Share

คำสัญญา...2

Penulis: lianlian
last update Terakhir Diperbarui: 2025-06-10 08:44:15

วันนี้เฉี่ยวเหมยเจริญอาหารเป็นพิเศษ เขาขอจื่อหนี่เติมข้าวเป็นรอบที่สามแล้ว จะไม่ให้ดีใจอย่างไรเล่า คู่ที่เคยหมางเมินใส่กันตอนนี้กลับมาหวานชื่นใส่กัน แถมดูท่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ไม่ไกลแบบก้าวกระโดด

"เหอหลาง ท่านจะรับข้าวเพิ่มหรือไม่?" หมิงเสวี่ยเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเอาใจใส่

"พอแล้วล่ะ เสวี่ยเอ๋อร์ ข้าอิ่มแล้ว" เขากุมมือนาง "อยากทานของหวานมากกว่า...เจ้าพอมีให้ข้าหรือไม่?"

"อยากได้น้ำตาลกรวดหรือเจ้าคะ" นางหัวเราะสดใส

"ข้าว่าเจ้าหวานกว่า" คำพูดสั้นแต่ทำเอาหมิงเสวี่ยอายม้วนต้วน

"หนี่เอ๋อร์ เจ้ามียาแก้คลื่นเหียนวิงเวียนบ้างหรือไม่ ข้ารู้สึกคล้ายจะไม่สบาย" เฉี่ยวเหมยว่าพลางทำท่าพะอืดพะอม

"เฉี่ยวหลางแพ้ท้องหรือ?" จื่อหนี่ถามหน้าซื่อ

"เปล่า ข้าไม่คุ้นกับนายท่านที่เป็นแบบนี้ โอ๊ย!" เฉี่ยวเหมยลูบศีรษะตนเองป้อยๆ เนื่องจากโดนถ้วยชาพิฆาตจากผู้เป็นนาย

"ไม่เข้าเรื่อง" เขาดุ ก่อนมองสาวน้อยที่ยิ้มหวานเอาใจ

"เหอหลาง?"

"หืม?"

"ข้าเองก็อยากกินของหวาน..." หมิงเวี่ยออดอ้อน

เขาเอ่ยถามเสียงนุ่มราวับปะเหลาะแมวขาวตัวหนึ่ง "จะเอาอะไรล่ะ ถังหูลู่ไหม?"

"จะเอา" นางหยัดกายกระซิบข้างหูเขา "ที่เมื่อคืนท่านสัญญาว่าจะ
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi
Bab Terkunci

Bab terbaru

  • ตื๊อรักวาณิช   หมี่เฟิง 3

    เด็กสาวนอนนิ่งๆ บนเตียงรอให้เวลาผ่านไปจนล่วงเย็น ประตูจึงเปิดออกอีกครั้ง พร้อมชายหนุ่มคนเดิมถือถาดอาหารเข้ามา "เอ้า นางหนู กินข้าวซะ"หมิงเสวี่ยรีบลุกขึ้นมาและเดินไปนั่งที่เก้าอี้อย่างไม่อิดออด "นี่คนแซ่ฉู่นั่นจับข้ามาใช่หรือไม่?" นางทำเป็นชวนคุย"จะอยากรู้ไปทำไมเล่า รีบๆ กินข้าวได้แล้ว!" เขาหันไปตวาดนางเป็นเช่นนั้นสินะ ปฏิเสธคือยอมรับสินะ...เสี้ยวหนึ่งของความคิด นางนึกไปถึงชายหนุ่มอีกคนที่น่าจะถูกจับมาพร้อมกับนางไม่...ข้าจะคิดถึงคนผู้นั้นไม่ได้นางสะบัดหัวไล่เขาออกไป คนชั่วช้าที่หลอกนาง จะไปคิดถึงทำไมอีกหมิงเสวี่ยหยิบตะเกียบขึ้นมา จ้องมองชามข้าวและชายหนุ่มคนนั้นสลับกัน "นี่จะเป็นอาหารมื้อสุดท้ายของข้าหรือไม่?""ก็ไม่แน่" อีกฝ่ายยิ้มเหยียด "ถ้ายังคิดอะไรไม่เข้าท่าอย่างหาทางหนีล่ะก็นะ หน้าที่ของเจ้าคือแค่อยู่เฉยๆ รอดูเจ้าคนแซ่ไป๋นั่นถูกฆ่าก็พอ"ถึงจะบอกตัวเองไม่ให้คิดถึง แต่พอคิดว่าไป๋จิ้งเหอจะถูกฆ่าขึ้นมา มือที่ถือตะเกียบอยู่ก็สั่นกึกๆเพียะ!เสียงนางตีมือตัวเองจนชายหนุ่มแค่นเสียงหัวเราะดังหึ "ถ้าเจ้าห่วงมันมากก็ทำตัวดีๆ ซะเถอะนังหนู""ใครห่วงกัน!" นางโวยใส่ จะมามัวห่วงคนอื่นทำไม ต

