-KAOTU PART-
หลังจากที่ฉันได้สร้างวีรกรรมไว้กับผู้เป็นนายของฉันแล้วนั้น ฉันนั่งเงียบมาตลอดทางเลยไม่กล้าแม้แต่จะหลับต่อ ‘ข้าวตูเอ้ย...เธอจะกลับบ้านครบ 32 ไหมนะ...’ ‘เขาจะฆ่าฉันจริงๆ...อย่างที่เขาพูดไหมเนี่ย’ ฉันได้แต่ถามตัวเองอยู่แบบนั้น ฉันกลัวว่าเขาจะทำอย่างที่เขาพูดจริงๆ ใครๆ ก็รู้ว่าท่านประธานโหดแค่ไหน
18.30 น.
ตลอดระยะทางเกือบ 800 กิโลเมตร ใช้เวลากว่า 10 ชั่วโมง ตอนนี้พวกเราเข้ามาอยู่ในเขตของจังหวัดเชียงรายแล้ว เท่าที่ฉันดูรายละเอียดงานของท่านประธาน พรุ่งนี้เขาถึงจะต้องไปคุยงานสถานที่และเวลาไม่ได้ระบุไว้ ส่วนรายละเอียดเกี่ยวกับการจองที่พักกับทางโรงแรมฉันก็ไม่มี พี่ส้มเธอบอกกับฉันเพียงว่าทุกอย่างถูกจัดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว ฉันมีหน้าที่ประสานงานให้ทุกอย่างออกมาให้เรียบร้อยเท่านั้นเอง
เมื่อฉันเงยหน้ามองรอบๆ ถนนสองเลนที่ขดเคี้ยวไปตามแนวเขาสองข้างทางที่รถหรูคันนี้กำลังขับผ่านนั้นมีแต่ต้นไม้น้อยใหญ่ไม่มีวี่แววของหมู่บ้านหรือแหล่งที่อยู่อาศัยเลยสักนิด ก่อนที่รถหรูจะหักเลี้ยวไปทางแยกเล็กๆยังคงเป็นถนนสองเลนเช่นเดิม ถึงแม้ว่าจะเล็กกว่าเส้นที่ขับผ่านมาแล้วอยู่นิดนึง
‘ฮือออ อย่าบอกนะเขาจะฆ่าฉันที่นี่หรอ’ ความคิดของฉันฟุ้งซ่านจนมันแสดงออกมาทางสีหน้าและท่าทางของฉันอย่างเห็นได้ชัด
“หึ” เสียงหัวเราะในลำคอของผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างๆ ฉัน ยิ่งเพิ่มความกังวลให้กับฉันมากขึ้นไปอีก
แต่แล้ว....
ฉันก็ต้องหยุดความคิดไว้เท่านั้น เมื่อรถเลี้ยวเข้ามาในบริเวณบ้านหลังหนึ่งที่อยู่ล้อมรอบไปรั้วสูงจากพื้นเกือบ 3 เมตรเห็นจะได้ แบ่งแยกอาณาเขตระหว่างป่ากับบ้านหลังใหญ่หลังนี้ไว้อย่างชัดเจน
อย่าบอกนะว่าเราจะนอนกันที่นี่ ‘ว้าวสวยจัง บ้านในฝันฉันเลยนะเนี่ย’
รถหรูจอดลงยังหน้าประตูทางเข้าบ้านใหญ่หลังนี้ ก่อนที่พี่มือของท่านประธานซึ่งตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าเขาชื่อทิม เขาลงจากรถก่อนจะเดินมาเปิดประตูให้กับผู้เป็นนายของเขา
“ลงไปสิ นั่งบื้ออยู่ได้” คำพูดร้ายๆ ที่ถูกปล่อยออกมาจากริมฝีปากหนาของชายตรงหน้า ฉันรู้สึกว่าเขาดูไม่ชอบฉันเอามากๆเลย
"คะ...ค่ะ"
ถ้าเป็นวีรกรรมที่ฉันเคยสร้างไว้กับเขาฉันพอเข้าและยอมรับได้ถ้าเขาจะไล่ฉันออก แต่นี่ทำไมกันเขาถึงยังเก็บฉันไว้ เขามีเหตุผลอะไรกันแน่นะ
“...ต้องให้อุ้มไปไหมวะ” ท่านประธานตะคอกใส่ฉันอีกครั้ง
“มะ...ไม่ค่ะ” ฉันรีบลงจากรถทันที และวิ่งตามชายร่างใหญ่เข้าบ้านไป
“ท่านประธานคะ...เราไม่ได้พักโรงแรมกันหรอกหรอค่ะ?” ฉันเอ่ยถามเขาออกไปด้วยความสงสัย ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่สิ่งที่ควรถามก็เถอะ
“…” เงียบ...
