ส่วนบ้านของเจียงหลินนั้นเป็นบ้านสร้างด้วยอิฐชั้นเดียวขนาดสองห้องนอนมีโถงกลางบ้านเอาไว้สำหรับนั่งเล่นกัน ส่วนห้องครัวนั้นอยู่ด้านนอกทางซ้ายมือของบ้าน
ที่ดินมีทั้งหมดห้าหมู่เป็นบ้านหลังสุดท้ายที่อยู่ติดกับตีนเขาเลย โดยที่ดินทั้งห้าหมู่ของเจียงหลินนั้น ท่านพ่อของนางได้สร้างรั้วไม้เอาไว้กันพวกสัตว์ป่าที่ชอบลงมาหาอาหารที่ตีนเขาอยู่บ่อยครั้งเพื่อความปลอดภัย
ถัดจากบ้านของเจียงหลินทางด้านหน้าจึงจะเป็นบ้านของสองสามีภรรยาแซ่จางที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลมากนัก
ที่ดินซ้ายและขวาที่อยู่ติดกับที่ดินของเจียงหลินยังคงเป็นที่ดินว่างเปล่าอยู่ ส่วนด้านหลังบ้านนั้นคือภูเขาที่มีความอุดมสมบูรณ์อยู่ไม่น้อย แต่พวกชาวบ้านหนานเจียงนั้นก็ไม่ค่อยมีใครกล้าขึ้นเขาไปล่าสัตว์มากนัก
เพราะว่าเคยมีเหตุการณ์หมีป่าสังหารชาวบ้านที่ขึ้นไปหาของป่าในถิ่นของมัน จนสร้างความหวาดกลัวให้กับเหล่าชาวบ้านหนานเจียงเป็นอย่างมาก
ส่วนใหญ่ที่ขึ้นเขาไปก็เป็นเพียงบริเวณชายป่าไปจนถึงป่าชั้นนอกเพียงเท่านั้น เพราะตั้งแต่ป่าชั้นกลางเข้าไปจนป่าชั้นในนั้นมีแต่สัตว์ป่าที่ค่อนข้างจะดุร้ายเป็นอย่างมาก
ดังนั้นพวกชาวบ้านจึงขึ้นเขาไปถึงแค่ป่าชั้นนอกเพื่อเก็บฟืนและหาผักป่าเพียงเท่านั้น
ในตอนนี้เจียงหลินกับน้องฝาแฝดของนางเองก็กำลังยืนมองบ้านอิฐชั้นเดียวที่ ดูเก่าและทรุดโทรมตรงหน้าด้วยใจที่เศร้าหมอง
เมื่อก่อนบ้านหลังนี้ต่างก็เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและความสุขของพวกเขาทั้งครอบครัว เพียงแต่ตั้งแต่บิดาของพวกเจียงหลินขึ้นเขาไปกับชาวบ้านเมื่อห้าปีก่อน
แล้วพลัดตกหน้าผาลงไปจนหาศพไม่เจอบ้านหลังนี้ก็เต็มไปด้วยความเศร้าโศก จนเมื่อสองปีก่อนมารดาผู้เป็นที่พึ่งเพียงคนเดียวของสามพี่น้องก็ล้มป่วยแล้วตายจากไป
พวกนางสามคนพี่น้องก็ถูกท่านลุงเจียงไห่พี่ชายของมารดารับไปดูแล แต่ใครเล่าจะไปคาดคิดว่าป้าสะใภ้ที่แต่ก่อนแสนดี อ่อนโยนกับพวกนางจะกลายร่างเป็นนางมารในชั่วข้ามคืนหลังจากที่มารดาของพวกนางจากไปกัน
ยิ่งนานวันเข้าสามพี่น้องบ้านเจียงก็ยิ่งถูกป้าสะใภ้กับลูกสาวของนางรังแกสารพัดจนมาเกิดเรื่องขึ้นในวันนี้ที่ทำให้เจียงหลินคนก่อนจากโลกนี้ไป แล้ววิญญาณของนับดาวที่เข้ามาแทนที่อย่างที่เห็น
“เฮ้อ…ดูเหมือนว่าวันนี้พวกเราจะต้องเหนื่อยกันหน่อยแล้วละนะเจ้าสองแฝดของพี่”
หลังจากที่คิดย้อนอดีตเสร็จเรียบร้อยเจียงหลินก็ได้เอ่ยขึ้นกับน้องฝาแฝดทั้งสองของตนเองด้วยน้ำเสียงติดตลก เพื่อทำให้เด็กน้อยทั้งสองนั้นผ่อนคลายความกดดันลงไป
“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะพี่ใหญ่ ข้ากับเสี่ยวหยวนแข็งแรงมาก สามารถช่วยพี่ใหญ่ทำความสะอาดบ้านได้เจ้าค่ะ”
