เขาไม่พูดอะไรเพิ่ม แต่มือกลับเอื้อมมาคว้าแขนเธอแล้วออกแรงลากทันที
“อ๊ะ! ปล่อยนะคะ!” ริรินพยายามรั้งตัวเองไว้สุดแรง
“ตามมาเงียบ ๆ หน่อย” เขาบอกเสียงห้วน แล้วออกแรงดึงเธอให้เดินตาม แต่เธอยื้อสุดชีวิต
“ปล่อยนะพี่ราม! พี่จะพาฉันไปไหน!?” เธอตะโกนถาม ขณะที่ร่างสูงยังคงลากเธอไปอย่างเงียบ ๆ
สุดท้ายเธอหมดความอดทน ยกกระเป๋าเสื้อผ้าฟาดใส่แผ่นหลังเขาเต็มแรง
“ริริน!” รามหันมาถลึงตาใส่ด้วยความโมโห เธอกระชากข้อมือกลับแล้วจ้องหน้าเขาอย่างไม่ยอมแพ้
“พี่เป็นบ้าอะไร! ฉันจะไปไหนก็เรื่องของฉัน พี่ไม่มีสิทธิ์มายุ่ง!”
“…”
“ถ้ายังมาลากฉันตามใจอีก ฉันจะตะโกนให้คนช่วยจริง ๆ ด้วย!”
เธอพูดด้วยน้ำเสียงแน่วแน่ รามเม้มปากแน่น ก่อนจะถอนหายใจหนัก ๆ ราวกับพยายามสะกดกลั้นอารมณ์ที่กำลังปะทุ
ริรินเห็นว่าเขานิ่งไป จึงรีบหันหลังจะเดินหนี
แต่ยังไม่ทันได้ก้าวข้ามสองก้าว
หมับ!
“กรี๊ด!! ไอบ้า! ปล่อยฉันนะ! ช่วยด้วยค่ะ!!” เธอกรีดร้องลั่น เมื่อถูกเขาอุ้มพาดบ่าแบบไม่ให้ตั้งตัว
“พี่ราม ปล่อยฉันนะ! ไอ้บ้า! ไอ้โรคจิต!” เธอทุบทั้งหลัง ทั้งแขนของเขาอย่างบ้าคลั่ง แต่เขาไม่แม้แต่จะสะดุ้ง ยังเดินหน้าต่อราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ในที่สุดเขาโยนเธอลงบนเบาะรถอย่างแรง ก่อนจะปิดประตูทันที
“อยู่นิ่ง ๆ ถ้ายังดื้อ ฉันจะจูบเธอตรงนี้จริง ๆ”
เธอชะงักนิ่งทันที มือที่กำลังจะเปิดประตูหยุดชะงักกลางอากาศ ดวงตาเบิกกว้าง มองหน้าเขาอย่างเกลียดชังสุดขีด
รามรีบเดินอ้อมไปฝั่งคนขับแล้วขึ้นรถ ก่อนจะสตาร์ทรถและขับออกไปจากมหาวิทยาลัยทันที
“พี่จะพาฉันไปไหน?” ริรินถามเสียงแข็ง น้ำเสียงเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
แต่รามยังคงนิ่ง... ใบหน้าเรียบเฉยไม่มีคำตอบ ไม่มีแม้แต่จะหันมามองเธอ
Rrrr
เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นทำลายความเงียบภายในรถที่ปกคลุมไปด้วยบรรยากาศอึดอัด ริรินรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาด้วยใบหน้าเปี่ยมความหวัง เมื่อเห็นชื่อที่โชว์บนหน้าจอ
“พี่เจมส์!” เธออุทานเบา ๆ อย่างดีใจ เตรียมจะกดรับสาย
แต่ยังไม่ทันจะสัมผัสหน้าจอ มือหนาของรามก็คว้ามือถือจากเธอไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะกดปิดเครื่องหน้าตาเฉย แล้วยัดใส่กระเป๋าเสื้อของตัวเอง
“พี่ราม!” เธอเรียกชื่อเขาด้วยเสียงสะบัดอย่างโมโห ดวงตาวาววับด้วยความเกลียดชัง
“พี่เป็นบ้าอะไร ทำไมต้องมาทำกับฉันแบบนี้ด้วย!?” ริรินหันไปตะโกนถาม ดวงหน้าแดงจัดด้วยความโกรธจัด
รามยังคงนิ่ง ไม่ตอบ ไม่แม้แต่จะหันมามอง
บรรยากาศกลับเข้าสู่ความเงียบอีกครั้ง จนสุดท้ายเธอก็เอ่ยขึ้นเบา ๆ น้ำเสียงแผ่วลงอย่างเหนื่อยล้า
“พี่อยากหมั้นกับฉันจริง ๆ เหรอ?”
