บทที่ 61
ความรู้สึกของกงเยียนซู (ครึ่งหลัง)
ณ เวลาปัจจุบัน
โรงเตี๊ยมตระกูลกง สาขาเมืองเล่ออัน
“หรือว่านางพยายามหลบหน้าข้า”
กงเยียนซูพึมพำ ขณะที่ดวงตาคมกริบทอดมองออกนอกหน้าต่าง บนท้องถนนของเมืองเล่ออัน ผู้คนเดินขวักไขว่เต็มท้องถนน แต่คนที่อยากพบที่สุดกลับไม่ได้พบ อุตส่าห์รีบเดินทางกลับมาจากเมืองหลวง เพื่อนำผลไม้ที่ยังสดอยู่ไปให้ลู่ซินฟาง เผื่อว่านางจะเห็นความจริงใจของเขาสักนิด แต่ท้ายที่สุดกลับไม่ได้เจอ
ก๊อกๆๆ
ระหว่างคิดเรื่อยเปื่อย เสียงเคาะประตูดังสองสามครั้ง เมื่อหลงจู๊ตู้เข้ามา ฝ่ายนั้นก็เอ่ยว่า “นายท่านขอรับ เถ้าแก่เนี้ยลู่มาขอพบ”
กงเยียนซูเบิกตาโตอย่างตื่นเต้น แต่แล้วก็รีบเก็บอาการด้วยสีหน้านิ่งสงบที่สุด
“นำทางนางไปรอที่เรือนรับรองด้านหลัง”
“ขอรับ”
หลงจู๊ตู้ตอบแล้วทำท่าจะออกไป
กงเยียนซูเรียกรั้ง
“ช้าก่อน”
“ขอรับนายท่าน?”
“เตรียมชาขาวที่ดีที่สุด แล้วก็ขนมหนวดมังกรมาด้วย”
“ได้ขอรับ”
เมื่อหลงจู๊ตู้ออกจากห้องไปแล้ว ชายหนุ่มลุกขึ้น จัดแจงเสื้อผ้าให้เรียบกริบ พยายามซ่อนสีหน้าดีใจ ก่อนสาวเท้าออกจากห้อง ตรงไปยังเรือนรับรอง
ทันทีที่ดวงตาคมกริบของกงเยียนซูเห็นหญิงสาวนั่งหลังตรงบนเบาะรองนั่ง หัวใจของเขาก็กระตุกทีหนึ่ง
ลู่ซินฟางเห็นชายหนุ่มเข้ามาในเรือนแล้วเช่นกัน นางลุกขึ้นยืน ย่อกายให้เขาเล็กน้อย
“ท่านเยียนซู รบกวนท่านแล้ว”
“ไม่รบกวนสักนิด เชิญตามสบายเถิด”
ไม่คิดว่านางจะเรียกเขาว่า ‘ท่านเยียนซู’ เหมือนเดิม จากเรื่องคาวก่อน เขาคิดว่านางจะทำตัวห่างเหินเสียแล้ว
“เจ้าค่ะ” ลู่ซินฟางนั่งลงบนเบาะรองนั่เหมือนเดิม จากนั้นก็เข้าประเด็น “ข้าได้รับของฝากของท่านแล้ว ต้องขอบคุณท่านกงมากเจ้าค่ะ”
“ไม่เห็นต้องลำบากมาขอบคุณข้าด้วยตัวเองเลย อันที่จริง ผลไม้ที่ข้านำมาฝากเป็นข้ออ้างที่เห็นแก่ตัวของข้าเอง ข้าอยากเจอเจ้าน่ะ”
ชายหนุ่มเอ่ยออกมาอย่างไม่ปิดบัง
นับตั้งแต่ทำเรื่องผิดพลาดกับนาง เขาก็ตั้งใจแล้ววาจะไม่เข้าหานางด้วยเล่ห์กลอีก
“อย่างนั้นหรือเจ้าคะ” ลู่ซินฟางตอบนิ่งๆ เหมือนรู้อยู่แล้ว
เช่นนั้นก็ง่ายหน่อย เขาจะได้พูดกับนางได้อย่างตรงไปตรงมา
“ความจริงแล้ว ข้าต้องการกลับมาเป็นสหายกับเจ้าเหมือนเดิม”
“ท่านก็เลยยกผลไม้พระราชทานจากฮ่องเต้ให้ข้า?”
