บทที่ 62
ผู้มาเยือนที่คาดไม่ถึง
“ถึงอย่างนั้นก็ต้องขอบคุณท่านกงอีกครั้ง”
ลู่ซินฟางกล่าวย้ำเมื่อกงเยียนซูเดินมาส่งถึงหน้าประตูโรงเตี๊ยม
“เรื่องเล็กน้อย”
เทียบกับที่นางให้โอกาสเขาอีกครั้ง ช่วยเหลือแค่นี้ไม่ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่
กงเยียนซูยืนมองส่งลู่ซินฟาง กระทั่งรอจนรถม้าของนางเคลื่อนตัวออกไป สักพักให้หลัง เขาถึงเดินกลับเข้าโรงเตี๊ยม
จริงอยู่ ลู่ซินฟางมีเงินทองมากมายแล้ว จะจ้างอาจารย์สักคนไม่ใช่เรื่องยาก แต่อาจารย์เหล่านั้นจะไว้ใจได้มากน้อยแค่ไหนกันเล่า
พื้นหลังของลู่ซินฟางเป็นแม่หม้ายลูกติด คนบางคนก็มีความคิดล้าหลังคร่ำครึ มองว่าการมาสอนหนังสือให้ลูกๆ ของนางเป็นเรื่องเสียเกียรติ
ลู่ซินฟางรู้เรื่องนี้จึงมาขอคำปรึกษาจากเขา
พอกลับเข้าเรือนรับรอง ดื่มชาหมดหนึ่งจอก กงเยียนซูก็หัวโล่ง แล้วในตอนนั้น เขาก็นึกถึงใครบางคนที่เหมาะสมออก
อิ้งเหยียน สหายสมัยเด็กของเขาเอง
…
หนึ่งอาทิตย์ต่อมา กงเยียนซูได้รับจดหมายตอบกลับจากอิ้งหยวน เนื้อหาในจดหมายคือตอบรับคำเชิญ และจะเดินทางมาที่เมืองเล่ออันในเร็ววัน
อิ้งเหยียนมีบ้านเกิดอยู่ที่เมืองไห่เจียง ที่เข้ามาเป็นเพื่อนเรียนของเหล่าองค์ชายเพราะตระกูลอิ้งเป็นขุนนางเก่าที่มีประวัติยาวนาน และใฝ่เรียนรู้ ลุงของเขาที่เป็นเสนาบดีขั้นสูง และยังเป็นราชครูจึงเสนอรายชื่อให้อิ้งเหยียนได้เข้าเรียน
นั่นคือจุดเริ่มที่กงเยียนซูกับอิ้งเหยียนรู้จักกัน
หลังจากได้รับจดหมายตอบกลับ กงเยียนซูไม่อยากรอช้า เดินทางมาหาลู่ซินฟางที่ร้านซินหลินเพื่อบอกข่าวดี
แม้ผู้ดูแลร้านให้การต้อนรับอย่างไม่มีตกหล่น แต่ระหว่างที่นั่งรอหญิงสาวอยู่ในห้องรับรอง อีกฝ่ายมักจะจ้องเขาตาเขม็ง
กงเยียนซูยิ้มให้ฝ่ายนั้นเล็กน้อย ก่อนจะรอนางเงียบๆ
สักพัก ร่างบอบบางของหญิงสาวก็ก้าวเข้ามา
นางก้มศีรษะเล็กน้อยเพื่อเป็นการทักทาย กงเยียนซูจึงลุกขึ้น ขยับใบหน้าขึ้นลงเป็นการทักทายตอบ
“ข้ามาเพื่อบอกข่าวดีกับเจ้า” กงเยียนซูเข้าเรื่องทันที
“ข่าวดีหรือ”
“ข้าเจออาจารย์ที่เหมาะจะมาสอนหนังสือให้กับเด็กๆ ของเจ้าแล้ว”
“เป็นข่าวดีจริงด้วย” หญิงสาวตอบด้วยรอยยิ้ม คิดแล้วเชียว กงเยียนซูต้องหาคนได้เร็ว
ในขณะที่ลู่ซินฟางแสดงสีหน้าพอใจ หลางไป๋กลับถามด้วยความสงสัย
“ประวัติความเป็นมาของอาจารย์ท่านนั้นเป็นอย่างไรขอรับ”
คำถามนี้ไม่ทำให้กงเยียนซูโกรธ กลับกันแล้ว คิดว่าดีเสียอีกที่มีคนรอบคอบอยู่เคียงข้างลู่ซินฟาง
