หลังจากที่คำพูดของร่างที่ทุกคนคิดว่านอนหมดสติอยู่ดังขึ้น พร้อมกับเจียงหลินที่ค่อย ๆ ยันกายลุกขึ้นมานั่งตัวตรง ก่อนที่นางจะจ้องมองไปยังสองสามีภรรยาด้วยสายตาว่างเปล่า
“เสี่ยวหลิน! เจ้าเป็นเช่นใดบ้าง ให้ลุงพาเจ้าไปหาหมอดีหรือไม่”
ทางด้านจางไห่ที่เห็นว่าหลานสาวคนโตของตนเองรู้สึกตัวขึ้นมาอย่างเป็นปกติก็ดีใจเป็นอย่างมาก ก่อนที่เขาจะรีบปรี่เข้าไปหาร่างของหลานสาวที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลมากนักด้วยความดีใจ
“ข้าไม่เป็นอะไรเจ้าค่ะท่านลุง เพียงแค่ข้าต้องการที่จะพาน้องทั้งสองของข้ากลับไปอยู่กันที่บ้านเดิมของพวกข้าเจ้าค่ะ หวังว่าท่านลุงจะสนับสนุนข้านะเจ้าคะ”
เจียงหลินที่เมินเฉยต่อท่าทางเป็นห่วงของชายวัยกลางคนที่ได้ชื่อว่าเป็นลุงแท้ ๆ ของนางกับน้องอีกสองคนที่ในตอนนี้ยังไม่กลับมาจากบนเขาเพราะนางเจียงสั่งให้พวกเขาทั้งสองขึ้นไปเก็บฟืนตั้งแต่ช่วงสาย
พร้อมกับเอ่ยบอกความต้องการของตนเองให้กับบุรุษตรงหน้าได้รับรู้และยังส่งสายตากดดันส่งไปให้ตบท้าย
เจียงไห่ที่เมื่อได้เห็นสายตาของหลานสาวคนโตที่ดูว่างเปล่า และเปลี่ยนไปก็รู้สึกใจหายอยู่ไม่น้อย
แต่เขาก็พอจะเข้าใจในความรู้สึกของอีกฝ่ายว่านางเองก็คงจะหมดความอดทนที่ต้องแบกรับเรื่องราวมากมายจากภรรยาของเขาแล้ว
และเพื่อเป็นการช่วยเหลือครั้งสุดท้ายจากเขา เขาจึงควรที่จะปล่อยให้นางพาน้อง ๆ ออกไปอยู่กันที่บ้านเดิมของตนเองเสียที
“ได้สะ…”
“ไม่ได้! บ้านหลังนั้นข้าตั้งใจจะเก็บเอาไว้ให้เจียงเป่าเพื่อเป็นสินเดิมในวันแต่งงานของนาง ท่านพี่จะยกคืนให้กับพวกนางไม่ได้!”
แต่ในขณะที่เจียงไห่กำลังจะเอ่ยตกลงคำขอของเจียงหลินอยู่นั้น นางเจียงก็พูดแทรกขึ้นมาเสียงดังพร้อมกับจ้องเขม็งมองไปยังใบหน้าของผู้เป็นสามีอย่างออกคำสั่ง
“แต่นั่นมันคือบ้านของข้าที่ท่านแม่ทิ้งเอาไว้ให้ ท่านป้าสะใภ้ไม่มีสิทธิ์มายึดไปเป็นของตนเองนะเจ้าคะ”
เจียงหลินที่ได้เห็นถึงความเห็นแก่ตัวของนางเจียงก็รู้สึกรังเกียจอีกฝ่ายเป็นอย่างมากจนนางนั้นเกือบจะหลุดคำด่าออกไปแล้วเพราะความหน้าหนาของหญิงวัยกลางคนตรงหน้า
“ทำไมจะไม่ได้ เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าตลอดสองปีที่ผ่านมาใครเป็นคนให้ข้าวให้น้ำพวกเจ้าสามคนพี่น้อง”
“เพียงแค่ที่ดินผืนเดียวเจ้าก็ยกมันให้กับพี่สาวของเจ้าเพื่อตอบแทนบุญคุณที่ข้ากับท่านลุงของเจ้าจะเป็นไรไป”
คำพูดตอบกลับมาของนางเจียงนั้นถึงกับทำให้ขมับทั้งสองข้างของเจียงหลิน (นับดาว) เต้นตุบ ๆ ขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ นางพยายามข่มกลั้นอารมณ์กรุ่นโกรธที่กำลังปะทุขึ้นมาเป็นอย่างมาก
ก่อนที่เจียงหลินจะเอ่ยตอบกลับป้าสะใภ้ของเจ้าของร่างด้วยความใจเย็นอย่างถึงที่สุดที่นางจะสามารถทำได้แล้ว
“ท่านป้าสะใภ้เจ้าคะ ถ้าข้ามอบที่ดินเพียงแห่งเดียวให้กับท่านไปแล้วข้ากับน้อง ๆ ของข้าจะไปอยู่ที่ไหนกันเล่า?”