“ที่นี่บ้านท่านประธานหรอคะ”
“…” เหมือนฉันพูดอยู่คนเดียว...ไม่มีเสียงตอบกลับจากท่านประธานเลยสักนิด...
บ้านหลังใหญ่ถูกตรดแต่ด้วยสไตล์ยุโรปทาด้วยสีขาวทั้งหลังชวนให้ดูสบายตา แจกันใส่ดอกไม้ทรงสูงถูกว่างไว้ตามมุมต่างๆของบ้าน แจกันแต่ละใบถูกเพิ่มความงดงามของมันด้วยดอกไม้ที่มีสีสันที่งดงามหลากหลายชนิดองค์ประกอบโดยรวมชวนให้แจกันแต่ละใบดูน่าหลงไหลเป็นอย่างมาก
เราทั้งสามเดินเข้ามายังกลางบ้านก็พบกับสมาชิกทั้งหมดภายในบ้านหลังนี้ ซึ่งมีทั้งแม่บ้านและบอดี้การ์ด ยืนรอต้อนรับท่านประธานของพวกเขาอยู่ ทุกคนโค้งศรีษะเพื่อเป็นการเคารพชายที่ยืนอยู่ด้านหน้าฉันทันทีที่เขาเดินผ่าน
“ยินดีต้อนรับ ค่ะ/ครับ นายใหญ่” โอ้โห้คนรวยนี่เขาต้องขนาดนี้กันเลยหรอ
“…” ฉันทำได้เพียงก้มหัวให้กับพวกเขาพร้อมกับยิ้มให้พวกเขาออกไปอย่างเป็นมิตร
“ไปพักซะ อย่ามาตายในบ้านฉันล่ะ” ประโยคที่ชายคนนี้พูดกับฉันมาแต่ละประโยคช่างไม่น่าฟังเอาซะเลย
“คะ...ค่ะ” ฉันตอบเค้าไปแบบงุนงง ไม่เข้าใจผู้ชายคนนี้เลยจริงๆ
บ้างทีฉันก็สงสัยนะว่าปกติท่านประธานเขาเกรี้ยวกราดแบบนี้ตลอดเวลากับทุกคนเลยหรอ หรือเขาเป็นแค่กับฉันคนเดียวนะ
เขาไม่เคยพูดกับฉันดีๆเลยสักครั้ง แถมเขายังชอบมองฉันด้วยสายตาที่เหมือนกับเกลียดชังฉันมาสิบชาติได้ ถึงไงฉันก็ไม่โกรธเขาหรอกนะ เพราะฉันมาเอาความรู้ มาเก็บประสบการณ์ เพื่อไปใช้ทำงานต่อไปในอนาคต ฉันถึงต้องทนกับความปากร้ายของท่านประธานให้ได้ เพราะฉันอยากจบพร้อมเพื่อนๆ และฉันก็อยากช่วยแบ่งเบาภาระของพี่ปั้นด้วย... ‘สู้ๆนะข้าวตู เธอทำได้’ ฉันได้แต่ปลอบตัวเองไปอย่างนั้น
“เชิญค่ะ” หญิงสูงวัยคนหนึ่งเธอน่าจะเป็นหัวแม่บ้านของที่นี่เธอเอ่ยบอกกับฉัน ก่อนที่จะผายมือให้ฉันเดินตามเธอไป
