ログインตอนที่31อำนาจที่น่าเกรงขามภายในเรือนพักหลังร้านเรือนครัวสองหนาน แสงตะเกียงน้ำมันสลัววูบไหวตามแรงลมที่ลอดผ่านร่องไม้หลินหว่านเอ๋อร์ขยับตัวนั่งลงที่ขอบเตียงไม้เก่าๆ มองร่างสูงใหญ่ที่นอนคว่ำหน้าหอบหายใจโรยริน กลิ่นไหม้จางๆ ยังคงติดอยู่ที่เสื้อผ้าที่ขาดรุ่งริ่งของเขา นางค่อยๆ ใช้กรรไกรตัดผ้าไหม้เกรียมรอบบาดแผลออกอย่างเบามือที่สุด เพราะเกรงว่าแรงสั่นสะเทือนเพียงนิดจะทำให้เขาเจ็บปวดไปมากกว่านี้“ท่านมู่ไยท่านถึงใจกล้าบ้าบิ่นเพียงนี้” นางพึมพำเสียงสั่นเครือ น้ำตาหยดหนึ่งหยดลงบนหลังมือนางเองเมื่อผ้าพ้นจากแผ่นหลัง ภาพที่ปรากฏทำให้หว่านเอ๋อร์ถึงกับกลั้นใจ รอยไหม้พาดผ่านไหล่หนาไปจนถึงกลางหลัง ผิวหนังแดงก่ำและมีรอยถลอกลึก นางใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นค่อยๆ ซับคราบเขม่าออกอย่างทะนุถนอม ทุกครั้งที่ปลายนิ้วนางสัมผัสโดนผิวเนื้อมู่ฉางเฟิงจะขยับตัวเล็กน้อยและครางประท้วงในลำคอเบาๆ แววตาของนางเต็มไปด้วยความเวทนาและห่วงใยอย่างปิดไม่มิดนางหยิบกระปุกยาสมานแผลที่ทำจากสมุนไพรพื้นบ้านขึ้นมา ค่อยๆ ทาลงบนรอยไหม้อย่างใจเย็น“อดทนหน่อยนะเจ้าคะ อีกเดี๋ยวท่านก็จะเย็นขึ้นแล้ว” นางเป่าลมเบาๆ ลงบนบาดแผลเพื่อบรรเทาความแสบร
ตอนที่30แผนล่อซื้อกระชากหน้ากากค่ำคืนนี้พระจันทร์ถูกเมฆหนาบดบังจนมืดมิด หลินหว่านเอ๋อร์เพิ่งจะจัดการเก็บล้างอุปกรณ์ทำครัวชิ้นสุดท้ายเสร็จนางตั้งใจจะเดินไปปิดประตูลงกลอนที่รั้วไม้หลังร้านก่อนจะกลับเข้าเรือนพักของนาง ทว่าในจังหวะที่นางกำลังจะเอื้อมมือไปจับดาลประตู สายตาของนางก็เหลือบไปเห็นเงาร่างสูงใหญ่ร่างหนึ่งวูบผ่านกำแพงไปทางตรอกมืดด้วยความระแวงว่าจะเป็นหัวขโมย หลินหว่านเอ๋อร์จึงหยิบไม้พายอันใหญ่ติดมือมาด้วยแล้วแอบมองลอดช่องประตูออกไป นางเห็นชายชุดดำรัดกุมกำลังยืนคุยกับชายอีกคนที่มีรูปร่างคุ้นตาอย่างยิ่งนั่นคือจงซิ่น ในสภาพปลอมตัวเป็นพ่อค้าซอมซ่อ แสงตะเกียงสลัวจากหน้าบ้านคนอื่นสะท้อนให้เห็นใบหน้าคมคายของชายชุดดำที่ยืนหันข้างอยู่ แม้จะเป็นเพียงครู่เดียว แต่นางจำสันจมูกและท่าทางการยืนนั้นได้ติดตา“ท่านมู่” นางพึมพำกับตัวเองด้วยความตกใจนั่นคือมู่ฉางเฟิงไม่ผิดแน่ แต่เขาไม่ได้อยู่ในชุดพ่อค้าที่นางคุ้นเคย เขาดูสง่างามและน่าเกรงขามจนน่าขนลุก ในมือของเขาดูเหมือนจะถือห่อผ้าที่ยาวและแหลมคมคล้ายอาวุธ นางเห็นจงซิ่นก้มหัวให้เขาด้วยความเคารพอย่างที่ไม่เคยทำในร้านมาก่อน ก่อนที่ทั้งคู่จะแยกย้า