“นั่นมันเป็นเรื่องของพวกเจ้าไม่เกี่ยวอะไรกับข้าเสียหน่อย เหตุใดข้าจะต้องไปสนใจพวกเจ้ากันว่าจะไปซุกหัวนอนอยู่ที่ใด”
“สารเลวยิ่งนัก!”
นางจางที่ได้ฟังคำตอบของนางเจียงจบลงก็ถึงกับพ้นคำหยาบคายออกมาด้วยความโกรธแทนสามพี่น้องบ้านเจียงที่ต้องมามีป้าสะใภ้น่ารังเกียจเช่นนี้
“พี่จาง! ข้าชักจะเริ่มหมดความอดทนกับท่านแล้วนะ อย่าคิดว่าข้าไม่กล้าโต้ตอบท่านกลับนะ ที่ข้ายังไว้หน้าท่านอยู่เพราะท่านเป็นภรรยาของพี่จางเจ๋อสหายของสามีข้าหรอกนะ”
ทางด้านนางเจียงเองก็เริ่มไม่พอใจกับท่าทีที่ภรรยาของสหายสามีที่แสดงต่อตนเองอย่างไม่ให้เกียรติเช่นนี้จนนางต้องเอ่ยเตือนออกฝ่ายออกไป
“เจ้า! นางเจียงข้าเองก็ไม่คิดที่จะอยากยุ่งเรื่องในครอบครัวของเจ้าหรอกนะ เพียงแต่สิ่งที่เจ้าทำกับนังหนูเจียงหลินนั้นมันเกินไปจริง ๆ ราวกับว่านางไม่ใช่หลานสาวของสามีเจ้าอย่างนั้นแหละ”
นางจางที่รักและเอ็นดูสามพี่น้องราวกับเป็นหลานสาวของตนเอง เพราะพวกเขาสองสามีภรรยานั้นอยู่บ้านติดกันกับบ้านของเด็กทั้งสาม ได้เห็นสามพี่น้องมาตั้งแต่เด็ก
ไหนจะบิดามารดาของพวกเขาทั้งสามยังเคยช่วยเหลือนางกับสามีเอาไว้ไม่น้อยอีก เมื่อนางต้องมาพบเห็นหลาน ๆ ทั้งสามต้องได้รับความอยุติธรรมย่อมไม่อาจจะนิ่งเฉยอยู่ได้จึงได้ยื่นมือเข้าช่วยเหลือเด็กทั้งสาม
“ท่านป้าจาง เสี่ยวหลินขอบคุณท่านป้ามากนะเจ้าคะที่ช่วยออกหน้าแทนข้ากับน้อง ๆ แต่ท่านป้าสะใภ้นั้นเป็นคนที่เห็นแก่ตัวมากและไม่ยอมรับความเป็นจริง ท่านป้าจางอย่าไปเสียเวลาเถียงกับนางเลยเจ้าค่ะ”
“ข้าว่าเรียกท่านหัวหน้าหมู่บ้านมาจบปัญหาเรื่องนี้จะเป็นทางออกที่ดีกว่านะเจ้าคะ”
เจียงหลินที่เห็นป้าจางช่วยออกหน้าพูดแทนตนเองก็รู้สึกซาบซึ้งในน้ำใจของอีกฝ่ายเป็นอย่างมากและนางเองก็ได้จดจำบุญคุณในครั้งนี้ของอีกฝ่ายเอาไว้แล้ว
รอให้มีโอกาสนางจะต้องตอบแทนอีกฝ่ายอย่างแน่นอน แต่กับลุงแท้ ๆ ของนางที่ไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยปากแทนนางกับน้อง ๆ แต่ปล่อยให้ภรรยาของตนเองเอาเปรียบนางอยู่ตลอดเวลานั้น