“เขาชื่ออิ้งเหยียน เป็นหลานชายของราชครูอิ้ง ตระกูลอิ้งมีความใฝ่รู้ ขึ้นชื่อเรื่องความฉลาด จึงเปิดสถานศึกษาหลายสาขา อิ้งเหยียนเองก็เป็นอาจารย์สอนวิชาประวัติศาสตร์และวิชาทั่วไปที่เมืองไห่เจียง”
ลู่ซินฟางฟังคำพูดของกงเยียนซู ก็คิดว่าคนแซ่อิ้งผู้นี้เหมาะสมจะมาเป็นอาจารย์สอนหนังสือให้กับเด็กๆ ของนางจริงๆ
“ดึงตัวเขามาเช่นนี้ จะไม่มีปัญหาหรือ” ลู่ซินฟางถามด้วยความสงสัย
คนที่มีคุณสมบัติดีพร้อมเช่นนี้ ตระกูลอิ้งจะปล่อยให้มาง่ายๆ หรือ
กงเยียนซูทำหน้าครุ่นคิด สักครู่หนึ่ง ก็ตอบออกมาตรงๆ “อิ้งเหยียนเป็นอาจารย์สอนในสถานศึกษาของตระกูลอิ้งที่เมืองไห่เจียงก็จริง แต่เขาเป็นแค่ตัวสำรอง พูดง่ายๆ เขาไม่ใช่อาจารย์ประจำ แค่สอนแทนพี่ชายชั่วคราวเท่านั้น อีกอย่าง ตระกูลอิ้งมีชื่อเสียงดีงาม หากลูกชายคนที่สองโดดเด่นกว่าลูกชายคนแรก แล้วมีข่าวลือว่าพี่น้องแย่งตำแหน่งผู้สืบทอดกันเอง จะไม่เป็นผลดีต่อตระกูลเท่าไร สถานศึกษาตระกูลอิ้งก็มีอาจารย์ประจำอยู่แล้วด้วย ดังนั้นจึงไม่มีปัญหา”
“เหตุผลนี้ข้าเข้าใจ” ลู่ซินฟางกล่าว
ในขณะที่หญิงสาวเข้าใจเหตุผล แต่หลางไป๋ยังคงสงสัยอีกเรื่อง และเรื่องนี้ก็สำคัญมาก
“คนเป็นอาจารย์ ใช่ว่ามีความรู้อย่างเดียวแล้วจะเป็นได้ อาจารย์อิ้งท่านนี้ พร้อมทุ่มเทให้กับลูกศิษย์ทุกคนหรือไม่”
หนนี้ กงเยียนซูตอบด้วยสีหน้าจริงจังโดยไม่ต้องหยุดคิด “ลึกๆ แล้วจิตใจคนเราเป็นเช่นไรข้าคงตอบไม่ได้ แต่ข้ารับรองได้อย่างหนึ่ง อิ้งเหยียนไม่ใช่คนหัวโบราณคร่ำครึ ไม่เจ้ายศเจ้าอย่าง รู้จักยืดหยุ่น ส่วนที่เจ้าถามว่าเขาพร้อมทุ่มเทให้กับนักเรียนหรือไม่ ข้าอยากให้เจ้าค่อยๆ ดูเขาเอง ถ้าไม่พอใจสามารถไล่ออกได้”
อาจารย์เหิงที่สถานศึกษาของหมู่บ้านกว่างซูปล่อยปะละเลยเด็กๆ ขนาดตงตงกับเม่ยเม่ยถูกเพื่อนในห้องรุมรังแก อาจารย์เหิงปิดหูปิดตาทำทีเป็นไม่สนใจ เรื่องนี้กงเยียนซูพอทราบมาบ้าง หลางไป๋คงกังวลว่าอิ้งเหยียนจะเป็นเหมือนกับอาจารย์เหิงคนนั้น
ทว่าอิ้งเหยียนไม่ได้มีนิสัยแบบอาจารย์เหิง เรื่องนี้กงเยียนซูรับประกันได้จึงกล้าออกหน้ารับรอง
หลางไป๋กับชิงเหลียนนั้นมีข้อจำกัดในการสอน คนหนึ่งมีความรู้แบบจำกัด ส่วนอีกคนไม่ค่อยมีเวลา หนำซ้ำ เด็กๆ ทุกคนต้องการ อาจารย์สอนหนังสืออย่างจริงจัง เมื่อกงเยียนซูออกปากรับรองมาแบบนี้ จะลองเชื่อใจสักครั้งก็ได้
…
ไม่กี่วันต่อมา อิ้งเหยียนก็เดินทางมาถึงเมืองเล่ออัน