“ค่ะ”
เหมือนบ้านหลังนี้จะแบ่งออกเป็นสองฝั่ง มีฝั่งทางทิศตะวันออกและฝั่งทางทิศตะวันตก ตอนนี้เรามาหยุดอยู่หน้าห้องห้องหนึ่งซึ่งทั้งชั้นมีเพียงแค่สองห้องเท่านั้น และอยู่ชั้นสองของฝั่งตะวันออกถ้าเดาไม่ผิดห้องใดห้องหนึ่งต้องเป็นห้องพักของฉันแน่ๆ
“นี่ห้องของคุณค่ะ รับประทานอาหารเย็นตอน 1 ทุ่มนะคะ” คุณป้าเอ่ยบอกกับฉันเสียงอ่อนอย่างนอบน้อม
“ขอบคุณมากนะคะคุณป้า” ฉันเอ่ยตอบเธอออกไปอย่างนอบน้อมเช่นกัน อย่างน้อยก็มีคุณป้าที่ดูท่าจะใจดีที่สุดในบ้านหลังนี้อยู่ด้วย ทำให้ฉันสบายใจขึ้นมานิดนึง
“ค่ะ...” เธอเอ่ยบอกกับฉันก่อนที่จะเดินออกไป
จากนั้นฉันจึงเปิดประตูบานใหญ่เพื่อเข้าไปในห้อง...
“ว้าว...สวยจัง”
“ฉันต้องทำงานอีกกี่ชาติเนี่ยถึงจะได้บ้านแบบนี้”
ห้องทั้งห้องถูกตกแต่งด้วยโทนสีขาวทั้งหมดดูแล้วสบายตาดี ฉันทำการเก็บกระเป๋าของฉันเข้าที่เข้าทางก่อนที่จะเดินไปอาบน้ำให้สบายตัว
ฉันกลิ้งอยู่นานบนเตียงนอนขนาดควีนไซส์ ทำยังไงก็นอนไม่หลับสักทีนี่ก็เย็นแล้วด้วย ‘ลงไปช่วยคุณป้าจัดอาหารดีกว่า...’ ฉันเดินลงบันไดลงมาแล้วแต่
“ห้องครัวอยู่ทางไหนอ่ะ?" ฉันถามตัวเองออกใสด้วยความสงสัย บ้านนี้ดูเหมือนจะไม่ซับซ้อนอะไร แต่ความเป็นจริงมันกลับกว้างมากและมีห้องเยอะแยะมากมาย
“ขอโทษนะคะ...ห้องครัวไปทางไหนหรอคะ” ฉันเอ่ยผู้ชายใส่สูตรสีดำที่ยืนอยู่ตรงหน้าประตูทางเข้า เพราะไม่อยากเสียเวลาหา ถ้าเจ้าของบ้านมาเห็นเข้ามีหวังฉันโดนดุอีกพอดี
“…” เขาไม่ตอบอะไรกับฉันเลย...เขาเพียงแค่ชี้ไปทางเดินโล่งๆ ทางหนึ่งเท่านั้น
“ขอบคุณค่ะ” ฉันเอ่ยขอบคุณเขาก่อนที่จะเดินไปตามทางที่เขาบอก บ้านท่านประธานซับซ้อนจนฉันคิดว่าฉันเดินอยู่ในเขาวงกตซะอีก...
