LOGINตอนที่29ความสงสัยที่เริ่มปริแตกบรรยากาศยามเช้าที่ร้านเรือนครัวสองหนานเริ่มต้นขึ้นด้วยเสียงตะหลิวประทะกระทะของต้ากู่ และกลิ่นหอมของแป้งทอดสดใหม่ที่ลอยอบอวลไปทั่วบริเวณทว่าท่ามกลางความวุ่นวายตามปกติ กลับมีรังสีบางอย่างแผ่ออกมาจากร่างของเจ้าของร้านสาว หลินหว่านเอ๋อร์ นางยืนกอดอกพิงเสาไม้ สายตาจับจ้องไปที่ มู่ฉางเฟิงราวกับแมวป่าที่กำลังดักซุ่มมองเหยื่อมู่ฉางเฟิงพยายามทำตัวให้กลมกลืนกับบทบาทพ่อค้าผู้ขยันขันแข็งเขาแบกถังน้ำหนักอึ้งเดินผ่านหน้าหว่านเอ๋อร์เพื่อนำไปเติมในครัวทว่าในจังหวะที่เขาออกแรงยกถังขึ้นสูงเพื่อเทน้ำลงโอ่ง แขนเสื้อผ้าป่านที่ขาดรุ่ยเล็กน้อยกลับเลิกขึ้นจนเผยให้เห็น รอยถลอกเป็นทางยาวที่ต้นแขนแกร่ง รอยนั้นแดงก่ำและมีลักษณะเป็นทางยาวเหมือนถูกของแข็งที่มีเสี้ยนขูดอย่างแรงหลินหว่านเอ๋อร์ที่รอจังหวะอยู่แล้ว เดินเข้าไปใกล้จนไหล่แทบชิด แสร้งทำเป็นช่วยประคองถังน้ำพลางเอ่ยขึ้นเสียงเบาแต่กังวาน“ท่านมู่ รอยแผลที่แขนท่าน ดูไปคล้ายรอยขูดของไม้เก่าในโกดังเก็บของไม่มีผิดเลยนะเจ้าคะ ไม่เห็นเหมือนแผลจากการสะดุดล้มหน้าจวนอย่างที่ท่านว่าไว้เลยสักนิด” นางทิ้งระเบิดลูกแรกพลางจ้องตาเขาเขม็
ตอนที่28เงาร้ายในตลาดมืดหลังจากที่มู่ฉางเฟิงทะยานหายออกไปทางหน้าต่างอย่างรวดเร็วประหนึ่งปักษาล่าเหยื่อหลินหว่านเอ๋อร์ที่แสร้งทำเป็นหลับก็ลืมตาขึ้นในความมืด หัวใจของนางเต้นระทึก คำพูดเรื่องมังกรปลาเค็มยังคงก้องอยู่ในหูมันไม่ใช่แค่นิทานแต่มันคือคำสารภาพที่เคลือบด้วยน้ำตาลชัด ๆนางรีบคว้าเสื้อคลุมสีเข้มมาสวมทับ สองเท้าก้าวลงจากเตียงอย่างเงียบกริบ นางแอบมองลอดช่องประตูร้านออกไป เห็นเพียงเงาสีดำสายหนึ่งเลือนหายไปทางกำแพงท้ายตลาด‘คนธรรมดาที่ไหนจะเคลื่อนไหวได้รวดเร็วปานลมพัดเช่นนั้น ท่านมู่ ท่านเป็นใครกันแน่’หลินหว่านเอ๋อร์ใช้ความคุ้นเคยในพื้นที่ ลัดเลาะไปตามตรอกซอกซอยที่มืดมิด นางพยายามรักษาระยะห่าง ไม่ให้เสียงฝีเท้าของนางไปกระทบโสตประสาทอันเฉียบคมของเขา แต่นางหารู้ไม่ว่าทุกฝีก้าวนั้นหาได้พ้นจากประสาทสัมผัสของมิตรสหายในคราบปลาเค็มไม่นางเดินมาจนถึงทางโค้งเข้าสู่ป่าไผ่ท้ายเมือง ยามที่นางกำลังจะก้าวเท้าเข้าสู่ดงมืดมิดนั้นเอง ทันใดนั้น เงาร่างสูงใหญ่ก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าอย่างเงียบกริบราวกับผุดขึ้นมาจากดิน!“เหวอ!!!” หลินหว่านเอ๋อร์อุทานเสียงหลง นางเซหงายหลังแต่กลับมีมือแกร่งคู่หนึ่งคว้าต