พอจัดการเรื่องต่างๆ รวมถึงที่พักของสหายเรียบร้อย กงเยียนซูก็พาอิ้งเหยียนมาแนะนำกับลู่ซินฟาง พวกเขานัดเจอกันที่ร้านค้าซินหลินเช่นเดิม
พอหลางไป๋มาแจ้งว่าอาจารย์อิ้งเหยียนมาถึงแล้ว ลู่ซินฟางก็ออกมาต้อนรับที่หน้าร้าน
หญิงสาวยิ้มแย้ม เด็กๆ ของนางจะได้เรียนหนังสืออย่างจริงจังเสียที
ในขณะที่กำลังขยับปากจะทักทาย สายตาเหลือบเห็นคนคุ้นหน้าสองคนยืนละล้าลละหลัง ก่อนเดินผ่านหน้าร้านไป
ลู่ซินฟางชะงักค้างทันที
แม้นางไม่ใช่ลู่ซินฟางคนเก่า แต่พอเห็นคนหน้าตาคุ้นๆ สองคนนั้น ก็ยังทำให้นางเผลอกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก
เหอถิงกับแม่ของเขามาทำอะไรที่นี่!
บทที่ 108พลอยประดับ หลายวันมานี้ ภูตหลินกำลังสนุกกับการออกแบบเครื่องประดับ ปกติก็ชอบการวาดภาพระบายสีเล่นอยู่แล้ว พอได้ทำสิ่งที่ชอบและยังเป็นประโยชน์ จึงเพลิดเพลินจนเผลอวาดออกมาตั้งเยอะแยะ ลู่ซินฟางเป็นฝ่ายคัดแยก ว่าเครื่องประดับชิ้นไหนวางขายได้ ชิ้นไหนวางขายไม่ได้ แต่ส่วนใหญ่แล้ว หลินออกแบบได้ดีทุกชิ้น “สวยๆ ทั้งนั้นเลย มีทั้งแบบเรียบง่าย และแบบอลังการงานสร้าง!” “ในมิติตอนนี้เริ่มก่อสร้างโรงเจียระไนพลอยแล้วขอรับ ส่วนนี่เป็นพลอยตัวอย่างที่ท่านหลินใช้เวทเจียระไนขึ้นมาเอง” หลางไป๋พูดพร้อมวางกล่องกำมะยี ด้านในมีพลอยเจียระไนหลายสี ลู่ซินฟางร้องอย่างประหลาดใจ “เร็วถึงเพียงนี้!” ไม่ใช่แค่นั้น หลังจากเปิดกล่องดู สีหน้าของนางยิ่งตกใจมากขึ้นไปอีก พลอยทุกชิ้นเปล่งประกายสดใส ทั้งยังเจียระไนออกมาได้ดีไม่มีที่ติ หลางไป๋ยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ “ข้าเตือนท่านหลิน งานเจียระไนจะเป็นหน้าที่ของช่างฝีมือ แต่ดูเหมือนท่านหลินจะตื่นเต้น เลยทำพลอยพวกนี้ออกมาเยอะขอรับ” “ถึงจะสวยมาก แต่น่าเสียดาย พวกเราวางขา
บทที่ 107เพราะข้าเป็นห่วงเจ้า ยามบ่ายของวันนั้นเอง กงเยียนซูกับโจวหวังเยว่แวะมาดูสินค้าที่ร้านซินหลิน ทันทีที่มาถึง โจวหวังเยว่แยกกับกงเยียนซูไปเลือกดูสินค้าด้วยท่าทีตื่นตาตื่นใจ เวลานี้กงเยียนซูกับลูซินฟางจึงมีโอกาสอยู่ด้วยกันตามลำพัง “พี่ห้าสนใจสินค้าของร้านซินหลิน ช่วงที่เขาอยู่เมืองเล่ออันต้องรบกวนเจ้าแล้ว” กงเยียนซูเอ่ยทักทายด้วยสีหน้าเก้อเขิน หญิงสาวยิ้มน้อยๆ ให้กับชายหนุ่ม พลางตอบว่า “มีคนกระเป๋าหนักมาอุดหนุน ข้าย่อมดีใจอยู่แล้ว กลับกัน ร้านของเราต้องขอบคุณพวกท่านที่มาอุดหนุนบ่อยๆ เจ้าค่ะ” “ไม่ถึงขนาดหรอก