  • ตื๊อรักวาณิช   หมี่เฟิง 2

    หาไม่แล้ว นางคงไม่อาจทำใจให้กำเนิดเลือดเนื้อเชื้อไขของบุรุษผู้นั้นได้!"ถ้าเช่นนั้นพอจบเรื่องนี้แล้ว เราหนีไปด้วยกันเถอะนะ" หงเช่อกอดนางราวกับสมบัติล้ำค่าที่ได้คืน "ไปใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันที่นอกด่าน ที่เราเคยคุยกันไว้อย่างไร""ไปนอกด่าน? กับเจ้า?" นางแค่นเสียง "ฮ่าๆ อย่าพูดให้ขำไปหน่อยเลยหลางหงเช่อ!!" แม้นางจะไม่ได้ผลักร่างสูงนั้นออก แต่แววตานั้นเคียดแค้นจับใจ "เจ้ายังกล้าพูดสิ่งเหล่านี้ออกมาหลังจากที่ทำกับข้าเช่นนี่แล้วน่ะรึ?!""แล้วเจ้าจะอยู่คนเดียวหรือไง หรือว่าคิดจะกลับไปหาเจ้านั่นอีก" หงเช่อไม่เข้าใจว่าเหตุนางจึงปฏิเสธเขาอีก ทั้งที่รู้แล้วว่าเขายังรักนาง และไม่ได้คิดจะรังแกนางจริงๆ"ข้าไม่อยู่กับใครทั้งนั้น" นางบอก ความแค้นเคืองที่มีต่อบุรุษทั้งสองทำให้นางขยาด"เสวี่ยเอ๋อร์""ออกไป ข้าอยากอยู่คนเดียว""เสวี่ยเอ๋อร์...""ข้าบอกให้ออกไป!" นางยกมือปิดหู "ข้าไม่อยากฟังเจ้าพูดอีกแม้แต่คำเดียว!"หงเช่อจนใจที่จะเกลี้ยกล่อมนางอีก เขาตัดสินใจผละหมิงเสวี่ยออกจากอ้อมกอด "เจ้า...พักผ่อนเถอะนะ ขอโทษที่รบกวนเจ้า"หมิงเสวี่ยนั่งกอดเขาตัวเอง ไม่คิดจะชายตากลับไปมองและไม่เอ่ยตอบอะไรแม้สักคำเดียว นาง