ตอนที่27.3คุณพ่ออบอุ่นหลังจากโดนมู่ฉางเฟิงกึ่งลากกึ่งจูงมานั่งที่ โต๊ะพิเศษหน้าเตาไฟ คุณชายไป๋ที่เคยหล่อเหลาสะอาดสะอ้านบัดนี้มีสภาพดูไม่ได้ ใบหน้าเต็มไปด้วยเขม่าควันไฟจนมอมแมม เส้นผมที่มีแป้งสาลีของต้ากู่เกาะอยู่เริ่มจับตัวเป็นก้อนเพราะเหงื่อที่ไหลซึมจากความร้อนของเตา“ข้าว่าข้าคงต้องขอตัวก่อน คุณชายไป๋เอ่ยเสียงพร่าพลางสำลักควันพวยพุ่งเข้าหน้า เขาพยายามจะรักษาท่าทีแต่ขาที่เปียกน้ำชาร้อนๆ ของเสี่ยวชุ่ยเริ่มบวมพองจนเดินไม่ถนัด“อ้าว!!! จะรีบไปไหนเล่าคุณชายพริกของท่านยังนับไม่ครบเลยนะ” มู่ฉางเฟิงเอ่ยพลางยิ้มเย็น แววตาสะใจอย่างเห็นได้ชัดคุณชายไป๋มองไปที่หลินหว่านเอ๋อร์ หวังจะได้รับความเห็นใจ แต่นางกลับกำลังวุ่นอยู่กับการปลอบอาเหมยที่แกล้งร้องไห้เรื่องหนอนในพริก และถูกอาเป่าจ้องมองด้วยสายตาจับผิดประหนึ่งศาลไต่สวน สุดท้ายคุณชายไป๋ก็ทนความกดดันและความร้อนแรง(ทั้งจากเตาและจากสายตามู่ฉางเฟิง) ไม่ไหว“พริกพวกนั้น ข้ายกให้แม่นางหลิน ข้ามีธุระด่วนที่โรงทอผ้า” คุณชายไป๋รีบสะบัดแขนเสื้อแล้ววิ่งกะเผลกกลับไปที่รถม้าอย่างรวดเร็ว ทิ้งขบวนเกวียนพริกไว้เป็นสมบัติของร้านเรือนครัวสองหนานโดยที่ไม่ได้แม้
ตอนที่27.2ความพินาศและหน้าแตกครั้งใหญ่งานเทศกาลโคมไฟประจำเมืองข้างเคียง (บรรยากาศครึกครื้น)ในขณะที่ร้านเรือนครัวสองหนานกำลังเผชิญวิกฤตพริกขาดแคลน ห่างออกไปไม่กี่ลี้ ณ งานเทศกาลใหญ่ของเมืองข้างๆ หลินจางซื่อและหลินเสี่ยวหรู กลับเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ด้วยเพิงอาหารขนาดยักษ์ที่ตกแต่งด้วยผ้าแพรสีฉูดฉาด ป้ายหน้าร้านเขียนตัวโตเด่นหราว่าน้ำซุปหอมอมตะ สูตรลับสะท้านแผ่นดิน“เร่เข้ามาเจ้าค่ะ น้ำซุปที่ปรุงจากสมุนไพรหายากหนึ่งเดียวในตระกูลหลิน ใครกินแล้วจะสดชื่นประหนึ่งเป็นอมตะ วันนี้ข้าเอามาให้พวกท่านชิมแล้ว” หลินจางซื่อป่าวร้องเสียงหลง พลางใช้กระบวยคอยคนน้ำซุปที่กำลังเดือดปุดๆ กลิ่นขิงและพริกไทยป่ารุนแรงโชยฟุ้งจนชาวบ้านที่เดินเที่ยวงานพากันแห่มามุงหลินเสี่ยวหรูสะบัดพัดจีบใบหน้าแต่งแต้มด้วยแป้งหนาเตอะ นางยกข้อมือที่ใส่กำไลทองเส้นหนาหนักโชว์แขกเหรื่อ“ชามละสามสิบอีแปะเท่านั้นนะเจ้าคะ ของดีมีจำกัด สูตรนี้พวกเราต้องใช้แรงกายแรงใจขโมย เอ๊ย! คิดค้นมาแทบตาย”ชาวบ้านหลายสิบคนต่างเบียดเสียดกันเข้ามาอุดหนุน ชายผู้หนึ่งที่หิวกระหายรับชามน้ำซุปไปเป็นคนแรก เขาซดเข้าไปอึกใหญ่ด้วยความคาดหวัง ทว่าทันทีที่น้ำ
