LOGINซิ่วอิงนั่งลงเขียนด้วยเช่นกัน เพราะป้ายประกาศ ต้องใช้เป็นจำนวนมากในการโฆษณา นางจึงนั่งข้างเฉินซีฮัน ก่อนจะเอ่ยถามเขาขึ้นมา
“พี่ซีฮันจะกลับเมืองหลวงเมื่อใดเจ้าคะ?” “ข้าคิดว่าอีกสองสามวันก็คงจะต้องเดินทางกลับแล้ว” พอเขาเอ่ยบอกก็รู้สึกใจหาย วันเวลาเหตุใดช่างเดินเร็วนัก “ทันอยู่ถึงวันที่ข้านำอาหารไปส่งที่โรงเตี๊ยมหรือไม่เจ้าคะ?” พอนางเอ่ยถามเช่นนี้ เขาก็คิดว่ากลับล่าช้าหน่อย ก็คงไม่เป็นไร “ข้าจะให้ตงหานและหานเกอไปกับท่านด้วยเจ้าค่ะ หากมีคนร้ายมาจัดการพวกท่าน ในระหว่างทางจะได้มีเขาคอยช่วยเหลือเจ้าค่ะ” ซิ่วอิงคิดว่าการที่มีคนร้ายมาลอบฆ่าพวกเขา ไม่ใช่เรื่องธรรมดา เพราะฉะนั้นต้องป้องกันเอาไว้ก่อน “แล้วเขายินดีไปหรือ? ห่างไกลพวกเจ้าอีกหลายเดือนกว่าพวกข้าจะแวะมาอีกที” เฉินซีฮันได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกอบอุ่นในหัวใจ นางช่างจิตใจดีและนึกถึงคนอื่นอยู่เสมอ “พวกเขาต่อไปจะต้องเติบโต เป็นบุรุษที่องอาจและเข้มแข็ง และเป็นที่พึ่งพิงของใครหลาย ๆ คน ข้าว่าพวกเขาจะดีใจเสียมากกว่า ที่ได้ไปเที่ยวในเมืองหลวง” ซิ่วอิงเอ่ยยิ้ม ๆ เพราะเข้าใจฉความรู้สึกของสหาย ที่เป็นเด็กผู้ชาย “ข้าจะดูแลพวกเขาอย่างดี” ที่จริงพวกเขาก็มีวรยุทธสูง แต่หากเทียบกับตงฮวนและหานเกอ เขาคิดว่าพวกเขาเทียบไม่ได้เลย “วันที่ข้านำอาหารไปส่งที่โรงเตี๊ยมฟู่จิน เป็นวันเกิดของพวกข้าทั้งห้าคนพอดีเจ้าค่ะ พวกข้าเกิดวันเดียวกันแต่คนละเวลาเจ้าค่ะ” “จริงด้วยอีกสามวัน ก็เป็นวันเกิดของพวกข้าเช่นเดียวกัน พวกข้าเกิดวันเดียวแต่คนละเวลา” เฉินซีฮันเอ่ยขึ้นด้วยความตกใจ นี่มันเรื่องแปลกเกินไปแล้ว เฉินซีฮันเอ่ยขึ้นด้วยความตกใจและประหลาดใจ “ท่านปู่พวกเขาเกิดวันเดียวกันกับพวกข้า” เขารีบบอกเฉินเจ๋อหยวนด้วยความตื่นเต้น “จริงรึ?” ชายชราตกใจเมื่อรับรู้ พวกเขาเกิดวันเดียวกัน เรื่องนี้น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว และแปลกมากจริง ๆ “ซิ่วอิงเจ้าเกิดวันที่เก้าเดือนเก้าอย่างนั้นรึ?” “เจ้าค่ะ พวกเขาก็ด้วยเจ้าค่ะ” ชายชราครุ่นคิดคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ เรื่องนี้คงเป็นโชคชะตา และสวรรค์กำหนดเอาไว้ ให้พวกเขามาพบเจอกัน และดูแลซึ่งกันและกัน เฉินเจียวหมิงและเฉินจางหย่ง ก็คิดไม่ต่างจากคนเป็นปู่เท่าใดนัก เมื่อได้ยินบทสนทนา “นางจะให้ตงฮวนและหานเกอ เดินทางไปด้วยกับพวกข้า” ตงฮวนและหานเกอ เมื่อได้ยินก็ดีใจเป็นอย่างมาก รีบเอ่ยถามซิ่วอิงอย่างตื่นเต้น “ซิ่วอิงเจ้าจะให้ข้าไปจริงรึ?” “ทำไมไม่อยากไป?” “อยากไปสิ ขอบใจนะซิ่วอิง” ตงฮวนเอ่ยด้วยใจเต้นระริก แต่อีกใจหนึ่งก็อดรู้สึกเป็นห่วงพวกนางทางนี้ไม่ได้ ซิ่วอิงพอเห็นเห็นสีหน้าของเขา ก็พอจะเดาได้ ว่าเขารู้สึกเช่นไร “ไม่ต้องเป็นห่วงพวกข้า ดูแลปกป้องพวกเขาให้ดี” นางเอ่ยย้ำขึ้นมา “เข้าใจแล้ว” “พรุ่งนี้พวกข้าจะมาช่วยพวกเจ้าไปติดแผ่นประกาศ” “จริงหรือเจ้าคะ?” “อืม” “พวกท่านจะแวะมากินอาหารเช้าก่อนมั้ยเจ้าคะ ข้าจะได้เตรียมไว้เจ้าค่ะ” นางเอ่ยถามเพราะต้องออกไปทั้งวัน ควรกินอะไรให้อิ่มท้องเสียก่อน “หากไม่รบกวนเจ้า ข้าจะแวะมา” เช้าวันต่อมาทุกคนก็มารวมตัวกันที่จวนของซิ่วอิง วันนี้นอกจากจะไปติดป้ายโฆษณาแล้ว นางยังต้องไปสั่งของให้นำมาส่ง อย่างเช่นเป็ด เนื้อหมูที่ทำหมูแดง และทำไส้ซาลาเปา แป้งสาลีและไข่ และผักต่าง ๆ อีกมากมาย พวกเขาเดินมาตามถนนในเมืองเหยียนฟาง แล้วติดป้ายตามจุดต่าง ๆ ที่มีไว้ให้ติดป้ายประกาศ ไม่นานกระดาษหนึ่งร้อยแผ่น ก็หมดลงอย่างรวดเร็ว ผู้คนที่มาอ่านเห็นชื่ออาหาร ก็พากันถอนใจออกมา ซิ่วอิงจึงเข้าไปสอบถาม “ท่านป้าเหตุใดอ่านแล้วต้องถอนใจด้วยละเจ้าคะ? “ก็อาหารเลิศรส ชื่ออาหารฟังดูแล้ว คนจน ๆ เช่นข้า คงไม่มีวาสนาได้ไปกินอาหารแบบนั้นหรอก อย่างข้าบะหมี่ยาจก ข้าก็มีความสุขมากแล้ว” “บะหมี่ยาจกหรือเจ้าคะ?” ซิ่วอิงได้ยินชื่อก็ถูกใจขึ้นมา สิ่งที่นางพูดมันก็จริง แต่ว่าในโรงเตี๊ยมที่ใหญ่โตและหรูหรา อาหารย่อมต้องตั้งชื่อ ให้เหมาะสมกับสถานที่ ลูกค้าที่มาพักจะได้รู้สึกพิเศษ ที่ได้มารับประทานอาหาร แต่แล้วจู่ ๆ ความคิดของนาง ก็เปล่งประกายอีกครั้ง โจ๊กขอทาน บะหมี่ยาจก เป็ดย่างพเนจร ซาลาเปาคนจน ฮ่าฮ่าชื่อพวกนี้ เหมาะกับร้านอาหารธรรมดาข้างทาง ที่ใคร ๆ ก็สามารถแวะเข้าไปกินได้เลย ใช่แล้วอาหารที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ง่าย นางต้องหาโอกาสทำขึ้นมาอย่างแน่นอน แต่หากจะเปิดนางต้องหาสถานที่ ห่างไกลจากเมืองเหยียนฟาง บนเส้นทางที่ผู้คนผ่านไปผ่านมา และแวะพักก่อนจะเข้าเมือง ยามนี้หัวสมองของนาง มีความคิดมากมายในการทำการค้าเพื่อหาเงินเต็มไปหมด ต้องค่อย ๆ คิดและค่อย ๆ ทำ ให้อาหารที่โรงเตี๊ยมอยู่ตัว แล้วนางค่อยขยับขยาย ไหนจะหนังสือนิยาย ที่นางจะเขียนออกมาขายอีก ชีวิตนางช่างยุ่งเหยิงเสียจริง เมื่อกลับมาถึงจวน ทุกคนก็พากันนอนแผ่หลาไปพื้น เพราะเหนื่อยล้าจากการเดินทั้งวัน ป้าหวังจึงรีบไปนำน้ำชามาตั้ง อีกทั้งกาน้ำ เพื่อให้ทุกคนได้ดื่ม “นายหญิงน้อย ข้าได้ให้เด็ก ๆ ปอกหอมกระเทียม ทุกอย่างเสร็จตามที่สั่งไว้แล้วเจ้าค่ะ” ซิ่วอิงนางเหนื่อยจนหลับไป ไม่รับรู้ว่าป้าหวังพูดอะไร ป้าหวังยิ้มอย่างเอ็นดู นางคงจะเหนื่อยมาก ส่วนลี่อินหลับทั้งที่กอดต้นเสา และเจียวจูที่หลับตั้งแต่ ถูกเฉินเจียวหมิงให้ขึ้นขี้หลัง พวกเขามองอย่างเอ็นดูและสงสาร พวกนางทำงานกันอย่างหนัก เมื่อคืนก็ดึกดื่นกว่าจะได้นอน พอมายามนี้ เลยหลับอย่างง่ายดาย พวกเขาอุ้มนางมานอนที่เตียงแล้วจากไป ป้าหวังจึงเข้ามาจัดท่าทาง ให้พวกนางได้นอนสบายขึ้น ผ่านไปครึ่งชั่วยาม พวกนางก็ตื่นขึ้นอย่างกระปรี้กระเปร่า พวกนางนอนด้วยกันตั้งแต่มาอยู่จวนหลังนี้ เพราะจวนไม่ได้ใหญ่โตมากนัก พวกนางจึงจำเป็นที่ต้องนอนด้วยแบบนี้ไปก่อน ตอนนี้เด็กที่เป็นสตรีก็นอนรวมกัน เด็กผู้ชายก็นอนรวมกัน ซึ่งค่อนข้างจะแออัด แต่ว่าก็ต้องทนไปก่อน ยามนี้นางให้ช่างทำโรงอาหาร ที่ค่อนข้างใหญ่และกว้าง มีเตาผิงสี่เตาเผื่อสร้างความอบอุ่นในฤดูหนาว นางจะให้ทุกคนไปนอนชั่วคราวในฤดูหนาว พอปลูกเรือนเสร็จค่อยย้าย จวนหลังนี้สร้างด้วยไม้ทั้งหลัง ยากที่จะต่อเติมทำเตาผิง งานก่อสร้างยามนี้ เริ่มมีการใช้อิฐและปูนบ้างแล้ว นางจึงสามารถวาดรูปแบบแล้ว ให้ช่างก่อสร้างได้ดู และทำขึ้นมาอย่างเช่นเตาอบ ส่วนบ้านเรือนและโรงอาหาร นางจะวาดรูปแบบเตาผิงให้ช่างดูอีกที