สินค้าร้านซินหลินคุณภาพดีทุกอย่าง บริการก็ดีมาก ลูกค้าที่ซื้อไปแล้วก็อยากกลับมาซื้อใหม่ อ้อ ชาสมุนไพรที่ซื้อไปคราวก่อนใกล้จะหมดแล้ว เจ้าพอจะแนะนำใบชาอย่างอื่นให้ข้าได้หรือไม่” “ได้แน่นอนเจ้าค่ะ” พูดจบ ลู่ซินฟางเดินนำชายหนุ่มไปทางจุดที่วางขายใบชา หญิงสาวแนะนำใบชาแต่ละชนิดให้กับกงเยียนซู ชาดอกไม้ ชาสมุนไพร และชาหายากใหม่ๆ ระหว่างแนะนำสินค้าให้กับกงเยียนซู จู่ๆ ในหัวของลู่
บทที่ 106เรื่องน่ายินดี (ครึ่งหลัง) สามวันถัดมา ผู้นำเผ่ากระต่ายเดินทางมาพบกับภูตจิ๋ว ขอเจรจาและทำข้อตกลง เงื่อนไขของพวกเขาคือ ขอสร้างหมู่บ้านกระต่ายในอาณาเขตของภูต แลกกับอาหารและความปลอดภัย อย่างไรก็ดี ตามที่ตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้ หากเผ่ากระต่ายจะมาช่วยงานในฟาร์ม ทางนี้ก็จะจ่ายค่าตอบแทน รวมไปถึงให้การศึกษา อำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิตประจำวัน อาหาร ที่อยู่อาศัยและความปลอดภัยอันเป็นปัจจัยพื้นฐานที่พวกเขาจะได้รับอยู่แล้ว นอกจากนั้น จากการสำรวจป่ารกร้างทางเหนือ หลางไป๋ยังได้เผ่ากวางป่ามาเป็นพันธมิตร หนำซ้ำ ทางทิศตะวันออกของฟาร์มยังพบเหมืองพลอย นับเป็นเรื่องที่น่ายินดีเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ทั้งนั้น เผ่าจิ้งจอกและเผ่าหมูป่ายังไม่ให้คำตอบที่แน่ชัด พวกเขาเลือกอาศัยอยู่ที่เดิม แต่ให้สัญญาว่าจะไม่ลุกล้ำเข้ามาในฟาร์ม ทั้งยังรับปากว่าจะไม่สร้างความเสียหายใดๆ ให้กับสัตว์จำแลงและฟาร์มอย่างเด็ดขาด ในด้านของลู่ซินฟาง หลังจากเคลียร์งานต่างๆ เรียบร้อย นางก็ข้ามมาที่มิติเพื่อพบกับเผ่ากระต่ายและเผ่ากวางป่า
บทที่ 105เรื่องน่ายินดี (ครึ่งแรก) สรุปให้เข้าใจง่ายๆ เมื่อมิติขยายตัวออกไป เวทมนตร์ของภูตที่ดูแลมิติก็เพิ่มขึ้นด้วย พลังเวทนั้นจะสร้างทรัพยากรมากมายให้กับมิติ และเพิ่มวิวัฒนาการเหล่าสัตว์อสูรให้มีสติปัญญาจนถึงขั้นเปลี่ยนแปลงรูปร่างหน้าตา ก่อนที่ลู่ซินฟางจะครอบครองมิติ พื้นที่แถบนี้ยังเป็นแค่ดินแดนที่แทบไม่มีอะไรเลย แต่หลังจากที่ลู่ซินฟางขยายฟาร์มทีละเล็กทีละน้อย สัตว์ในมิติก็ค่อยๆ กลายร่างเป็นมนุษย์ มีสติปัญญาและสื่อสารกันรู้เรื่อง ท้ายที่สุดก็มาอาศัยร่วมกันเหมือนอย่างทุกวันนี้ หลังจากหนุ่มสาวเผ่ากระต่ายได้ฟังคำบอกเล่าก็เข้าใจทันที วิวัฒนาการของพวกตนเกิดจากภูตจิ๋วตรงหน้านี้เอง “แล้วพวกเจ้ามีจำนวนเท่าไรหรือ” หลินถาม “ถ้าเฉพาะเผ่ากระต่าย รวมเด็กๆ ในเผ่าด้วยก็ประมาณ 14-15 ตน” “อืม” “แสดงว่ายังมีเผ่าอื่นๆ อีก ป่าแถบนั้นมีเผ่าอะไรบ้างหรือ” “ละแวกที่เผ่ากระต่ายอาศัย ก็มีเผ่าหมูป่า เผ่ากวางป่า ไกลออกไปอีกได้ยินว่ายังมีเผ่าเสือและเผ่าจิ้งจอก แต่มีจำนวนเท่าไร พวกเราไม่รู้หรอก” “เข้าใ