เป็นเจียงหลานน้อย น้องสาวคนโตของเจียงหลินเอ่ยขึ้นเพื่อปลอบใจพี่สาวของตนด้วยใบหน้าแย้มยิ้มสดใสอย่างไร้เดียงสา
“ใช่ขอรับ ข้ากับเสี่ยวหลานจะช่วยพี่ใหญ่ขอรับ”
ทางด้านเจียงหยวนน้องชายคนเล็กสุดของบ้านเองก็ไม่ยอมให้พี่สาวฝาแฝดได้เอ่ยปลอบพี่สาวเพียงคนเดียว เพราะเจ้าตัวเล็กเองก็อยากจะมีส่วนร่วมกับพี่สาวทั้งสองของตนเองด้วยเช่นกัน
“ขอบใจเสี่ยวหลานกับเสี่ยวหยวนมากนะจ๊ะที่อยากจะช่วยพี่ใหญ่ถึงเพียงนี้”
เจียงหลินเมื่อได้ยินสิ่งที่เด็กน้อยทั้งสองเอ่ยบอกกับตนเองก็รู้สึกเอ็นดูในความน่ารักของน้องฝาแฝดทั้งสองของตนเองเป็นอย่างมาก นางไม่แปลกใจเลยว่าเพราะเหตุใดเจียงหลินคนก่อนถึงได้ฝากให้นางช่วยดูแลพวกเขาเช่นนั้น
ในเมื่อตอนนี้นางก็คือเจียงหลินแล้ว นางย่อมต้องดูแลน้องน้อยทั้งสองของตนเองอย่างดีที่สุดให้ได้ ดียิ่งนักที่ก่อนมาที่นี่คุณยายได้มอบมิติเอาไว้ให้นางติดตัวมาด้วย
แต่นางเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคือมิติแบบไหน แต่นางก็เคยอ่านนิยายแนวทะลุมาพร้อมมิติวิเศษอยู่หลายเรื่องในช่วงสอบเสร็จ
ดังนั้นนางเองก็อดตื่นเต้นกับมิติที่ตนเองมีอยู่ไม่น้อย แต่ส่วนหนึ่งก็ยังอดเสียใจไม่ได้ที่นางยังไม่ได้ทำตามเป้าหมายของตนเองเลย
แต่เมื่อคิดทบทวนอีกครั้งแล้วก็ดูเหมือนว่านางสามารถนำความรู้ที่ได้ร่ำเรียนมาสอนให้กับเจ้าสองแสบของนางในตอนนี้ได้เช่นกันนี่นา
เมื่อคิดได้แบบนั้นเจียงหลินจึงได้รู้สึกสดใสขึ้นมาอีกครั้ง และนางก็ได้เริ่มวางแผนในวันแรกนี้ว่าควรจะทำความสะอาดอะไรก่อนเป็นอันดับแรกดี
“เอาละ ถ้าอย่างนั้นพวกเราเข้าไปช่วยกันทำความสะอาดห้องนอนทั้งสองห้องกันก่อนก็แล้วกันนะ”
“ขอรับ/เจ้าค่ะ”
หลังจากที่เจียงหลินเอ่ยกับน้องน้อยทั้งสองของตนเองเสร็จเรียบร้อยแล้ว สามพี่น้องบ้านเจียงก็เริ่มลงมือทำความสะอาดห้องนอนทั้งสองห้องก่อนในทันที
สามพี่น้องเริ่มเดินตรงเข้าไปภายในบ้านที่ประตูด้านหน้าบ้านในตอนนี้ต่างก็เต็มไปด้วยฝุ่นที่เกาะตัวหนาเกือบหนึ่งนิ้วตรงหน้า ก่อนที่เจียงหลินจะบอกให้น้องทั้งสองคนยืนรออยู่ที่หน้าบ้านห่างจากประตูไปเล็กน้อย
เพื่อเวลาที่นางเปิดประตูฝุ่นจะได้ไม่ลอยไปถูกเด็กน้อยทั้งสอง เมื่อเจียงหลินเห็นว่าน้องฝาแฝดของตนเองยืนห่างพอสมควรแล้ว นางก็ยกชายเสื้อขึ้นมาปิดจมูกของตนเองเอาไว้ ก่อนจะใช้มืออีกข้างที่ว่างผลักบานประตูให้เปิดออก
เพียงแค่ประตูไม้เก่า ๆ ที่มีฝุ่นเกาะตัวหนาได้รับแรงสั่นสะเทือนฝุ่นหนาที่เกาะอยู่ที่บานประตูก็ฟุ้งกระจายเป็นวงกว้าง จนเจียงหลินนั้นแทบจะทนไม่ไหว
ยังดีที่นางเตรียมตัวมาก่อนหน้านี้แล้ว เด็กสาวจึงสามารถผ่านพ้นฝุ่นที่กระจายอยู่ในอากาศเข้าไปภายในบ้านได้ในที่สุด
หลังจากที่เจียงหลินสามารถเข้ามาภายในบ้านได้เป็นที่เรียบร้อย นางก็เดินตรงไปยังบานหน้าต่างที่อยู่ข้าง ๆ บ้านสองบานแล้วทำการเปิดออกเพื่อไล่ฝุ่นและระบายอากาศในทันที
