แชร์

บทที่ 33 ชีวิตนั้นไม่แน่นอน (ครึ่งหลัง)

ผู้เขียน: ฮาจิฮาจิ
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-07-21 17:28:31

บทที่ 33

ชีวิตนั้นไม่แน่นอน (ครึ่งหลัง)

            หัวคิ้วของลู่ซินฟางขมวดมุ่น มือทั้งสองข้างกำแน่น

            เหตุใดสถานการณ์ถึงดูเหมือนว่าลู่ซินฟางเป็นคนเลว กลั่นแกล้งเจียงลิ่วจนทำให้แม่ของนางต้องลงไปคุกเข่าขอร้องความเมตตา!?

            “ซินฟาง เห็นแก่ที่พวกเราเป็นคนในหมู่บ้านเดียวกัน อภัยให้เจียงลิ่วด้วยเถอะนะ” นางเจียงคร่ำครวญพร้อมกับสะอื้นไห้ไปด้วย

            ครั้นเห็นภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากพยายามร้องขอการให้อภัย เจ้าบ้านเจียงก็เดินเข้ามา แล้วลงคุกเข่าลงตรงหน้าลู่ซินฟางด้วยอีกคน

            “ข้าเองก็ขอร้องด้วยอีกคน”

            ภาพนั้นไม่ต่างอะไรกับลู่ซินฟางกำลังรังแกคนแก่

พอเห็นคนแก่สองคนคุกเข่าตรงหน้า ร้องไห้น้ำตาไหลแทบเป็นสายเลือด ลู่ซินฟางรู้สึกสะท้อนใจอย่างยิ่ง ใจหนึ่งนึกสงสาร หากว่าคนที่นั่งคุกเข่าอ้อนวอนเป็นพ่อแม่ของนาง ก็คงรู้สึกผิดจนรับตัวเองไม่ได้ 

            “หน้าด้านจริงๆ นะขอรับ ทำผิดกับคนอื่นก่อนแท้ๆ ทำไมถึงมาอ้อนวอนขอให้อภัย” หลางไป๋พูดด้วยน้ำเสียงดุดัน  

            ลู่ซินฟางได้สติ

            ใช่แล้ว พ่อแม่ของลู่ซินฟางไม่มีทางลงไปนั่งคุกเข่าบนพื้นเพื่ออ้อนวอนผู้อื่นเพื่อขอความเห็นใจอย่างเด็ดขาด นั่นก็เพราะว่า ลู่ซินฟางจะมีวันทำผิด หรือทำให้บุพการีของตัวเองต้องเดือดร้อน ไม่ต้องพูดถึงความผิดซ้ำซากเพียงแค่ริษยาผู้อื่นเหมือนอย่างเจียงลิ่วทำ

            คิดจบ ลู่ซินฟางก็ส่ายหน้า

“ขอโทษท่านทั้งสองด้วย ข้าคงยอมความไม่ได้ หากว่าสาวใช้ของข้าไม่มีฝีมืออยู่บ้าง ป่านนี้ข้ากับลูกจะเป็นอย่างไร คงถูกปล้นฆ่า ตายศพไม่สวยไปแล้วไม่ใช่หรือ” 

            ลู่ซินฟางไม่ได้โลกสวย เพียงมองถึงความเป็นจริง การถูกบุกรุกบ้านเมื่อคืน โจรทั้งสามมีอาวุธ หากพลาดท่าถูกทำร้าย ถ้าไม่ตายก็ต้องเจ็บสาหัส หากเป็นเช่นนั้นแล้วลูกๆ ของนางจะเป็นอย่างไร

            ชีวิตเดิม ลู่ซินฟางสูญเสียพ่อกับแม่จากเหตุการณ์สัตว์ประหลาดบุกรุกเมือง การอยู่คนเดียวในสภาพแวดล้อมแบบนั้น ทั้งโดดเดี่ยวและสิ้นหวัง 

            นางไม่อยากให้เฉิงเอ๋อร์กับเป่าเอ๋อร์ต้องเจอความรู้สึกแบบเดียวกัน คดีนี้จึงยอมความไม่ได้เด็ดขาด ไม่อย่างนั้นผู้อื่นจะคิดว่าลู่ซินฟางคนนี้รังแกได้ง่าย

            “ซินฟาง ขอร้องละ ยกโทษให้เจียงลิ่วด้วย”