ชายหนุ่มเลิกคิ้ว “จิ่นเซี่ยบอกเจ้างั้นหรือ”
หญิงสาวส่ายหน้าก่อนตอบ “ผลไม้ทั้งสองอย่างนั้นเป็นของชั้นสูง ซ้ำท่านเพิ่งกลับมาจากเมืองหลวง บวกกับที่ท่านมีฐานะเป็นถึงองค์ชาย ข้าเดาว่าท่านคงได้รับพระราชทานมาจากฮ่องเต้”
“เจ้าเดาถูกแล้ว”
ผู้หญิงคนนี้มีความรอบรู้ อ่านสถานการณ์เป็น คิดไม่ผิดที่เขาเลือกแสดงความจริงใจต่อนางด้วยการพูดอย่างซื่อตรง
“แล้ว…ตอนนี้ข้าได้รับการอภัยจากเจ้าหรือยัง”
“ให้อภัยท่านตอนนี้ ยังถือว่าเร็วเกินไป แต่จะโกรธท่านต่อไปก็เหมือนข้าเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้น จิตใจคับแคบ เอาเป็นว่า แค่ท่านไม่ทำแบบนั้นอีก พวกเรายังเป็นสหายกันต่อไปได้”
ถือว่ายังมีโอกาส…
กงเยียนซูคิดพลางยิ้ม
“อ้อ เกือบลืมธุระจริงๆ ไปเลย” หญิงสาวเอ่ยขึ้นอย่างปุบปับ
“หือ?” กงเยียนซูเลิกคิ้ว หัวใจเต้นแรงอย่งไม่มีเหตุผล ขณะรอคอยว่านางจะพูดเรื่องอะไร
“ข้ามาเพื่อขอปรึกษากับท่าน เรื่องหาอาจารย์สอนหนังสือให้กับเด็กๆ ของข้า ท่านพอจะช่วยแนะนำใครได้บ้างหรือไม่”
ด้วยฐานะทางการเงินของลู่ซินฟางในตอนนี้ นางจะจ้างใครมาเป็นอาจารย์สอนหนังสือให้กับเด็กๆ ของนางย่อมทำได้อย่างง่ายดาย แต่ที่เลือกมาปรึกษาเขาก่อน เพราะต้องการคนไว้ใจได้แนะนำ
การล้ำเส้นของกงเยียนซู ทำให้ครอบครัวของลู่ซินฟางเกือบเดือดร้อน พอเกิดเรื่องครั้งนั้น กงเยียนซูก็ไม่กล้าทำเรื่องผิดกับหญิงสาวเป็นครั้งที่สอง นางที่รู้ถึงเรื่องนี้จึงมาขอคำปรึกษาจากเขา เพราะรู้ว่าเขาไม่กล้าทรยศต่อความไว้ใจของนางอีกแล้ว
หัวใจของกงเยียนซูเต้นแรง เมื่อพบว่านางยังคงไว้ใจในตัวเขา
“ข้าไม่ได้ถามท่านเปล่าๆ หรอกนะ นี่คือแบบทำเตาอบดิน ถ้ามีเจ้านี่แล้วเค้กผิงกั่วของท่านก็จะอร่อยขึ้น คราวนี้ท่านก็เรียกลูกค้าเดิมกลับมาได้”
พูดจบ นางยื่นกระดาษซึ่งวาดรูปเตาอบดิน และวิธีสร้าง
ตอนนี้สิทธิ์ทำเค้กผิงกั่วไม่ได้มีแค่โรงเตี๊ยมตระกูลกง ร้านอื่นสามารถทำขายได้ บางร้านจึงขายในราคาถูกกว่า ดังนั้นผลกำไรที่โรงเตี๊ยมตระกูลกงจะต้องได้แบบเต็มเม็ดเต็มหน่วยก็พลอยลดลง
ทว่า กงเยียนซูดันกระดาษแผ่นนั้นคืนให้กับลู่ซินฟาง
“ข้ารับไว้ไม่ได้”
ลู่ซินฟางทำหน้าผิดหวัง เพราะคิดว่าเขาจะปฏิเสธ
ต่อมา กงเยียนซูกล่าวให้เหตุผล “สหายที่ดีพึ่งพากัน ไยต้องมีของตอบแทน”
