว่า“ท่านอ๋อง ทรงไม่ต้องสอนพวกเขาดอกพ่ะย่ะค่ะ”“คนกลุ่มนี้ล้วนเป็นพวกฝีมือแก่กล้ามากประสบการณ์ หากต้องการวางแผน พวกเขาสามารถทำได้เอง ไม่แน่ว่าผลงานที่ออกมายังอาจทำได้ดีกว่าที่ทรงกำกับอีกพ่ะย่ะค่ะ”“ที่แท้เป็นเช่นนี้”มุมปากของฉินหมิงกระตุก เดิมคิดจะเตือนพวกเขาว่าควรเล่นอย่างไรตอนนี้ดูไปคงไม่จำเป็นแล้ว“งั้นก็ไปเถอะ อีกครู่เจ้ามอบผลประโยชน์ให้พวกเขาหน่อย ให้คนปิดปากให้สนิทขึ้น”“พ่ะย่ะค่ะ”เมื่อกลับมาถึงค่ายทหารอู่เวย ฉินหมิงก็ให้พวกเขาใส่เครื่องแบบทหาร แล้วนั่งอยู่ในบริเวณที่สะดุดตารอเหยื่อมาติดกับในเวลาเดียวกัน ฉินหมิงยังเรียกหลิวฉ่วงมาด้วย“เหล่าหลิว เจ้าพาคนจำนวนหนึ่งไปลาดตระเวนในค่ายทหาร”เรื่องอื่นไม่พูดถึง หากต้องการลงไม้ลงมือแล้วล่ะก็ หลิวฉ่วงนั้นเป็นพวกสายลุยตัวจริงมีบางครั้งหากไม่ทันระวัง เขากระทั่งทุบตีคนจนตายได้เมื่อเรียกแม่ทัพผู้ดุดันคนนี้มาเข้าร่วม ฉินหมิงก็ถือว่าได้ทำประกันเพิ่มให้ตนเองอีกชั้นหลิวฉ่วงรู้จักฉินหมิงเป็นอย่างดี เห็นเขาท่าทางมีลับลมคมใน จึงบ่นพึมพำอยู่ด้านข้างว่า“ท่านอ๋อง ท่านเรียกกระหม่อมมาต้องไ

  • ตำแหน่งองค์รัชทายาท ผมไม่เอาแล้ว   บทที่ 95

    “สร้างกับดักหรือพ่ะย่ะค่ะ?”“ใช่แล้ว เจ้ากินก่อนเถอะ กินเสร็จแล้วค่อยออกมา เราไปทำธุระกันสักหน่อย”“พ่ะย่ะค่ะ!”ซ่งติ้งเซิงดื่มโจ๊กข้าวกล้องหมดภายในไม่กี่คำ สวมชุดขุนนางเสร็จ ก็สาวเท้าออกจากประตูใหญ่ทันทีฉินหมิงที่รออยู่บริเวณมุมกำแพง กระซิบเล่าเรื่องประสบการณ์ชีวิตของหานหมิงรุ่ยแก่เขาหลังฟังจบ ซ่งติ้งเซิงก็เต็มไปด้วยความตกตะลึงพรึงเพริดในเวลาเดียวกัน เขาก็ถอนใจอย่างอดไม่ได้ เรื่องสกปรกในราชสำนักช่างมีมากมายเสียจริงเขาถูกมือไปมา แล้วถามอย่างสงสัยว่า“ท่านอ๋อง กระหม่อมมีคำถามข้อหนึ่งพ่ะย่ะค่ะ”“คำถามอะไร?”“หานหมิงรุ่ยผู้นั้น คืนเงินท่านแม่ทัพเย่แล้วหรือยังพ่ะย่ะค่ะ?”“ไร้สาระ ย่อมไม่น่ะสิ เจ้าคนไร้เมียนั่นตอนนี้แม้แต่ตัวเองก็ยังเอาตัวไม่รอด ยังจะหวังให้เขาคืนเงิน?”ฉินหมิงค้อนเขาทีหนึ่งโลกนี้กว้างใหญ่ไพศาลนัก ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีคุณธรรมจริยธรรมแม้น ‘ติดหนี้ต้องชดใช้’ จะเป็นหลักการแห่งฟ้าดินที่ถูกต้องอย่างไม่ต้องสงสัยแต่ก็ยังมีอีกคำกล่าวที่ว่า ‘เหาเยอะไม่กลัวคัน’ ด้วย“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ อย่างนั้นหากพวกเรายังเล่นงานเขาเช่นนี้อีก มิเท่ากับไร้คุณธรรมอย่างยิ่งหรือพ่ะย

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status