หลังจากตื่นขึ้นมาพวกนางก็พากัน มาที่โรงครัวเพราะยามนี้บ่ายคล้อย ต้องเตรียมอาหารมื้อค่ำ แต่เมื่อมาถึงก็ต้องตกใจ เพราะของที่ซิ่วอิงไปสั่งเอาไว้ เริ่มทยอยมาส่งบ้างแล้ว “นายหญิงน้อยมีกระดาษมาส่ง จะให้เอาไว้ตรงไหนขอรับ?” “ลุงฮุ่ยเอาไว้ในห้องโถงไปก่อนเจ้าค่ะ” “ป้าหวังแป้งสาลีและไข่ นำไปจัดไว้ในบริเวณที่แห้ง พวกเจ้านำกาละมัง และถังพวกนี้ ไปล้างเเละเช็ดให้แห้ง” “นายหญิงน้อย ข้าทำเตาอบเสร็จแล้วขอรับ ข้าอยากให้ท่านไปดูเสียหน่อยขอรับ” ซิ่วอิงได้ยินก็ยกยิ้มด้วยความพอใจ ทำงานรวดเร็วดีจริง เมื่อมาถึงบริเวณที่นางให้ทำเตาอบ ซิ่วอิงก็แทบจะกรีดร้องออกมาด้วยความดีใจ เขาทำออกมาได้ดีมาก สมกับเป็นช่างที่มีประสบการณ์ “พี่อู่ถงนำไฟมาก่อเจ้าค่ะ แล้วใส่ถ่านลงไปแบบนี้เจ้าค่ะ ท่านทำได้ดีมากเจ้าค่ะ ทำเตาต่อไปได้เลยเจ้าค่ะ” ซิ่วอิงคิดว่าวันนี้มีเตาอบ ก็ขอฉลองเตาใหม่หน่อยแล้วกัน พิซซ่าต้องมา คิดได้เช่นนั้น นางก็รีบไปเตรียมอุปกรณ์ พิซซ่าต้องมีซอสมะเขือเทศ สงสัยนางต้องทำเอาไว้ใช้ เพราะซอสมะเขือเทศไม่ได้ทำยากอะไร แต่ว่าตอนนี้นางต้องขอเนรมิตมาใช้ก่อนแล้วกันกลิ่นเนื้อย่างส่งกลิ่นหอมตลบอบอวลไปรอบบริเวณ ซิ่วอิงให้พวกเขาไปนับจำนวนคน รวมทั้งช่างก่อสร้างและช่างตัดต้นไม้ รวมแล้วเกือบสองร้อยชีวิต ทางโรงเตี๊ยมลู่เฉิงและลู่ไฉ่ดูแล นางจึงไม่ได้กังวลมากนัก “ซิ่วอิงเจ้าดูข้าลองเปลี่ยนใบหน้า ท่านพ่อท่านแม่ เป็นเช่นไรฝีมือข้า” ลี่อินพาอดีตฮ่องเต้ อดีตฮองเฮาและพระสนม อีกทั้งข้ารับใช้คนสนิท ออกมาจากมิติ นางทำการเปลี่ยนใบหน้า ให้พวกเขาทั้งหมด ซิ่วอิงยกยิ้มอย่างพอใจ “คนอื่น ๆ ก็เดี๋ยวค่อยให้พี่จือหยวนและพี่จือไฉ ยกอาหารเอาไปให้ก็แล้ว ออกมากันหมดผู้คนอาจจะสงสัยเอาได้” “เข้าใจแล้ว” ลี่อินตอบรับ ก่อนจะพาพวกเขาไปนั่ง แล้วหาไปยกน้ำชามาให้ “หลานสะใภ้คนงาม เจ้ากำลังทำอะไรหรือ?” ซิ่วอิงหันไปมองตามเสียงก็เห็นท่านปู่เดินยิ้มร่าเข้ามา อย่างอารมณ์ดี “อันนี้เรียกว่าขนมเค้กเจ้าค่ะ” “สีสันงดงามน่ากินจริง ๆ” ชายชรามองเค้กอย่างพอใจ “วันนี้ข้าทำหลายก้อนเลยเจ้าค่ะ ทุกคนจะได้กินกันอย่างทั่วถึงเจ้าค่ะ” “ดี ๆ ข้าไม่ได้กินอาหาร ฝีมือเจ้าทำมาหลายวัน ข้ารู้สึกว่าข้าผอมลงไปเยอะเลย” ทุกคนได้ยินเขาพูดก็หัวเราะออกมาด้วยความเอ็นดูวันนี้อาหารที่นางทำ ถึงแม้จะมีคนเยอะ แต่คนช่ว
