LOGINเช้านี้ที่โรงเตี๊ยมดูคึกคักเป็นอย่างมาก เมื่อวานนางแวะมาดูความเรียบร้อย ทุกคนก็ดูกระตือรือร้นกันมาก มีหลายอย่างที่นางอยากจะเปลี่ยน แต่ทุกอย่างยังฉุกละหุกเกินไป ตอนแรกนางแค่จะทำอาหารมาส่งที่โรงเตี๊ยม แต่สุดท้ายกลายเป็นเจ้าของโรงเตี๊ยมเสียเอง
นางพอจะเข้าใจเจตนาของท่านปู่ เขาคงมองออกว่า หากฝากอนาคตไว้กับพวกนาง ทุกชีวิตจะต้องปลอดภัย แม้ในตอนที่เขามอบกิจการให้ เขายังไม่รู้ว่า ราชบัลลังก์จะมีการเปลี่ยนแปลงก็ตาม พอมาตอนนี้เขาคงมีความเชื่อมั่นขึ้นมาก เพราะนางได้รับปากว่าจะดูแลทุกคน เปรียบเสมือนคนในครอบครัวของนาง ยามนี้ตระกูลเฉินถึงคราวตกต่ำ พี่น้องเข่นฆ่ากันเองเพื่ออำนาจ ส่วนนางและสหายถูกลอบสังหารทั้งหมู่บ้าน แต่รอดมาได้ และโชคชะตานำพาให้มาพบกัน และให้ได้ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน แต่ซิ่วอิงคิดว่า หากช่วยเหลือตระกูลเฉิน ก็เหมือนต้องดูแลคนทั้งแคว้นเป่ยเซี่ยะ เพราะหากฮ่องเต้พระองค์ใหม่ ปกครองแคว้นได้ไม่ดี ราษฎรก็ต้องเดือดร้อน นางและเหล่าสหายจะอยู่นิ่งเฉยได้อย่างไร เฉินอ๋องเป็นฮ่องเต้ทรราช ฝักใฝ่ในอำนาจร่วมมือกับขุนนางชั่ว นางมองไม่เห็นอนาคตของราษฎร ว่าจะมีความสุขได้อย่างไร คนเลวปกครองบ้านเมือง ก็มีแต่จะทำให้บ้านเมืองเสียหาย เพราะพวกเขาไหนเลยจะสนใจ ความเป็นอยู่ของราษฎรตาดำ ๆ พอมามีอำนาจก็คงจะขูดเลือดขูดเนื้อ เอากับราษฎรเสียมากกว่า “คารวะนายหญิงน้อยทั้งสาม คารวะนายน้อยตงฮวน นายน้อยหานเกอ” “คารวะนายท่านทั้งสาม” พนักงานโรงเตี๊ยมมายืนรอต้อนรับ ลู่เฉิงให้ทุกคนเรียกเฉินซีฮัน เฉินเจียวหมิง เฉินจางหย่งว่านายท่าน ตอนนี้หน้าตาของพวกเขาเปลี่ยนไปแล้ว เขาบอกทุกคนเพียงว่า พวกเขาเป็นคู่หมั้นของนายหญิงน้อยทั้งสาม เหล่าพนักงานที่เป็นสตรีถึงกับเขินอาย ที่เห็นบุรุษที่หล่อเหล่าและสง่างาม ได้แต่นึกแปลกใจที่พวกเขา หมั้นหมายกับสตรีวัยเยาว์เช่นนี้ ช่างมีรสนิยมแปลกเสียจริง “เอาละเมื่อวานข้าแจกแจงงานให้ฟังไปแล้ว ทุกคนเข้าใจดีแล้วใช่หรือไม่เจ้าคะ พนักงานยกอาหารมี10คน ให้ดูและคนละ4โต๊ะ จะมีพวกข้าออกมาคอยช่วยด้วย ทุกคนมีหมายเลขโต๊ะที่ต้องดูแล ไม่ต้องไปยุ่งกับโต๊ะอื่น” “จดรายละเอียดอาหารให้ชัดเจน หากมากันครอบครัวใหญ่ ให้เก็บเข่ง จานชามลงในชั้นเป็นหลักฐาน ตอนนี้แยกย้ายกันไปกินอาหารเช้า กินให้อิ่มจะได้มีแรงในการทำงาน ต่อไปโรงเตี๊ยมจะมีอาหารเช้าให้ทุกคน ใครทำงานดีต่อไป ข้าจะมีรางวัลให้ เอาละแยกย้ายกันได้เจ้าค่ะ” ซิ่วอิงเอ่ยเสียงดังฟังชัด “ขอรับ/เจ้าค่ะ” รอบแรกยามซื่อ (9โมงเช้า-11โมงเช้า) ทั้งหมด40โต๊ะ เมื่อใกล้เวลา ลูกค้าที่จองโต๊ะ ก็ทยอยกันเข้ามา ลี่อิน เจียวจู ตงฮวนและหานเกอ ซิ่วอิงให้ไปดูแลห้องพิเศษชั้นสอง ที่มีอยู่10ห้อง นางเอาสตรีมา5คนจากที่จวน ให้สหายของนางคอยสอนงานให้พวกนางอีกที คนที่จองโต๊พอเข้ามา ก็แจ้งชื่อคนที่จอง พนักงานก็พาไปนั่งตามหมายเลข และมีชื่อติดเอาไว้ แต่แล้วก็มีหนึ่งครอบครัวหนึ่ง นับดูแล้วมีถึง10คน ลู่เฉิงเห็นเช่นนั้นก็นึกถึงคำพูดของซิ่วอิงทันที “เราต้องถามว่ามากันกี่คน” ยายหญิงน้อยท่านพูดได้ถูกต้อง โชคดีที่นางกันโต๊ะเอาไว้อีก10โต๊ะ ไม่เช่นนั้นคงวุ่นวายแน่ ซิ่วอิงต้องกลับเข้าไปในครัว แต่นางอยากรู้ว่า ลูกค้าจองแต่ละโต๊ะเป็นเช่นไรกันบ้าง และอยากรู้ว่าพนักงานต้อนรับลูกค้าเป็นเช่นไร แต่ทุกอย่างก็ดูเรียบร้อยดี ก่อนที่นางจะเข้าไปในครัว นางเอาเป็ดมา70ตัว และให้อู่ถงเป็นคนคอยกลับไปเอามาเพิ่ม ในห้องครัวซิ่วอิงให้พ่อครัวยืนประจำแหน่ง พ่อครัวสับเป็ด พ่อครัวทำบะหมี่ พ่อครัวโจ๊กและติ่มซำ ซาลาเปา ปอเปี๊ยะ พ่อครัวที่ยังคงทำอาหารดั้งเดิมที่โรงเตี๊ยมเคยทำ ส่วนลู่ไฉ่และนางจะเป็นคนช่วยอีกที “เป็ดย่าง10จาน ลู่ไฉ่ตะโกนบอกพ่อครัวสับเป็ด” “บะหมี่5ถ้วย” ซิ่วอิงบอกพ่อครัวทำบะหมี่ พอเขาทำเสร็จก็นำมาวางเอาไว้ พนักงานจะมายกเอาไปที่โต๊ะเอง บรรยากาศการทำเป็นไปอย่างคึกคัก ซิ่วอิงก็ได้แต่หวังว่าคงไม่มีเหตุการณ์วุ่นวายอะไรเกิดขึ้น “นายหญิงน้อย! มีลูกค้าท่านหนึ่ง ต้องการพบคน คนที่ปรุงเป็ดย่างให้ได้เจ้าค่ะ” พนักงานมีสีหน้าลำบากใจ ซิ่วอิงพยักหน้ารับรู้ ก่อนจะเดินตามนางออกไป เมื่อมาถึงโต๊ะที่มีชายร่างอ้วนนั่งอยู่ อีกทั้งภรรยาของเขา ก็มีรูปร่างไม่ต่างกันกับเขา และลูกชายลูกสาว ต่างก็อ้วนท้วนสมบูรณ์กันทุกคน “นายท่าน นายหญิงน้อยมาแล้วเจ้าค่ะ” “มาแล้ว…เด็กน้อยนี่นะรึ?” พอเขาหันมาเห็นนาง ก็ต้องแปลกใจกับเด็กน้อยหน้าตางดงามคนหนึ่ง