ไม่มีคำตอบจากเขา มีเพียงความเงียบที่ปะทะกลับมาเท่านั้น
ริรินกลั้นหายใจ กลืนน้ำลายฝืด ๆ ลงคอ ความน้อยใจค่อย ๆ เอ่อขึ้นมาในใจทีละนิด เธอก้มหน้าลงต่ำกว่าเดิม รู้สึกเหมือนทุกอย่างในชีวิตกำลังพังทลาย
“พี่ปล่อยฉันไปเถอะนะ...” เสียงเธอสั่นเครือขึ้น “ทำไม...ทำไมทุกคนถึงชอบบังคับฉันกันนัก”
คำพูดนั้นหลุดออกมาจากปากโดยไม่ทันคิด เธอเองก็แปลกใจที่น้ำตาเริ่มไหลโดยไม่รู้ตัว
เธอแค่อยากใช้ชีวิตกับผู้ชายที่เธอรัก... ทำไมถึงกลายเป็นเรื่องยากขนาดนี้?
ภาพของเจมส์ ผู้ชายที่สุภาพ ใจดี ไม่เคยล่วงเกินเธอเลยแม้แต่ครั้งเดียว ปรากฏขึ้นในหัวอีกครั้ง เขาเป็นคนที่เธอวาดฝันถึงบ้านเล็ก ๆ อบอุ่นกับลูกสองคนและการใช้ชีวิตที่เรียบง่าย แต่มีความสุข
แล้วอยู่ ๆ ผู้ชายที่ไหนไม่รู้...ก็โผล่มาทำลายทุกอย่างของเธอ
“ฉันก็แค่อยากมีความสุขกับพี่เจมส์...ทำไม ฮึก...” เธอปาดน้ำตาออกจากแก้มอย่างลวก ๆ พยายามกลั้นสะอื้นในลำคอ
ถึงจะไม่มีเงินทองติดตัวออกมาสักบาท เธอก็รู้...ว่าเจมส์จะไม่มีวันดูถูกเธอเด็ดขาด
ทันใดนั้น...
“เธอน่ะ...” รามพูดขึ้นเบา ๆ ทำให้เธอเงยหน้าขึ้นช้า ๆ ดวงตาแดงก่ำสบเข้ากับแววตาของเขา
สายตาคมคู่นั้นเปลี่ยนไป... มันไม่ได้วาวโรจน์แบบเมื่อครู่
แต่มันกลับมีแววเศร้าลึก ๆ ซ่อนอยู่ข้างใน
ริรินรู้สึกเหมือนถูกดึงดูดเข้าสู่อารมณ์บางอย่างที่เขาไม่เคยเปิดเผย... เขาเศร้า?
เศร้าทำไม?
หรือว่า...เขาเริ่มสงสารเธอ? หรือเห็นใจ?
หรือว่า...เขาจะยอมถอยจากเรื่องหมั้น?
ความหวังเล็ก ๆ ผุดขึ้นในใจเธอทันที ดวงตาที่เมื่อครู่ยังหม่นหมองกลับมีแสงบางเบาเจืออยู่ในนั้น
“ไม่มีอะไร” เขาพูดเบา ๆ ก่อนจะเบือนหน้าหนีเหมือนไม่อยากให้เธอเห็นความรู้สึกในแววตา
เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย พลางถอนหายใจเงียบ ๆ
เขามีบางอย่างจะพูดแน่ ๆ แต่เลือกจะไม่พูดออกมา... ไม่เป็นไร อย่างน้อยเธอก็รู้แล้วว่าเขาไม่ได้ไร้หัวใจไปเสียทีเดียว
อีกนิด...แค่ทำตัวให้น่าสงสารกว่านี้อีกนิด...บางทีเขาอาจจะยอมยกเลิกการหมั้นเองก็ได้
เธอหลุบตาลงแนบกับอก แล้วหลับตาลงเบา ๆ
สาธุ...ขอให้สิ่งที่คิดเป็นจริงด้วยเถอะ เพี้ยง...