ผ่านไม่ครู่หนึ่งหลังจากที่กลิ่นอับและฝุ่นเริ่มเบาบางลงเจียงหลินจึงได้เดินตรงไปยังห้องนอนใหญ่ที่อยู่ทางด้านซ้ายมือของตนเองก่อนเป็นห้องแรก
เมื่อผลักประตูเปิดเข้าไปด้านในห้องนอนที่เคยเป็นห้องของบิดามารดาของพวกเขามาก่อน ก็พบว่าในตอนนี้มันเป็นเพียงห้องเก่า ๆ ห้องหนึ่งที่มีฝุ่นหนาเกาะเต็มไปหมด ไหนจะหยากไย่อีกมากมายที่เกาะอยู่บนเพดานห้องอย่างหนาแน่นราวกับบ้านร้างนั่นอีก
นอกจากนั้นแล้วห้องนี้ก็เป็นเพียงห้องโล่ง ๆ ห้องหนึ่งที่มีแค่เตียงเก่า ๆ ตั้งอยู่เพียงเท่านั้น
หลังจากที่สำรวจห้องนอนใหญ่เสร็จเรียบร้อยแล้วเจียงหลินก็เดินกลับออกไปเพื่อไปสำรวจห้องนอนเล็กที่เป็นแห่งที่สองต่อในทันที
และห้องนอนเล็กก็ไม่ต่างจากห้องนอนใหญ่เมื่อครู่เลยแม้แต่น้อย เพราะมันก็มีสภาพไม่ต่างกันมากนัก
เมื่อสำรวจจนเสร็จเรียบร้อยเด็กสาวก็เดินกลับออกมาที่หน้าทางเข้าเพื่อมาหาน้องทั้งสองของตนเอง
ทางด้านเจ้าสองแฝดเองก็ช่างรู้ความยิ่งนักเพราะเมื่อพวกเขาเห็นพี่สาวของตนเองเดินเข้าไปภายในบ้านได้แล้ว เด็กน้อยทั้งสองก็วิ่งไปที่บ้านของนางจางเพื่อขอยืมเครื่องมือในการทำความสะอาดบ้าน
ก่อนที่พวกเขาจะรีบวิ่งกลับมารอพี่สาวอยู่ที่บ้านเช่นเดิมอย่างเรียบร้อย ดังนั้นเมื่อเจียงหลินเดินกลับออกมาและกำลังคิดหาเครื่องมือในการทำความสะอาดบ้านอยู่ก็ต้องเผยรอยยิ้มเอ็นดูออกมาอย่างห้ามไม่ได้
เมื่อนางเห็นว่านอกจากน้องทั้งสองของตนเองที่ยืนอยู่หน้าบ้านห่างออกไปไม่ไกลแล้วนั้น ข้าง ๆ ของพวกเขายังมีไม้กวาดและถังน้ำกับผ้าเก่า ๆ ที่เอาไว้ใช้สำหรับทำความสะอาดบ้านเตรียมพร้อมเอาไว้เป็นที่เรียบร้อยอย่างรู้ความเป็นอย่างมาก
พร้อมกันนั้นเด็กน้อยทั้งสองยังส่งยิ้มยิงฟันมาให้กับเจียงหลินอย่างมีความสุข จนเจียงหลินเองที่อดไม่ได้จนต้องเดินเข้าไปนั่งลงตรงหน้าของเจ้าสองแฝดก่อนจะสวมกอดน้องทั้งสองของตนเองด้วยความรักใคร่เอ็นดูอย่างสุดหัวใจในความใสซื่อและน่ารักของพวกเขาทั้งสอง
“รู้ความยิ่งนักนะเจ้าสองแสบของพี่ เก่งมาก ๆ เลยนะทั้งสองคน”
เจียงหลินเอ่ยชมเฉยร่างเล็ก ๆ ในอ้อมกอดทั้งสองด้วยน้ำเสียงอบอุ่น อ่อนโยนอย่างรักใคร่เอ็นดูน้องน้อยทั้งสองคนของตนเอง
แต่นางหารู้ไม่ว่าคำชมที่ตนเองเอ่ยขึ้นกับเด็กน้อยทั้งสองในครั้งนี้นั้นคือครั้งแรกที่พวกเขาทั้งสองได้ยินจากพี่สาวเพียงคนเดียว
ดังนั้นเมื่อเด็กน้อยทั้งสองได้รับคำชมจากพี่สาวที่พวกเขารักมากย่อมต้องรู้สึกดีใจและมีความสุขมากอย่างที่เจียงหลินไม่อาจรู้ได้
*************************************************************************************************************************************
โอ๊ย เจ้าแฝดทั้งสองทำไมว่านอนสอนง่ายขนาดนี้กัน สู้ ๆ ไปกับพี่ใหญ่นะลูกเดี๋ยวพี่ใหญ่ก็ขุนจนอ้วนเอง