แชร์

บทที่ 32 ชีวิตนั้นไม่แน่นอน (ครึ่งแรก)

ผู้เขียน: ฮาจิฮาจิ
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-07-21 17:28:15

บทที่ 32

ชีวิตนั้นไม่แน่นอน (ครึ่งแรก)

            เมื่อจิ่นเซี่ยเข้ามา ทุกอย่างก็จบลงแล้ว

            แต่ถึงอย่างนั้น ระหว่างที่กำลังมัดโจรทั้งสาม จอมยุทธ์หนุ่มจิ่นเซี่ยยังคงมองชุนกับลู่ซินฟางด้วยแววตาประหลาดใจปนสงสัยไม่หาย เพราะไม่คิดว่าสตรีทั้งสองจะเก่งกาจขนาดนี้

            จิ่นเซี่ยกับชุนช่วยกันจับคนร้าย แล้วส่งให้กับศาลาการประจำเมืองเล่ออัน 

            โจรทั้งสามได้รับโทษตามกฎหมาย ตอนนี้ถูกขังในคุก โจรคนหนึ่งเกาะกรงขัง วิงวอนกับลู่ซินฟาง ทั้งยังสารภาพเรื่องราวทั้งหมดออกมา

            “เถ้าแก่เนี้ยลู่…เจียงลิ่วเป็นคนบงการ นางข่มขู่ข้า ท่านช่วยปล่อยข้าไปเถอะ อย่าเอาผิดข้าถึงตายเลย”

            ลู่ซินฟางมองโจรคนนั้นด้วยสายตาที่บอกว่า ‘ไม่ผิดจากที่คาด’ นางเองก็คิดว่าต้องเป็นฝีมือของเจียงลิ่ว

            ว่าก็ว่าเถอะ เหตุการณ์นี้จะไม่เกิดหากกงเยียนซูไม่คอยชักจูงอยู่เบื้องหลัง เรื่องในครั้งนี้กงเยียนซูมีส่วนเอี่ยวเต็มๆ   

            ทว่า คืนนี้นางเหนื่อยแล้ว ไม่อยากเจรจากับใคร ไม่อยากคิดอะไรให้ยุ่งยาก อยากรีบกลับไปหาลูกๆ ด้วยเหตุนี้เอง ตอนที่กงเยียนซูตาลีตาเหลือกรีบมาแก้ตัว นางจึงบอกให้เขากลับไปก่อน 

            …

            ในเช้าวันรุ่งขึ้น ผู้ตรวจการให้คนมาเชิญลู่ซินฟางไปที่ศาลาว่าการเพื่อฟังการไต่สวนคดี หลางไป๋พอมาถึงร้านแล้วทราบเรื่อง แน่นอนว่าต้องโกรธจัด และยังขอตามมาฟังการตัดสินคดีด้วย

            เมื่อทั้งสองมาถึงศาลาว่าการ ก็เห็นเจียงลิ่วคุกเข่าบนพื้น ครอบครัวของนางอยู่กันครบ 

            ลู่ซินฟางไล่สายตามองพวกเขาทีละคน

            ตงตงกับเม่ยเม่ย ลูกชายกับลูกสาวกอดเจียงลิ่วพร้อมกับสะอื้นไห้อย่างน่าสงสาร 

            คนที่ยืนอยู่ข้างๆ คือจางต้วน สามีของเจียงลิ่วที่มีสีหน้าตรึงเครียด คงจะโกรธเป็นอย่างมาก ยังมีชายหญิงสูงวัยคู่หนึ่ง ร้องไห้น้ำตานองหน้า คาดว่าคงเป็นท่านพ่อท่านแม่ของเจียงลิ่ว

            ศาลาว่าการตอนนี้เต็มไปด้วยเสียงร้องไห้ เห็นแบบนั้นแล้ว ลู่ซินฟางก็ยิ่งรู้สึกสังเวช ทั้งที่เป็นครอบครัวใหญ่มีแต่คนรัก แต่เจียงลิ่วกลับปล่อยให้ความริษยาบดบังสายตาทำเรื่องโง่เขลา