            ผู้สูงวัยทั้งสองยังคงก้มหัวเกาะขาลู่ซินฟาง

            “หน้าด้านเกินไปแล้ว ปล่อยนายหญิงของข้าเดี๋ยวนี้” หลางไป๋ตวาดอย่างไม่พอ 

            “ท่านพ่อ ท่านแม่ หยุดอ้อนวอนนางเดี๋ยวนี้”

            แม้จะร้องไห้อย่างเศร้าใจ แต่เจียงลิ่วไม่มีท่าทียอมจำนนให้กับลู่ซินฟางสักนิด

            ก็ดี หากเจียงลิ่วลงไปกราบกรานอ้อนวอน แค่นึกภาพก็น่าขนลุกแล้ว

            “ท่านแม่ ฮึกๆ ท่านจะไม่ได้อยู่กับพวกเราหรือ”

            “ฮื่อๆ ไม่เอานะ”

            เด็กน้อยทั้งสองร้องไห้กอดมารดา

            ลู่ซินฟางมองพวกเขาพร้อมประเมินสถานการณ์ สักครู่ก็ถอนหายใจแล้วหันไปกล่าวกับผู้ตรวจการ

            “ใต้เท้า ข้ารู้ว่าคดีอาญายอมความไม่ได้ แต่เจียงลิ่วก่อคดีลักทรัพย์ครั้งแรก เปลี่ยนจากส่งไปใช้แรงงาน เป็นเสียค่าปรับแทนได้หรือไม่”

            “ถ้าโจทก์ต้องการเช่นนั้น ย่อมพิจารณาการตัดสินอีกครั้งได้” ผู้ตรวจการกลาอย่างเป็นธรรม

            ได้ยินเช่นนั้น สองผู้เฒ่าบ้านเจียงถึงกับก้มหัวโขลกศีรษะกับพื้นดังปักๆ “ขอบคุณ ขอบคุณที่อภัยให้เจียงลิ่วคนโง่ บุญคุณนี้ข้าจะไม่มีวันลืมเลย”

            “ข้าบอกหรือว่าให้อภัย” ลู่ซินฟางบอกด้วยเสีงเย็นชา “ข้าแค่ให้ใต้เท้าพิจารณาการตัดสินใหม่เท่านั้น ความผิดของเจียงลิ่ว ข้าให้ไม่อภัยไม่ได้จริงๆ แต่ก็ไม่อยากซ้ำเติม และยิ่งไม่อยากเสียเวลาทำมาหากิน เพราะหากข้าปล่อยให้การตัดสินเป็นเช่นนั้น พวกท่านทั้งสองคงได้ตอแยข้าไม่เลิก”

            อย่างที่บอก ลู่ซินฟางไม่ได้ใจดี แต่คิดแล้วว่าควรให้หนทางรอดพวกเขาบ้าง อย่างน้อยตงตงกับเม่ยเมยยังเด็ก ไม่ควรจะต้องมาเสียแม่ตอนนี้ 

            หลังจากผู้ตรวจการทำการไต่สวนเจียงลิ่วใหม่ ค่าปรับที่นางต้องชดใช้มากโขจนบ้านเจียงถึงกับต้องขายบ้าน ขายที่ดินและยังเป็นหนี้ท่วมหัว แต่หากเทียบกันแล้ว ยังดีกว่าที่เจียงลิ่วต้องรับโทษให้ไปใช้แรงงาน เพราะไม่รู้ว่านางจะถูกส่งไปที่ไหน ในเหมืองหรือชายแดนที่ไหนสักแห่ง 

            อย่างไรก็ตาม คนที่รับซื้อที่ดินบ้านเจียงก็คือลู่ซินฟาง ทั้งยังให้สองผู้เฒ่าดูแลบ้านหลังนั้นพร้อมกับทำงานเป็นเกษตรให้กับนาง

            หลังการไต่สวนเสร็จสิ้น หลายวันต่อมา จางต้วนยื่นคำร้องขอหย่ากับนายอำเภอ เหตุผลหลักไม่ใช่เพราะอับอายที่ภรรยากลายเป็นคนต้องโทษหรือบ้านเจียงสิ้นเนื้อประดาตัว แต่เขาทนพฤติกรรมของเจียงลิ่วไม่ไหว ไม่ว่าจะคุยกันสักกี่ครั้ง เจียงลิ่วยังคงอาฆาตมุ่งร้ายลู่ซินฟาง