เมื่อฉันเดินมายังห้องครัวฉันก็เห็นป้าแม่บ้านคนเดิมกำลังเตรียมอาหารพร้อมกับเด็กผู้หญิงอีกสองคนที่ดูจากท่าทางแล้วเธอทั้งสองคนหน้าจะอายุน้อยกว่าฉัน
“ขอโทษนะคะ...มีอะไรให้ช่วยไหมคะ” ฉันเอ่ยถามพวกเธอไปอย่างสุภาพ
“คุณไปพักเถอะค่ะ...เดินทางมาเหนื่อยๆ” ป้าแม่บ้านเธอหันมาตอบฉัน
“เรียกหนูว่าข้าวเฉยๆ ดีกว่าค่ะป้า...” ฉันบอกกับเธอกับไปด้วยรอยยิ้ม
“จ้า หนูข้างหิวแล้วหรอคะ” ป้าเอ่ยถามฉันด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน ทำให้ฉันคิดถึงแม่ขึ้นมาเลย
“ให้หนูช่วยเถอะนะคะ หนูไม่อยากอยู่เฉยๆนา นะคะ”
“มาจ้ะหนูข้าว...” คุณป้าทนลูกอ้อนจากฉันไม่ไหวจริงเรียกให้ฉันเข้าไปช่วยด้วยอีกคน
“ขอบคุณค่า...” ฉันตอบป้าเธอไปก่อนที่จะรีบเดินไปช่วยทำอาหาร... ‘อย่างน้อยตอนอยู่ที่นี่ข้าวตูคนนี้ก็จะได้ไม่เหงาปาก’ ฉันช่วยพวกเธอทำอาหารเป็นเวลาเกือบชั่วโมง และฉันถือโอกาสนี้ทำความรู้จักกับพวกเธอด้วยเลย ป้าแม่บ้านที่ดูมีอายุเยอะหน่อยเธอชื่อ ‘ป้ากุล’ ส่วนเด็กอีกสองนี้เป็นพี่น้องกัน คนหนึ่งอายุ 17 ปี ส่วนอีกคนอายุ 18 ปี เป็นหลานของป้ากุล ป้าแกให้มาช่วยงานตอนช่วงที่โรงเรียนปิดเทอม ชื่อว่า ‘เพื่อน’ กับ ‘แพง’
19.00 น.
เมื่อพวกเรา 4 คนช่วยกันทำอาหารแล้วจัดโต๊ะให้ท่านประธานเสร็จเรียบร้อย อาหารไทยหลายอย่างถูกจัดจานอย่างสวยงามอยู่บนโต๊ะรับประทานอาหาร
“ป้าเก็บของเถอะครับ วันนี้ท่านประธานไม่ทานครับ” บอดี้การ์ดหน้าตาดูดุดันเดินเข้ามาบอกกับป้ากุลตามคำสั่งของนายเขา
"หนูข้าวทานอาหารเถอะค่ะ"
"เดี๋ยวข้าวไปทานกับป้าดีกว่า" ฉันเอ่ยบอกกับป้ากุลออกไปด้วยรอยยิ้ม
“ก็ได้จ่ะ...”
“…” เฮ้ย กับข้าวหน้ากินทั้งนั้นเลยเราทั้ง 4 คนก็ช่วยกันเก็บจานอาหารเข้าที่ ก่อนที่เราจะนั่งรับประทานอาหารกันอยู่ที่ห้องครัว
“เดียวข้าวขึ้นห้องก่อนนะคะ” ฉันบอกกับป้ากุล เพื่อนและก็แพง หลังจากที่พวกเราทำทุกอย่างเรียบร้อย
“จ้ะ...ขอบใจหนูข้าวมากนะ”
“หนูยินดีค่ะป้า” จริงๆแล้วฉันชอบทำอาหารมากเลยนะ...ถ้าวันไหนไม่ได้ไปทำงานอะไรฉันก็จะเข้าครัวช่วยแม่ของฉันทำขนมขายตลอด
“ฝันดีค่ะ/ฝันดีค่ะพี่ข้าว” เพื่อนกับแพงเอ่ยบอกกับฉันด้วยรอยยิ้ม
“ฝันดีค่ะ...” ฉันเอ่ยบอกกับป้ากุล เพื่อนและแพง ก่อนที่ฉันจะเดินขึ้นห้องเพื่อไปพักผ่อน วันนี้ฉันเจอเรื่องมาหนักหนาสาหัสมากพอแล้ว ควรรีบนอนเก็บแรงไว้สู้ต่อให้วันพรุ่งนี้
2.00 น.
เพล้งงงงงง...