            ตอนเห็นลู่ซินฟางเดินเข้ามาในศาลาว่าการ เจียงลิ่วจ้องมองนางตาเขม็ง

            “ดูแล้วไม่สำนึกเลยนะขอรับ” หลางไป๋กระซิบกับลู่ซินฟาง

            ลู่ซินฟางพยักเบาๆ ให้กับหลางไป๋

            “ผู้หญิงสกปรกอย่างเจ้า มาที่นี่เพื่อจะซ้ำเติมข้าอย่างนั้นสิ? ทำข้าตกต่ำจนกลายเป็นเช่นนี้แล้ว ยังไม่สาแก่ใจเจ้าอีกหรือ”

            ทันทีที่เห็นลู่ซินฟางย่างเท้าเข้ามาในศาลาว่าการ เจียงลิ่วตะโกนด่าทอ โดยไม่มีท่าทีสำนึกผิดแม้แต่น้อย 

            ลู่ซินฟางเหลือบมองเจียงลิ่วด้วยความเวทนา มาถึงขนาดนี้แล้ว แต่ยังแสดงความจองหอง เจียงลิ่วเอ๋ย ช่างโง่เขลายิ่งนัก...

ลู่ซินฟางคิดแล้วก็ส่ายหน้าด้วยความเอือมระอา 

“อะไร…สีหน้าแบบนั้น เจ้าอยากพูดอะไรก็พูดออกมาเลยสิ!”

            “เจียงลิ่ว เจ้าอย่าได้หลงลำพองไปนักสิ ชีวิตของเจ้าไม่คู่ควรให้ข้าสนใจเลยสักนิด แล้วข้าจะไปหาเรื่องเจ้าทำไมก่อน อีกอย่างหนึ่ง คนที่ทำเจ้าตกต่ำคือตัวเจ้าเอง ถ้าอยู่ใครอยู่มัน เรื่องเช่นนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น”

            “แม่หม้ายสามีทิ้งอย่างเจ้าอย่าบังอาจมาสั่งสอนข้า! อยู่ใครอยู่มันหรือ แค่เห็นหน้าเจ้าก็รู้สึกรังเกียจจะแย่แล้ว”

            แม่หม้ายเอย สามีทิ้งเอย ตั้งแต่มาโลกทางนี้ หลางไป๋ได้ยินคำดูถูกนายหญิงแบบนี้มาตลอด ทั้งที่ความจริงแล้ว นายหญิงของตนยังไม่ได้แต่งงานเลยด้วยซ้ำ

            “นายหญิงของข้ายังไม่ได้แต่ง...”

            หมาป่าหนุ่มโพลงใส่เจียงลิ่วอย่างเหลืออด แต่ยังพูดไม่ทันจบดี ก็ถูกลู่ซินฟางเรียกรั้งไม่ให้หลุดคำพูดที่เหลือออกมา

            “หลางไป๋” 

            จริงอยู่ ลู่ซินฟางในโลกก่อนนั้นยังไม่ได้แต่งงาน แต่เจ้าของร่างที่วิญญาณของนางเข้ามาสวมแทนนี้ แต่งงานมีลูกแล้ว และถูกสามีทิ้งจริงๆ

            แต่…พูดไปใครจะเชื่อ

            ในขณะที่ลู่ซินฟางกำลังห้ามหลางไป๋ ฝั่งจางต้วนก็ตะคอกใส่เจียงลิ่ว แล้วสั่งให้นางหุบปาก  

            “เจียวลิ่ว หุบปากซะ!”