ซิ่วอิง ลี่อินและเจียวจู กลับมาที่จวนอีกครั้ง แล้วตรงไปยังโรงครัวเพื่อทำอาหาร อยู่ในมิติแปลกมากเลย ร่างกายเหมือนอิ่มทิพย์ ไม่รู้สึกหิวอะไรเลย อาจเพราะเป็นมิติเทพ ร่างกายจึงไม่ต้องการอาหาร แต่พอกลับออกมาเช่นนี้ นางก็รู้สึกหิวขึ้นมาทันที“ซิ่วอิงข้ารู้สึกหิวมากเลย”“ข้าก็เหมือนกัน”“งั้นวันนี้พวกเราจัดเต็มไปเลย ฉลองวันเกิดอายุครบ15ปี และฉลองที่พวกเราสำเร็จพลังปราณ ขั้นสูงสุด เพราะฉะนั้นข้าจะทำเนื้อย่าง และจะทำเค้กด้วย” ซิ่วอิงเอ่ยขึ้นอย่างร่าเริง พอพูดถึงเนื้อย่างตงฮวนและหานเกอก็รีบเข้ามาร่วมวง “สตรีคนงามข้าขอหมูสามชั้นได้หรือไม่?” ตงฮวนรีบหยอดคำหวานทันที“สตรีผู้งามล้ำเหนือผู้ใดในใต้หล้า ข้าขอกุ้งตัวโต ๆ และเนื้อย่างแบบไม่สุกมาก”“เชอะ! พวกเจ้าเป็นบุรุษที่อยู่เป็นจริง ๆ” เจียวจูส่ายหน้าอย่างรู้เท่าทันพวกเขา“ข้าไม่ได้บอกสตรีไร้ยางอายเช่นเจ้า ข้าบอกซิ่วอิงผู้เลอโลมต่างหากเล่า?” ตงฮวนตอบกลับไปอย่างยียวนกวนประสาท“นี่เจ้าเต่าโบราณล้านปี!”“หยุด! หยุดเถิดข้าขอร้อง ข้าเหนื่อยจะฟังแล้ว” ซิ่วอิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหนื่อยล้าและเริ่มรำคาญ เฉินซีฮัน เฉินเจียวหมิงและเฉินจางหย่ง ก็ต่างพากันหัวเราะออ
พวกเขาเฝ้ามองแสงที่ครอบร่างของพวกเขาทุกวัน เวลาผ่านไปห้าวันแล้ว แต่ว่าพวกเขาก็ยังไม่ออกมา ยามนี้ทุกคนนั่งไม่ติด เพราะรู้สึกเป็นห่วงว่าเหตุใดพวกเขาถึงยังไม่ออกมา พวกเขาจะฝึกพลังนานเพียงใดกันนะ“ท่านปู่ข้าเป็นห่วงพวกเขามากเลยขอรับ” เฉินซีฮันเอ่ยด้วยสีหน้าเป็นกังวล เมื่อก่อนเขาก็อยู่ได้โดยที่ไม่มีนาง แต่มายามนี้ ชีวิตกระวนกระวาย เหมือนขาดอะไรไป “นั่นสิห้าวันแล้วที่พวกเขาเข้าไปฝึก หากใช้เวลาเป็นเดือนจะทำอย่างไร?” เฉินเจียวหมิงเอ่ยอย่างวิตกกังวลไม่ต่างกัน “ข้าว่าไม่นานก็คงออกมาแล้วละ พวกเจ้าดูแสงพวกนั้นสิ ค่อย ๆ จางลงแล้ว” เฉินจางหย่งเอ่ยขึ้นอย่างตื่นเต้น