LOGIN“พากันมาทำไม ผลไม้ช่วงนี้ก็ยังไม่ถึงเวลาเก็บผลผลิตเสียหน่อย” น้ำเสียงราบเรียบเอ่ยทักทายถามแขกผู้มาเยือนขึ้นทันที ด้วยทีท่าที่ไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่นัก
ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเช่นกัน เมื่อเห็นว่าเป็นเพื่อนสองแฝดของเขาคนนี้ ทำให้เขาไม่ชอบใจยิ่งนักที่พวกมันทั้งสองมาหาเขาถึงที่นี่
สองแฝดหนุ่มที่นั่งลงอยู่บนโซฟาห้องรับแขกของบ้าน กลับได้สนใจในคำพูดคำจาของเจ้าของสวนผลไม้ไม่ เพราะว่าความตั้งใจของพวกเขาที่มาในวันนี้ไม่ได้จะมาหาเพื่อนของเขาเลย...
“เข้าเรื่องเลยแล้วกันนะไอ้กิตติ์” อคิราห์แฝดผู้พี่เริ่มเกริ่นนำเปิดประเด็นขึ้นมาเสียก่อน พร้อมกับจ้องมองปที่ใบหน้าของปกรณ์กิตติ์อย่างอยากลองหยั่งเชิงดู
“พอดีว่า...ช่วงนี้พวกกูสองคนพึ่งกลับมาอยู่บ้าน ว่าง ๆ เลยไม่รู้จะไปไหนกัน เลยแวะมาหาน้องแป้งอยากทำความรู้จักน้องเขา” แล้วอัคนีแฝดผู้น้องจึงเอ่ยตาม ว่าสาเหตุที่พวกเขาทั้งสองมาที่นี่ในวันนี้นั้นคืออะไร
“มึงว่าอะไรนะ!!! ไอ้ไฟ?” ทำเอาปกรณ์กิตติ์หันหน้าขวับไปหาทั้งสองหนุ่มทันที ที่ได้ยินถึงจุดประสงค์ของทั้งสองแฝดที่มาในวันนี้
“กูบอกว่า พวกกูสองคนมาหาน้องแป้ง” อัคนีเอ่ยย้ำอีกครั้งด้วยวาจาและน้ำเสียงชัดถ้อยชัดคำที่หนักแน่นอย่างชัดเจน
“มาหาแป้ง? ไม่ได้มาหากู นี่พวกมึงไปสนิทกับยัยนั้นตั้งแต่ตอนไหนว่ะ ทั้ง ๆ ที่...” ปกรณ์กิตติ์ได้แต่เลิกคิ้วถามอย่างงุนงง ไม่เข้าใจว่าเพื่อนทั้งสองคนของเขาไปสนิทกับหญิงสาวตอนไหนกัน ทั้ง ๆ ที่เขากับเธอก็ตัวติดแนบชิดกันตลอดจนแทบจะสิงกันอยู่แล้ว
“เอาความจริงเลยนะเพื่อน กูว่ากูชอบน้องแป้งว่ะ” อัคนีเปิดประเด็นพูดความในใจของเขาที่มีต่อหญิงสาวขึ้นทันที โดยไม่คิดจะอ้อมค้อมใด ๆ แล้ว เพราะขืนมัวแต่ชักช้าเกรงว่าจะถูกคนอื่นชิ่งตัดหน้าไปก่อนแน่
“อะไรน่ะ!!!” ปกรณ์กิตติ์ตาลุกวาวขึ้นมานั่งแทบไม่ติดทันที ประโยคแรกว่าทำเขาตกใจมากพอแล้วที่เพื่อนทั้งสองบอกว่ามาหาศิรดา แต่ประโยคนี้กลับต้องตกใจยิ่งกว่า เมื่อเพื่อนที่เป็นแฝดผู้น้องบอกว่าชอบเธอ ชอบหญิงสาวที่เขามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันอยู่ในตอนนี้นั่นเอง
“ตกใจอะไรขนาดนั้นว่ะ ไอ้ไฟมันชอบน้องแป้งนะ ไม่ได้บอกชอบมึงไอ้กิตติ์” อคิราห์พูดขึ้นพร้อมกับมองหน้าปกรณ์กิตติ์ด้วยความไม่เข้าใจ เมื่อเห็นปฏิกิริยาของเพื่อน
