LOGINตอนที่
8
ปิดบัญชีญาติชั่วและอิสรภาพ
ยามโหย่วใกล้สิ้นสุด (18.45 น.)
เสียงตะโกนเกรี้ยวกราดดังมาแต่ไกล หลินจางซื่อเดินเข้ามาที่กระท่อมด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยมในชุดเสื้อผ้าที่หนาและดูดีกว่านางหลายเท่า นางเชื่อว่าหลานสาวไม่มีทางหาเงินได้ทันแน่นอน
“หว่านเอ๋อร์ ออกมา!!! หมดเวลายืดเยื้อแล้ว เงินสิบพวงของข้าอยู่ที่ไหน ฮ่าๆ ๆ ไม่มีปัญญาก็เอาเด็กสองคนนั้นมาให้ข้า ข้าจะให้มันไปทำงานใช้หนี้แทนแม่ของมัน”
หลินหว่านเอ๋อร์เปิดประตูออกมาด้วยใบหน้านิ่งๆ แต่เต็มไปด้วยความมั่นใจ ดวงตาของนางส่องประกายแห่งชัยชนะ นางเดินเข้าไปในบ้านและหยิบถุงผ้าที่บรรจุเหรียญออกมาวางลงบนโต๊ะไม้เก่าๆ และแกะปมผ้าออก
แก๊ง!!! แก๊ง!!! เสียงของเหรียญกระทบกันดังสนั่นหวั่นไหว หลินจางซื่อรีบปรี่เข้าไปนับเงิน
“ป้าจาง” หลินหว่านเอ๋อร์กล่าวด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น “นี่คือเงินสิบพวง เงินต้นและดอกเบี้ยที่ท่านป้าเรียกร้อง”
หลินจางซื่อกำลังจะอ้าปากเยาะเย้ยถึงความพยายามที่ไร้สาระของหลานสาวแต่ใบหน้าของนางพลันซีดเผือด เมื่อแอบเห็นว่าเงินมากมายอยู่ในถุงผ้าของนาง พร้อมทั้งก้อนเงินแท้ที่นางตั้งใจถือขึ้นมาเพื่อให้หลินจางซื่อได้เห็น
หลินเสี่ยวหรู ลูกสาวของหลินจางซื่อ ซึ่งยืนเท้าสะเอวอยู่ด้านหลังของมารดาด้วยท่าทางยโสรีบเดินเข้ามาดู เมื่อเห็นถุงเงินที่เต็มไปด้วยเหรียญทองแดงจำนวนมาก และที่สำคัญก้อนเงินแท้ที่ส่องประกายอยู่ข้างๆ นางถึงกับร้องออกมาด้วยความตกใจและริษยา
“ท่านแม่ไหนท่านแม่บอกว่านางไม่มีปัญญาหาเงินมาใช้หนี้แล้วท่านแม่จะให้ลูกของมันไปเป็นทาสเราและท่านแม่ก็คิดว่ามันจะตามลูกมันไปเป็นทาสด้วย” หลินเสี่ยวหรูโวยวายเสียงแหลม “แต่เงินนี่มัน มันมาจากไหนกันเงินมากมายขนาดนี้”
หลินจางซื่อรีบหันไปตบแขนลูกสาวเบาๆ “หุบปากไปก่อนเสี่ยวหรู นี่มันเรื่องอะไรกันเจ้าไปเอาเงินมาจากไหนหว่านเอ๋อร์ เจ้าไปลักขโมยของใครมา”
“ป้าจาง” หลินหว่านเอ๋อร์ตวาดกลับทันควัน ดวงตาของนางวาวโรจน์ด้วยความโกรธแค้นที่ถูกดูถูกเหยียดหยามซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“ท่านป้าจงระวังปากของท่านให้ดี เงินนี้มากจากการทำอาหารอย่างสุจริตของข้า เงินทุกบาทที่ข้าได้มาด้วยหยาดเหงื่อของข้า อย่าเอาความคิดสกปรกของท่านมาตัดสินผู้อื่น”
