23.59 น.
“ฮืออ~ศิราช” พลิกตัวหันไปหาคนตัวโตที่สอดตัวเข้ามาใต้ผ้าห่มผืนหนา ดึงเธอเข้าไปกอด
“นอนเถอะ”
“แปรงฟันหรือยังคะ” พูดทั้งที่ยังหลับตา เฟรญ่าไม่ชอบกลิ่นเครื่องดื่มที่ติดอยู่กับปากเขา ก่อนนอนศิราชต้องแปรงฟันก่อนทุกครั้ง เป็นสิ่งเดียวที่เธอขอ และเขาทำให้
“แปรงแล้ว” เกยคางบนกระหม่อมบอบบาง เลื่อนมือต่ำลง สอดมือเข้าไปใต้ชุดนอนตัวบางที่เธอสวมอยู่ ลูบก้นงอน และตบเบาๆ เป็นการกล่อมให้เธอหลับต่อ
ทุกคนทยอยกันกลับ แต่ก็มีบางคนที่อยากอยู่ต่ออีกสักพัก ชายหนุ่มลงไปอยู่ต่อด้านล่างเพราะเขาเป็นเจ้าบ้าน อยู่ต่อจนได้เวลาเหมาะสม ไม่เข้าบ้านเร็วเกินไปจนน่าเกลียด และไม่อยู่ดึกไปจนผิดคำพูดกับเฟรญ่า เมื่อถึงเวลาเขาก็แค่เข้าบ้านมานอนกอดร่างนิ่ม ใครจะอยู่ต่อก็ช่าง เขาไม่สนใจ
เสียงแตะต่อยดังกระทบหูทันทีที่เปิดประตูออกจากบ้าน เช้าวันใหม่ที่เมฆอึมครึมตั้งแต่เช้าดูไม่สดใสเอาเสียเลย หยิบรองเท้าออกมาสวม มองหาคนตัวโตที่ลุกออกจากเตียงตั้งแต่เช้าตรู่
“วันนี้ตื่นเช้านะครับคุณเฟรญ่า” หันไปมองตามเสียงทักของลุงนัย ครูฝึกประจำค่ายมวย ศิราชเป็นเจ้าของค่ายมวยจริง แต่เขาเปิดเพราะความชอบและจ้างครูฝึกที่ทำหน้าที่ควบคุมการซ้อม พาขึ้นเวทีชกอีกที
“เมื่อคืนนอนเร็วน่ะค่ะ ก็เลยตื่นเช้ากว่าปกติ วันนี้ไม่พักก่อนเหรอคะ พึ่งกลับมาเหนื่อยแย่เลย” ลุงนัยพาเด็กในค่ายขึ้นชกเมื่อวานก่อน และเดินทางกลับมาเมื่อวาน ถึงช่วงใกล้ค่ำ เช้าวันใหม่ก็เดินทางมาที่ค่ายตั้งแต่เช้า
“แค่แวะมาดูน่ะครับ ช่วงที่ผมไม่อยู่เกิดเรื่องวุ่นวายจนคุณศิราชต้องลงมาดูแลด้วยตัวเอง” เพราะเด็กที่รับเข้ามาซ้อมตีกัน
“แล้วผลการตัดสินล่ะคะ ชนะไหม”
“รอบนี้ชนะครับ แต่เจ็บตัวไม่น้อย วันนี้ก็ว่าจะพาไปให้หมอเช็กร่างกายอีกรอบ”
“อย่าลืมของบศิราชพาเด็กๆ ไปเลี้ยงข้าวด้วยนะคะ ตั้งใจซ้อมอย่างหนักเพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับค่ายมวยแบบนี้ ศิราชให้อยู่แล้วค่ะ ว่าแต่ลุงนัยเห็นศิราชบ้างไหมคะ”
“คุณศิราชออกไปวิ่งครับ วิ่งกลับไปวิ่งกลับมาเกือบสิบรอบแล้ว” พยักหน้ารับ ส่งยิ้มให้เพียงนิดก่อนจะเดินกลับไปทางโรงรถ หยิบจักรยานที่ไม่ค่อยได้ขับออกมาปั่น ศิราชออกกำลังกายตอนเช้าทุกวันเป็นเรื่องปกติ ชายหนุ่มวิ่งวันละหลายกิโล เฟรญ่าเองก็ควรจะออกกำลังขาด้วยการปั่นจักรยานไปเตรียมทำขนมที่คาเฟ่ได้แล้ว
