Masukเมื่อทุกคนออกมาจากกล่องโบราณ ก็ตรงมาที่โรงครัว ยามนี้ทุกคนมารวมตัวกันมากมาย ซิ่วอิงลวกเส้น ลี่อินใส่หมูแดง หมูสับและผัก เจียวจูใส่กระเทียม ต้นหอมผักชี และตักน้ำซุปใส่ลงไป ซิ่วอิงสั่งชามมาไว้100ใบ ไม่อยากเชื่อว่าเกือบไม่พอ เพราะมีช่างก่อสร้างมาร่วมด้วย
ทุกคนพอได้ถ้วยบะหมี่ ก็พากันยกไปนั่งกินใต้ต้นไม้ เพราะช่วงเวลานี้แดดแรง ยังดีที่ในพื้นในจวน ยังพอมีต้นไม้อยู่สองสามต้น ยังพอนั่งหลบแดดได้บ้าง ซิ่วอิงมองอากาศยามนี้แล้วนึกถึง ความฝันของตงฮวน ที่บอกว่าจะมีหิมะตกหนักอย่างยาวนาน ช่างตัดต้นไม้ ได้เริ่มมาตัดต้นไม้บ้างแล้ว บนที่ดินที่ติดกับจวนของนาง บุรษทั้งสามซื้อที่แล้วยกให้เป็นของหมั้น ดูแล้วพวกเขาก็เป็นคนจิตใจดีอยู่ไม่น้อย โฉนดที่ดิน ลี่อิน เจียวจู ให้นางเป็นคนเก็บ เพราะพวกนางไว้ใจและเชื่อใจซิ่วอิง หากรวมพื้นที่เข้าด้วยกันทั้งหมด ก็นับว่ากว้างและใหญ่มาก นางบอกให้ช่างตัดไม้เร่งมือ และจะจ่ายเงินเพิ่มให้ พวกเขาก็พอใจรีบหาคนมาช่วยตัด เพื่อให้เสร็จตามที่นางบอก นางอยากได้เตาผิง ที่มีประตูเปิดปิด เสร็จงานจากโรงเตี๊ยม นางจะลองขอกล่องโบราณ เพราะเตาผิงรุ่นเก่า เวลาจุดควันไฟ สามารถลอยไปทั่วห้อง แต่เตาผิงที่มีประตูเปิดปิด จะป้องกันควันไฟไม่ให้ลอยออกมา แล้วควันไฟจะถูกดูดขึ้นข้างบนปล่องไฟเองตามธรรมชาติ “คิดอะไรอยู่หรือ?” เฉินซีฮันเห็นนางนั่งเหม่อลอย เหมือนมีเรื่องให้คิด ก็เอ่ยถามด้วยความห่วงใย เด็กคนนี้มีเรื่องให้คิดมากมาย “ข้ากำลังคิดว่า หน้าหนาวที่ใกล้เข้ามาแล้ว จะทำเครื่องทำความร้อน อย่างไรดีเจ้าค่ะรอให้เสร็จงานที่โรงเตี๊ยม ข้าต้องรีบทำเจ้าค่ะไม่งั้นทุกคนได้หนาวตายแน่” เขายกยิ้มก่อนจะยกมือมาลูบหัวนางอย่างเอ็นดู “เจ้าคิดเผื่อผู้อื่นแบบนี้เสมอเลยหรือ?” “ก็ไม่เสมอไปหรอกเจ้าค่ะ แต่พอมาคิดว่าหากเราสามารถช่วยได้ ทำไมไม่ลองดูก่อน ดีกว่าปล่อยให้เป็นไปตามยถากรรม หากพยายามแล้วแต่ไม่ประสบผลสำเร็จ ก็ยังถือว่าเราได้ลองและพยายามแล้วเจ้าค่ะ อีกอย่างข้าคิดว่าที่สวรรค์มอบอะไรหลาย ๆ อย่างให้กับข้า ก็เพื่อให้ข้าช่วยผู้อื่น บางดีข้าก็รู้สึกเหนื่อยแต่พอได้ช่วยขึ้นมาจริง ๆ ความรู้สึกมันดีมาก ๆ เลยเจ้าค่ะ” “เด็กดีเจ้าทำให้ข้า ภูมิใจในตัวเจ้ามากรู้หรือไม่?” “รู้สิเจ้าค่ะ เพราะขนาดตัวข้าเอง ยังอดภูมิใจในตัวเองไม่ได้เลยเจ้าค่ะ” เขายิ้มอ่อน “มีอะไรให้ช่วยก็บอกข้าได้ตลอดเวลา” “เจ้าค่ะ พรุ่งนี้เป็นวันเกิดพี่ซีฮัน วันเกิดข้า และเป็นวันเกิดของพวกเขาด้วย แต่ว่าพรุ่งนี้เป็นวันเปิดขายอาหารวันแรก ต้องยุ่งมาก ๆ แน่ เอาไว้ฉลองหลังจากงานเสร็จดีมั้ยเจ้าคะ?” “เจ้าว่าอย่างไรข้าก็ว่าอย่างนั้น” “พรุ่งนี้พี่ซีฮัน พี่เจียวหมิง พี่จางหย่ง เป็นคนคิดเงิน ใช้เครื่องคิดเลขคล่องแล้วใช่หรือไม่เจ้าคะ?” “แน่นอนสิ” “ไม่ต้องรีบนะเจ้าคะ เครื่องคิดเลขถึงแม้จะแม่นยำ แต่หากกดผิด ยอดก็จะผิดทั้งหมด เรื่องของตัวเลขและเงินทอง จะผิดพลาดไม่ได้เจ้าค่ะ หากไม่มั่นใจทวนอีกรอบก็ไม่เสียหายอะไร” “เข้าใจแล้วขอรับนายหญิงน้อย” ซิ่วอิงหัวเราะออกมา เมื่อเขาเรียกนางเช่นนั้น เช้าวันต่อมาซิ่วอิงก็ตื่นขึ้นมาแต่เช้าตรู่ เมื่อคืนนางฝันว่า ได้ไปพบกับเทพผู้พิทักษ์ทั้งสี่ และเทพเทพีแห่งโชคชะตา ที่นางมาพร้อมกับดอกบัวเช่นเดิม แต่แปลกฝันคราวนี้ มีสหายทั้งสี่คนอยู่ร่วมด้วย อย่าบอกนะว่าพวกเขาก็ฝันแบบเดียวกัน เหล่าเทพกล่าวอวยพรและบอกว่าจะกลับมาอีกครั้งเมื่อนางอายุ11ปี หมายความว่าทุกวันเกิด พวกเขาจะมาให้พรพวกนางอย่างนั้นหรือ ซิ่วอิงมองไปที่กำไล ที่ยามนี้เปล่งประกายแสงสีทองเจิดจ้า ก่อนนางจะพบว่า ข้างในกำไลมีพื้นที่กว้างใหญ่และอุดมสมบูรณ์ มีบ้านหลังหนึ่งตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ที่รายล้อมไปด้วยพืชพรรณนานาชนิด อีกทั้งฝูงเป็ด ไก่ คอกวัว คอกม้า คอกหมู หรือว่านี่จะเป็นตัวช่วยอันใหม่ของนาง แต่แล้วลี่อินที่นอนอยู่ที่พื้นกับเฉินจางหย่ง ก็ลุกพรวดพราดขึ้นมา ทำให้บุรุษที่นอนอยู่ข้าง ๆ สะดุ้งตื่นขึ้นมา และมองนางอย่างตกใจ “ขอโทษเจ้าค่ะข้าทำให้พี่จางหย่งต้องตื่นเลย” แต่เขาไม่ทันได้ตอบอะไร เจียวจูที่นอนกอดเฉินเจียวหมิง ก็ลุกขึ้นมานั่งเช่นกัน เจียวจูรีบมองไปบนเตียง ก็พบว่าซิ่วอิงกำลังมองมาที่นาง “ซิ่วอิงข้าฝัน ในความฝันมีเจ้า มีลี่อินมีข้า มีตงฮวนแล้วก็มีหานเกอ” เจียวจูหยุดพูดเพราะกำไลที่นางสวมอยู่ เริ่มเปล่งประกายแสงสีแดงออกมา และกำไลที่ข้อมือของลี่อิน ก็เปล่งแสงสีฟ้าออกมาเช่นกัน แต่แล้วจู่ ๆ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น “ซิ่วอิงให้พวกข้าเข้าไปได้หรือไม่?” เป็นตงฮวนและหานเกอ “เข้ามา” พอพวกเขามาถึง ก็รีบให้ดูแหวนที่พวกเขาสวมอยู่ ข้างในเป็นพื้นที่แบบเดียวกัน กับกำไลที่นางสวมอยู่ ซิ่วอิงจึงดึงมือของหานเกอมาดูแหวน ปรากฏว่าข้างในเป็นพื้นที่แบบเดียวกัน “ลี่อิน เจียวจู เอากำไลให้ข้าดูหน่อย” “ได้” “เจ้าลองนึกว่าอยากเข้าไปในพื้นที่ในกำไล” เจียวจูและลี่อินทำตามที่ซิ่วอิงบอก ปรากฏว่า ลี่อินกับเจียวจูเข้าไปอยู่ในพื้นที่เดียวกันในกำไล ส่วนซิ่วอิงก็สามารถมองเห็นพวกนาง จากกำไลที่นางสวมอยู่ ตงฮวนและหานเกอตกตะลึง เมื่อเห็นลี่อินและเจียวจู อยู่ในพื้นที่ของแหวนที่ตนสวมอยู่ “ข้าเดาว่าเพราะพวกเราเกิดวันเดียวกัน เลยต้องมีชะตาชีวิตร่วมกัน อีกทั้งเทพทั้งสี่และเทพแห่งโชคชะตา อยากให้พวกเราใช้สิ่งที่มีช่วยเหลือผู้อื่น” พวกเขารับฟังอย่างเข้าใจ เฉินซีฮัน เฉินเจียวหมิง เฉินจางหย่ง นั่งฟังพวกเขาพูดกันอย่างเงียบ ๆ วันนี้เด็กทั้งห้าคนมีอายุครบ10ปี ส่วนพวกเขามีอายุ20ปี อายุห่างกันถึง10ปี อีกห้าปีหากพวกนางถึงวัยปักปิ่น พวกเขาก็จะมีอายุ25 พวกนางจะตำหนิ ที่พวกเขาแก่เกินไปหรือไม่นะ โชคชะตานี่ก็แปลก ตั้งแต่พวกเขาเกิดมา เป็นองค์ชายผู้สูงส่ง พบเจอสตรีมามากมาย นางกำนัลในวังมีแต่คนงดงาม หรือแม้แต่คุณหนูตระกูลต่าง ๆ พวกเขากลับไม่เคยรู้สึกสนใจ แต่พอมาพบเจอเด็กน้อยวัยเยาว์ กลับมีความรู้สึกแตกต่างออกไป เหมือนอยากดูแลปกป้อง อยากครองคู่ และอยู่ด้วยกันตลอดไป นี่คือความหมายที่ว่า คู่แท้คู่วาสนาใช่หรือไม่ “สุขสันต์วันเกิดเจ้าค่ะพี่ซีฮัน” ซิ่วอิงหันไปจุ๊บแก้มเขาหนึ่งที เขาถึงกับนั่งตัวแข็งทือ ลี่อินเห็นและเจียวจูเห็นก็ทำตามบ้าง “สุขสันต์วันเกิดเจ้าค่ะพี่เจียวหมิง” “สุขสันต์วันเกิดเจ้าค่ะพี่จางหย่ง” พวกเขาพยายามตั้งสติ แก้มเริ่มขึ้นสีแดงระเรื่อ ก่อนจะดึงพวกนางมาจุ๊บหน้าผากอย่างเอ็นดู “สุขสันต์วันเกิดเด็กดีของข้า” “สุขสันต์วันเกิดตงฮวน หานเกอ ลี่อิน เจียวจู พี่ซีฮัน พี่จางหย่ง พี่เจียวหมิง ขอให้มีความสุข สุขภาพที่แข็งแรง และเป็นคนที่ความสุขที่สุดในโลก” ซิ่วอิงเอ่ยอวยพรทุกคน “เอาไว้งานที่โรงเตี๊ยมเสร็จ พวกเราค่อยฉลองกัน เราเตรียมตัวไปทำงานกันเถิด” “ได้”กลิ่นเนื้อย่างส่งกลิ่นหอมตลบอบอวลไปรอบบริเวณ ซิ่วอิงให้พวกเขาไปนับจำนวนคน รวมทั้งช่างก่อสร้างและช่างตัดต้นไม้ รวมแล้วเกือบสองร้อยชีวิต ทางโรงเตี๊ยมลู่เฉิงและลู่ไฉ่ดูแล นางจึงไม่ได้กังวลมากนัก “ซิ่วอิงเจ้าดูข้าลองเปลี่ยนใบหน้า ท่านพ่อท่านแม่ เป็นเช่นไรฝีมือข้า” ลี่อินพาอดีตฮ่องเต้ อดีตฮองเฮาและพระสนม อีกทั้งข้ารับใช้คนสนิท ออกมาจากมิติ นางทำการเปลี่ยนใบหน้า ให้พวกเขาทั้งหมด ซิ่วอิงยกยิ้มอย่างพอใจ “คนอื่น ๆ ก็เดี๋ยวค่อยให้พี่จือหยวนและพี่จือไฉ ยกอาหารเอาไปให้ก็แล้ว ออกมากันหมดผู้คนอาจจะสงสัยเอาได้” “เข้าใจแล้ว” ลี่อินตอบรับ ก่อนจะพาพวกเขาไปนั่ง แล้วหาไปยกน้ำชามาให้ “หลานสะใภ้คนงาม เจ้ากำลังทำอะไรหรือ?” ซิ่วอิงหันไปมองตามเสียงก็เห็นท่านปู่เดินยิ้มร่าเข้ามา อย่างอารมณ์ดี “อันนี้เรียกว่าขนมเค้กเจ้าค่ะ” “สีสันงดงามน่ากินจริง ๆ” ชายชรามองเค้กอย่างพอใจ “วันนี้ข้าทำหลายก้อนเลยเจ้าค่ะ ทุกคนจะได้กินกันอย่างทั่วถึงเจ้าค่ะ” “ดี ๆ ข้าไม่ได้กินอาหาร ฝีมือเจ้าทำมาหลายวัน ข้ารู้สึกว่าข้าผอมลงไปเยอะเลย” ทุกคนได้ยินเขาพูดก็หัวเราะออกมาด้วยความเอ็นดูวันนี้อาหารที่นางทำ ถึงแม้จะมีคนเยอะ แต่คนช่ว
ซิ่วอิง ลี่อินและเจียวจู กลับมาที่จวนอีกครั้ง แล้วตรงไปยังโรงครัวเพื่อทำอาหาร อยู่ในมิติแปลกมากเลย ร่างกายเหมือนอิ่มทิพย์ ไม่รู้สึกหิวอะไรเลย อาจเพราะเป็นมิติเทพ ร่างกายจึงไม่ต้องการอาหาร แต่พอกลับออกมาเช่นนี้ นางก็รู้สึกหิวขึ้นมาทันที“ซิ่วอิงข้ารู้สึกหิวมากเลย”“ข้าก็เหมือนกัน”“งั้นวันนี้พวกเราจัดเต็มไปเลย ฉลองวันเกิดอายุครบ15ปี และฉลองที่พวกเราสำเร็จพลังปราณ ขั้นสูงสุด เพราะฉะนั้นข้าจะทำเนื้อย่าง และจะทำเค้กด้วย” ซิ่วอิงเอ่ยขึ้นอย่างร่าเริง พอพูดถึงเนื้อย่างตงฮวนและหานเกอก็รีบเข้ามาร่วมวง “สตรีคนงามข้าขอหมูสามชั้นได้หรือไม่?” ตงฮวนรีบหยอดคำหวานทันที“สตรีผู้งามล้ำเหนือผู้ใดในใต้หล้า ข้าขอกุ้งตัวโต ๆ และเนื้อย่างแบบไม่สุกมาก”“เชอะ! พวกเจ้าเป็นบุรุษที่อยู่เป็นจริง ๆ” เจียวจูส่ายหน้าอย่างรู้เท่าทันพวกเขา“ข้าไม่ได้บอกสตรีไร้ยางอายเช่นเจ้า ข้าบอกซิ่วอิงผู้เลอโลมต่างหากเล่า?” ตงฮวนตอบกลับไปอย่างยียวนกวนประสาท“นี่เจ้าเต่าโบราณล้านปี!”“หยุด! หยุดเถิดข้าขอร้อง ข้าเหนื่อยจะฟังแล้ว” ซิ่วอิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหนื่อยล้าและเริ่มรำคาญ เฉินซีฮัน เฉินเจียวหมิงและเฉินจางหย่ง ก็ต่างพากันหัวเราะออ