หลินเสี่ยวหรูเริ่มวิตกกังวล นางดึงแขนเสื้อของมารดาอย่างแรง
“ท่านแม่พอได้แล้ว รีบเอาเงินแล้วก็ไปได้แล้ว ถ้าหากนางไปฟ้องทางการขึ้นมาล่ะท่านแม่”
คำพูดของหลินเสี่ยวหรูทำให้แม่ของนางยอมกลับไป แต่นางก็หันไปมองก้อนเงินแท้ในมือของหลินหว่านเอ๋อร์อีกครั้งด้วยความริษยาอย่างที่สุด เงินก้อนนี้เพียงพอที่จะทำให้ชีวิตของนางและลูกดีขึ้นได้
เมื่อเห็นว่าไม่สามารถหาเหตุผลใดมาโต้แย้งได้อีก และนางก็กลัวบทลงโทษถ้าหลินหว่านเอ๋อร์นำเรื่องไปฟ้องทางการ
“จำไว้ หว่านเอ๋อร์” หลินจางซื่อกระชากถุงเงินสิบพวงไปอย่างเร่งรีบ “อย่าคิดว่าเจ้าจะสบายได้ ข้าจะคอยดูว่าเจ้าจะไปได้ไกลแค่ไหน อีกไม่นานเจ้าคงคิดอยากจากโลกนี้ไปอีกเหมือนที่เจ้าเคยทำ”
“ท่านยายอย่ามาพูดให้ท่านแม่ของข้าอย่างนี้ กลับไปเลย อย่ามาวุ่นวายกับท่านแม่ของข้าอีก” อาเหมยพูดแล้วก็น้ำตาคลอเหมือนเข้าใจว่าตอนนี้มารดาของนางกำลังโดนต่อว่า
“ไม่เป็นไรหรอกอาเหมย แม่ไม่เป็นไรเจ้าอย่าร้องไห้เลยนะ” หลินหว่านเอ๋อร์อุ้มลูกสาวตัวน้อยขึ้นมาไว้แนบอก
หลินเสี่ยวหรูรีบเดินตามมารดาออกจากกระท่อมไปทันที ทิ้งไว้เพียงความเงียบและฝุ่นควันแห่งความพ่ายแพ้
หลินหว่านเอ๋อร์มองตามหลังญาติชั่วจนแน่ใจว่าไปแล้ว นางจึงรีบปิดประตูลงเบาๆ ก่อนจะหันมามองลูกๆ ที่กำลังมองนางด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใย
“อาเป่า อาเหมย” หลินหว่านเอ๋อร์กล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“เราเป็นอิสระแล้วนะลูก” นางสวมกอดลูกทั้งสองไว้แน่น นี่คือวันที่นางและลูกๆ ได้หลุดพ้นจากตวามยากจนและญาติชั่วอย่างสมบูรณ์
นอกกระท่อม
ในความมืดสลัวของยามโหย่ว มู่ฉางเฟิงในชุดชาวบ้านธรรมดา ยืนอยู่ใต้ต้นหลิวใหญ่ที่ห่างจากกระท่อมของหลินหว่านเอ๋อร์ไปเพียงไม่กี่สิบก้าว ข้างกายเขาคือจงซิ่นองครักษ์ผู้เงียบขรึม
พวกเขามาถึงตั้งแต่ก่อนที่หลินจางซื่อจะเข้ามาโวยวาย และได้ยินทุกคำพูดตั้งแต่การข่มขู่ ดูถูก ไปจนถึงเสียงร้องไห้ของอาเหมย
จงซิ่นเองก็ดูพอใจที่เห็นหลินหว่านเอ๋อร์ทำให้หลินจางซื่อยอมแพ้หลินหว่านเอ๋อร์ไป แต่เขาเห็นว่าหลินจางซื่อมองหลินหว่านเอ๋อร์ด้วยสายตาร้ายๆ