นางเองก็ได้จดจำสิ่งที่ครอบครัวนี้ได้ทำกับนางและน้อง ๆ เอาไว้แล้วเช่นกัน และรอวันที่นางจะเอาคืนพวกเขาให้สาสมกับสิ่งที่นางและน้องทั้งสองได้รับมาตลอดสองปีที่ผ่านมาให้จงได้
เพียงแต่การที่จะเอาชนะคนอย่างนางเจียงหลี่นั้นจำเป็นจะต้องเอาชนะให้นางไม่มีทางให้เดินต่อไปได้นั่นเอง เพราะฉะนั้นเจียงหลินจึงได้คิดให้คนที่มีอำนาจที่สุดในหมู่บ้าน หนานเจียง แห่งนี้เป็นคนตัดสินให้
“จริงสิ ท่านพี่ช่วยไปตามหัวหน้าหมู่บ้านมาให้นังหนูเจียงหลินหน่อยเถิดเจ้าค่ะ”
นางจางที่หลังจากได้ฟังคำพูดของเด็กสาวก็เข้าใจในสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการจะสื่อในทันที นางจึงได้หันหน้าไปเอ่ยบอกกับผู้เป็นสามีให้ช่วยไปตามหัวหน้าหมู่บ้านมาให้
“ไม่ต้องไปแล้ว ข้ามาแล้วพวกเจ้ามีสิ่งใดจะเอ่ยก็ว่ามาได้เลย”
แต่ยังไม่ทันที่จางเจ๋อจะได้เอ่ยตอบรับคำของภรรยาสุดรัก เสียงแหบ ๆ แต่หนักแน่นก็ดังขึ้นจากหน้าบ้านของเจียงไห่ในทันที
พร้อม ๆ กับร่างของชายชราคนหนึ่งที่อายุน่าจะราว ๆ 60 ปีแต่ยังดูแข็งแรงกำลังเดินผ่านชาวบ้านคนอื่น ๆ เข้ามาที่บริเวณที่พวกของเจียงหลินยืนอยู่
ก่อนที่ร่างของ คังหนาน หัวหน้าหมู่บ้านหนานเจียงแห่งนี้จะมาหยุดลงตรงหน้าของทุกคน
“คารวะท่านหัวหน้าหมู่บ้านเจ้าค่ะ”
เจียงหลินเอ่ยทักทายชายชราตรงหน้าพร้อมกับก้มหน้าลงเพื่อเป็นการทำความเคารพแก่อีกฝ่ายด้วยความสุภาพ สร้างความเอ็นดูให้กับชายชราไม่น้อย
“อื้ม เสี่ยวหลินเจ้ามีสิ่งใดที่ข้าผู้นี้ช่วยก็เอ่ยบอกออกมาได้เลย ไม่ต้องเกรงกลัวผู้ใดทั้งนั้น”
คังหนานเอ่ยขึ้นหลังจากที่เด็กสาวตรงหน้ากลับไปยืนตัวตรงได้เช่นเดิมแล้ว เพื่อเข้าเรื่องในครั้งนี้ทันที
“เรียนท่านหัวหน้าหมู่บ้านข้าต้องการจะพาน้องทั้งสองกลับไปอยู่ที่บ้านเดิมของมารดาเจ้าค่ะ”
“แต่ท่านป้าสะใภ้กลับไม่ยอมและคิดที่จะยึดเอาบ้านที่เป็นที่สมบัติชิ้นสุดท้ายที่ท่านแม่ของข้าทิ้งเอาไว้ให้ไปเป็นสินเดิมให้บุตรสาวของนางเจ้าค่ะ”
“เจียงหลิน! นังเด็กบ้าเจ้ามันคนเนรคุณคนยิ่งนัก เจ้ากล้าใส่ความข้าต่อหน้าท่านลุงของเจ้าได้อย่างไรกัน”