ตอนที่27.1ซ้อนกลสูตรลับ บรรยากาศในห้องครัวยามวิกาลยังคงเงียบสงัด มีเพียงเสียงหริ่งหรีดที่กรีดร้องอยู่ด้านนอก แสงจันทร์ที่สาดส่องลอดหน้าต่างเข้ามาพาดทับใบหน้าของ อาเป่าทำให้ดวงตาของเด็กชายดูเป็นประกายคมกล้าผิดจากยามกลางวัน อาถิงยืนตัวสั่นงันงก กระดาษสูตรอาหารในมือที่นางคิดว่าเป็นตั๋วเงินใบใหญ่ บัดนี้กลับรู้สึกร้อนรุ่มประหนึ่งถือถ่านไฟร้อนๆ“พี่อาถิงเงียบไปทำไมหรือขอรับ” อาเป่าก้าวเท้าเข้ามาอีกหนึ่งก้าว เสียงฝีเท้าเล็กๆ นั้นดังก้องในโสตประสาทของอาถิง “หรือว่ากระดาษแผ่นนั้นมันอ่านยากเกินไป พี่เลยต้องใช้เวลาจ้องนานขนาดนี้”“อ้อ ปะ เปล่าจ้ะอาเป่า พี่แค่” อาถิงพยายามรวบรวมสติที่กระเจิดกระเจิง นางรีบยัดกระดาษแผ่นนั้นคืนลงในลิ้นชักอย่างลนลาน“พี่แค่งงน่ะว่าทำไมแม่ของเจ้าถึงวางของสำคัญไว้แบบนี้ พี่เลยกะจะเอาไปเก็บให้มิดชิดกว่าเดิม”อาเป่าขยับยิ้มที่มุมปาก เป็นรอยยิ้มที่ดูเยือกเย็นจนอาถิงขนลุกซู่ เด็กชายชูตำราเล่มหนึ่งที่แอบถือมาด้วยขึ้นมา“ถ้าพี่อยากช่วยแม่ข้าจริงๆ พี่ไม่ต้องห่วงกระดาษพวกนั้นหรอกขอรับ เพราะสูตรลับที่แท้จริงของตระกูลหลินน่ะ ถูกบันทึกไว้ในสมุดปกหนังเล่มนี้ต่างหาก”อาถิงต
26ติ่มซ่ำเปลี่ยนสีกับค่ำคืนนิทานเฉลียวเกินวัย เขาขยับเข้าไปใกล้แล้วถามขึ้นเบา ๆ“ท่านลุงครับจอมยุทธ์คนนี้ลำบากใจไหมครับที่ต้องโกหกหญิงที่รัก เขาไม่กลัวนางจะโกรธหรือครับถ้าความจริงเปิดเผย”มู่ฉางเฟิงชะงักไป มือที่กำลังลูบหัวอาเป่าสั่นไหวเล็กน้อย เขามองลึกเข้าไปในตาเด็กชายแล้วถอนหายใจยาว“เขาอาจจะลำบากใจจนแทบกระอักเลือด แต่สำหรับเขาแล้ว การถูกนางโกรธหรือเกลียดชัง ยังเทียบไม่ได้เลยกับความเจ็บปวดที่ต้องเห็นนางตกอยู่ในอันตรายเพราะตัวตนของเขา เขาจึงเลือกที่จะแบกรับคำโกหกไว้เพียงผู้เดียว เพื่อให้นางยังคงมีรอยยิ้มที่สดใสเช่นนี้ตลอดไป”อาเป่าพยักหน้าช้า ๆ “ถ้าจอมยุทธ์คนนั้นคือท่านลุง ข้าจะช่วยท่านลุงเก็บความลับครับ เพราะข้าก็รักท่านแม่เหมือนกัน” คำพูดของเด็กชายทำเอาหัวใจของมู่ฉางเฟิงกระตุกวูบ เขาโอบกอดอาเป่าไว้แน่น ความเงียบในยามค่ำคืนเต็มไปด้วยความหมายที่ลึกซึ้งเกินกว่าจะอธิบายเป็นคำพูดเพื่อบรรเทาความตึงเครียดจากสงครามเครื่องเทศ มู่ฉางเฟิงจึงเสนอให้ทุกคนพักผ่อนด้วยการไปที่น้ำตกสีทองสถานที่ลับตาคนที่มีสายน้ำใสเย็นสาดกระเซ็นสะท้อนแสงแดดเป็นประกายระยิบระยับ หว่านเอ๋อร์เตรียมตะกร้าติ่มซำและน้ำ