ซิ่วอิงโค้งให้เขาอย่างนอบน้อม “เจ้าเป็นคนปรุงเป็ดย่างจานนี้รึ?” “เจ้าค่ะ” “ข้าไม่เชื่อ เจ้าอย่ามาโกหก เด็กน้อยเช่นเจ้า จะมาทำอาหารเลิศรส เช่นนี้ได้อย่างไร ไปเรียกผู้จัดการมา หลอกลวงลูกค้าเช่นนี้ได้อย่างไร?” ซิ่วอิงได้ยินก็หมวดคิ้วเข้าหากัน มองเป็ดย่างบนโต๊ะ4จาน ที่ยามนี้ว่างเปล่า “หากว่าอาหารนั้นเลิศรส แล้วท่านไม่พอใจตรงที่ใดเจ้าค่ะ?” “ก็เพราะว่ามันเลิศรส ข้าถึงอยากจะพบหน้าคนที่ปรุงมันขึ้นมา เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้กินเป็ดย่างที่อร่อยเช่นนี้” “ในเมื่อข้าบอกว่า ข้าเป็นคนทำท่านก็ไม่เชื่อ แล้วท่านจะให้ข้าทำเช่นไรเจ้าคะ?” ซิ่วอิงทำท่าว่าจะเดินจากไป แต่ชายผู้ท่านก็พูดขึ้นมาเสียก่อน “หากไม่ให้ข้าพบคนทำอาหารจานนี้ ข้าก็ไม่จ่ายเงิน” ซิ่วอิงได้ยินก็นึกโมโหขึ้นมา อยากเห็นคนทำ นางก็ออกมายืนยัน แต่พอบอกว่าเป็นนางก็ไม่เชื่ออีก และจะเล่นแง่ว่าจะไม่จ่าย คนแบบนี้มันต้องเจอนาง ซิ่วอิงกวาดตามองลูกค้าอย่างประเมิน ก่อนนางจะดึงเก้าอี้มาหนึ่งตัว แล้วขึ้นไปยืนบนเก้าอี้ แล้วพูดเสียงดังฟังชัด นางดึงพลังปราณการใช้เสียง เพื่อให้ทุกคนได้ยินโดยทั่วกัน “ยินดีต้อนรับทุกท่าน ที่มากินอาหารของเราเจ้าค่ะ ในฐานะที่ข้าเป็นผู้ดูแลโรงเตี๊ยมฟู่จิน จึงอยากแนะนำตนเองเสียหน่อย ข้านามว่าซิ่วอิงอายุ10ปี ข้าขอยืนยันว่า ราชาโจ๊ก ติ่มซำ ซาลาเปา บะหมี่ฮ่องเต้ เป็ดย่างเก้าสวรรค์ ข้าเป็นคนทำเองทั้งหมด หากยังไม่มีใครเชื่อ คิดว่าข้าหลอกลวง ข้าผู้เป็นเจ้าของดูแลที่นี่ ขอประกาศตรงนี้เอาไว้ ลูกค้าท่านนั้นจะไม่มีสิทธิ์ ที่จะมากินอาหารที่โรงเตี๊ยมฟู่จินอีกอย่างแน่นอน” พอนางประกาศจบ ก็มีสตรีนางหนึ่งที่เคยไปดูซิ่วอิงแข่งทำบะหมี่ ลุกขึ้นพูดเสียงดัง “ใครไม่เชื่อ แต่ข้าเชื่อเพราะข้ามาดูนางทำอาหารแข่งในหลายวันก่อน และนางก็คือผู้ชนะในวันนั้น” พอนางกล่าวจบ เสียงฮือฮาก็ดั่งขึ้น เป็นแม่นางน้อยผู้นั้นจริงหรือนี่ แต่แล้วก็มีหนุ่มน้อยรูปงาม เดินเข้ามาพร้อมองครักษ์ข้างกาย “ข้าบุตรชายท่านเจ้าเมืองเสิ่น เสิ่นอี้หยาง ขอยืนยันว่านาง เป็นคนทำอย่างแน่นอน เพราะข้าและครอบครัว ได้มากินอาหารที่นางทำวันก่อน นายหญิงน้อย ท่านพ่อให้ข้ามามอบของขวัญ ในวันเปิดขายอาหารวันแรก” เขายื่นกล่องบางอย่างมาให้ ซิ่วอิงมองอย่างชั่งใจ การให้ของขวัญจากพวกเขานางกลัวว่าจะมีอะไรแอบแฝง แต่นางก็ยื่นมือไปรับ “ขอบคุณเจ้าค่ะ” เมื่อมีลูกท่านเจ้าเมืองมายืนยันเช่นนี้ ทุกคนก็เชื่ออย่างสนิทใจ ชายร่างอ้วนผู้นั้นถึงกับตกใจเมื่อรู้ว่านางคือเจ้าของที่นี่ อีกทั้งเป็นคนปรุงอาหารทั้งหมด เขารีบจ่ายเงินแล้วพาครอบครัวจากไปด้วยความอับอาย “ซิ่วอิงข้าอยากมาซื้อเป็ดกลับจวน2ตัว ท่านแม่ข้า ยังให้ข้ามาสั่งเค้ก เพราะว่าอีก5วันจะเป็นปักปิ่นของน้องสาวข้า ท่านแม่จึงอยากสั่งเอาไปให้แขกเหรื่อในงานได้ชิมกัน” ซิ่วอิงระบายยิ้มออกมา “ได้เจ้าค่ะ ท่านตามข้ามาจ่ายเงินตรงนี้ เดี๋ยวข้าไปนำเป็ดมาให้เจ้าค่ะ” “ได้ ๆ ข้าจะรออยู่ตรงนี้” ซิ่วอิงพอกลับเข้าไปในครัว ก็เปิดกล่องที่ท่านเจ้าเมืองให้มา ก็ถึงกับตัวแข็งค้าง เย็นเยียบไปทั่วทั้งร่าง ปิ่นปักผมลายหงส์หยก! นี่มันเป็นของมารดาของร่างนี้ นางจำมันได้ดี แล้วท่านเจ้าเมือง เหตุใดถึงเอามันมาให้นาง นี่มันหมายความว่าอย่างไร หมายความว่าเขาเป็นคนสั่ง ให้คนไปสังหารคนที่หมู่บ้าน แล้วเก็บปิ่นอันนี้เอาไว้ แล้วเหตุใดถึงเอามามอบให้นาง หรือเขาจะรู้แล้วว่านางเป็นใคร ไม่น่าจะเป็นไปได้ เรื่องนี้แปลกมากจริง ๆกลิ่นเนื้อย่างส่งกลิ่นหอมตลบอบอวลไปรอบบริเวณ ซิ่วอิงให้พวกเขาไปนับจำนวนคน รวมทั้งช่างก่อสร้างและช่างตัดต้นไม้ รวมแล้วเกือบสองร้อยชีวิต ทางโรงเตี๊ยมลู่เฉิงและลู่ไฉ่ดูแล นางจึงไม่ได้กังวลมากนัก “ซิ่วอิงเจ้าดูข้าลองเปลี่ยนใบหน้า ท่านพ่อท่านแม่ เป็นเช่นไรฝีมือข้า” ลี่อินพาอดีตฮ่องเต้ อดีตฮองเฮาและพระสนม อีกทั้งข้ารับใช้คนสนิท ออกมาจากมิติ นางทำการเปลี่ยนใบหน้า ให้พวกเขาทั้งหมด ซิ่วอิงยกยิ้มอย่างพอใจ “คนอื่น ๆ ก็เดี๋ยวค่อยให้พี่จือหยวนและพี่จือไฉ ยกอาหารเอาไปให้ก็แล้ว ออกมากันหมดผู้คนอาจจะสงสัยเอาได้” “เข้าใจแล้ว” ลี่อินตอบรับ ก่อนจะพาพวกเขาไปนั่ง แล้วหาไปยกน้ำชามาให้ “หลานสะใภ้คนงาม เจ้ากำลังทำอะไรหรือ?” ซิ่วอิงหันไปมองตามเสียงก็เห็นท่านปู่เดินยิ้มร่าเข้ามา อย่างอารมณ์ดี “อันนี้เรียกว่าขนมเค้กเจ้าค่ะ” “สีสันงดงามน่ากินจริง ๆ” ชายชรามองเค้กอย่างพอใจ “วันนี้ข้าทำหลายก้อนเลยเจ้าค่ะ ทุกคนจะได้กินกันอย่างทั่วถึงเจ้าค่ะ” “ดี ๆ ข้าไม่ได้กินอาหาร ฝีมือเจ้าทำมาหลายวัน ข้ารู้สึกว่าข้าผอมลงไปเยอะเลย” ทุกคนได้ยินเขาพูดก็หัวเราะออกมาด้วยความเอ็นดูวันนี้อาหารที่นางทำ ถึงแม้จะมีคนเยอะ แต่คนช่ว