เพียงแค่จบคำพูดของเจียงหลินนางเจียงก็เอ่ยต่อว่าหลานสาวของสามีด้วยความโกรธเป็นอย่างมาก เพราะนางไม่คิดมาก่อนว่าเด็กที่ขี้กลัว ไม่กล้าสู้คนอย่างหลานสาวของสามี
ในวันนี้จะกล้าลุกขึ้นมาแข็งข้อกับตนเองเสียอย่างนั้น ทั้งที่ผ่านมานังเด็กคนนั้นไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมาสบตากับนางตรง ๆ เลยสักครั้งเดียว
“นั่นก็เพราะข้ารู้แล้วนะสิเจ้าคะว่าท่านลุงไม่มีทางช่วยข้าได้ เพราะท่านลุงนั้นไม่เคยสู้ท่านป้าสะใภ้ได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว”
“อีกอย่าง ข้ามีคำพูดจะเอ่ยกับท่านลุงสักหนึ่งประโยคเจ้าค่ะ”
เจียงหลินที่ได้รับความทรงจำของเจียงหลินคนก่อนมาในตอนที่หมดสติไปนั้นรับรู้เรื่องราวที่ผ่านมาทั้งหมดของเด็กสาวคนหนึ่งที่ต้องแบกรับเรื่องราวเลวร้ายมากมายมาโดยตลอด
นางจึงได้เอ่ยขึ้นเพราะต้องการที่จะเตือนสติแก่ชายวัยกลางคนที่ได้ชื่อว่าเป็นพี่ชายของมารดาของเจ้าของร่าง
“เจ้าว่ามาเถิดเสี่ยวหลิน”
เจียงไห่เอ่ยบอกกับหลานสาวของตนอย่างยอมรับว่าตอนเองนั้นไร้ความสามารถที่จะสู้กับภรรยาของตนจนทำให้หลานทั้งสามของตนได้รับความขมขื่นมาตลอดเวลาสองปีที่ผ่านมา
“การยอมเพราะรักมากอาจจะเป็นการทำร้ายคนคนนั้นอย่างร้ายแรงที่สุดก็เป็นได้นะเจ้าคะท่านลุง”
“…”
คำพูดของเจียงหลินนั้นช่างเหมือนกับลูกธนูที่พุ่งมาปักลงตรงกลางอกของเจียงไห่ในเวลานี้
เพราะเขานั้นเข้าใจถึงคำพูดนี้ของหลานสาวตนเองเป็นอย่างมาก เพราะในตอนนี้ผลจากการกระทำของเขามันได้ย้อนกลับมาทำร้ายเขาเข้าเสียแล้ว
“เจียงหลิน เจ้านี่มันเนรคุณยิ่งนัก! นี่คือลุงแท้ ๆ ของเจ้าเชียวนะ แต่เจ้ากลับกล้าพูดจาเช่นนี้กับเขาได้อย่างไรกัน”
นางเจียงที่พอจะรู้ความหมายในคำพูดของเด็กสาวตรงหน้าก็รู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก นางจึงได้เอ่ยต่อว่าหลานสาวของสามีด้วยข้อหาที่ค่อนข้างจะรุนแรงไม่น้อย
“มันคือเรื่องจริง…”
“ท่านพี่!”
****************************************************************************************************************
ใครก็ได้ช่วยลากป้าสะใภ้ของยัยน้องไปตบให้สักทีสองทีได้ไหมคะ ไรท์หมั่นไส้นางมากเลยค่ะ