...
R A M | คอนโด
“เข้าไป” รามพูดสั้น ๆ พลางชี้ไปยังประตูห้องคอนโด
ดวงตาของริรินวาววับด้วยความไม่พอใจ แต่สุดท้ายก็ยอมเดินเข้าไปโดยไม่พูดอะไร เขาตามเข้ามาและล็อกประตูห้องทันที
“ล็อกประตูทำไมคะ!” เธอหันขวับมาถามเสียงแข็ง ท่าทางระแวงจัดจนต้องยกแขนกอดตัวเอง ร่างบางดูชัดเจนว่าไม่ไว้ใจเขาแม้แต่น้อย
แต่เหตุผลที่ล็อกก็เพราะกลัวเธอจะโวยวายแล้วหนีไปมากกว่า แรงก็เยอะ ปากก็จัด จะให้ปล่อยง่าย ๆ ได้ยังไง
“เธอต้องอยู่กับพี่ที่นี่” รามเอ่ยเสียงนิ่ง “ไอ้เจมส์น่ะ มันไม่ได้ดีอย่างที่เธอคิดหรอก”
แน่นอน...คำพูดนั้นไม่ได้เข้าหูเธอเลย
“พี่จะไปรู้อะไร! พี่เจมส์ทั้งสุภาพ อ่อนโยน ให้เกียรติผู้หญิง! ไม่เหมือนบางคนที่ชอบลวนลามคนอื่นไปทั่ว!”
รามมองร่างเล็กที่เริ่มระเบิดอารมณ์พลางถอนหายใจยาว ปากเล็ก ๆ นั่นพ่นคำด่าทอไม่หยุด ความจริงคือเขาไม่เคยเจอใครพูดมากได้เท่าเธอมาก่อนเลยในชีวิต
“โลกสวยชะมัด...” เขาพึมพำเสียงต่ำ
รามรู้ดีว่าเจมส์เป็นคนยังไง แต่น่าแปลกที่ผู้หญิงคนนี้กลับไม่เคยสงสัยอะไรเลย ทั้งที่มันก็มีข่าวฉาวอยู่เต็มไปหมด ล่าสุดเขาเพิ่งได้ยินมาว่ารถคันใหม่ของเจมส์เธอเองที่เป็นคนซื้อให้
สมเพชชะมัด...
1ปีต่อมา“ยินดีด้วยนะริริน”“ขอบคุณค่ะคุณลุง”“ลุงอะไรกันเรียกพ่อสิ^^”“ฮ่าๆ ขอบคุณค่ะคุณพ่อ^^” ฉันยิ้มให้กับพ่อของพี่รามที่มาร่วมแสดงความยินดีในวันรับปริญญาของฉันส่วนข้างๆ ก็เป็นพ่อกับแม่ที่ยิ้มไม่หุบที่ลูกสาวคนนี้เรียนจบพร้อมจะช่วยงานได้บ้างแล้ว“ยัยริรินมาถ่ายรูปกัน!” “เดี๋ยวหนูมานะคะ” ฉันบอกกับทั้งสามก่อนจะเดินไปถ่ายรูปกับเพื่อนๆ ของฉันที่ฉันรักมากเพราะถ้าไม่มีพวกนางฉันกับพี่รามก็คงไม่ได้คืนดีกันนแน่นอนว่าพวกนางก็บอกให้ฉันสำนึกบุญคุณตลอดจนฉันเริ่มจะหมั่นไส้ละ“แล้วพี่รามล่ะ?”“ไม่มาหรอกเขาติดงานอยู่ที่ญี่ปุ่นอ่ะ” ฉันบอกออกไปพี่รามเรียนจบไปปีที่แล้วและเข้ามาทำงานกับพ่อของเขาเต็มตัวพักหลังๆ ก็มักจะต้องบินไปดูงานตลอดจนช่วงนี้ไม่ค่อยได้เจอกันเท่าไหร่แต่เราก็ยังวิดีโอคอลหากันทุกวันแต่มันก็ไม่ได้ทำให้หายคิดถึงเลยเพราะฉันอยากกอดเขาแบบตัวเป็นๆ มากกว่าแล้วก็ฉันหมั้นกับพี่รามแล้วนะแต่ก็แอบหวงจังกลัวจะไปหลงสาวญี่ปุ่นน่ะสิ“เออนี่พวกแกรู้ข่าวพี่เจมส์ยัง?” ฉันนิ่งไปทันทีกับชื่อนั่นพี่เจมส์เขาหายไปเลยตั้งแต่วันที่ฉันทะเลาะกับพี่รามได้ข่าวว่าเขาเรียนไม่จบด้วยซ้ำ“ทำไมอ่ะ”“ก็นางอ่ะไปหลอกฟันผู้ห