“มึงพูดจริงเหรอไอ้ไฟ” ปกรณ์กิตติ์หันไปถามทางเจ้าตัวที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับตนทันที
“กูว่ากูแน่ใจแล้ววะไอ้กิตติ์ กูเชื่อมั่นและมั่นใจในหัวใจของตัวเองมากพอว่ะ” อัคนีพยักหน้าตอบออกไปอย่างแน่วแน่ด้วยสายตาที่จริงจังไม่ได้มีทีท่าว่าล้อเล่นแต่อย่างใด
ทำเอาปกรณ์กิตติ์จิตใจร้อนลุ่มขึ้นมาเสียอย่างนั้น เมื่อเห็นความตั้งใจของเพื่อน เขาก็พอมองออกอยู่หรอก ว่าเพื่อนจริงจังในคำพูดครั้งนี้มากกว่าครั้งไหน ๆ เพราะสายตาแน่วแน่ของอัคนีที่สื่อออกมาอย่างเห็นได้ชัด
“แต่มึงกับยัยนั่น ยังไม่เคยได้...” ปกรณ์กิตติ์ไม่รู้ว่าควรจะทำเช่นไรต่อ เพราะเขาเองก็ยังคงอึ้งในคำตอบของเพื่อนอยู่
“มึงก็ช่วยเป็นพ่อสื่อให้กูหน่อยสิเพื่อน” อัคนีพูดขึ้นมาอย่างขอความเห็นใจจากปกรณ์กิตติ์
“กูเนี่ยนะ จะช่วยมึงได้...” ปกรณ์กิตติ์ชี้นิ้วเข้าหาตัว แล้วถามออกไปอย่างไม่เข้าใจ ว่าทำไมอัคนีถึงเชื่อมั่นไว้วางใจในตัวของเขานัก
ชอบผู้หญิงที่เขากำลังมีความสัมพันธ์กันยังไม่พอ ยังจะมาให้เขาเป็นพ่อสื่อให้อีก มันเอาสมองส่วนไหนคิดว่ะ ว่าเขาจะยอมช่วยมัน เขาได้แต่ครุ่นคิดอยู่ในใจจไม่กล้าเอ่ยออกมา
“อืม มึงนี่แหละที่ต้องเป็นพ่อสื่อให้กู” อัคนีพยักหน้าให้อีครั้ง
“ทำไมต้องเป็นกูด้วยว่ะ” ปกรณ์กิตติ์มีท่าทีลำบากใจกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เพราะไม่คิดว่าเพื่อนของตนจะเอาจริงกับผู้หญิงคนนี้ หญิงสาวที่เขามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งด้วยแล้ว
เมื่อสมัยวัยรุ่นตอนเรียนด้วยกัน พวกเขาเคยใช้ผู้หญิงร่วมกันมาก็จริงเพราะแค่สนุกกันตามประสาวัยรุ่นเท่านั้น แต่สำหรับศิรดาแล้วเขายอมรับว่าเขาหวงของชิ้นนี้มาก ไม่อยากแบ่งหรือใช้ร่วมกับใครได้จริง ๆ เพราะเขายังต้องการตัวของเธออยู่
หากจะบอกความจริงกับเพื่อนไปตามตรงว่าเขามีความสัมพันธ์เกินเลยกันกับเธอแล้ว เพื่อนจะมองเขาเป็นคนแบบไหน และความลับที่เขากับศิรดาตกลงกันเอาไว้ก่อนหน้านั้น ก็คงได้ยุติลงแล้วคนได้รู้กันหมด เขาได้ก็ได้อดที่จะได้ครอบครองตัวเธอเป็นแน่
“มึงก็ถามแปลก ๆ ว่ะไอ้นี้ ก็มึงอยู่บ้านหลังเดียวกันกับน้องเขาไง หรือมึงไม่สะดวกที่จะช่วยไอ้ไฟมัน ถ้าอย่างนั้นกูจะให้น้องกูเข้าทางพ่อมึง ให้ท่านช่วยไอ้ไฟมันแทนแล้วกันนะ” อคิราห์พูดแทรกขึ้นมาบ้าง