บทที่ 104เผ่ากระต่าย (ครึ่งหลัง) เวลาเดียวกันนั้น ในมิติต่างโลก ภูตตัวน้อยบินวนไปวนมาพร้อมกับพิจารณากลุ่มมนุษย์ที่มีหูกระต่ายสีเทาอันนุ่มนิ่มและนุ่มฟู “พวกเจ้าเป็นเผ่ากระต่ายจริงๆ สินะ” หลินถามเหล่ามนุษย์หูกระต่าย “แค่ดูหูก็รู้แล้วไม่ใช่หรือ” คำพูดขัดแย้งนี้เป็นของซินหลิน “เจ้าเด็กคนนี้นี่ เรื่องนั้นข้าดูแวบเดียวก็รู้อยู่แล้วน่า ก็แค่อยากถามให้แน่ใจเท่านั้นเอง” หลินหันมาทำท่าโวยวายใส่ซินหลิน ซินหลินไม่ได้มีสีหน้าสำนึกผิดแม้แต่น้อย เด็กชายทำหน้านิ่ง กรอกตามองบนทีหนึ่ง ก่อนจะถามหลินว่า “ว่าแต่ จะเอายังไงกับพวกเขาดีล่ะ” “อืม นั่นสิน๊า” หลินทำท่าครุ่นคิด หากกล่าวถึงจุดเริ่มต้นของเรื่องนี้ ต้องย้อนกลับไปก่อนหน้านั้นเล็กน้อย ซินหลินกับสยงอู๋มาที่โกดังต่างมิติ เพื่อตรวจนับผักผลไม้ ก่อนจะเอาออกไปเติมที่ร้านข้างนอกเหมือนอย่างทุกๆ วัน แต่เช้าวันนี้ พอเปิดโกดังปุบก็พบผู้บุกรุกปับ ผู้บุกรุกมีทั้งหมดเจ็ดตน ทุกตนเป็นเผ่ากระต่าย และกำลังแอบกินผักผลไม้ที่อย
บทที่ 103เผ่ากระต่าย (ครึ่งแรก) ตอนขากลับ โจวหวังเยว่หอบหิ้วสินค้าขึ้นรถม้าเต็มสองมือ ส่วนกงเยียนซูซื้อใบชากลับไปเหมือนอย่างเคย ตลอดเวลาที่อยู่กับลู่ซินฟาง สายตาของกงเยียนซูแสดงออกถึงความรักใคร่อย่างไม่คิดจะปิดบัง ทำเอาคนที่เห็นถึงกับเอียนความหวานกันเป็นแถว รถม้าเคลื่อนตัวออกไปไกลแล้ว แต่ลู่ซินฟางยังยืนอยู่ที่เดิม ใกล้จะถึงเทศกาลไหว้พระจันทร์แล้วสินะ… หญิงสาวคิดอย่างสับสน ไม่ใช่ว่าไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับเทศกาลไหว้พระจันทร์ จริงอยู่ที่ลู่ซินฟางในอดีตสูญเสียครอบครัวตั้งแต่อายุยังน้อย แต่ในขณะเดียวกัน ตั้งแต่ได้รับมิติมา ลู่ซินฟางมักจะจัดเลี้ยง งานเทศกาล และงานสังสรรค์อื่นๆ กับภูตหลินและเหล่าสัตว์อสูร ปีนี้กงเยียนซูชวนเที่ยวงานเทศกาลด้วยกัน นางที่ไม่เคยปฏิสัมพันธ์หรือเที่ยวเล่นกับคนอื่นมาก่อน อดรู้สึกสับสนไม่ได้จริงๆ “เสียดายที่ไม่ได้อยู่ด้วยกันให้นานอีกหน่อยหรือขอรับ” หลางไป๋เห็นลู่ซินฟางเอาแต่ยืนเหม่อตั้งแต่รถม้าของกงเยียนซูเคลื่อนออกจากหน้าร้าน เห็นแล้วก็อดจะพูดกระเซ้าเย้าแ