ตอนที่14เนรมิตเรือนไม้ทำเลทอง (2) หลินหว่านเอ๋อร์สวมชุดเรียบง่ายแต่สะอาดสะอ้าน นางจูงมืออาเป่าสะพายถุงผ้าขนาดใหญ่ เดินเข้าไปในตลาดด้วยความมั่นใจเพื่อเฟ้นหาวัตถุดิบพิเศษสำหรับเมนูเปิดร้าน ก่อนออกมา นางได้ขอให้จงซิ่น ซึ่งมาดูผลงานของคนงาน ช่วยดูแลอาเหมยเป็นการชั่วคราว “อาเป่า” นางกระซิบ “วันนี้เราต้องหาพริกไทยดำเม็ดเล็กและสมุนไพรใบหยกมาให้ได้นะเพื่อทำน้ำซุปของเรา” “ได้ขอรับท่านแม่ ข้าจะถามทุกร้านที่คิดว่ามีเลยขอรับ” “เยี่ยมมากเลยลูก ช่างเป็นลูกชายที่ช่วยแม่ได้เก่งที่สุดเลยลูก” “ข้าอยากทำอาหารเก่งเหมือนท่านแม่ขอรับ” อาเป่ากล่าวด้วยแววตาเป็นประกาย “เจ้าต้องทำอาหารเก่งเหมือนแม่แน่ๆ เดี๋ยวแม่สอนให้ลูกทุกอย่างเลย” อาเป่ายิ้มให้กับแม่แล้วก็เดินนำหน้ามารดาเพื่อตามหาเครื่องเทศที่มารดาต้องการ เมื่อเดินไปถึงแผงขายเครื่องเทศที่ใหญ่ที่สุด หลินหว่านเอ๋อร์กำลังจะเอ่ยปากสั่งซื้อ ทันใดนั้นเสียงตะโกนกึกก้องก็ดังขึ้นจากด้านหลัง “พ่อค้า เครื่องเทศชั้นดีทั้งหมดที่เจ้ามี ข้าเหมาหมด” นายจ้างจู เจ้าของร้านบะหมี่ชื่อดังในย่านนั้น ปรากฏตัวขึ
ตอนที่14เนรมิตเรือนไม้ทำเลทอง หลินหว่านเอ๋อร์ในเรือนไม้ที่แม้จะดูใหญ่โตแต่ก็ยังว่างเปล่า นางใช้กระดานไม้ที่หามาได้วางบนโต๊ะกลาง แล้วใช้ถ่านวาดผังโครงสร้างภายในร้านด้วยสีหน้าจริงจัง “เอาล่ะลูกรัก” นางกล่าวกับอาเป่าและอาเหมยที่นั่งมองแม่อย่างสงสัย “ร้านของเราจะต้องไม่เหมือนร้านอื่นๆ ในเมืองนี้” นางลากเส้นแบ่งพื้นที่ในครัวอย่างชัดเจน “ตรงนี้จะเป็นส่วนเตรียมวัตถุดิบต้องสะอาดและมีแสงสว่างเพียงพอ ส่วนตรงนี้จะเป็นส่วนทำอาหารซึ่งต้องอยู่ใกล้กับช่องระบายอากาศและเตา” หลินหว่านเอ๋อร์อธิบายการออกแบบเตาใหม่ที่นางวางแผนไว้ “ท่านแม่จะก่อเตาแบบพิเศษ ที่ใช้ฟืนน้อยลงแต่เก็บความร้อนได้ดี ทำน้ำซุปและน้ำแกงของเรามีรสชาติคงที่ตลอดทั้งวัน” นางยังจะสั่งให้ช่างทำชั้นวางเครื่องปรุงให้แยกจากกันอย่างเป็นระเบียบตามประเภท โดยเน้นเรื่องความสะอาดและถูกสุขลักษณะเป็นหลัก อาเป่าในฐานะผู้จัดการการเงินตัวน้อย นั่งถือสมุดบันทึกและพู่กันด้วยท่าทางเคร่งขรึม เมื่อเห็นแม่วาดผังและสั่งการให้ซื้อวัตถุดิบราคาแพง เขาก็รีบท้วงขึ้นทันที “ท่านแม่ขอรับ” อาเป่าชี้ไปที่รายการซื้อไม้ชั้น