เธอปั่นจักรยานไม่แข็ง แต่สามารถปั่นได้ด้วยตัวเอง หน้ารถแกว่งไปมาเล็กน้อย ยิ้มตอบให้คนที่ขับรถมอเตอร์ไซต์ผ่านเข้ามาซ้อมที่ค่ายมวย กดกริ่งรถเมื่อเห็นศิราชวิ่งอยู่ข้างหน้าเธอไม่ไกล หญิงสาวปั่นจักรยานเข้าไปใกล้เขา ใบหน้าแจ่มใสต่างจากบรรยากาศบนท้องฟ้าโดยสิ้นเชิง
ชายหนุ่มหยุดวิ่งเปลี่ยนเป็นเดินเร็ว เหงื่อไหลออกมาตามกรอบหน้า กล้ามแขน ลำคอ ทุกส่วนของร่างกาย เพิ่มเสน่ห์ความเซ็กซี่ให้เขาไปโดยปริยาย ศิราชคือหนุ่มฮอตโดยแท้ หากเธอไม่เห็นภาพตรงหน้าจนชินตา และเป็นผู้หญิงคนอื่นที่เห็นภาพนี้ คงยืนกรี๊ดกับหุ่นหน้าซุกซบของเขาอยู่ในใจ เพราะขนาดเธอยังไม่อยากละสายตาไปจากเรือนร่างทรงเสน่ห์ของเขาเลยสักนิด
เขาหันหน้ากลับมามองเธอ ใช้มือจับตะกร้าหน้ารถจักรยานเอาไว้ ทำให้รถของหญิงสาวหยุดกะทันหัน
“แกล้งกันทำไมคะ” ทำแก้มป่องใส่คนตัวสูง ใช้เท้ายั้งพื้นเอาไว้เพื่อทรงตัว
“ใส่กระโปรงปั่นจักรยาน?”
“…”
“ใช้สมองส่วนไหนคิด”
นั่นสิ ก้มหน้ามองกระโปรงของตัวเอง เธอมั่นใจว่ายามเธอปั่นจักรยานมันไม่ได้โป๊จนเห็นของสุดรักสุดหวง แค่กระโปรงเลิกขึ้นเห็นขาขาวเนียนเบาๆ เท่านั้น
“หรือตั้งใจปั่นอ่อยเด็กในค่ายมวย” เพราะเวลานี้คนที่ขับรถผ่านเข้ามา คือเด็กในค่ายมวยที่เข้ามาซ้อมตั้งแต่เช้า
“เฟรญ่าไม่ใช่คนแบบนั้นนะคะ อีกอย่างมันไม่ได้โป๊เสียหน่อย”
“ต้องรอให้กระโปรงเปิดก่อนใช่ไหมถึงจะเรียกว่าโป๊ได้” ยามปั่นจักรยาน ลมพัดผ่านกระโปรงก็ปลิวไหว แม้จะไม่ได้เปิดเห็นอะไรต่อมิอะไรจนหมด แต่เขาไม่ชอบ เห็นแล้วหงุดหงิด จะปั่นจักรยานเขาไม่ว่า แต่การแต่งกายควรจะดีกว่านี้
“รู้ว่าใส่แล้วสวย แต่ชอบให้คนอื่นมองงั้นเหรอ”
“เฟรญ่าเปล่านะคะ” มองคนตัวสูงที่ยืนดุเธอหน้านิ่ง ชายหนุ่มหายใจแรง เพราะเหนื่อยจากการออกกำลังกาย ยิ่งเขาพูดเขาก็ยิ่งเคร่งเครียด เหงื่อก็ยิ่งไหลลงมาตามกรอบหน้า
6 วันถัดมา..เช้าวันใหม่ศิราชวิ่งออกกำลังกายตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ เขาวิ่งทว่าเฟรญ่าปั่นจักรยานตาม เพื่อรับอากาศบริสุทธิ์ตอนเช้า และเพื่อไปเที่ยวดูสวนทุเรียนของคุณพ่อด้วยคุณพ่อกับคุณแม่เข้าสวนตั้งแต่เช้าไปดูคนตัดทุเรียน เฟรญ่าจึงถือโอกาสออกกำลังกายขาด้วยการปั่นจักรยานเพื่อไปหาท่านขับมาถึงหน้าสวน