ลู่ซินฟางยิ้ม
ทั้งที่เป็นคนรักเงินแท้ๆ แต่ปฏิเสธวิธีต่อยอดสร้างผลกำไรเช่นนี้ ไม่สมกับเป็นเขาเลย
ทว่า นางรู้ว่านี่คือวิธีแสดงความจริงใจของเขา
บทที่ 108พลอยประดับ หลายวันมานี้ ภูตหลินกำลังสนุกกับการออกแบบเครื่องประดับ ปกติก็ชอบการวาดภาพระบายสีเล่นอยู่แล้ว พอได้ทำสิ่งที่ชอบและยังเป็นประโยชน์ จึงเพลิดเพลินจนเผลอวาดออกมาตั้งเยอะแยะ ลู่ซินฟางเป็นฝ่ายคัดแยก ว่าเครื่องประดับชิ้นไหนวางขายได้ ชิ้นไหนวางขายไม่ได้ แต่ส่วนใหญ่แล้ว หลินออกแบบได้ดีทุกชิ้น “สวยๆ ทั้งนั้นเลย มีทั้งแบบเรียบง่าย และแบบอลังการงานสร้าง!” “ในมิติตอนนี้เริ่มก่อสร้างโรงเจียระไนพลอยแล้วขอรับ ส่วนนี่เป็นพลอยตัวอย่างที่ท่านหลินใช้เวทเจียระไนขึ้นมาเอง” หลางไป๋พูดพร้อมวางกล่องกำมะยี ด้านในมีพลอยเจียระไนหลายสี ลู่ซินฟางร้องอย่างประหลาดใจ “เร็วถึงเพียงนี้!” ไม่ใช่แค่นั้น หลังจากเปิดกล่องดู สีหน้าของนางยิ่งตกใจมากขึ้นไปอีก พลอยทุกชิ้นเปล่งประกายสดใส ทั้งยังเจียระไนออกมาได้ดีไม่มีที่ติ หลางไป๋ยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ “ข้าเตือนท่านหลิน งานเจียระไนจะเป็นหน้าที่ของช่างฝีมือ แต่ดูเหมือนท่านหลินจะตื่นเต้น เลยทำพลอยพวกนี้ออกมาเยอะขอรับ” “ถึงจะสวยมาก แต่น่าเสียดาย พวกเราวางขา
บทที่ 107เพราะข้าเป็นห่วงเจ้า ยามบ่ายของวันนั้นเอง กงเยียนซูกับโจวหวังเยว่แวะมาดูสินค้าที่ร้านซินหลิน ทันทีที่มาถึง โจวหวังเยว่แยกกับกงเยียนซูไปเลือกดูสินค้าด้วยท่าทีตื่นตาตื่นใจ เวลานี้กงเยียนซูกับลูซินฟางจึงมีโอกาสอยู่ด้วยกันตามลำพัง “พี่ห้าสนใจสินค้าของร้านซินหลิน ช่วงที่เขาอยู่เมืองเล่ออันต้องรบกวนเจ้าแล้ว” กงเยียนซูเอ่ยทักทายด้วยสีหน้าเก้อเขิน หญิงสาวยิ้มน้อยๆ ให้กับชายหนุ่ม พลางตอบว่า “มีคนกระเป๋าหนักมาอุดหนุน ข้าย่อมดีใจอยู่แล้ว กลับกัน ร้านของเราต้องขอบคุณพวกท่านที่มาอุดหนุนบ่อยๆ เจ้าค่ะ” “ไม่ถึงขนาดหรอก สินค้าร้านซินหลินคุณภาพดีทุกอย่าง บริการก็ดีมาก ลูกค้าที่ซื้อไปแล้วก็อยากกลับมาซื้อใหม่ อ้อ ชาสมุนไพรที่ซื้อไปคราวก่อนใกล้จะหมดแล้ว เจ้าพอจะแนะนำใบชาอย่างอื่นให้ข้าได้หรือไม่” “ได้แน่นอนเจ้าค่ะ” พูดจบ ลู่ซินฟางเดินนำชายหนุ่มไปทางจุดที่วางขายใบชา หญิงสาวแนะนำใบชาแต่ละชนิดให้กับกงเยียนซู ชาดอกไม้ ชาสมุนไพร และชาหายากใหม่ๆ ระหว่างแนะนำสินค้าให้กับกงเยียนซู จู่ๆ ในหัวของลู่