            เจียงลิ่วเม้มปากแน่นสนิท

            การที่เจียงลิ่วกลัวสามีมากขนาดนั้น ไม่ใช่เพราะจางต้วนใช้กำลังปกครองลูกเมีย แต่ผู้ชายคนนี้ ปกติแล้วเป็นคนนิ่งเฉย ขยันทำมาหากิน ไม่ยุ่งเรื่องชาวบ้าน คนอย่างเจียงลิ่วได้ผู้ชายดีๆ อย่างจางต้วนเป็นสามีนับว่าเป็นบุญวาสนาของนาง แปดในสิบส่วน เจียงลิ่วยังต้องเกรงใจสามี

            เมื่อเจ้าหน้าที่ศาลาว่าการมากันครบ การไต่สวนจึงเริ่มขึ้น 

            คนร้ายทั้งสามถูกพาตัวเข้ามา ผู้บุกรุกหนึ่งในสามคือญาติผู้พี่ของเจียงลิ่วชื่อว่าเจียงฉิน เป็นอดีตอันธพาล มีคดีติดตัวนับไม่ถ้วน ส่วนใหญ่เป็นคดีลักทรัพย์และก่อเรื่องต่อยตีกับผู้อื่น ไม่กี่วันก่อน เจียงลิ่วจ้างวานเจียงฉินให้ไปขโมยโฉนดจากลู่ซินฟาง

            ตอนผู้ตรวจการไต่สวนมาถึงตรงนี้ กงเยียนซูก็มาถึงศาลาว่าการ

            ผู้ตรวจการยืนขึ้นเพื่อให้ความเคารพชายหนุ่ม

            ว่าตามจริง ในที่สถานที่นี้ผู้ตรวจการมีตำแหน่งสูงที่สุด แต่กลับยืนขึ้นต้อนรับกงเยียนซู เดาว่าฐานะแท้จริงของผู้ชายคนนี้ไม่ใช่แค่เจ้าของโรงเตี๊ยมธรรมดา

            ถึงอย่างนั้น ลู่ซินฟางกลับมองชายหนุ่มแบบผ่านๆ

            การไต่สวนคดีดำเนินต่อไป เจียงลิ่วอ้างว่าโฉนดนั้นเป็นของบ้านตน ถึงขั้นนี้แล้ว นางก็ยังไม่ยอมรับผิด

            แต่อย่างที่ทุกคนรู้ จากคดี ‘หมิ่นประมาท’ คราวก่อน บ้านเจียงใชโฉนดที่ดินมาเป็นค่าชดใช้ในคดีความ อำนาจการถือครองจึงเป็นของกงเยียนซู การที่เจียงลิ่วอ้างแบบนั้นถือว่าโกหก

            คดีเก่ายังไม่ทันเย็น เจียงลิ่วก็ก่อคดีใหม่ ผู้ตรวจการจึงตัดสินให้นางเป็นผู้อยู่เบื้องหลังคดีลักทรัพย์ครั้งนี้

            เจียงลิ่วกับเจียงฉินเป็นแก่นหลักในการก่อคดี ถูกตัดสินโบยยี่สิบไม้และส่งไปใช้แรงงานยี่สิบปี พรรคพวกของเจียงฉินอีกสองคนเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด ถูกโบยสิบไม้และถูกปรับ

            เมื่อคำตัดสินออกมาเช่นนั้น นางเจียงก็ทรุดฮวบ ปล่อยโฮออกมา ก่อนจะคลานเข่าเข้ามาเกาะขาของลู่ซินฟาง

            “ซินฟาง...ฮื่อๆ ได้โปรดให้อภัยลูกสาวของพวกเราด้วย ฮือ...”

             

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูแฝดกับมิติมหัศจรรย์   บทที่ 94 ตอบรับคำเชิญของกงเยียนซู