“กูว่าเรื่องแบบนี้กูน่าจะเข้าทางพ่อมึงมากกว่า เหมือนที่ไอ้ฟืนมันพูดก็ถูก ดีเหมือนกันเข้าทางผู้ใหญ่อย่างน้อย ๆ ก็อยู่ในสายตาของผู้ใหญ่” อัคนีได้แต่เออออไปตามที่แฝดผู้พี่พูด
“มึงจริงจังหรือว่ะไอ้ไฟ” ปกรณ์กิตติ์จึงถามเจ้าตัวกลับไปอีกครั้ง เมื่อเห็นความตั้งใจของเพื่อนที่ดูจะเอาจริง
“มึงคิดว่าเรื่องแบบนี้ใครเขาเอามาล้อเล่นกันว่ะไอ้กิตติ์”
“แต้ยัยนั่นไม่เหมาะกับมึงเลยนะ” ปกรณ์กิตติ์พยายามหาเหตุผลมาโต้แย้ง เพื่อที่เพื่อนนั่นจะได้ล้มเลิกความตั้งใจ
“มึงเอาเกณฑ์อะไรมาตัดสินว่าคนนั้นไม่เหมาะกับคนนี้ว่ะไอ้กิตติ์” อัคนีพูดอย่างตัดพ้อ เมื่อปกรณ์กิตติ์พูดออกมาแบบนี้ เข้าใจน่ะที่มันคิดแบบนี้ เพราะหากเปรียบเรื่องฐานะชาติตระกูลแล้ว เขาเหนือกว่าเธอและเพื่อนเจ้าของสวนผลไม้แห่งนี้อยู่แล้ว
“ก็...”
“แป้ง!!! ไปกันได้ยัง”
ยังไม่ทันที่ปกรณ์กิตติ์จะได้พูดอะไรต่อ เสียงของหญิงสาวก็ดังขึ้นมาจากทางบันได้เสียก่อน ทำเอาทั้งสามหนุ่มจึงต้องหันไปมองตามเสียงนั้นเป็นทางเดียวกันหมด
“ใครว่ะไอ้กิตติ์” อคิราห์กระซิบถามเจ้าของบ้านเบา ๆ เพื่อให้ได้ยินกันแค่สองคน
“เด็กที่นี่นี้แหละ เป็นเพื่อนกับยัยแป้งเน่า” ปกรณ์กิตติ์พูดโต้ง ๆ ออกมา โดยไม่สนใจว่าสองสาวจะได้ยินหรือเปล่า
“ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าที่บ้านมึงจะมีสาวสวยอยู่อีกคน” อัคนีที่ได้ยินบทสนทนาของพี่ชายฝาแฝดและเพื่อนจึงแทรกขึ้นมาบ้าง
“สายตาเจ้าชู้เผยออกมาเชียวนะมึงไอ้ไฟ ไหนบอกว่าชอบยัยแป้งเน่าไงว่ะ” ปกรณ์กิตติ์ต่อว่าตำหนิเพื่อนออกไปทันที เมื่อเห็นสายตาเจ้าเล่ห์ที่เพื่อนมองไปทางสองสาวที่เดินออกไปลับตาแล้ว
“กูเป็นผู้ชายนะเว้ยไอ้กิตติ์ เห็นของสวย ๆ งาม ๆ ก็ต้องมองเป็นธรรมดาไหมว่ะ หรือว่ามึงไม่เคย...” อัคนีสวนขึ้นทันควันและพยายามเก็บอาการเอาไว้ ไม่ให้แสดงออกมาต่อหน้าเพื่อน ว่าตอนนี้เขานั้นรู้สึกเช่นไร
หวงหรือไง“คุยอะไรกันอยู่หนุ่ม ๆ” สุทัศน์ที่พึ่งจะลงมาจากชั้นบนของบ้านนั้นเอ่ยขึ้นทันที เมื่อเห็นว่าแขกผู้มาเยือนเป็นเพื่อนของลูกชายตนที่หายหน้าหายตาไปนานเพราะไปเรียนที่ต่างประเทศกัน“อาทัศน์สวัสดีครับ”สองแฝดหนุ่มได้แต่ยกมือขึ้นไหว้ทำความเคารพผู้ใหญ่อย่างอ่อนน้อม เมื่อเห็นเป็นผู้อาวุโสของที่นี่เดินมาทันทายพวกตน“ไปอยู่ต่างประเทศเสียนาน หน้าออกไปทางฝรั่งเสียแล้วสองแฝด ตามสบายเลยนะ อาไม่อยู่รบกวนวัยรุ่นอย่างพวกเราแล้ว” สุทัศน์ได้แต่เอ่ยแซวสองแฝดเพื่อนลูกชายอย่างนึกเอ็นดู“พ่อจะไปไหนครับ” ปกรณ์กิตติ์เอ่ยถามคนเป็นพ่อขึ้น เมื่อเห็นว่าบิดาของเขานั้นแต่งตัวดูดีกว่าทุกวัน คงต้องมีธุระออกไปข้างนอกแน่“ไปทำธุระนิดหน่อยแล้วแป้งกับปิ่นขอไปด้วย แกมีอะไรหรือเปล่าไอ้กิตติ์” สุทัศน์ตอบลูกชายออกไปตามตรง เพราะเขาพาหญิงสาวสองคนไปด้วยกันจริง แล้วถามลูกชายอย่างนึกจับผิด เพราะร้อยวันพันรปีเจ้าลูกชายไม่เคยถามไถ่เลยว่าผู้เป็นพ่อนั้นจะไปไหน“เปล่าครับ”ปกรณ์กิตติ์รีบปฏิเสธทันควัน เมื่อเจอสายตาคู่นั้นของผู้เป็นพ่อมองมาอย่างจับผิด และสุทัศน์ก็เดินออกไปทันที เพราะรู้ว่าสองสาวรออยู่ที่รถแล้ว“น้องคนนั้นชื่ออะไรห
กูชอบน้องแป้ง“พากันมาทำไม ผลไม้ช่วงนี้ก็ยังไม่ถึงเวลาเก็บผลผลิตเสียหน่อย” น้ำเสียงราบเรียบเอ่ยทักทายถามแขกผู้มาเยือนขึ้นทันที ด้วยทีท่าที่ไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่นักไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเช่นกัน เมื่อเห็นว่าเป็นเพื่อนสองแฝดของเขาคนนี้ ทำให้เขาไม่ชอบใจยิ่งนักที่พวกมันทั้งสองมาหาเขาถึงที่นี่สองแฝดหนุ่มที่นั่งลงอยู่บนโซฟาห้องรับแขกของบ้าน กลับได้สนใจในคำพูดคำจาของเจ้าของสวนผลไม้ไม่ เพราะว่าความตั้งใจของพวกเขาที่มาในวันนี้ไม่ได้จะมาหาเพื่อนของเขาเลย...“เข้าเรื่องเลยแล้วกันนะไอ้กิตติ์” อคิราห์แฝดผู้พี่เริ่มเกริ่นนำเปิดประเด็นขึ้นมาเสียก่อน พร้อมกับจ้องมองปที่ใบหน้าของปกรณ์กิตติ์อย่างอยากลองหยั่งเชิงดู“พอดีว่า...ช่วงนี้พวกกูสองคนพึ่งกลับมาอยู่บ้าน ว่าง ๆ เลยไม่รู้จะไปไหนกัน เลยแวะมาหาน้องแป้งอยากทำความรู้จักน้องเขา” แล้วอัคนีแฝดผู้น้องจึงเอ่ยตาม ว่าสาเหตุที่พวกเขาทั้งสองมาที่นี่ในวันนี้นั้นคืออะไร“มึงว่าอะไรนะ!!! ไอ้ไฟ?” ทำเอาปกรณ์กิตติ์หันหน้าขวับไปหาทั้งสองหนุ่มทันที ที่ได้ยินถึงจุดประสงค์ของทั้งสองแฝดที่มาในวันนี้“กูบอกว่า พวกกูสองคนมาหาน้องแป้ง” อัคนีเอ่ยย้ำอีกคร
อย่าบอกนะว่าพึ่งตื่นรุ่งเช้า“คุณกิตติ์ ตื่นได้แล้ว แล้วคุณก็ช่วยปล่อยฉันด้วย มีคนมาเคาะประตู” ศิรดาได้แต่สะกิดบอกคนที่นอนกอดรัดเธอ เมื่อได้ยินคนมาเคาะประตูที่หน้าห้องของเธออยู่หลายครั้ง“อื้อ...ใครมาเคาะแต่เช้าว่ะ รบกวนเวลาพักผ่อนฉิบหะ...