ตั้งขายั้งกับพื้น เดินเข้าไปในสวนพร้อมกับศิราช เฟรญ่ามาอยู่ที่นี่เกือบอาทิตย์ เธอยังไม่ได้เข้าสวนทุเรียนสักครั้ง มัวแต่หากิจกรรมทำกับครอบครัว เป็นต้นว่าพาคุณพ่อกับคุณแม่ไปเที่ยวพักผ่อนด้วยกันใกล้ๆ บ้าน ให้คุณพ่อได้ทำความคุ้นเคยกับว่าที่ลูกเขย“เดินดีๆ” มองเฟรญ่าที่เดินเซไปเซมาเพราะพื้นไม่เสมอเรียบเหมือนพื้นปูน “บอกว่าเป็นลูกชาวสวนใครจะเชื่อ” ส่ายหน้ามองเธอ“เฟรญ่าไม่ได้ใส่ผ้าใบมานี่คะ เลยเดินไม่คล่องตัว” ชายหนุ่มจับมือเธอ ตรงเข้าไปหาคุณพ่อ การปรากฏตัวพร้อมกันของทั้งคู่ เหมือนเป็นการประกาศว่าที่ลูกเขยของที่นี่ก็ไม่ปาน“น้องเฟรญ่าของพี่~” เสียงยานเรียกเฟรญ่าดังขึ้นบนต้นทุเรียน “จำพี่ได้ไหมจ๊ะ” บอกตรงจำไม่ได้ แต่เฟรญ่าก็เลือกที่จะอมยิ้มส่งให้ “จำไม่ได้แต่พี่จำน้องเฟรญ่าได้นะจ๊ะ คนสวยของพี่~”
ดินเนอร์มื้อค่ำง่ายๆ เกิดขึ้นหน้าบ้าน ศิราชกับคุณพ่อไม่มีบรรยากาศอึมครึมต่อกัน แถมยังดูเข้ากันง่ายขึ้นเพราะกินเหล้าเหมือนกันชายหนุ่มตักหมูกระเทียมให้เธอเพราะเห็นว่าอยู่ไกลมือ การใส่ใจของศิราชอยู่ในสายตาของผู้ใหญ่ทั้งหมด แม้จะมีการดูแลคุณพ่อคุณแม่ของเฟรญ่าเพื่อเรียกคะแนนอยู่บ้าง แต่การดูแลลูกสาวของตนดูออกง่ายมาก ว่าทุกอย่างมันเป็นไปตามธรรมชาติเพราะทำแบบนี้ให้เฟรญ่าบ่อย“เฟรญ่าอยากกินกุ้งหรือเปล่าลูกรัก” คุณพ่อพูดและหันไปมองศิราช “ให้พ่อตักให้ไหม”“เฟรญ่าแพ้กุ้งครับ” ศิราชพูดดักเอาไว้“ฮึ” ยกแก้วเหล้าขึ้นกิน พูดไปงั้นแหละ อยากรู้ว่าเขยจะรู้หรือเปล่าว่าเฟรญ่าแพ้ ดูจากการตอบสนองจากคำถามที่ถามเฟรญ่า สีหน้าก็ออกทันที“ถ้าเฟรญ่ามาอยู่ที่นี่ คงมีหนุ่มจีบตรึม เนื้อหอมมากรู้หรือเปล่า” คุณพ่อพูดกับใครไม่มีใครรู้ เสมือนพูดขึ้นมาลอยๆ“แต่เฟรญ่าชอบศิราชค่ะ” พูดกับคุณพ่อยิ้มๆ ได้รับเสียงหัวเราะจากคุณแม่เป็นการยกใหญ่“คุณก็อย่าแกล้งลูก” คุณแม่หันไปพูดกับคุณพ่อ“แล้วศิราชล่ะชอบลูกสาวพ่อหรือเปล่า ไม่สิรักหรือเปล่า ชอบมันพูดง่ายเกินไป มาเพื่อที่จะขอเฟรญ่าแต่งงานคงไม่ตอบว่าแค่ชอบหรอกใช่ไหม?”เฟรญ่าอมยิ้