            ด้วยกลัวว่าลูกๆ จะซึมซับนิสัยแย่ๆ ของคนเป็นแม่ การหย่าร้างเป็นทางออกที่ดีที่สุด ส่วนจางต้วนจะอบอรมสั่งสอนลูกทั้งสองเอง

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูแฝดกับมิติมหัศจรรย์   บทที่ 94 ตอบรับคำเชิญของกงเยียนซู

    บทที่ 94ตอบรับคำเชิญของกงเยียนซู พอถึงเวลาที่ต้องกลับ เป่าเอ๋อร์ร้องไห้งอแง เฉิงเอ๋อร์น้ำตาคลอเบ้า เด็กทั้งสองกอดเอวลู่ซินฟาง บอกว่าอยากอยู่ที่แดนสวรรค์ต่อ ลู่ซินฟางต้องสัญญาว่าจะพามาเที่ยวอีก พวกเขาถึงยอมฟังแต่โดยดี ได้เที่ยวเล่นกันทั้งวัน พอกลับมาถึงคฤหาสน์ อาบน้ำและกินมื้อค่ำจนอิ่ม เด็กทั้งสองก็หลับปุ๋ยในทันที วันถัดมา หลางไป๋เดินทางมาที่โรงเตี๊ยมตระกูลกง แจ้งเรื่องที่ลู่ซินฟางตอบรับคำเชิญกินมื้อเย็น ทั้งยังบอกจำนวนคนที่จะมา หลักๆ คือลู่ซินฟางกับเจ้าแฝด หลางไป๋และซินหลิน ส่วนชุนกับคนอื่นๆ ไม่ได้มาด้วย พวกเขาให้เหตุผลว่าวางตัวไม่ถูกหากต้องร่วมโต๊ะกับคนสูงศักดิ์ ยามพลบค่ำ ทุกคนเตรียมตัวเสร็จแล้วก็นั่งรถม้ามายังคฤหาสน์ตระกูลกงตามเวลานัดหมาย กงเยียนซูออกมายืนรอหน้าคฤหาสน์ด้วยตัวเอง หลางไป๋ประสานมือโค้งศีรษะให้กับกงเยียนซู จากนั้นหลุบตามองพวกเด็กๆ เจ้าแฝดทั้งสอง รวมถึงซินหลินที่เห็นอย่างนั้น ก็ประสานมือบนหน้าอกแล้วโค้งศีรษะลง ทำแบบเดียวกันกับหลางไป๋ กงเยียนซูมองเด็กทั้งสามด้วยสา

  • ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูแฝดกับมิติมหัศจรรย์   บทที่ 93 เที่ยวชมฟาร์ม

    บทที่ 93เที่ยวชมฟาร์ม กินขนมอิ่มกันแล้ว หลินก็ถามเด็กน้อยทั้งสองว่า “พวกเจ้าอยากไปชมฟาร์มกันไหม?” “ไปขอรับ/เจ้าค่ะ” เฉิงเอ๋อร์กับเป่าเอ๋อร์ตอบแบบไม่ต้องคิด เด็กน้อยคิดเหมือนว่า ฟาร์มในแดนสวรรค์กว้างขวางขนาดนี้ ต้องมีพืชผักที่ไม่เคยเห็นอีกเยอะแยะแน่ๆ ยิ่งคิดแล้วก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้น พอช่วยกันเก็บโต๊ะเสร็จเรียบร้อย ทั้งสี่คนก็เดินมาที่ฟาร์มฟาร์มในมิติมีขนาดกว้างใหญ่กว่าฟาร์มตระกูลลู่ที่อยู่ในหมู่บ้านกว่างซูหลายเท่า เด็กทั้งสองยืนมองสวนผักผลไม้ด้วยความตื่นตาตื่นใจ “ท่านแม่ ผักผลไม้พวกนี้ใช่ที่ท่านเอาออกไปวางขายในร้านหรือไม่” เฉิงเอ๋อร์เป็นเด็กฉลาด เห็นผักผลไม้ปุบก็เข้าใจทันที ว่าเป็นสินค้าที่มารดาเอาออกไปวางขายในร้าน “เจ้าเข้าใจถูกแล้ว ผักผลไม้ในแดนสวรรค์ แม่แบ่งออกไปขายข้างนอก เพราะพืชในที่แห่งนี้เติบโตเร็วกว่าข้างนอกหลายเท่า” “เป็นแบบนี้เอง” ตอนนั้นเอง สัตว์อสูรในร่างจำแลงมนุษย์ที่กำลังทำสวนหันมาเห็นลู่ซินฟางกับภูตประจำมิติพอดี พวกเขาต่างโบกมือทักทาย “ท่

  • ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูแฝดกับมิติมหัศจรรย์   บทที่ 92 พรสวรรค์ของเจ้าแฝด (ครึ่งหลัง)

    บทที่ 92พรสวรรค์ของเจ้าแฝด (ครึ่งหลัง) ใต้ร่มไม้ใหญ่ใกล้กับสวนดอกไม้ข้างบ้านทรงตะวันตกจะมีโต๊ะกลมสีขาวหนึ่งชุด ไม่ไกลจากสวนดอกไม้ มองไปก็จะเห็นฟาร์มอันกว้างขวาง หลังจากตัดสินใจว่าจะนั่งเล่นกันที่ใต้ร่มไม้ เด็กน้อยทั้งสองก็ปีนขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้สีขาว เตะขาเล่นในขณะที่รอคอยขนมอร่อยๆ สักครู่หนึ่ง ชุนก็ยกเค้กสตอเบอรี่กับนมอุ่นๆ มาวางบนโต๊ะ ส่วนถาดที่อยู่ในมือของลู่ซินฟางคือชากุหลาบกลิ่นหอมกลมกล่อมกับคุกกี้เนยสด “ท่านแม่ ข้าไม่เคยเห็นของพวกนี้มาก่อนเลย” เฉิงเอ๋อร์บอกด้วยสีหน้าตื่นเต้น ดวงตากลมโตเปล่งประกายขณะกวาดตามองขนมบนโต๊ะ “น่ากินทุกอย่างเลย ขะ…ข้ากินได้หรือไม่” เป่าเอ๋อร์พูดจบก็กลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ “กินกันตามสบายเลยนะจ๊ะ” ลู่ซินฟางบอกพลางลูบศีรษะเล็กๆ ของลูกน้อยทั้งสอง เจ้าแฝดตัวน้อย รวมถึงภูตน้อยหลิน หยิบส้อมขึ้นมาตักเค้กสตอเบอรี่ส่งเข้าปาก ทันทีที่ได้กินของหวานแสนอร่อย รอยยิ้มสดใสปรากฏบนใบหน้าของทั้งสามคน แก้มขาวแดงระเรื่ออย่างน่าเอ็นดู ทำเอาลู่ซินฟางกับชุนถึงกับยิ้มตาม “อร

  • ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูแฝดกับมิติมหัศจรรย์   บทที่ 91 พรสวรรค์ของเจ้าแฝด (ครึ่งแรก)

    บทที่ 91พรสวรรค์ของเจ้าแฝด (ครึ่งแรก) พอก้าวข้ามประตูมิติ โลกอันงดงามก็ปรากฏต่อหน้าทุกคน ทุ่งข้าวสีทอง สวนผักผลไม้ ป่าไพรอันสีเขียวขจี และไหนจะธารน้ำอันสดชื่น ดวงตาใสแป๋วของเด็กน้อยทั้งสองเบิกโตด้วยความตื่นเต้น ขณะที่มองไปรอบๆ “แดนสวรรค์สวยจังเลย!” “อื้อ สวยมากๆ” “ยังมีสถานที่ที่สวยกว่านี้อีกนะ” ลู่ซินฟางบอกลูกๆ “อยากเห็นจังเลย ท่านแม่” เฉิงเอ๋อร์ตื่นเต้นมาก รีบร้องบอกท่านแม่ “ข้าก็ด้วย!” เป่าเอ๋อร์พยักหน้ารัวๆ ระหว่างที่เด็กน้อยทั้งสองกำลังตื่นตาตื่นใจกับสภาพแวดล้อมอันงดงามที่อยู่ตรงหน้า เสียงเล็กน่ารักพลันดังขึ้น “งั้นข้าจะเป็นคนนำเที่ยวให้เอง ฮิๆๆ” สิ้นเสียงนั้น ภูตน้อยหลินก็ปรากฏตัวต่อหน้าทุกคน ปีกน้อยขยับไปมาพร้อมกับละอองที่มีเปล่งประกายสีทองวิบวับ เจ้าแฝดเบิกตาโตพร้อมกับร้อง “ว้าว” “พวกเขาคือเฉิงเอ๋อร์กับเป่าเอ๋อร์สินะ”หลังบินวนรอบๆ เด็กน้อยทั้งสอง หลินก็กลับมานั่งบนไหล่ของลู่ซินฟาง หญิงสาวยิ้มแล้วพยักหน้าให้ก

  • ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูแฝดกับมิติมหัศจรรย์   บทที่ 90 พาเจ้าแฝดไปต่างมิติ

    บทที่ 90พาเจ้าแฝดไปต่างมิติ “ท่านจะตอบรับคำเชิญของเขาหรือไม่ขอรับ” ทันทีที่ลู่ซินฟางเปิดประตูเดินออกจากห้องทำงาน เสียงทุ้มของหลางไป๋ก็ดังขึ้น หญิงสาวหันมอง เห็นหมาป่าหนุ่มยืนกอดอกอยู่ข้างประตู เฮ้อ… ลู่ซินฟางถอนหายใจด้วยรู้สึกคิดไม่ตก ก่อนจะตอบกลับไป “ข้าในชาติก่อนไม่เคยสับสนกับเรื่องแบบนี้ ไม่รู้ว่าควรจะตอบรับคำเชิญของเขาหรือไม่” คำพูดของหญิงสาวทำเอาหมาป่าหนุ่มกระดกยิ้มตรงมุมปากอย่างขบขัน “ใครจะคิดว่านายหญิงที่คอยชี้นำเหล่าสัตว์อสูรจะเผชิญกับความสับสนเสียเอง” “ก็ข้าไม่เคยคิดนี่น่า คนที่มีศักดิ์ฐานะสูงส่งแบบกงเยียนซูจะมาสนใจหญิงหม้ายลูกติด” “นายหญิงขอรับ อย่างที่ท่านกงบอกนั่นละ การจะชอบใครสักคนทำไมต้องมีเหตุผล สำคัญกว่าฐานะ นายหญิงคิดเช่นไรกับเขาต่างหาก” ลู่ซินฟางคิดตาม ก็รู้สึกว่าหลางไป๋พูดถูก ปัญหาไม่ใช่เรื่องฐานะ สำคัญที่สุดคือลู่ซินฟางคิดกับกงเยียนซูอย่างไร? อย่างไรก็ตาม ลู่ซินฟางหรี่ดวงตาด้วยความสงสัยขณะจ้องมองหมาป่าหนุ่ม “เมื่อก่

  • ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูแฝดกับมิติมหัศจรรย์   บทที่ 89 ถูกสารภาพรักครั้งแรก

    บทที่ 89ถูกสารภาพรักครั้งแรก หมายความว่ายังไง เขาไม่ได้โกหก เขาที่ประกาศต่อหน้าทุกคนว่า ‘ชอบ’ นาง บอกว่าไม่ได้โกหก ลู่ซินฟางนั่งตัวแข็งทื่อ อึ้งจนทำอะไรไม่ถูกอยู่ชั่วขณะ ต่อมา หัวใจของนางก็เต้นอย่างรุนแรง ใบหน้าร้อนผ่าวและแดงระเรื่อ ในโลกก่อนและโลกนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่ลู่ซินฟางถูกชายหนุ่มสารภาพว่าชอบ นางจึงสับสนและรับมือกับอารมณ์ในตอนนี้ไม่ถูก ผ่านไปครู่หนึ่ง ดวงตาคู่สวยกะพริบมองชายหนุ่มอยู่หลายครั้ง กงเยียนซูเลิกคิ้วมองตอบลู่ซินฟาง ดวงตาของเขาแฝงด้วยความสงสัย ว่ากันตามจริง ลู่ซินฟางไม่ใช่สาวน้อยวัยแรกแย้ม ทำไมท่าทางเขินอายนั้นถึงทำให้รู้สึกราวกับว่านางเพิ่งถูกสารภาพรักครั้งแรก “ท่านไม่ได้เข้าใจอะไรผิดใช่หรือไม่” หลังจากเงียบอยู่สักพัก ในที่สุดลู่ซินฟางก็เอ่ยออกมา “ข้าไม่ได้เข้าใจผิด คิดมาดีแล้วถึงได้มาหาเจ้าวันนี้” “ถึงท่านจะพูดแบบนั้น แต่ข้ากลับนึกไม่อออก เหตุใดท่านถึงชอบข้า ทั้งฐานะของข้ากับท่านก็แตกต่างกันมาก” “จ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status