พร้อมชี้ให้ทุกคนดู เมื่อทุกคนมองไปดู ก็เห็นว่าแสงเริ่มลดลงจริง ๆ พวกเขาต่างมายืนจ้องมองตาไม่กะพริบ ผ่านไปเพียงห้าวัน พวกเขารู้สึกว่ายาวนานเหมือนห้าปี ก่อนที่การรอคอยจะสิ้นสุดลง เมื่อแสงที่เปล่งประกายได้จางหายไป ก่อนพวกเขาทั้งห้าคนจะลุกขึ้น และก้าวเดินมาที่พวกเขานี่มันอะไรกัน! ผ่านไปเพียงห้าวัน พวกเขาเติบโตขึ้นถึงเพียงนี้ น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว ซิ่วอิง ลี่อิน เจียวจู สวยสดงดงามดั่งเซียนน้อยมาจุติยังโลกมนุษย์ ตงฮวนหล่อเหล่าสง่างาม ดั่
เด็กทั้งห้าคนกลับถึงจวน ด้วยความสบายใจเป็นอย่างยิ่ง ข้าวสารอาหารแห้ง ทางร้านจะมาส่งทีหลัง เพราะเถ้าแก่เจ้าของร้านยุ่งจนหัวหมุน พวกเขาทั้งห้าคนเห็นทุกคนเริ่ม ตุนเสบียงและอาหารเช่นนี้ ก็รู้สึกโล่งใจ อย่างน้อยพวกเขา ก็ซื้อได้ในราคาปกติ หากรอไปซื้อในช่วงฤดูหนาว พ่อค้าคงขึ้นราคาเป็นแน่ “ป้าหวังที่จวนเป็นอย่างไรบ้างเจ้าค่ะ” “ทุกอย่างเรียบร้อยดีเจ้าค่ะ” ซิ่วอิงยกยิ้มอย่างพอใจ “ช่วงนี้ข้าฝากท่านป้าและลุงฮุ่ยช่วยดูแลจวนด้วยเจ้าค่ะ พี่อู่ถง พี่อู่จิ้ง พี่อู่หย่ง ต่อไปท่านทั้งสามคนช่วยดูแลเรื่องทั่วไปในจวน หากต้องการซื้ออะไรเพิ่ม หากจำเป็นก็ซื้อได้เลยเจ้าค่ะ ข้าจะฝากเงินไว้กับป้าหวัง พี่ซูผิงว่าง ๆ ก็ช่วยสอนเด็กๆ หัดคัดอักษรทีเจ้าค่ะ กระดาษและหมึก มีพร้อมไม่ต้องกังวล ช่วงนี้พวกข้ามีเรื่องให้ทำมากมาย หากวันไหนข้าไม่ได้ทำอาหาร ป้าหวังพาทุกคนทำเลยนะเจ้าคะ ให้ทุกคนได้กินอย่าปล่อยให้หิว เพื่อรอพวกข้าเจ้าค่ะ” “ขอรับ/เจ้าค่ะ ซิ่วอิงสั่งงานทุกคน เพราะตอนนี้นางและสหายมีเรื่องให้ทำมากมาย จึงไม่สามารถทำได้เหมือนแต่ก่อน “ท่านลุงช่วงนี้ยังไม่เป็ดให้ย่าง ท่านสามคนไปขนฟืนที่ช่างตัดต้นไม้มาไว้ที่จวนเจ้า
ไม่นานข่าวก็แพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองเหยียนฟางว่า หมู่บ้านเหยียนฟางมีผีร้าย ข่าวลือเรื่องนี้ทำเอาผู้คนขนลุกขนชันด้วยความหวาดกลัว เพราะไม่ใช่เพียงทหารคนเดียวที่พบ แต่เป็นทหารหลายสิบคน รวมทั้งท่านเจ้าเมืองและนายอำเภอ ซิ่วอิงและสหาย