“คุณพ่อจะไปไหนคะ” เดินเข้ามาในบ้าน เห็นคุณพ่อสวมเสื้อแขนยาว เหมือนจะออกไปไหน แถมยังโยนเสื้อแขนยาวอีกตัวให้ศิราชอีกด้วย ชายหนุ่มเองก็รับเอาไว้ได้ทัน“จะเข้าสวน พ่อหนุ่มตามมา จะเป็นลูกเขยของชาวสวน ก็ต้องเก็บทุเรียนให้เป็น”“คุณพ่อ…” เรียกท่านเสียงอ่อน มองตามหลังท่านที่เดินผ่านเธอไป ศิราชเองก็สวมเสื้อและเดินตามท่านไปเช่นกันเฟรญ่ากังวล เพราะกลัวว่าคุณพ่อจะทดสอบอะไรแผลงๆ ถึงศิราชจะไม่ใช่คนที่ใช้ชีวิตฟู่ฟ่าหรูหรา แต่เขาก็ไม่เคยลำบาก แถมตอนนี้แดดยังร้อนจัดอีกด้วย ขนาดเธอเป็นลูกเจ้าของสวน เฟรญ่ายังไม่เคยเก็บทุกเรียนเองเลยมันต้องใช้ความชำนาญ ซึ่งมีคนงานคอยทำหน้าที่นี้อยู่แล้วคุณพ่อนะคุณพ่ออยากเดินตามทั้งสองคนไป แต่คุณแม่จับแขนเธอเอาไว้ พร้อมส่ายหน้า“เราซื้ออะไรมาเยอะแยะจ๊ะ พาแม่ไปดูหน่อยสิ เตรียมมื้อเย็นให้ทั้งสองคนนั้นด้วย กลับมาคงเหนื่อยและหิว” มองคุณแม่อ้อนๆ แต่ในเมื่อท่านยังคงส่ายหน้าเฟรญ่าจึงจำยอม เดินตามท่านไปในครัว“ตอนนี้ทำงานอะไร” เปิดประตูขึ้นไปนั่งข้างคนขับ คุณพ่อของเฟรญ่าใช้รถกระบะขับเข้าไปในสวนที่อยู่ห่างออกไป“เปิดร้านสักครับ มีหุ้นธุรกิจกับเพื่อนอีกนิดหน่อย” ตอบท่านอย่างตรง
สองอาทิตย์ต่อมา..เลื่อนกระเป๋าไปให้ศิราชยกขึ้นท้ายรถ เฟรญ่ายิ้มตั้งแต่ตื่นเช้า เธอทั้งตื่นเต้นมากและยินดีมาก เพราะวันนี้เป็นวันที่ศิราชจะเดินทางไปพบคุณพ่อกับคุณแม่ของเธอท่านเป็นคนต่างจังหวัด และศิราชต้องการขับรถไปเอง แม้จะเหนื่อยหน่อยแต่มันสะดวกต่อการเดินทาง จะแวะที่ไหนก็ได้ระหว่างทาง และเฟรญ่าชอบนั่งรถมากกว่านั่งเครื่องบิน“ไม่ต้องยก” หันมาพูดกับเธอ “พูดไม่ฟังเดี๋ยวโดน” เฟรญ่าย่นจมูกใส่เขา เธอแค่อยากช่วยเขายกกระเป๋าเอง อีกอย่างมันเป็นใบเล็ก“โดนอะไรคะ”“โดนจับจูบ ถ้าไม่อายเด็กในค่ายก็ลองยกอีกรอบ” เฟรญ่าหันไปมองเด็กในค่ายมวยที่มองตรงมายังเธอ ก่อนจะเบือนหน้าหนี“อายค่ะ ไม่ยกแล้ว” ก้าวขาถอยหลัง แต่เฟรญ่ากลับถูกดึงให้กลับเข้าไปชิดตัวเขา “อื้อออ” ชายหนุ่มจูบหนักๆ บนปากนุ่ม“ยิ้มตั้งแต่เช้า ตอนนี้ก็ยังไม่หยุดยิ้ม”“เหมือนคนบ้าไหมคะ” ยิ่งเขาพูดเธอก็ยิ่งยิ้มกว้างขึ้น“ไม่เหมือน” ส่ายหน้าตอบ “ไม่มีคนบ้าที่ไหนน่ารักเท่าเธอแล้วเฟรญ่า”“ฮืออออ” วางมือบนแผ่นอกกว้าง ก่อนจะกดหน้าลงเพื่อหลบซ่อนความเขินอายของตัวเองชายหนุ่มปล่อยตัวเธอ ยกกระเป๋าใบสุดท้ายขึ้นรถ ก่อนจะจูงมือเฟรญ่าไปขึ้นรถเพื่อออกเดินท