บทที่ 106เรื่องน่ายินดี (ครึ่งหลัง) สามวันถัดมา ผู้นำเผ่ากระต่ายเดินทางมาพบกับภูตจิ๋ว ขอเจรจาและทำข้อตกลง เงื่อนไขของพวกเขาคือ ขอสร้างหมู่บ้านกระต่ายในอาณาเขตของภูต แลกกับอาหารและความปลอดภัย อย่างไรก็ดี ตามที่ตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้ หากเผ่ากระต่ายจะมาช่วยงานในฟาร์ม ทางนี้ก็จะจ่ายค่าตอบแทน รวมไปถึงให้การศึกษา อำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิตประจำวัน อาหาร ที่อยู่อาศัยและความปลอดภัยอันเป็นปัจจัยพื้นฐานที่พวกเขาจะได้รับอยู่แล้ว นอกจากนั้น จากการสำรวจป่ารกร้างทางเหนือ หลางไป๋ยังได้เผ่ากวางป่ามาเป็นพันธมิตร หนำซ้ำ ทางทิศตะวันออกของฟาร์มยังพบเหมืองพลอย นับเป็นเรื่องที่น่ายินดีเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ทั้งนั้น เผ่าจิ้งจอกและเผ่าหมูป่ายังไม่ให้คำตอบที่แน่ชัด พวกเขาเลือกอาศัยอยู่ที่เดิม แต่ให้สัญญาว่าจะไม่ลุกล้ำเข้ามาในฟาร์ม ทั้งยังรับปากว่าจะไม่สร้างความเสียหายใดๆ ให้กับสัตว์จำแลงและฟาร์มอย่างเด็ดขาด ในด้านของลู่ซินฟาง หลังจากเคลียร์งานต่างๆ เรียบร้อย นางก็ข้ามมาที่มิติเพื่อพบกับเผ่ากระต่ายและเผ่ากวางป่า
บทที่ 105เรื่องน่ายินดี (ครึ่งแรก) สรุปให้เข้าใจง่ายๆ เมื่อมิติขยายตัวออกไป เวทมนตร์ของภูตที่ดูแลมิติก็เพิ่มขึ้นด้วย พลังเวทนั้นจะสร้างทรัพยากรมากมายให้กับมิติ และเพิ่มวิวัฒนาการเหล่าสัตว์อสูรให้มีสติปัญญาจนถึงขั้นเปลี่ยนแปลงรูปร่างหน้าตา ก่อนที่ลู่ซินฟางจะครอบครองมิติ พื้นที่แถบนี้ยังเป็นแค่ดินแดนที่แทบไม่มีอะไรเลย แต่หลังจากที่ลู่ซินฟางขยายฟาร์มทีละเล็กทีละน้อย สัตว์ในมิติก็ค่อยๆ กลายร่างเป็นมนุษย์ มีสติปัญญาและสื่อสารกันรู้เรื่อง ท้ายที่สุดก็มาอาศัยร่วมกันเหมือนอย่างทุกวันนี้ หลังจากหนุ่มสาวเผ่ากระต่ายได้ฟังคำบอกเล่าก็เข้าใจทันที วิวัฒนาการของพวกตนเกิดจากภูตจิ๋วตรงหน้านี้เอง “แล้วพวกเจ้ามีจำนวนเท่าไรหรือ” หลินถาม “ถ้าเฉพาะเผ่ากระต่าย รวมเด็กๆ ในเผ่าด้วยก็ประมาณ 14-15 ตน” “อืม” “แสดงว่ายังมีเผ่าอื่นๆ อีก ป่าแถบนั้นมีเผ่าอะไรบ้างหรือ” “ละแวกที่เผ่ากระต่ายอาศัย ก็มีเผ่าหมูป่า เผ่ากวางป่า ไกลออกไปอีกได้ยินว่ายังมีเผ่าเสือและเผ่าจิ้งจอก แต่มีจำนวนเท่าไร พวกเราไม่รู้หรอก” “เข้าใ