ตอนที่13เรือนไม้ทำเลทอง รถม้าของพวกเขาแล่นเข้าสู่ตลาดใหญ่ในเมืองและสุดท้ายก็เลี้ยวเข้าสู่ซอยเล็กๆ ที่มีกลิ่นอับชื้นและดูเก่าแก่ เมื่อถึงจุดหนึ่ง จงซิ่นก็หยุดรถม้า แล้วชี้ไปยังห้องแถวไม้เก่าๆ ที่เอียงกระเท่เร่เล็กน้อย ซึ่งอยู่ติดกับกองลังไม้และกองขยะของร้ายขายเนื้อที่ส่งกลิ่นไม่พึงประสงค์ออกมา “ท่านจงซิ่น” หลินหว่านเอ๋อร์ถึงกับทำหน้าเหยเกด้วยความผิดหวัง “ท่านแน่ใจหรือเจ้าคะว่านี่คือ เรือนไม้ทำเลทอง ข้าว่ามันเป็น เรือนไม้ทำเลซ่อนมากกว่านะเจ้าคะ” จงซิ่นมองตามที่นางชี้ แล้วอดไม่ได้ที่จะยิ้มเล็กน้อยอย่างที่ไม่ได้ยิ้มมานาน “แม่นางหลินเข้าใจผิดแล้วขอรับ” เขาผายมือไปยังเรือนไม้อีกหลังที่อยู่ถัดจากห้องแถวโทรมๆ ไปเพียงหนึ่งคูหา “เรือนไม้ทำเลทองที่แท้จริงอยู่ที่นั่นขอรับ” หลินหว่านเอ๋อร์หันไปมองตามมือของจงซิ่น แล้วต้องอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง เรือนไม้หลังนั้นใหญ่กว่าห้องแถวที่นางเห็นในตอนแรกถึงสามเท่า มันเป็นอาคารสองชั้นที่สร้างด้วยไม้ชั้นดี มีหน้าต่างบานใหญ่กรุกระจกใสสะอาด และมีป้ายไม้เนื้อดีแขวนอยู่ด้านหน้า “นี่คือทำเลทองท
ตอนที่12เป็นที่สนใจ คุณชายเว่ยกล่าวต่อด้วยรอยยิ้มที่ทำให้หลินหว่านเอ๋อร์ใจหายวาบ “แม่นางสามารถใช้หนี้ได้ในพริบตาเดียว และยังมีฝีมือการทำอาหารได้อร่อยล้ำลึกจนข้าเองก็อยากลิ้มรส...” เว่ยจื่อเหยียนเอ่ยขึ้นมาพร้อมกับใช้สายตาที่ไม่บอกก็รู้ว่าเขากำลังหมายถึงทั้งอาหารที่ลิ้มรสและหมายถึงคนทำบะหมี่ไข่มังกร คำพูดของเขาทำให้หลินหว่านเอ๋อร์หน้าแดงเล็กน้อย แต่นางก็เก็บอาการไว้ทันที นางตระหนักได้ว่าตนเองถูกบุรุษสูงศักดิ์ถึงสองคนจับจ้อง นางหันกลับไปเผชิญหน้ากับจงซิ่นด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความระแวง “ท่านจงซิ่น” หลินหว่านเอ๋อร์กดเสียงต่ำ “เจ้านายของท่านต้องการส่วนแบ่งอะไรจากข้ากันแน่” “ต้องการให้อาหารของเจ้าเป็นที่รู้จักอย่างไรเล่า” จงซิ่นตอบนางแล้วก็มองดูลูกๆ ของนางที่กำลังเกาะขาของนางอยู่ อีกคนก็มองหน้าจงซิ่นสลับกับเว่ยจื่อเหยียน “เอาล่ะข้าตกลงที่จะเปิดร้านของข้าที่เรือนไม้ทำเลทองของนายท่านของท่านแต่ข้ามีเงื่อนไข” “เงื่อนไขอะไรขอรับ” จงซิ่นที่กำลังรอคำตอบจากหลินหว่านเอ๋อร์ เว่ยจื่อเหยียนก็พูดแทรกขึ้นมา “ข้าต้องขอตัวก่อนแม่นางหลิน เมื่อไหร่ที่เ