  • ตื๊อรักวาณิช   หมี่เฟิง 1

    "เสวี่ยเอ๋อร์...""อย่ามาเรียกข้าเช่นนี้นะ! ข้ากับเจ้าไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว!!" ร่างเล็กตลาดใส่ด้วยนึกรังเกียจนักหนา ร่างสูงทำเพียงลุกจากเก้าอี้แต่ไม่ได้ก้าวมาหานาง เขาคุกเข่าลงกับพื้น"ข้ารู้ว่าข้าทำร้ายจิตใจเจ้าเหลือเกิน แต่ข้า...ข้า..." หลางหงเช่อที่ซูบผอมลงไปมากด้วยความตรอมใจเงยหน้ามองหญิงสาวบนเตียง"ข้าจำเป็นต้องทำเช่นนั้น เสวี่ยเอ๋อร์""เจ้ามีเหตุผลอะไร?" ดวงตากลมยังเต็มไปด้วยความเจ็บช้ำ เมื่อเหตุการณ์ในคืนนั้นผุดเข้ามาในหัว "เจ้ามีเหตุผลบ้าบออันใดถึงได้ลงมือทำร้ายข้า ทำลายความเชื่อใจที่ข้ามีต่อเจ้ามานานแบบนี้!""คนตระกูลฉู่บีบบังคับข้า! หากข้าไม่ทำ พวกมัน...จะสังหารเจ้า!" หลางหงเช่อโพล่งออกมาอย่างไม่อาจเก็บความลับยิ่งใหญ่นี้ไว้กับตัวได้อีก"...เจ้าก็เลยทำเรื่องแบบนั้นเพื่อให้ข้าหนีไปจากเจ้า?" หมิงเสวี่ยเบิกตากว้างอย่างคาดไม่ถึง ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นโทสะ"แล้วเจ้านึกว่าข้าเป็นคนรักตัวกลัวตายรึอย่างไร!? เจ้านึกว่าข้าจะไม่ยอมเผชิญอันตรายไปด้วยกันกับเจ้าหรือ! เจ้าบอกข้า มัน...มีอะไรมากกว่านั้นใช่หรือไม่?"หงเช่ออึกอักและตกตะลึง "ข้า...ข้า...""พูดมา!""เสวี่ยเอ๋อร์...ตอนนั้นเจ้าเกลียด

  • ตื๊อรักวาณิช   ตัวการใหญ่ 4

    ไห่เยี่ยนยิ้มกว้างรับ สักพักขันทีคนสนิทก็ปรากฏตัวต่อหน้าทั้งสอง "องค์รัชทายาท องค์ชายใหญ่ ฝ่าบาทมีรับสั่งให้ทั้งสองพระองค์เข้าเฝ้า"ไห่เทียนเฉินหลบทางเพื่อให้ไห่เยี่ยนได้เดินนำ เหตุการณ์นี้อาจเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่สำหรับไห่เทียนเฉินนั้นมันสร้างคับแค้นใจให้เพิ่มมากขึ้นไปอีกที่ต้องหลีกทางให้น้องชายภายในห้องทรงพระอักษร ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันกำลังร่างราชโองการด้วยสีหน้าสงบ แม้จะมีชันษาเฉียดหกสิบ แต่ใบหน้ายังอ่อนกว่าวัยจนใครที่ได้เห็นยังนึกว่าพระองค์ยังเป็นฮ่องเต้หนุ่มวัยสี่สิบต้นๆ ต่างกับผมสีเทาที่อยู่ภายใต้ครอบเกล้าทองคำ"รัชทายาท เทียนเฉิน" ฮ่องเต้เอ่ยตรัสด้วยสุรเสียงที่ติดเคร่งเครียดเล็กน้อย"เหตุการณ์จลาจลในเมืองหลวงตอนนี้เป็นเช่นใดบ้าง?""กราบทูลเสด็จพ่อ ตอนนี้กองทัพของขุนพลซื่อกวาดล้างผู้ก่อเหตุได้เกือบหมดแล้ว มีเพียงแกนนำบางส่วนที่ปลอมตัวเป็นชาวบ้านหลบหนีไป กระหม่อมสั่งปิดเมืองหลวงแล้ว ไม่เกินเช้าวันพรุ่งนี้คาดว่าจะจับกุมได้ทั้งหมดพ่ะย่ะค่ะ""นับว่าจัดการได้รัดกุมและรวดเร็วดีมาก" พระพักตร์ที่เคยเคร่งเครียดเริ่มผ่อนคลายลง "จากนี้ไปข้าฝากเจ้ากับเทียนเฉินช่วยทำบัญชีส่วนที่เสียหายจากการจล