บทที่ 104เผ่ากระต่าย (ครึ่งหลัง) เวลาเดียวกันนั้น ในมิติต่างโลก ภูตตัวน้อยบินวนไปวนมาพร้อมกับพิจารณากลุ่มมนุษย์ที่มีหูกระต่ายสีเทาอันนุ่มนิ่มและนุ่มฟู “พวกเจ้าเป็นเผ่ากระต่ายจริงๆ สินะ” หลินถามเหล่ามนุษย์หูกระต่าย “แค่ดูหูก็รู้แล้วไม่ใช่หรือ” คำพูดขัดแย้งนี้เป็นของซินหลิน “เจ้าเด็กคนนี้นี่ เรื่องนั้นข้าดูแวบเดียวก็รู้อยู่แล้วน่า ก็แค่อยากถามให้แน่ใจเท่านั้นเอง” หลินหันมาทำท่าโวยวายใส่ซินหลิน ซินหลินไม่ได้มีสีหน้าสำนึกผิดแม้แต่น้อย เด็กชายทำหน้านิ่ง กรอกตามองบนทีหนึ่ง ก่อนจะถามหลินว่า “ว่าแต่ จะเอายังไงกับพวกเขาดีล่ะ” “อืม นั่นสิน๊า” หลินทำท่าครุ่นคิด หากกล่าวถึงจุดเริ่มต้นของเรื่องนี้ ต้องย้อนกลับไปก่อนหน้านั้นเล็กน้อย ซินหลินกับสยงอู๋มาที่โกดังต่างมิติ เพื่อตรวจนับผักผลไม้ ก่อนจะเอาออกไปเติมที่ร้านข้างนอกเหมือนอย่างทุกๆ วัน แต่เช้าวันนี้ พอเปิดโกดังปุบก็พบผู้บุกรุกปับ ผู้บุกรุกมีทั้งหมดเจ็ดตน ทุกตนเป็นเผ่ากระต่าย และกำลังแอบกินผักผลไม้ที่อย
บทที่ 103เผ่ากระต่าย (ครึ่งแรก) ตอนขากลับ โจวหวังเยว่หอบหิ้วสินค้าขึ้นรถม้าเต็มสองมือ ส่วนกงเยียนซูซื้อใบชากลับไปเหมือนอย่างเคย ตลอดเวลาที่อยู่กับลู่ซินฟาง สายตาของกงเยียนซูแสดงออกถึงความรักใคร่อย่างไม่คิดจะปิดบัง ทำเอาคนที่เห็นถึงกับเอียนความหวานกันเป็นแถว รถม้าเคลื่อนตัวออกไปไกลแล้ว แต่ลู่ซินฟางยังยืนอยู่ที่เดิม ใกล้จะถึงเทศกาลไหว้พระจันทร์แล้วสินะ… หญิงสาวคิดอย่างสับสน ไม่ใช่ว่าไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับเทศกาลไหว้พระจันทร์ จริงอยู่ที่ลู่ซินฟางในอดีตสูญเสียครอบครัวตั้งแต่อายุยังน้อย แต่ในขณะเดียวกัน ตั้งแต่ได้รับมิติมา ลู่ซินฟางมักจะจัดเลี้ยง งานเทศกาล และงานสังสรรค์อื่นๆ กับภูตหลินและเหล่าสัตว์อสูร ปีนี้กงเยียนซูชวนเที่ยวงานเทศกาลด้วยกัน นางที่ไม่เคยปฏิสัมพันธ์หรือเที่ยวเล่นกับคนอื่นมาก่อน อดรู้สึกสับสนไม่ได้จริงๆ “เสียดายที่ไม่ได้อยู่ด้วยกันให้นานอีกหน่อยหรือขอรับ” หลางไป๋เห็นลู่ซินฟางเอาแต่ยืนเหม่อตั้งแต่รถม้าของกงเยียนซูเคลื่อนออกจากหน้าร้าน เห็นแล้วก็อดจะพูดกระเซ้าเย้าแ