ตอนที่11เงินลงทุนหลินหว่านเอ๋อร์ตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกเบาสบายอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน นางลุกขึ้นอย่างเงียบๆ และเดินไปยังที่ซ่อนเงินที่ขุดไว้ใต้พื้นดิน นางนำถุงผ้าออกมาอย่างระมัดระวัง เมื่อคลี่ดูเงินที่รวบรวมมาได้ นางก็นับจำนวนอย่างละเอียด“บะหมี่ที่ขายได้เมื่อวาน ค่าแรงที่จงซิ่นให้มันมากมายเหลือเกิน และดวงตาของหลินหว่านเอ๋อร์เบิกกว้างเมื่อเห็นก้อนเงินแท้ที่สลักอย่างสวยงาม วางอยู่ปะปนกับอีแปะ นางจำได้ว่าเงินก้อนนี้เป็นของลูกค้าที่ยกบะหมี่ชามสุดท้ายให้กับอาเหมย “ลูกค้าลึกลับผู้สั่งบะหมี่คนนั้น เขาเป็นใครกันแน่และเหตุใดจึงให้ก้อนใหญ่เกินความจำเป็นเช่นนี้ เขาต้องการอะไร” ความสงสัยเริ่มก่อตัวขึ้นในใจของเชฟสาวทะลุมิติมา แต่นางก็เก็บความสงสัยไว้ก่อนเพราะความจำเป็นในการเริ่มต้นชีวิตใหม่นั้นสำคัญกว่าความสงสัยในตอนนี้นางตัดสินใจซ่อนเงินก้อนนั้นไว้ในตัวเพื่อใช้เป็นทุนสำรองและเริ่มปลุกลูกๆ“อาเป่า อาเหมย” หลินหว่านเอ๋อร์เรียกลูกทั้งสองของนางที่ตอนนี้กำลังนอนงัวเงียไม่ยอมตื่นอาจจะเป็นเพราะเมื่อวานเด็กทั้งสองช่วยงานแม่อย่างหนักและเหนื่อยมากๆ นางยื่นแก้มไปแนบกับแก้มของบุตรชายและบุตรสาวเบ
ตอนที่10ราตรีกาลอันตราย (2) นักเลงเสี่ยวซ่านกำลังก้มดูรองเท้าที่เปื้อนขี้หมาอย่างรังเกียจ ขณะที่ไอ้หู่กำลังจะเริ่มปฏิบัติการงัดประตู ฉัวะ!!! เงามืดที่ว่องไวดุจสายฟ้าก็พุ่งลงมา จงซิ่นเคลื่อนไหวราวกับนักล่าผู้สง่างาม คราวนี้เขาใช้เทคนิคที่เน้นความเฉียบขาดเพื่อปิดปากพวกมันทันที ตูม!!! จงซิ่นใช้สันมือที่แข็งแกร่ง กระแทกเข้ามาที่จุดรวมเส้นประสามบริเวณคอของนักเลงไอ้หู่ที่กำลังยื่นมือไปเกาคอตัวเองอย่างแม่นยำ ร่างของมันล้มพับลงไปกองกับพื้นโดยไม่มีแม้แต่เสียงร้องด้วยความเจ็บปวด จงซิ่นหมุนตัวอย่างรวดเร็ว นักเลงเสี่ยวซ่านกำลังจะร้องโวยวายด้วยความตกใจ “แกเป็นใครวะ” ผัวะ!!! จงซิ่นใช้ฝ่ามือกระแทกที่กระพุ้งแก้มของมันอย่างรุนแรงแต่รวดเร็ว ทำให้เสี่ยวซ่านลิ้นพันกันและไม่สามารถเปล่งเสียงออกมาได้ จากนั้นจึงใช้เท้าเกี่ยวขาให้ล้มลง โดยจงใจให้เท้าเปื้อนขี้หมาเหยียบใบหน้าของไอ้หู่ที่สลบไปแล้ว ก่อนจะใช้ฝ่ามือกระแทกที่ท้ายทอย มันไม่ได้ตั้งตัว ก็แน่นิ่งไปในทันที ทุกอย่างเกิดขึ้นในเสี้ยววินาที จงซิ่นจัดการมัดร่างนักเลงทั้งสองไว้กับลำต้นหลิวอย่างร