    บทที่ 94ตอบรับคำเชิญของกงเยียนซู พอถึงเวลาที่ต้องกลับ เป่าเอ๋อร์ร้องไห้งอแง เฉิงเอ๋อร์น้ำตาคลอเบ้า เด็กทั้งสองกอดเอวลู่ซินฟาง บอกว่าอยากอยู่ที่แดนสวรรค์ต่อ ลู่ซินฟางต้องสัญญาว่าจะพามาเที่ยวอีก พวกเขาถึงยอมฟังแต่โดยดี ได้เที่ยวเล่นกันทั้งวัน พอกลับมาถึงคฤหาสน์ อาบน้ำและกินมื้อค่ำจนอิ่ม เด็กทั้งสองก็หลับปุ๋ยในทันที วันถัดมา หลางไป๋เดินทางมาที่โรงเตี๊ยมตระกูลกง แจ้งเรื่องที่ลู่ซินฟางตอบรับคำเชิญกินมื้อเย็น ทั้งยังบอกจำนวนคนที่จะมา หลักๆ คือลู่ซินฟางกับเจ้าแฝด หลางไป๋และซินหลิน ส่วนชุนกับคนอื่นๆ ไม่ได้มาด้วย พวกเขาให้เหตุผลว่าวางตัวไม่ถูกหากต้องร่วมโต๊ะกับคนสูงศักดิ์ ยามพลบค่ำ ทุกคนเตรียมตัวเสร็จแล้วก็นั่งรถม้ามายังคฤหาสน์ตระกูลกงตามเวลานัดหมาย กงเยียนซูออกมายืนรอหน้าคฤหาสน์ด้วยตัวเอง หลางไป๋ประสานมือโค้งศีรษะให้กับกงเยียนซู จากนั้นหลุบตามองพวกเด็กๆ เจ้าแฝดทั้งสอง รวมถึงซินหลินที่เห็นอย่างนั้น ก็ประสานมือบนหน้าอกแล้วโค้งศีรษะลง ทำแบบเดียวกันกับหลางไป๋ กงเยียนซูมองเด็กทั้งสามด้วยสา

  • ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูแฝดกับมิติมหัศจรรย์   บทที่ 93 เที่ยวชมฟาร์ม

    บทที่ 93เที่ยวชมฟาร์ม กินขนมอิ่มกันแล้ว หลินก็ถามเด็กน้อยทั้งสองว่า “พวกเจ้าอยากไปชมฟาร์มกันไหม?” “ไปขอรับ/เจ้าค่ะ” เฉิงเอ๋อร์กับเป่าเอ๋อร์ตอบแบบไม่ต้องคิด เด็กน้อยคิดเหมือนว่า ฟาร์มในแดนสวรรค์กว้างขวางขนาดนี้ ต้องมีพืชผักที่ไม่เคยเห็นอีกเยอะแยะแน่ๆ ยิ่งคิดแล้วก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้น พอช่วยกันเก็บโต๊ะเสร็จเรียบร้อย ทั้งสี่คนก็เดินมาที่ฟาร์มฟาร์มในมิติมีขนาดกว้างใหญ่กว่าฟาร์มตระกูลลู่ที่อยู่ในหมู่บ้านกว่างซูหลายเท่า เด็กทั้งสองยืนมองสวนผักผลไม้ด้วยความตื่นตาตื่นใจ “ท่านแม่ ผักผลไม้พวกนี้ใช่ที่ท่านเอาออกไปวางขายในร้านหรือไม่” เฉิงเอ๋อร์เป็นเด็กฉลาด เห็นผักผลไม้ปุบก็เข้าใจทันที ว่าเป็นสินค้าที่มารดาเอาออกไปวางขายในร้าน “เจ้าเข้าใจถูกแล้ว ผักผลไม้ในแดนสวรรค์ แม่แบ่งออกไปขายข้างนอก เพราะพืชในที่แห่งนี้เติบโตเร็วกว่าข้างนอกหลายเท่า” “เป็นแบบนี้เอง” ตอนนั้นเอง สัตว์อสูรในร่างจำแลงมนุษย์ที่กำลังทำสวนหันมาเห็นลู่ซินฟางกับภูตประจำมิติพอดี พวกเขาต่างโบกมือทักทาย “ท่

  • ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูแฝดกับมิติมหัศจรรย์   บทที่ 92 พรสวรรค์ของเจ้าแฝด (ครึ่งหลัง)