ฉันสะดุ้งตื่นขึ้นมาจากความฝัน เหมือนฉันจะได้ยินเสียงอะไรสักอย่างตกแตก ด้วยความอยากรู้อย่างเห็นของตัวเอง ฉันจึงออกมาจากห้องเดินลงมาด้านล่างตามบันได ฉันไม่คิดว่าเสียงที่ได้ยินจะเป็นเสียงของโจรหรอกนะเพราะว่าบ้านของท่านประธานมีบอดี้การ์ดเยอะจะตาย แต่ฉันกลัวจะเป็นเสียง...
“ในเมื่อมันกล้าทรยศกู ไอ้ทิมมึงไปจัดการตามที่กูสั่ง”
“ออกไป”
“ครับนาย”
เสียงของท่านประธานดังมาจากห้องนั่งเล่น น้ำเสียงที่ฟังดูก็รู้ว่าเขาอยู่ในอาการมึนเมา ฉันคิดว่าตัวเองไม่ควรเสี่ยงดีกว่า ปกติเขาก็น่ากลัวอยู่แล้ว และยิ่งเขาอยู่ในอาการแบบนี้อีกฉันยิ่งไม่ควรเอาตัวเองเข้าไปใกล้ผู้ชายคนนี้
“…” เหมือนท่านประธานจะเห็นฉัน ในขณะที่ฉันกำลังจะหันหลังเพื่อจะกลับขึ้นห้องสายตาของเราทั้งสองก็สบกันพอดิบพอดี‘ซวยแล้วข้าวตู’
“แอบฟังคนอื่นคุยกัน ที่บ้านเธอไม่ได้สอนเรื่องมารยาทรึไง” ชายตรงหน้าเอ่ยบอกกับฉันเสียงเรียบ
“ทะ...ท่านประธาน” ฉันเรียกเขาอย่างสั่นๆ ฉันทั้งกลัวและก็โกรธเขาในเวลาเดียวกัน ฉันแค่เป็นห่วงเขาเท่านั้นเอง แต่ทำไมเขาต้องว่าฉันแรงขนาดนี้ด้วย เขาจะดุจะด่าฉันยังไงก็ได้แต่เขาไม่มีสิทธิมาว่าครอบครัวของฉันแบบนี้
“หึ แต่ฉันไม่แปลกใจเลยสักนิด”
“…”
“เพราะขนาดพี่ชายเธอ มันยังไม่มีความเป็นลูกผู้ชายเลยสักนิด” ริมฝีปากหนายังคงเอาแต่เปล่งคำพูดแย่ๆออกมาไม่หยุด
“คุณ! อย่ามาดูถูกพี่ของฉันนะ” ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าฉันไปเอาความกล้ามาจากไหน แต่ตอนนี้ฉันโกรธเขามากที่เขาดูถูกพี่ปั้นแบบนั้น
@โรงพยาบาล SE"พี่มาร์คัส พี่นักรบคะ เขาเป็นยังไงบ้าง?" ฉันถามพี่มาร์คัสกับพี่นักรบออกไปทันทีที่ฉันเดินมาถึงหน้าห้องฉุกเฉิน"ทำใจดีๆไว้นะข้าว" พี่นักรับเอ่ยบอกกับฉันพร้อมสีหน้าที่ไม่สู้ดีเอาสะเลย"ฮึก ฮืออออ ไม่จริงเขาต้องไม่เป็นอะไร" ฉันเอ่ยบอกกับพี่นักรบพร้อมกับร้องไห้ออกมาอย่างไม่อาย"ข้าวตู..." พี่มาร์คัสเอ่ยเรียกฉันเสียงอ่อน ก่อนที่มือหนาจะลูบลงที่บ่าของฉันอย่างปลอบประโลม"ฮึก มะ ไม่จริงใช่ไหมค่ะ" ฉันเอ่ยถามพวกเขาออกไปอีกครั้ง หัวใจสั่นระรัวเหมือนกับว่ามันกำลังจะแตกเป็นเสี่ยงๆ อยู่แล้ว"ถ้าข้าวเป็นห่วงมันขนาดนี้ทำไมไม่ให้อภัยมันสักที?" พี่มาร์คัสเอ่ยถามฉันขึ้นมาพร้อมกับมองหน้าฉันอย่างรอคำตอบ"คะ ใครบอกว่าหนูไม่ให้โอกาสเขาล่ะคะ" ฉันเอ่ยบอกกับพี่มาร์คัสออกไปพร้อมกับน้ำตาที่ยังคงไหนออกมา"...""