พวกเขาเฝ้ามองแสงที่ครอบร่างของพวกเขาทุกวัน เวลาผ่านไปห้าวันแล้ว แต่ว่าพวกเขาก็ยังไม่ออกมา ยามนี้ทุกคนนั่งไม่ติด เพราะรู้สึกเป็นห่วงว่าเหตุใดพวกเขาถึงยังไม่ออกมา พวกเขาจะฝึกพลังนานเพียงใดกันนะ“ท่านปู่ข้าเป็นห่วงพวกเขามากเลยขอรับ” เฉินซีฮันเอ่ยด้วยสีหน้าเป็นกังวล เมื่อก่อนเขาก็อยู่ได้โดยที่ไม่มีนาง แต่มายามนี้ ชีวิตกระวนกระวาย เหมือนขาดอะไรไป “นั่นสิห้าวันแล้วที่พวกเขาเข้าไปฝึก หากใช้เวลาเป็นเดือนจะทำอย่างไร?” เฉินเจียวหมิงเอ่ยอย่างวิตกกังวลไม่ต่างกัน “ข้าว่าไม่นานก็คงออกมาแล้วละ พวกเจ้าดูแสงพวกนั้นสิ ค่อย ๆ จางลงแล้ว” เฉินจางหย่งเอ่ยขึ้นอย่างตื่นเต้น พร้อมชี้ให้ทุกคนดู เมื่อทุกคนมองไปดู ก็เห็นว่าแสงเริ่มลดลงจริง ๆ พวกเขาต่างมายืนจ้องมองตาไม่กะพริบ ผ่านไปเพียงห้าวัน พวกเขารู้สึกว่ายาวนานเหมือนห้าปี ก่อนที่การรอคอยจะสิ้นสุดลง เมื่อแสงที่เปล่งประกายได้จางหายไป ก่อนพวกเขาทั้งห้าคนจะลุกขึ้น และก้าวเดินมาที่พวกเขานี่มันอะไรกัน! ผ่านไปเพียงห้าวัน พวกเขาเติบโตขึ้นถึงเพียงนี้ น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว ซิ่วอิง ลี่อิน เจียวจู สวยสดงดงามดั่งเซียนน้อยมาจุติยังโลกมนุษย์ ตงฮวนหล่อเหล่าสง่างาม ดั่
เด็กทั้งห้าคนกลับถึงจวน ด้วยความสบายใจเป็นอย่างยิ่ง ข้าวสารอาหารแห้ง ทางร้านจะมาส่งทีหลัง เพราะเถ้าแก่เจ้าของร้านยุ่งจนหัวหมุน พวกเขาทั้งห้าคนเห็นทุกคนเริ่ม ตุนเสบียงและอาหารเช่นนี้ ก็รู้สึกโล่งใจ อย่างน้อยพวกเขา ก็ซื้อได้ในราคาปกติ หากรอไปซื้อในช่วงฤดูหนาว พ่อค้าคงขึ้นราคาเป็นแน่ “ป้าหวังที่จวนเป็นอย่างไรบ้างเจ้าค่ะ” “ทุกอย่างเรียบร้อยดีเจ้าค่ะ” ซิ่วอิงยกยิ้มอย่างพอใจ “ช่วงนี้ข้าฝากท่านป้าและลุงฮุ่ยช่วยดูแลจวนด้วยเจ้าค่ะ พี่อู่ถง พี่อู่จิ้ง พี่อู่หย่ง ต่อไปท่านทั้งสามคนช่วยดูแลเรื่องทั่วไปในจวน หากต้องการซื้ออะไรเพิ่ม หากจำเป็นก็ซื้อได้เลยเจ้าค่ะ ข้าจะฝากเงินไว้กับป้าหวัง พี่ซูผิงว่าง ๆ ก็ช่วยสอนเด็กๆ หัดคัดอักษรทีเจ้าค่ะ กระดาษและหมึก มีพร้อมไม่ต้องกังวล ช่วงนี้พวกข้ามีเรื่องให้ทำมากมาย หากวันไหนข้าไม่ได้ทำอาหาร ป้าหวังพาทุกคนทำเลยนะเจ้าคะ ให้ทุกคนได้กินอย่าปล่อยให้หิว เพื่อรอพวกข้าเจ้าค่ะ” “ขอรับ/เจ้าค่ะ ซิ่วอิงสั่งงานทุกคน เพราะตอนนี้นางและสหายมีเรื่องให้ทำมากมาย จึงไม่สามารถทำได้เหมือนแต่ก่อน “ท่านลุงช่วงนี้ยังไม่เป็ดให้ย่าง ท่านสามคนไปขนฟืนที่ช่างตัดต้นไม้มาไว้ที่จวนเจ้า