07.40 น.วางถ้วยข้าวต้มลงบนโต๊ะ มองคนตัวโตเดินลงบันไดตรงมาที่โต๊ะทานข้าว วันนี้เฟรญ่าทำข้าวต้มเองในครัว ไม่ได้ออกไปทำที่ร้านเฉกเช่นทุกวันชายหนุ่มนั่งลงบนเก้าอี้ ก่อนจะดึงเฟรญ่านั่งลงบนตัก เกยคางบนไหล่บอบบาง “วัดไข้ให้หน่อย” จับมือเล็กวางบนหน้าผากเขา “ยังมีไข้อยู่ไหม”เฟรญ่าอมยิ้ม หอมแก้มของชายหนุ่มเป็นการเอาใจคนป่วย “ตัวไม่ร้อนแล้วค่ะ” เมื่อคืนเธอคาดการณ์ว่าเขาอาจไข้สูง แต่มันไม่ได้เป็นแบบนั้น หลังจากกินยา อาบน้ำ นอนพัก แปะแผ่นเจลลดไข้ ศิราชก็ไม่ไข้อีกเลย “ตัวเย็นมากเลย”“เพราะเพิ่งอาบน้ำมา” เฟรญ่าพยักหน้ารับ เพราะกลิ่นครีมอาบน้ำยังติดตัวเขาอยู่เลย “ป้อนหน่อย” มองข้าวต้มในถ้วย บอกเฟรญ่าชิดริมหูเฟรญ่าอมยิ้มน้อยๆ นานทีเธอจะเจอศิราชโหมดนี้ ใช้ช้อนตักข้าวต้มเป่าป้อนเขา ศิราชก็อ้าปากรับกินจนหมด วันนี้เขานอนตื่นสายกว่าทุกวัน อยากลุกไปออกกำลังกายตามความเคยชิน แต่ก็โดนเมียตัวน้อยห้ามเอาไว้ แถมยังขู่อีกด้วยว่า หากเขาดื้อ เธอจะขังเขาเอาไว้ในห้องตัวก็แค่นี้ยังมีหน้ามาขู่ ทว่าศิราชก็ยอมทำตาม“วันนี้หยุดทำงานสักวันดีไหมคะ”“เมื่อกี้ฉันมีไข้ไหม” เฟรญ่าส่ายหน้าตอบ “แสดงว่าหายแล้ว”“แต่อาจจะยังไม่
19.00 น.‘มึงอยากให้กูจัดการแบบไหน’ เสียงพูดธิเบศร์ดังผ่านมือถือเข้ามากระทบหูเขา ศิราชถอดถุงมือโยนใส่ถังขยะ เพราะพึ่งสักให้ลูกค้าเสร็จ ทว่ายังไม่เสร็จทั้งหมด ต้องมาทำต่ออีกในวันพรุ่งนี้“แล้วแต่ดุลพินิจ” ตอบเรียบๆ หันไปคว้าเสื้อแขนยาวมาพาดบ่า มองนาฬิกาบนข้อมือเพียงนิด “สองคนนั้นทำร้ายว่าที่น้องสะใภ้มึง”‘…’“น้องสะใภ้คนแรกของมึง”‘เออ’ ตอบรับอย่างหงุดหงิด รู้อยู่หรอกว่าเฟรญ่าเป็นว่าที่น้องสะใภ้ มีใครไม่รู้บ้าง ธิเบศร์เองก็เพิ่งรู้เรื่องว่าพ่อของเขาไปหาว่าที่ลูกสะใภ้ด้วยตัวเอง ไปดูให้เห็นกับตา“จัดการให้เหมาะสมแล้วกัน”‘ไอ้เวร ทำไมมึงไม่จัดการเองวะ’“หรือมึงจะคอยตามเช็ดให้กู?” ศิราชจัดการเองได้ แต่เพราะเขาละเอียดไม่มากพอ เส้นสายไม่เยอะเท่าธิเบศร์ อารมณ์ร้อนดั่งไฟ เผลอพลั้งมือทำอะไรเกินกว่าเหตุคงไม่ใช่เรื่องดี “จะเอาอย่างนั้นก็ได้ กูไม่มีปัญหา”‘เฮ้อ เดี๋ยวกูจัดการเอง เก็บเงินเตรียมแต่งน้องสะใภ้กูแล้วกัน’“อย่าห่วง เฟรญ่าพร้อมเมื่อไหร่แต่งเมื่อนั้น”‘เออ กูรอดู’สายถูกตัดไป ชายหนุ่มเดินออกจากห้อง มองเฟรญ่าที่นั่งกินผัดไทยอยู่บนโซฟา ดวงตาคู่สวยมองซีรีเกาหลีบนหน้าจอไอแพด โดยมีไอชินั่งเล่น