หนูให้โอกาสเขาตั้งนานแล..." ฉันยังไม่ทันพูดจบพี่นักรบก็เอ่ยแทรกขึ้นมา"ได้ยินชัดแล้วนะมึง" พี่นักเอ่ยขึ้นพร้อมกับมองเลยไปที่ด้านหลังของฉัน อย่าบอกนะว่าเขายืนอยู่ข้างหลังฉันควับ!!! ฉันรีบหันกลับไปมองเขาทันทีที่พี่นักรบพูดจบ"ฮืออออ พี่โซโล่..." ฉันเอ่ยเรียกเขาก่อนจะพุ่งเข้าไปกอดเขาไว้ทันทีราว
3 ปีก่อน...ติ๊งงงงง!!! ติ๊งงงงง!!! ติ๊งงงงง!!! ติ๊งงงงง!!!'ใครอะ?' ข้อความในมือถือของจีน่าดังเขามารัวๆ ข้อความถูกส่งมาโดยคนที่เธอไม่รู้จัดเธอจึงกดเข้าไปดูแล้วกูพบว่ามันเป็นรูปข้าวปั้นแฟนหนุ่มของเธอกับนุ่นเพื่อนสาวคนสนิทกำลังนอนกอดกำลังนอนกอดกันอยู่ในสภาพที่ทั้งคู่ไม่ได้ใส่เสื้อผ้าเลยสักชิ้น รวมถึงสภาพห้องที่ดูแล้วราวกับว่าพึ่งจะผ่านศึกสงครามมา จีน่าเธอยืนดูภาพตรงหน้านิ่งเพราะเธอเองก็ไม่อยากจะเชื่อว่าภาพตรงหน้าจะเป็นเรื่องจริง แต่ต่อให้พยายามหาเหตุผมที่จะมาลบล้างภาพตรงหน้าสักเท่าไรมันก็ไม่หายไปสักทีจนกระทั่งกรี๊ดดดดดดดด ฮือออออออจีน่ากรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดที่ตอนนี้มันไม่สามารถระบายเป็นความเจ็บปวดได้ทั้งแฟนที่เธอรักและเพื่อนที่เธอสนิทด้วยทั้งคู่กำลังสวมเขาให้เธอจริงๆนะหรอ?ฮึกกกก ฮืออออออจีน่าพยายามโทรหาข้าวปั้นแต่โทรเท่าไรก็โทรไม่ติดสักที เธอจึงเลือกส่งข้อความไปแทน'มันเป็นเรื่องจริงหรอปั้น?' จีน่าส่งรูปที่มีบุคคลที่สามส่งมาให้เธอให้กับข้าวปั้นพร้อมกับพิมพ์ถามเขาออกไป'ปั้น''อ่านแล้วก็ตอบเล่าสิอย่าเงียบได้ไหม'ฮืออออออออ'ปั้นทำมันลงไปจริงหรอ' ยิ่งข้าวปั้นอ่านแล้วไม่ตอบมัน
-SOLO PART-@บ้านข้าวตูผมขับรถสปอร์ตหรูของตัวเองเข้ามาจอดที่หน้าบ้านของข้าวตู ผมไม่รู้ว่าแม่ของข้าวตูเธอรู้เรื่องของผมมากน้อยแค่ไหนแต่สิ่งที่ตอนนี้ผมควรจะทำมากที่สุดคือเล่าความเลวของตัวเองที่ได้กระทำไว้กับข้าวตู ให้แม่ของเธอได้รับรู้จากปากของผมเอง ผมไม่ได้คาดหวังว่าท่านจะให้อภัยผม เพราะถ้าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับลูกของผม ผมก็คงไม่ให้อภัยใครง่ายๆ เหมือนกัน แต่อย่างน้อยผมก็อยากจะขอโอกาสอีกครั้งเพื่อปรับปรุงตัวเองกริ๊ง!!! กริ๊ง!!!ผมเดินลงจากรถและไปกดกริ๊งหน้าบ้านของข้าวตู รอไม่นานแม่ของข้าวตูเธอก็เดินตรงมาหาผม"คุณมาทำไมคะ" เธอเอ่ยถามทันทีที่เธอเห็นว่าคนที่มาเป็นผม ท่าทีเธอดูนิ่งจนผมเริ่มจะแปลกใจ"สวัสดีคับ ผมขอเข้าไปข้างไนได้ไหม?" ผมกล่าวทักทายแม่ข้าวตูด้วยถ่อยคำที่สุภาพ"เชิญค่ะ""ขอบคุณครับ" พูดจบผมจึงเดินตามแม่ข้าวตูเข้าไปในบ้านของเธอ"นั่งก่อนค่ะเดี๋ยวฉันไปเอาน้ำมาให้""ไม่เป็นไรครับ ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณแม่""ค่ะ!!!" เธอร้องออกมาด้วยความตกใจ ทำให้ผมไปไม่เป็นเลยทีนี้ผมว่าผมเรียกเธอว่าแม่ก็ถูกแล้วก็เธอเป็นแม่ของเมียผมนิ"เอ่อ...ผมขอโทษนะครับเรื่องที่ผมทำร้ายข้าวตู" ผมเอ่ยขอโทษแม่ขอ
"ปั้น" เสียงของจีน่าเอ่ยเรียกแฟนหนุ่มของเธอที่กำลังเดินอยู่ข้างๆ"ครับ" ข้าวปั้นหยุดเดิน ก่อนจะขานรับคำจีน่าพร้อมกับส่งยิ้มให้เธอ"ปั้นไม่โกรธโซเลยหรอ?" จีน่าเอ่ยถามข้าวปั้นออกไปด้วยความสงสัย เพราะนอกจากวันนั้นที่พวกเขาทะเลาะกันที่บ้านของข้าวปั้นแล้ว เขาก็ไม่ได้แสดงทีท่าว่าโกรธเคืองโซโล่ออกมาอีก"โกรธสิ! เราอยากจะบีบคอมันให้ตายคามือ" ข้าวปั้นเอ่ยตอบจีน่าออกมาเสียงเรียบ"...""แต่เราไม่ทำหรอ เดี๋ยวเวณกรรมก็ตามมันเองเรารู้จักน้องเราดีถึงภายนอกข้าวตูจะดูเป็นคนอ่อนแอก็เถอะ""หมายความว่า...ปั้นรู้?" จีน่าเอ่ยถามข้าวปั้นออกไปทั้งๆที่เธอก็พอจะรู้คำตอบอยู่บ้างแล้วจากคำพูดของเขาเมื่อกี้"เรารู้มานานแล้วว่าไอ้โซชอบข้าว" ข้าวปั้นตอบจีน่ากลับไป"ปั้นผิดแล้ว..." จีน่าตอบข้าวปั้นออกไปด้วยรอยยิ้ม"หืม แต่เราเห็นว่ามันสั่งให้ลูกน้องของมันเอาตุ๊กตามาให้ข้าวเมื่อหลายปีก่อนนะ" ข้าวปั้นตอบจีน่ากลับไปด้วยความงุนงง มันจะผิดไปได้ไงในเมื่อวันเกินข้าวตูเมื่อ 8 ปีก่อนหลังเลิกเรียนเขาเดินกลับมาบ้านก็เห็นว่ามันยืนหลบอยู่ใต้ต้นไม้วางแผลกับลูกน้องของมันเพื่อที่จะนำตุ๊กตามาให้ข้าวตู ทุกอยากอยู่ในสายตาของเขาหมด รวม