ที่ออกมาสั่งของที่ตลาด พอได้ยินข่าวนี้ ถึงกับหลุดหัวเราะออกมา ด้วยความสะใจ สมน้ำหน้า! “ฮ่า ๆ ข้าละสะใจจริง ๆ” หานเกอเอ่ยขึ้น “ใช่สมน้ำหน้า ไปรบกวนวิญญาณคนตาย ก็ต้องเจอดีแบบนี้” เจียวจูเสริมขึ้น “ซิ่วอิงวิญญาณพวกเขา ยังไม่ไปเกิดใหม่อีกเหรอ?” ลี่อินเอ่ยถามด้วยความสงสัย “ข้าคิดว่าพวกเขา คงยังเป็นห่วงสมบัติอยู่ เลยยังไม่จากไปไหน” “ซิ่วอิงข้าคิดแผนออกมาได้แล้ว” ตงฮวนเอ่ยขึ้นด้วย ท่าทางเจ้าเล่ห์ “แผนอะไรรึ?” ซิ่วอิงหันมาถามอย่างสนใจ “ก็แผนไปสำรวจพื้นที่แถบนั้นนะสิ” “แต่ว่าตงฮวนเจ้าไม่กลัวผีรึ?” เจียวจูถามขึ้น “จะกลัวทำไมวิญญาณเหล่านั้น เป็นคนในครอบครัวของเราที่ถูกฆ่า ข้าดีใจเสียอีกหากว่าจะได้พบพวกเขาอีก” ซิ่วอิงฟังจากที่ตงฮวนพูดก็ครุ่นคิด แผนของเขาดีมากเลยทีเดียว ตงฮวนเป็นเด็กฉลาด เขาสามารถฟังและวิเคราะห์ ได้อย่างดีเยี่ยม“แล้วจะไปสำรวจยังไง ไม่ใช่ว่าพวกเ
เช้าวันนี้มีประกาศจากทางการว่า มีแจ้งเบาะแสว่าพบเจออดีตฮ่องเต้ หลบหนีอยู่ที่หมู่บ้านไฉ่หลิน ทางการจึงจำเป็นต้อง ส่งคนไปตรวจสอบ อู่ถงรีบเข้ามารายงานอีกเช่นเคย เพราะเขามีหน้าไปจ่ายของที่ตลาด จึงพบเห็นทางการออกมาปิดประกาศข่าวสาร ให้ผู้คนได้รับรู้ “นายหญิงน้อย ดูเหมือนทางการจะออกมาติดประกาศแจ้งข่าวขอรับ” “แจ้งว่าอย่างไรหรือเจ้าคะ?” “แจ้งว่าพบเจอ อดีตฮ่องเต้หลบหนีไปอยู่แถว ๆ หมู่บ้านไฉ่หลินขอรับ” ซิ่วอิงจากที่กำลังผัดผัก ก็ต้องหยุดชะงักลงทันที ทางการคงอ้างเหตุผลนี้ เพื่อเข้าไปตรวจค้นสมบัติ ที่หมู่บ้านไฉ่หลินเป็นแน่ หากเป็นเช่นนี้ ก็หมายความว่า ฮ่องเต้พระองค์ใหม่ยังไม่รู้เรื่องนี้ และดูเหมือนท่านเจ้าเมือง จะทำการปกปิดเรื่องนี้เอาไว้ “แล้วยังมีข่าวอย่างอื่นอีกหรือไม่เจ้าคะ?” “ไม่มีแล้วขอรับ” เขาตอบเสร็จก็เดินไปยกของลงจากรถวัวเทียมเกวียน ซิ่วอิงจึงหันมาหาสหาย ที่ช่วยงานกันอยู่ในครัว “ท่านเจ้าเมืองคงเริ่มให้ทหารไปสำรวจพื้นที่แล้ว ข้าลืมบอกพวกเจ้าไป ก่อนหน้านี้ข้าได้ฝันเห็น วิญญาณของทุกคนที่จากไป บิดาของข้ายังบอกอีกว่า พื้นที่แถบนั้นมีสมบัติซ่อนอยู่” “จริงเหรอซิ่วอิง” หานเกอถามขึ