เช้าวันต่อมาพี่รามขับรถมาส่งฉันที่บ้านหลังจากพาฉันไปหาหมอเขาบอกว่าจะเข้าไปขอโทษพ่อแม่ฉันด้วยที่เคยทำให้ผิดหวังแล้วก็จะขออนุญาตคบกับฉันอย่างเป็นทางการตอนแรกฉันก็แอบกังวลนะเพราะกลัวพ่อแม่จะห้ามแต่ไม่ใช่เลยพ่อกับแม่ฉันพอเจอหน้าพี่รามก็ยังคงยิ้มทักทายเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแถมยังไฟเขียวให้ฉันกับพี่รามได้คบกันอีกพอเห็นแบบนี้ฉันก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุขในที่สุดฉันก็จะได้มีความรักดีๆ กับเขาบ้างแล้วสินะราม PART“จริงสิลูก..แม่มีเรื่องจะวานหน่อย”“เรื่องอะไรหรอครับ” ผมเอ่ยถามอย่างสุภาพในขณะที่ได้ทานข้าวร่วมกับครอบครัวของริรินโชคดีที่ทั้งคู่เอ็นดูผมมากเลยเปิดทางให้ผมได้คบกับริรินง่ายๆ แบบนี้“พรุ่งนี้พ่อกับแม่จะไปดูงานที่ต่างประเทศน่ะกว่าจะกลับก็หลายอาทิตย์แม่ฝากดูแลน้องหน่อยได้มั้ย?”“แม่คะหนูโตแล้วนะมาฝากดูอะไรกัน” ใบหน้าสวยบึ้งตึงทันทีเมื่อรู้ว่าทุกคนชอบทำตัวเหมือนเธอเป็นเด็ก“ได้สิครับ” ผมตอบตกลงไปด้วยความยินดีพร้อมกับส่งยิ้มให้กับริรินที่หรี่ตามองผมอย่างจับพิรุธได้หลายวันต่อมา“ขับรถกลับดีๆ นะคะ” ใบหน้าสวยโบกมือลาผมด้วยรอยยิ้มแต่ผมกลับไม่ยินดีด้วยเลยสักนิด“ริรินครับ” ผมคว้ามือบางที่กำล
“พี่โทรบอกพ่อกับแม่เราแล้วนะว่าคืนนี้จะค้างกับพี่”“อ่าค่ะ”“ขอพี่ดูขาหน่อยสิ” หลังจากนั้นพี่รามก็เข้ามาดูขาให้ฉันเขาบิดๆ มันถามตลอดว่าเจ็บมั้ยแต่ฉันไม่ค่อยเจ็บแล้วเขาเลยทายาแก้ปวดกับพันเท้าเอาไว้แล้วบอกว่าพรุ่งนี้จะพาไปให้หมอเช็คอีกที“พี่รามไม่เข้ามานอนหรอคะ?” ฉันเอ่ยถามร่างสูงที่กำลังนั่งอยู่ที่โชฟา“พี่จะนอนตรงนี้ริรินนอนเตียงพี่ไปเลย” ฉันขมวดคิ้วทันทีกับคำพูดของเขาอะไรกันจะมาทำตัวเป็นสุภาพบุรุษเอาตอนนี้เนี่ยนะ“ก็ได้ชิ!”ปัง!ฉันปิดประตูเสีงดังอุส่าห์ให้ท่าแล้วก็ยังไม่รีบมาอีกปล่อยให้นอนแห้งตายอยู่ตรงนั้นไปเลยนั้นแหละงอนแล้ว!