  • ตื๊อรักวาณิช   ตัวการใหญ่ 3

    ณ วังหลวงอันตระการ ที่พำนักแห่งโอรสสวรรค์ หนึ่งบุรุษผมสีดำ หนึ่งบุรุษผมสีขาวต่างเดินมาหยุดยืนเผชิญหน้ากันที่โถงทางเดิน"เสด็จพี่ได้ข่าวเรื่องการก่อจลาจลหรือไม่?" ชายหนุ่มผมดำเอ่ยทักผู้เป็นเชษฐาอีกฝ่ายไม่เพียงไม่ปรากฏร่องรอยความยินดีต่อการสนทนาครั้งนี้ นัยน์ตายังฉายแววความเกลียดชังอย่างไม่ต้องการปิดบัง "ได้ยินมาบ้าง"เขาตอบเสียงนิ่ง "จลาจลเล็กๆ เช่นนี้คงไม่ครณามือเจ้าหรอกกระมัง""เสด็จพี่ก็ตรัสชมข้าเกินไป พวกนี้เข้าใจโจมตีถูกจุด ร้องเรียนเรื่องข้าวยากหมากแพง ทั้งๆ ที่น่าจะเข้าใจดีว่าช่วงนี้เกิดภัยแล้งๆติดกัน" "หัวหน้าของพวกนั้นเข้าใจปลุกปั่น สร้างสถานการณ์""เรื่องราวซับซ้อนเพียงนี้เชียวรึ?" "อันที่จริงก็ไม่" ผู้เป็นน้องตอบพลางไหวไหล่คล้ายไม่ยี่หระต่อเรื่องเหล่านี้ "อันที่จริงก็ไม่มีอะไรนัก พวกมันแค่อยากให้ข้าเรียกซื่อเซี่ยยี่กลับมาเมืองหลวงเท่านั้น""และอีกอย่าง เรียกข้าว่า ไห่เยี่ยน เหมือนเดิมเถอะ เดิมทีข้าไม่ได้อยากเป็นรัชทายาทเสียหน่อย" อีกฝ่ายว่า "ต้องมาเรียนเพิ่มเติมนั่นนี่ ยังไม่นับฎีกากองเท่าภูเขาที่เสด็จพ่อแบ่งมาให้ข้าทำอีกช่างเบียดเบียนเวลาหาความสำราญข้านัก""ข้าว่าเจ้าสมควร

  • ตื๊อรักวาณิช   ตัวการใหญ่ 2

    ขณะที่ฉู่หลานเทียนไม่มีท่าทีประหลาดใจกับการที่ซื่อเซี่ยยี่ถูกเรียกตัวกลับ"เดี๋ยวข้าต้องกลับด้วยสินะ" จู้เฉิงยิ้มกว้าง"จะกลับด้วยทำไม?" นางถามบุรุษเจ้าสำราญห้วนๆ"ข้าห่วงนี่นา สาวงามบอบบางต้องเผชิญเหตุก่อจลาจลในเมืองหลวง""พวกชอบกวนน้ำให้ขุ่น ข้ารับมือได้สบายๆ""ข้าห่วงเจ้า เซี่ยเอ๋อร์ของข้า" เขากระซิบข้างหูนิ่ม"...""...""ก็ตามมาสิ""แต่ใจหนึ่งข้าก็ห่วงสองคนนั้นนา...""ตกลงว่าจะเลือกอย่างใดกันแน่!""เช่นนั้นเจ้าล่วงหน้าไปก่อน ถ้าภารกิจครานี้สำเร็จจะตามไปสมทบเจ้าภายหลัง""จะเอาแบบนั้นก็ได้" เซี่ยยี่ยิ้มอย่างมีนัย ก่อนแยกกับจู้เฉิงที่เข้าโจมตีเทียนหลางในทันที"ฝีมือท่านตอนนี้น่าจะคว่ำข้าได้ง่ายๆ" เทียนหลางว่าพลางใช้เพลงหมัดปัดป้องสลับโจมตีอีกฝ่ายอย่างคู่คี่ "แต่ไม่คิดว่าเพลงหมัดนี้มันเบาไปหรือ?""ข้าเองก็ไม่อยากจะเอาชนะ แต่เซี่ยเอ๋อร์ปรารถนาให้ข้าสู้ ข้าจะสู้เพื่อนาง" โหวเหย๋ยิ้มบาง ก่อนเปลี่ยนเป็นเพลงเตะ ซึ่งเทียนหลางเองก็หลบได้หวุดหวิด"นายท่าน" คนสนิทของเทียนหลางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม "จะเปลี่ยนตัวกันหรือไม่?""ไม่ต้อง เจ้ารีบพาสองคนนั้นไปก่อน แล้วข้าจะตามไป""ขอรับ"“หยุดนะ!” จื่อหนี่เ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status