ตอนที่29ความสงสัยที่เริ่มปริแตกบรรยากาศยามเช้าที่ร้านเรือนครัวสองหนานเริ่มต้นขึ้นด้วยเสียงตะหลิวประทะกระทะของต้ากู่ และกลิ่นหอมของแป้งทอดสดใหม่ที่ลอยอบอวลไปทั่วบริเวณทว่าท่ามกลางความวุ่นวายตามปกติ กลับมีรังสีบางอย่างแผ่ออกมาจากร่างของเจ้าของร้านสาว หลินหว่านเอ๋อร์ นางยืนกอดอกพิงเสาไม้ สายตาจับจ้องไปที่ มู่ฉางเฟิงราวกับแมวป่าที่กำลังดักซุ่มมองเหยื่อมู่ฉางเฟิงพยายามทำตัวให้กลมกลืนกับบทบาทพ่อค้าผู้ขยันขันแข็งเขาแบกถังน้ำหนักอึ้งเดินผ่านหน้าหว่านเอ๋อร์เพื่อนำไปเติมในครัวทว่าในจังหวะที่เขาออกแรงยกถังขึ้นสูงเพื่อเทน้ำลงโอ่ง แขนเสื้อผ้าป่านที่ขาดรุ่ยเล็กน้อยกลับเลิกขึ้นจนเผยให้เห็น รอยถลอกเป็นทางยาวที่ต้นแขนแกร่ง รอยนั้นแดงก่ำและมีลักษณะเป็นทางยาวเหมือนถูกของแข็งที่มีเสี้ยนขูดอย่างแรงหลินหว่านเอ๋อร์ที่รอจังหวะอยู่แล้ว เดินเข้าไปใกล้จนไหล่แทบชิด แสร้งทำเป็นช่วยประคองถังน้ำพลางเอ่ยขึ้นเสียงเบาแต่กังวาน“ท่านมู่ รอยแผลที่แขนท่าน ดูไปคล้ายรอยขูดของไม้เก่าในโกดังเก็บของไม่มีผิดเลยนะเจ้าคะ ไม่เห็นเหมือนแผลจากการสะดุดล้มหน้าจวนอย่างที่ท่านว่าไว้เลยสักนิด” นางทิ้งระเบิดลูกแรกพลางจ้องตาเขาเขม็
ตอนที่28เงาร้ายในตลาดมืดหลังจากที่มู่ฉางเฟิงทะยานหายออกไปทางหน้าต่างอย่างรวดเร็วประหนึ่งปักษาล่าเหยื่อหลินหว่านเอ๋อร์ที่แสร้งทำเป็นหลับก็ลืมตาขึ้นในความมืด หัวใจของนางเต้นระทึก คำพูดเรื่องมังกรปลาเค็มยังคงก้องอยู่ในหูมันไม่ใช่แค่นิทานแต่มันคือคำสารภาพที่เคลือบด้วยน้ำตาลชัด ๆนางรีบคว้าเสื้อคลุมสีเข้มมาสวมทับ สองเท้าก้าวลงจากเตียงอย่างเงียบกริบ นางแอบมองลอดช่องประตูร้านออกไป เห็นเพียงเงาสีดำสายหนึ่งเลือนหายไปทางกำแพงท้ายตลาด‘คนธรรมดาที่ไหนจะเคลื่อนไหวได้รวดเร็วปานลมพัดเช่นนั้น ท่านมู่ ท่านเป็นใครกันแน่’หลินหว่านเอ๋อร์ใช้ความคุ้นเคยในพื้นที่ ลัดเลาะไปตามตรอกซอกซอยที่มืดมิด นางพยายามรักษาระยะห่าง ไม่ให้เสียงฝีเท้าของนางไปกระทบโสตประสาทอันเฉียบคมของเขา แต่นางหารู้ไม่ว่าทุกฝีก้าวนั้นหาได้พ้นจากประสาทสัมผัสของมิตรสหายในคราบปลาเค็มไม่นางเดินมาจนถึงทางโค้งเข้าสู่ป่าไผ่ท้ายเมือง ยามที่นางกำลังจะก้าวเท้าเข้าสู่ดงมืดมิดนั้นเอง ทันใดนั้น เงาร่างสูงใหญ่ก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าอย่างเงียบกริบราวกับผุดขึ้นมาจากดิน!“เหวอ!!!” หลินหว่านเอ๋อร์อุทานเสียงหลง นางเซหงายหลังแต่กลับมีมือแกร่งคู่หนึ่งคว้าต