ขอโทษ เดี๋ยวฉันไปดูเอง” เสียงทุ้มครางต่ำของปกรณ์กิตติ์ขานรับ ก่อนที่จะสบถออกมาอย่างหงุดหงิดเมื่อถูกรบกวนการนอน แต่กลับต้องหุบปากฉับเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตัวเองเผลอพูดจาไม่ดี แล้วรีบขอโทษเธอและถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงอย่างสุภาพ แถมยังทำท่าทางกำลังจะลุกขึ้นปดู“มะ ไม่ได้” แต่ถูกศิรดาข้ามเอาไว้เสียก่อน“ทำไม?” เขาด้แต่เลิกคิ้วถามเธออย่างงุนงง ไม่เข้าใจว่าเธอนั้นจะห้ามเขาทำไมกัน เพราะทุกทีหากว่ามีคนมาเคาะประตูเขาจะไปเปิดให้ตลอด“ก็นี้มันเป็นห้องนอนของฉันนะคุณลืมไปแล้วหรือไง ขืนใครมาเห็นว่าคุณมาอยู่ห้องนี้กับฉัน มีหวังความแตกแน่”“เหอะ” ปกรณ์กิตติ์ได้แต่แค่นขำให้กับตัวเอง ที่ลืมไปเสียสนิทเลยว่าตอนนี้ตัวเองนั้นอยู่ที่ห้องของหญิงสาว ไม่ได้อยู่ที่ห้องของตัวเองจากนั้นปกรณ์กิตติ์จึงยอมยกวงแขนของตนที่กอดศิรดาอยู่นั้นออก แล้วเธอก็รีบลุกขึ้นหาเสื้อมาคลุมตัวก่อน
ต้องทำเวลา NCบทเพลงรักอันแสนเร่าร้อนได้เริ่มขึ้นในทันที หลังจากที่ทั้งคู่ปลดเปลื้องเสื้อผ้าอาภรณ์ออกทั้งหมดทุกชิ้นแล้ว เพราะต่างต้องรีบทำแข่งกับเวลาที่เร่งรีบ ขืนชักช้ากว่านี้มีหวังคนคงสงสัยกันเป็นแน่“อ๊ะ เสียว”เสียงครวญครางร้องของศิรดาดังขึ้นมาเป็นระยะ ตั้งแต่ที่เขานั้นเริ่มขยับสะโพกตอกอัดใส่เธอตั้งแต่คราแรกด้วยจังหวะที่เนิบนาบแล้ว และเริ่มไต่ระดับขึ้นตามมาเรื่อยย ๆ“เสียวก็ร้องออกมา ปล่อยอารมณ์ไปกับมันแป้ง” เสียงกระเส่าเอ่ยบอกคนใต้ร่างเพื่อให้เธอได้ผ่อนคลายลดความกังวลลงบ้าง เพราะเขารับรู้ได้ว่าเธอกำลังตื่นเต้นมาก รู้สึกถึงสัมผัสจากแรงตอดรัดภายในร่องฉ่ำที่บีบรัดเป็นจังหวะถี่เร็วตับ ตับ ตับ“อยากขึ้นเองไหม” เขาผ่อนแรงลงเพียงเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยถามเธอออกไป เพราะอยากจะเป็นฝ่ายเอาใจและตามใจเธอบ้าง เขาเองก็ไม่รู้หรอก ว่าเธอนั้นมีความสุขไปด้วยกันกับเขาหรือเปล่าเธอได้แต่ส่ายหน้าให้เขาเป็นคำตอบ และรีบเร่งให้เขารีบดำเนินบทรักนี้ให้จบลงเร็วไว เพราะว่าเวลานี้ก็ผ่านมาหลายนาทีแล้ว ตั้งแต่ที่เขาสอดใส่เขากลับไม่ยอมเสร็จสมสักที ไม่รู้ว่าเขาตั้งใจหรือเปล่าและเธอก็ยังมีความกังวลคิดมากอยู่ตลอด หาก