    บทที่ 92พรสวรรค์ของเจ้าแฝด (ครึ่งหลัง) ใต้ร่มไม้ใหญ่ใกล้กับสวนดอกไม้ข้างบ้านทรงตะวันตกจะมีโต๊ะกลมสีขาวหนึ่งชุด ไม่ไกลจากสวนดอกไม้ มองไปก็จะเห็นฟาร์มอันกว้างขวาง หลังจากตัดสินใจว่าจะนั่งเล่นกันที่ใต้ร่มไม้ เด็กน้อยทั้งสองก็ปีนขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้สีขาว เตะขาเล่นในขณะที่รอคอยขนมอร่อยๆ สักครู่หนึ่ง ชุนก็ยกเค้กสตอเบอรี่กับนมอุ่นๆ มาวางบนโต๊ะ ส่วนถาดที่อยู่ในมือของลู่ซินฟางคือชากุหลาบกลิ่นหอมกลมกล่อมกับคุกกี้เนยสด “ท่านแม่ ข้าไม่เคยเห็นของพวกนี้มาก่อนเลย” เฉิงเอ๋อร์บอกด้วยสีหน้าตื่นเต้น ดวงตากลมโตเปล่งประกายขณะกวาดตามองขนมบนโต๊ะ “น่ากินทุกอย่างเลย ขะ…ข้ากินได้หรือไม่” เป่าเอ๋อร์พูดจบก็กลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ “กินกันตามสบายเลยนะจ๊ะ” ลู่ซินฟางบอกพลางลูบศีรษะเล็กๆ ของลูกน้อยทั้งสอง เจ้าแฝดตัวน้อย รวมถึงภูตน้อยหลิน หยิบส้อมขึ้นมาตักเค้กสตอเบอรี่ส่งเข้าปาก ทันทีที่ได้กินของหวานแสนอร่อย รอยยิ้มสดใสปรากฏบนใบหน้าของทั้งสามคน แก้มขาวแดงระเรื่ออย่างน่าเอ็นดู ทำเอาลู่ซินฟางกับชุนถึงกับยิ้มตาม “อร

  • ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูแฝดกับมิติมหัศจรรย์   บทที่ 91 พรสวรรค์ของเจ้าแฝด (ครึ่งแรก)

    บทที่ 91พรสวรรค์ของเจ้าแฝด (ครึ่งแรก) พอก้าวข้ามประตูมิติ โลกอันงดงามก็ปรากฏต่อหน้าทุกคน ทุ่งข้าวสีทอง สวนผักผลไม้ ป่าไพรอันสีเขียวขจี และไหนจะธารน้ำอันสดชื่น ดวงตาใสแป๋วของเด็กน้อยทั้งสองเบิกโตด้วยความตื่นเต้น ขณะที่มองไปรอบๆ “แดนสวรรค์สวยจังเลย!” “อื้อ สวยมากๆ” “ยังมีสถานที่ที่สวยกว่านี้อีกนะ” ลู่ซินฟางบอกลูกๆ “อยากเห็นจังเลย ท่านแม่” เฉิงเอ๋อร์ตื่นเต้นมาก รีบร้องบอกท่านแม่ “ข้าก็ด้วย!” เป่าเอ๋อร์พยักหน้ารัวๆ ระหว่างที่เด็กน้อยทั้งสองกำลังตื่นตาตื่นใจกับสภาพแวดล้อมอันงดงามที่อยู่ตรงหน้า เสียงเล็กน่ารักพลันดังขึ้น “งั้นข้าจะเป็นคนนำเที่ยวให้เอง ฮิๆๆ” สิ้นเสียงนั้น ภูตน้อยหลินก็ปรากฏตัวต่อหน้าทุกคน ปีกน้อยขยับไปมาพร้อมกับละอองที่มีเปล่งประกายสีทองวิบวับ เจ้าแฝดเบิกตาโตพร้อมกับร้อง “ว้าว” “พวกเขาคือเฉิงเอ๋อร์กับเป่าเอ๋อร์สินะ”หลังบินวนรอบๆ เด็กน้อยทั้งสอง หลินก็กลับมานั่งบนไหล่ของลู่ซินฟาง หญิงสาวยิ้มแล้วพยักหน้าให้ก

  • ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูแฝดกับมิติมหัศจรรย์   บทที่ 90 พาเจ้าแฝดไปต่างมิติ