ตอนที่27.3คุณพ่ออบอุ่นหลังจากโดนมู่ฉางเฟิงกึ่งลากกึ่งจูงมานั่งที่ โต๊ะพิเศษหน้าเตาไฟ คุณชายไป๋ที่เคยหล่อเหลาสะอาดสะอ้านบัดนี้มีสภาพดูไม่ได้ ใบหน้าเต็มไปด้วยเขม่าควันไฟจนมอมแมม เส้นผมที่มีแป้งสาลีของต้ากู่เกาะอยู่เริ่มจับตัวเป็นก้อนเพราะเหงื่อที่ไหลซึมจากความร้อนของเตา“ข้าว่าข้าคงต้องขอตัวก่อน คุณชายไป๋เอ่ยเสียงพร่าพลางสำลักควันพวยพุ่งเข้าหน้า เขาพยายามจะรักษาท่าทีแต่ขาที่เปียกน้ำชาร้อนๆ ของเสี่ยวชุ่ยเริ่มบวมพองจนเดินไม่ถนัด“อ้าว!!! จะรีบไปไหนเล่าคุณชายพริกของท่านยังนับไม่ครบเลยนะ” มู่ฉางเฟิงเอ่ยพลางยิ้มเย็น แววตาสะใจอย่างเห็นได้ชัดคุณชายไป๋มองไปที่หลินหว่านเอ๋อร์ หวังจะได้รับความเห็นใจ แต่นางกลับกำลังวุ่นอยู่กับการปลอบอาเหมยที่แกล้งร้องไห้เรื่องหนอนในพริก และถูกอาเป่าจ้องมองด้วยสายตาจับผิดประหนึ่งศาลไต่สวน สุดท้ายคุณชายไป๋ก็ทนความกดดันและความร้อนแรง(ทั้งจากเตาและจากสายตามู่ฉางเฟิง) ไม่ไหว“พริกพวกนั้น ข้ายกให้แม่นางหลิน ข้ามีธุระด่วนที่โรงทอผ้า” คุณชายไป๋รีบสะบัดแขนเสื้อแล้ววิ่งกะเผลกกลับไปที่รถม้าอย่างรวดเร็ว ทิ้งขบวนเกวียนพริกไว้เป็นสมบัติของร้านเรือนครัวสองหนานโดยที่ไม่ได้แม้
ตอนที่27.2ความพินาศและหน้าแตกครั้งใหญ่งานเทศกาลโคมไฟประจำเมืองข้างเคียง (บรรยากาศครึกครื้น)ในขณะที่ร้านเรือนครัวสองหนานกำลังเผชิญวิกฤตพริกขาดแคลน ห่างออกไปไม่กี่ลี้ ณ งานเทศกาลใหญ่ของเมืองข้างๆ หลินจางซื่อและหลินเสี่ยวหรู กลับเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ด้วยเพิงอาหารขนาดยักษ์ที่ตกแต่งด้วยผ้าแพรสีฉูดฉาด ป้ายหน้าร้านเขียนตัวโตเด่นหราว่าน้ำซุปหอมอมตะ สูตรลับสะท้านแผ่นดิน“เร่เข้ามาเจ้าค่ะ น้ำซุปที่ปรุงจากสมุนไพรหายากหนึ่งเดียวในตระกูลหลิน ใครกินแล้วจะสดชื่นประหนึ่งเป็นอมตะ วันนี้ข้าเอามาให้พวกท่านชิมแล้ว” หลินจางซื่อป่าวร้องเสียงหลง พลางใช้กระบวยคอยคนน้ำซุปที่กำลังเดือดปุดๆ กลิ่นขิงและพริกไทยป่ารุนแรงโชยฟุ้งจนชาวบ้านที่เดินเที่ยวงานพากันแห่มามุงหลินเสี่ยวหรูสะบัดพัดจีบใบหน้าแต่งแต้มด้วยแป้งหนาเตอะ นางยกข้อมือที่ใส่กำไลทองเส้นหนาหนักโชว์แขกเหรื่อ“ชามละสามสิบอีแปะเท่านั้นนะเจ้าคะ ของดีมีจำกัด สูตรนี้พวกเราต้องใช้แรงกายแรงใจขโมย เอ๊ย! คิดค้นมาแทบตาย”ชาวบ้านหลายสิบคนต่างเบียดเสียดกันเข้ามาอุดหนุน ชายผู้หนึ่งที่หิวกระหายรับชามน้ำซุปไปเป็นคนแรก เขาซดเข้าไปอึกใหญ่ด้วยความคาดหวัง ทว่าทันทีที่น้ำ