ไม่นานข่าวก็แพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองเหยียนฟางว่า หมู่บ้านเหยียนฟางมีผีร้าย ข่าวลือเรื่องนี้ทำเอาผู้คนขนลุกขนชันด้วยความหวาดกลัว เพราะไม่ใช่เพียงทหารคนเดียวที่พบ แต่เป็นทหารหลายสิบคน รวมทั้งท่านเจ้าเมืองและนายอำเภอ ซิ่วอิงและสหาย ที่ออกมาสั่งของที่ตลาด พอได้ยินข่าวนี้ ถึงกับหลุดหัวเราะออกมา ด้วยความสะใจ สมน้ำหน้า! “ฮ่า ๆ ข้าละสะใจจริง ๆ” หานเกอเอ่ยขึ้น “ใช่สมน้ำหน้า ไปรบกวนวิญญาณคนตาย ก็ต้องเจอดีแบบนี้” เจียวจูเสริมขึ้น “ซิ่วอิงวิญญาณพวกเขา ยังไม่ไปเกิดใหม่อีกเหรอ?” ลี่อินเอ่ยถามด้วยความสงสัย “ข้าคิดว่าพวกเขา คงยังเป็นห่วงสมบัติอยู่ เลยยังไม่จากไปไหน” “ซิ่วอิงข้าคิดแผนออกมาได้แล้ว” ตงฮวนเอ่ยขึ้นด้วย ท่าทางเจ้าเล่ห์ “แผนอะไรรึ?” ซิ่วอิงหันมาถามอย่างสนใจ “ก็แผนไปสำรวจพื้นที่แถบนั้นนะสิ” “แต่ว่าตงฮวนเจ้าไม่กลัวผีรึ?” เจียวจูถามขึ้น “จะกลัวทำไมวิญญาณเหล่านั้น เป็นคนในครอบครัวของเราที่ถูกฆ่า ข้าดีใจเสียอีกหากว่าจะได้พบพวกเขาอีก” ซิ่วอิงฟังจากที่ตงฮวนพูดก็ครุ่นคิด แผนของเขาดีมากเลยทีเดียว ตงฮวนเป็นเด็กฉลาด เขาสามารถฟังและวิเคราะห์ ได้อย่างดีเยี่ยม“แล้วจะไปสำรวจยังไง ไม่ใช่ว่าพวกเ
เช้าวันนี้มีประกาศจากทางการว่า มีแจ้งเบาะแสว่าพบเจออดีตฮ่องเต้ หลบหนีอยู่ที่หมู่บ้านไฉ่หลิน ทางการจึงจำเป็นต้อง ส่งคนไปตรวจสอบ อู่ถงรีบเข้ามารายงานอีกเช่นเคย เพราะเขามีหน้าไปจ่ายของที่ตลาด จึงพบเห็นทางการออกมาปิดประกาศข่าวสาร ให้ผู้คนได้รับรู้ “นายหญิงน้อย ดูเหมือนทางการจะออกมาติดประกาศแจ้งข่าวขอรับ” “แจ้งว่าอย่างไรหรือเจ้าคะ?” “แจ้งว่าพบเจอ อดีตฮ่องเต้หลบหนีไปอยู่แถว ๆ หมู่บ้านไฉ่หลินขอรับ” ซิ่วอิงจากที่กำลังผัดผัก ก็ต้องหยุดชะงักลงทันที ทางการคงอ้างเหตุผลนี้ เพื่อเข้าไปตรวจค้นสมบัติ ที่หมู่บ้านไฉ่หลินเป็นแน่ หากเป็นเช่นนี้ ก็หมายความว่า ฮ่องเต้พระองค์ใหม่ยังไม่รู้เรื่องนี้ และดูเหมือนท่านเจ้าเมือง จะทำการปกปิดเรื่องนี้เอาไว้ “แล้วยังมีข่าวอย่างอื่นอีกหรือไม่เจ้าคะ?” “ไม่มีแล้วขอรับ” เขาตอบเสร็จก็เดินไปยกของลงจากรถวัวเทียมเกวียน ซิ่วอิงจึงหันมาหาสหาย ที่ช่วยงานกันอยู่ในครัว “ท่านเจ้าเมืองคงเริ่มให้ทหารไปสำรวจพื้นที่แล้ว ข้าลืมบอกพวกเจ้าไป ก่อนหน้านี้ข้าได้ฝันเห็น วิญญาณของทุกคนที่จากไป บิดาของข้ายังบอกอีกว่า พื้นที่แถบนั้นมีสมบัติซ่อนอยู่” “จริงเหรอซิ่วอิง” หานเกอถามขึ