    บทที่ 90พาเจ้าแฝดไปต่างมิติ “ท่านจะตอบรับคำเชิญของเขาหรือไม่ขอรับ” ทันทีที่ลู่ซินฟางเปิดประตูเดินออกจากห้องทำงาน เสียงทุ้มของหลางไป๋ก็ดังขึ้น หญิงสาวหันมอง เห็นหมาป่าหนุ่มยืนกอดอกอยู่ข้างประตู เฮ้อ… ลู่ซินฟางถอนหายใจด้วยรู้สึกคิดไม่ตก ก่อนจะตอบกลับไป “ข้าในชาติก่อนไม่เคยสับสนกับเรื่องแบบนี้ ไม่รู้ว่าควรจะตอบรับคำเชิญของเขาหรือไม่” คำพูดของหญิงสาวทำเอาหมาป่าหนุ่มกระดกยิ้มตรงมุมปากอย่างขบขัน “ใครจะคิดว่านายหญิงที่คอยชี้นำเหล่าสัตว์อสูรจะเผชิญกับความสับสนเสียเอง” “ก็ข้าไม่เคยคิดนี่น่า คนที่มีศักดิ์ฐานะสูงส่งแบบกงเยียนซูจะมาสนใจหญิงหม้ายลูกติด” “นายหญิงขอรับ อย่างที่ท่านกงบอกนั่นละ การจะชอบใครสักคนทำไมต้องมีเหตุผล สำคัญกว่าฐานะ นายหญิงคิดเช่นไรกับเขาต่างหาก” ลู่ซินฟางคิดตาม ก็รู้สึกว่าหลางไป๋พูดถูก ปัญหาไม่ใช่เรื่องฐานะ สำคัญที่สุดคือลู่ซินฟางคิดกับกงเยียนซูอย่างไร? อย่างไรก็ตาม ลู่ซินฟางหรี่ดวงตาด้วยความสงสัยขณะจ้องมองหมาป่าหนุ่ม “เมื่อก่

  • ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูแฝดกับมิติมหัศจรรย์   บทที่ 89 ถูกสารภาพรักครั้งแรก

    บทที่ 89ถูกสารภาพรักครั้งแรก หมายความว่ายังไง เขาไม่ได้โกหก เขาที่ประกาศต่อหน้าทุกคนว่า ‘ชอบ’ นาง บอกว่าไม่ได้โกหก ลู่ซินฟางนั่งตัวแข็งทื่อ อึ้งจนทำอะไรไม่ถูกอยู่ชั่วขณะ ต่อมา หัวใจของนางก็เต้นอย่างรุนแรง ใบหน้าร้อนผ่าวและแดงระเรื่อ ในโลกก่อนและโลกนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่ลู่ซินฟางถูกชายหนุ่มสารภาพว่าชอบ นางจึงสับสนและรับมือกับอารมณ์ในตอนนี้ไม่ถูก ผ่านไปครู่หนึ่ง ดวงตาคู่สวยกะพริบมองชายหนุ่มอยู่หลายครั้ง กงเยียนซูเลิกคิ้วมองตอบลู่ซินฟาง ดวงตาของเขาแฝงด้วยความสงสัย ว่ากันตามจริง ลู่ซินฟางไม่ใช่สาวน้อยวัยแรกแย้ม ทำไมท่าทางเขินอายนั้นถึงทำให้รู้สึกราวกับว่านางเพิ่งถูกสารภาพรักครั้งแรก “ท่านไม่ได้เข้าใจอะไรผิดใช่หรือไม่” หลังจากเงียบอยู่สักพัก ในที่สุดลู่ซินฟางก็เอ่ยออกมา “ข้าไม่ได้เข้าใจผิด คิดมาดีแล้วถึงได้มาหาเจ้าวันนี้” “ถึงท่านจะพูดแบบนั้น แต่ข้ากลับนึกไม่อออก เหตุใดท่านถึงชอบข้า ทั้งฐานะของข้ากับท่านก็แตกต่างกันมาก” “จ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status