-KAOTU PART-"จอดรถเถอะนุ่นปล่อยข้าวตูไป น้องไม่เกี่ยวอะไรด้วย" เสียงของผู้หญิงที่ชื่อจีเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงอ้อนวอนคนข้างๆ"เป็นห่วงกันจริงๆเลยน้องผัวเนี่ย อ้อไม่สิหรือต้องเรียกว่าพี่สะใภ้กันนะถึงจะถูก" ฉันอึ้งไปกับคำพูดของผู้หญิงตรงหน้า 'หมายความว่าเธอคนนี้ที่ชื่อจีน่า เธอเป็นน้องสาวของผู้ชายใจร้ายคนนั้น และเธอก็เป็นแฟนเก่าของพี่ปั้นพี่ชายของฉันงั้นหรอ' ฉันพูดกับตัวเองอยู่ภายในใจพร้อมกับมองไปที่คุณจีน่าไปด้วยความงุนงง ทำไมความสัมพันธ์มันซับซ้อนจัง"หยุดเถอะนุ่น" คุณจีน่าพูดเสียงเเข็ง ตอนนี้สีหน้า ท่าทางของเธอดูเหมือนกับพี่ชายของเธอไม่มีผิดทั้งท่าทีที่ดูน่าเกรงขามและน้ำเสียงเรียบนิ่งนั้นฉันว่า 'บรรยากาศบนรถมันเริ่มจะไม่ปลอดภัยแล้วสิ' คิดได้ดังนั้นฉันจึงขยับตัวเองไปนั่งติดกับที่พิงด้านหลัง แล้วมือทั้งสองข้างฉันจับเบาะรถไว้เเน่น ฉันไม่ได้ห่วงตัวเองเลยสักนิดแต่ฉันเป็นห่วงเจ้าตัวเล็กในท้องฉันต่างหาก"กูไม่หยุด มึงจะสนมันทำไมมึงไม่เกลียดพี่มันแล้วหรอ" เธอตวาดคุณจีเสียงดัง"ฉันไม่มีทางเกลียดปั้น" คุณจีก็ตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงจริงจังเช่นกัน"..." ฉันนั่งฟังที่เขาคุยกันอย่างเงียบๆ เพราะเรื่อง
17.00 น."ข้าวตู ข้าว" ฉันสะดุ้งตื่นขึ้นมาหลังจากได้ยินเสียงพี่ปั้นที่เรียกฉันดังมาจากหน้าห้องนอนของฉัน"ค่า..." ฉันขานรับพี่ปั้นกลับไปก่อนจะค่อยๆลุกขึ้นนั่งบนเตียงอย่างช้าๆ"ลงไปกินข้าวกัน""โอเครค่ะ เดี๋ยวหนูตามลงไปนะ" ฉันตอบพี่ปั้นกลับไปก่อนจะเดินไปล้างหน้าล้างตาในห้องน้ำ แล้วจึงเดินลงไปด้านล่าง"ฮืมมม หอมจังเลยค่ะแม่" ฉันเอ่ยบอกกับออกไป"งั้นหนูต้องกินเยอะๆนะลูก" แม่เอ่ยบอกกับฉันก่อนจะเดินเข้ามาลูบหัวของฉันอย่างทะนุถนอม"กำไลใครหรอข้าว?" เรานั่งกินอาหารกันไปได้สักพักพี่ปั้นก็เอ่ยถามฉันพร้อมกับมองดูกำไลที่ข้อมือของฉันอย่างสงสัย"ข้าวก็ไม่รู้ค่ะ มีคนมาส่งตุ๊กตามาให้ข้าวอีกแล้วค่ะ และในนั้นก็มีกำไลนี้มาด้วยข้าวพยายามแกะออกแล้วนะ แต่ทำยังไงมันก็ไม่ออกสักที" ฉันอธิบายให้แม่กับพี่ปั้นฟัง"งั้นเดี๋ยวเราไปดูที่กล่องว่าเขาซื้อมาจากที่ไหน แล้วถ้าวันไหนว่างพี่จะพาไปเอาออก" พี่ปั้นเอ่ยบอกกับฉัน ก่อนที่ลงมือทานอาหารตรงหน้าต่ออย่างเอร็ดอร่อย นานแล้วที่เราสามคนแม่ลูกไม่ได้กินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันแบบนี้ ทำให้อาหารมื้อนี้ยาวนานกว่าที่เคย แถมฉันก็ยังเจริญอาหารมากกว่าทุกครั้งอีกด้วย3 วันต่อมา...