“ริริน..” ฉันเงียบและหลับตาทำเป็นไม่สนใจเขา“ริรินเป็นอะไรครับ..หืมโกรธอะไร” มือหนาเข้ามาลูบหัวฉันเบาๆ แต่ฉันก็ปัดออกอย่างงอนๆ“อยากให้พี่นอนด้วยหรอ” ฉันพยักหน้ารับพี่รามหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะแทรกตัวเข้ามาในผ้าห่มและดึงฉันไปกอด“พี่ทำแบบนี้ได้ใช่มั้ย?”“แล้วทำไมจะไม่ได้” ฉันถามออกไป“พี่นึกว่าเรายังโกรธพี่อยู่”“ไม่ได้โกรธแล้ว”“จริงหรอครับ”“ค่ะ” ฉันรีบมุดหน้าหนีทันทีเมื่อจู่ๆ ก็รู้สึกเขินขึ้นมา“ริริน”“คะ?”“คบกันมั้ย” ฉันรีบเงยหน้าขึ้นทันทีด้วยความตกใจม
“หนูเจ็บขาลุกไม่ได้” เธอบอกเสียงเบา“เดี๋ยวพี่อุ้ม” พอพูดจบผมก็ช้อนตัวริรินขึ้นอุ้มในท่าเจ้าหญิงใบหน้าสวยมุดเข้ากับอกของผมเหมือนกำลังเขินอายอยู่ทำเอาผมอดยิ้มออกมาไม่ได้จริงๆ โชคดีที่เธออยู่ที่ลานจอดรถพอดีผมเลยพาเธอไปนั่งที่รถของผมแทน“เจ็บมากมั้ย” ผมนั่งยองยกเท้าของเธอมาสำรวจดูมองคนตัวเล็กที่พยักหน้ารับช้าๆ“งั้นไปโรงพยาบาลก่อนเสร็จแล้วเดี๋ยวพี่ไปส่งบ้าน” ผมเอ่ยบอกก่อนจะรีบเข้าไปในรถทันที“จริงสิ..อ่ะนี่มือถือพิมพ์ไปบอกเพื่อนๆ ด้วยว่าโอเคดี” ผมส่งมือถือให้กับริรินซึ่งเจ้าตัวก็มีสีหน้ามึนงงเล็กน้อย“ทำไมถึงไปอยู่กับพี่ล่ะ?”“เพื่อนๆ ของเราเป็นห่วงน่ะสิ..เลยมาตามพี่ให้ไปตามหาเพราะเห็นยังไม่กลับโต๊ะสักที” ใบหน้าสวยทำหน้าหงอยเล็กน้อยก่อนจะเปิดมือถือพิมพ์ข้อความผมที่เห็นแบบนั้นก็รีบขับรถไปโรงพยาบาลทันที“เอ่อพี่รามหนูไม่ไปโรงบาลได้มั้ย?”“ทำไมล่ะ”“ชุดมัน..” เจ้าตัวเอ่ยขึ้นก่อนจะส่งยิ้มเจื่อนๆ มาให้ผมจริงสิชุดเธอมันก็ออกจะไม่เหมาะที่จะใส่ไปโรงพยายาบาลจริงๆ นั้นแหละถ้าใส่ไปแล้วเจอหมอผู้ชายมาตกหลุมรักผมคงหึงแย่“งั้นไปคอนโดพี่มั้ย”“ค่ะ!” ริรินตอบกลับด้วยรอยยิ้มทันทีนานแล้วแหะที่ไม่ได้เห็นรอ