ไม่ใช่น้องสาวตกเย็น“หาววว...คุณกิตติ์!!!”หญิงสาวที่กำลังอ้าปากกว้างจากหาวเพราะกำลังตื่นนอน กลับต้องเบิกตากว้างตกใจรีบเด้งตัวลุกขึ้นนั่งอย่างไวพร้อมกับร้องเสียงออกมา เมื่อเห็นว่าข้างกายของเธอนั้นมีร่างแกร่งนอนจ้องมองมาเธออยู่แล้ว“ก็ฉันนะสิ เธอเห็นเป็นใครล่ะ” ปกรณ์กิตติ์ได้แต่ลุกขึ้นนั่งตาม แล้วยังคงนั่งจ้องมองเธอด้วยท่าทีที่ไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไร ก่อนที่จะเอ่ยตอบด้วยวาจาที่กวนชวนให้เธอโมโห“นี่คุณเข้ามาในห้องฉันได้ยังไงกันคุณกิตติ์” หญิงสาวยิงคำถามใส่เขาออกไปด้วยใบหน้าที่งุนงง เพราะเธอตกใจไม่น้อยที่เห็นเขาอยู่ที่นี่ในห้องของเธอ เขาเข้ามาตั้งแต่ตอนไหนแล้วทำไมเขาถึงเข้ามาที่ห้องของเธอได้ แถมยังจะมานอนอยู่บนเตียงเดียวกันกับเธออีก ทั้ง ๆ ที่ร้อยวันพันปีเขาไม่เคยคิดที่จะย่างกรายเข้ามาเหยียบในพื้นที่ตรงนี้เลยสักครั้ง ตั้งแต่ที่เธอเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ห้องนี้เขาก้ไม่เคยได้เข้ามา“นี่เธอลืมไปแล้วหรือยังไง ว่าบ้านหลังนี้มันเป็นบ้านของใคร ยัยแป้งเน่า” เขาถามเธอกลับไปบ้างแถมยังยื่นใบหน้าหล่อเข้าไปใกล้ ๆ กันกับใบหน้าของเธออีก จนศิรดาต้องเอียงหน้าหนีหลบไปทางอื่น และก็ต้องนอนราบลงไปกับที่นอนอี
คนคุ้นเคยบ่ายคล้อยของวันต่อมาสวนปกรณ์กิตติ์“มาหาใครค่ะ” หญิงสาวถามแขกผู้มาเยือนขึ้นทันที ขณะที่เธอกำลังรดน้ำต้นไม้อยู่ที่หน้าบ้าน แล้วเห็นรถไม่คุ้นตาขับเข้ามาจอดที่ลานกว้างปิ่นมุก หญิงสาวคนสนิทของศิรดา เป็นลูกสาวของ ‘แก้วตา’ ซึ่งเป็นแม่บ้านที่อาศัยอยู่ที่นี่มาตั้งแต่ที่เธอลืมตาดูโลกแล้ว และเติบโตมาพร้อมกันกับศิรดาภายในสวนผลไม้แห่งนี้“กิตติ์อยู่ไหม พาฉันไปพบเขาหน่อย” เสียงของหญิงสาวผู้มาเยือนเอ่ยถามขึ้นมาทันทีรสรินทร์ หรือ โรส อดีตคนคุ้นเคยของปกรณ์กิตติ์ที่รู้จักกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย แต่ก็ต้องแยกย้ายกันไปเมื่อทั้งคู่เรียนจบ เพราะหญิงสาวตัดสินใจจบความสัมพันธ์ลง แล้วเลือกที่จะไปใช้ชีวิตในต่างแดนกับชายคนรักหญิงสาวสวมชุดเดรสรัดรูปสีแดงสดกับรองเท้าส้นสูงพร้อมกับแว่นกันแดดบดบังใบหน้าขาวผ่อง บนตัวล้วนแต่มีเครื่องประดับราาคาแพง ซึ่งดูด้วยตาเปล่าก็รู้ว่าไม่ใช่คนพื้นที่นี้แน่“เอ่อ...คือว่า” ปิ่นมุกได้แต่อ้ำอึ้ง เพราะไม่รู้ว่าจะตอบคนตรงหน้าเช่นไร และอีกอย่างเธอก็ไม่รู้ด้วยว่าหญิงสาวคนนี้เป็นใครกัน อยู่ที่นี่มาจนอายุ 23 ปีแล้ว เธอยังไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนมาถามหาเจ้านายหนุ่มของเธ