ราม PART“มึงดูผู้หญิงโต๊ะนั้นดิอย่างแจ่ม!” ผมมองเพื่อนๆ ที่กำลังสนุกกับการส่องสาวไปเรื่อยๆ ซึ่งผมก็ค่อนข้างชินแล้ว“เชี่ยสวยทั้งโต๊ะ!แต่มีคนนึงโคตรเด่นผิวขาวยังกับเรืองแสงได้” ผมขมวดคิ้วมองเพื่อนที่ลูบปากอย่างหื่มกามด้วยความอยากรู้ด้วยก็เลยหันไปดูก่อนจะชะงักเพราะผู้หญิงที่มันพูดถึงคือริรินว่าแต่ทำไมเธอถึงแต่งตัวแบบนี้กันพ่อแม่เธอปล่อยออกมาได้หรอ“กูเข้าไปจีบดีป่ะ”“ไม่ๆ ขอกูก่อน” ผมมองเพื่อนๆ ที่พากันจะลุกเข้าไปหาริรินแต่ว่าก็ต้องถอดใจไปเพราะดันมีคนเข้าไปหาเธอซะก่อนผมมองด้วยสายตาที่ไม่พอใจเป็นอย่างมากรู้ว่าไม่มีสิทธิ์หึงหวงหรือเดินไปห้ามอะไรแล้วแต่มันก็ห้ามใจไม่ได้อยู่ดีเพราะผมยังคงชอบเธอมากอยู่แม้ว่าจะมีช่วงที่เราสองคนสบสายตากันริรินก็ทำเป็นไม่สนใจและเดินไปกับผู้ชายคนนั้นทำเอาผมกำหมัดด้วยความโกรธแต่ก็ต้องข่มอารมณ์ตัวเองเอาไว้“อ่าวโดนคาบไปแดกซะละ” “ว่าแต่หน้าคุ้นๆ ใช่แฟนไอเจมส์ป่ะแต่ได้ข่าวว่าเลิกกันแล้ว”“เออๆ ใช่ๆ กูก็ได้ยินมาเหมือนกัน” หลังจากนั้นผมก็พยายามทำจิตใจให้ตัวเองสงบแม้ว่าอยากจะเดินไปกระชากแขนเล็กๆ นั่นให้ออกห่างจากผู้ชายคนนั้นแต่ถ้าทำแบบนั้นริรินก็คงจะยิ่งเกลียดผมเข้าไ
ผ่านไปไม่นานเพื่อนอีกสองคนของฉันก็มาถึงพวกนางหิ้วถุงชุดมาให้ฉันเปลี่ยนจริงๆ ฉันเลยต้องไปเปลี่ยนในห้องน้ำจังหวะที่ดูตัวเองในกระจกก็รู้สึกแปลกตาชะมัดเพราะชุดมันเว้าหน้าเห็นเนินอกไม่พอยังเว้าหลังยาวลงไปเกือบถึงก้นด้วยซ้ำสาบานเถอะว่านี่คือชุดที่คนเขาใส่กันจริงๆ หรอมันแทบจะเปิดให้เห็นทุกส่วนของร่างกายแล้วเนี่ยติ๊ง ติ๊งฉันหยิบมือถือขึ้นมาดูเพื่อนๆ ฉันส่งข้อความมาบอกว่าพี่รามมาจริงๆ ด้วยเขามากับกลุ่มเพื่อนของเขาแต่ไม่นานก็มีอีกข้อความส่งมาพร้อมแนบรูปภาพมาซึ่งนั่นทำฉันจุกที่อกไม่น้อยเลยเพราะมันเป็นภาพที่เขากำลังนั่งพร้อมกับมีผู้หญิงเซ็กซี่ๆ นั่งอยู่ข้างๆ ด้วย“เป็นไงเป็นกัน” ฉันพูดออกมาเบาๆ ก่อนจะสูดลมหายใจเอาปอดลึกๆ เก็บมือถือแล้วเดินออกมาจากห้องน้ำแน่นอนว่ามีแต่คนมองฉันไมว่าจะหญิงหรือชายฉันเองก็คิดว่าตัวเองดูดีอยู่นะแม้ว่าจะไม่ค่อยมั่นใจกับชุดนี้เท่าไหร่แต่ก็คงสวยในสายตาคนอื่นนั้นแหละพอมาถึงโต๊ะฉันก็มีแอบมองไปฝั่งโต๊ะของพี่รามบ้างพวกเพื่อนเขามองฉันเป็นตาเดียวเลยแต่ยกเว้นพี่รามที่เอาแต่ยกแก้วเหล้าดื่มกับสาวข้างกายของเขา“เริ่ศมากสาวชุดขลับผิวสุดๆ” พวกเพื่อนๆ เอ่ยชมฉันแต่ฉันก็ไม่ได้รู้สึกดี