ซิ่วอิง ลี่อินและเจียวจู กลับมาที่จวนอีกครั้ง แล้วตรงไปยังโรงครัวเพื่อทำอาหาร อยู่ในมิติแปลกมากเลย ร่างกายเหมือนอิ่มทิพย์ ไม่รู้สึกหิวอะไรเลย อาจเพราะเป็นมิติเทพ ร่างกายจึงไม่ต้องการอาหาร แต่พอกลับออกมาเช่นนี้ นางก็รู้สึกหิวขึ้นมาทันที“ซิ่วอิงข้ารู้สึกหิวมากเลย”“ข้าก็เหมือนกัน”“งั้นวันนี้พวกเราจัดเต็มไปเลย ฉลองวันเกิดอายุครบ15ปี และฉลองที่พวกเราสำเร็จพลังปราณ ขั้นสูงสุด เพราะฉะนั้นข้าจะทำเนื้อย่าง และจะทำเค้กด้วย” ซิ่วอิงเอ่ยขึ้นอย่างร่าเริง พอพูดถึงเนื้อย่างตงฮวนและหานเกอก็รีบเข้ามาร่วมวง “สตรีคนงามข้าขอหมูสามชั้นได้หรือไม่?” ตงฮวนรีบหยอดคำหวานทันที“สตรีผู้งามล้ำเหนือผู้ใดในใต้หล้า ข้าขอกุ้งตัวโต ๆ และเนื้อย่างแบบไม่สุกมาก”“เชอะ! พวกเจ้าเป็นบุรุษที่อยู่เป็นจริง ๆ” เจียวจูส่ายหน้าอย่างรู้เท่าทันพวกเขา“ข้าไม่ได้บอกสตรีไร้ยางอายเช่นเจ้า ข้าบอกซิ่วอิงผู้เลอโลมต่างหากเล่า?” ตงฮวนตอบกลับไปอย่างยียวนกวนประสาท“นี่เจ้าเต่าโบราณล้านปี!”“หยุด! หยุดเถิดข้าขอร้อง ข้าเหนื่อยจะฟังแล้ว” ซิ่วอิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหนื่อยล้าและเริ่มรำคาญ เฉินซีฮัน เฉินเจียวหมิงและเฉินจางหย่ง ก็ต่างพากันหัวเราะออ
พวกเขาเฝ้ามองแสงที่ครอบร่างของพวกเขาทุกวัน เวลาผ่านไปห้าวันแล้ว แต่ว่าพวกเขาก็ยังไม่ออกมา ยามนี้ทุกคนนั่งไม่ติด เพราะรู้สึกเป็นห่วงว่าเหตุใดพวกเขาถึงยังไม่ออกมา พวกเขาจะฝึกพลังนานเพียงใดกันนะ“ท่านปู่ข้าเป็นห่วงพวกเขามากเลยขอรับ” เฉินซีฮันเอ่ยด้วยสีหน้าเป็นกังวล เมื่อก่อนเขาก็อยู่ได้โดยที่ไม่มีนาง แต่มายามนี้ ชีวิตกระวนกระวาย เหมือนขาดอะไรไป “นั่นสิห้าวันแล้วที่พวกเขาเข้าไปฝึก หากใช้เวลาเป็นเดือนจะทำอย่างไร?” เฉินเจียวหมิงเอ่ยอย่างวิตกกังวลไม่ต่างกัน “ข้าว่าไม่นานก็คงออกมาแล้วละ พวกเจ้าดูแสงพวกนั้นสิ ค่อย ๆ จางลงแล้ว” เฉินจางหย่งเอ่ยขึ้นอย่างตื่นเต้น พร้อมชี้ให้ทุกคนดู เมื่อทุกคนมองไปดู ก็เห็นว่าแสงเริ่มลดลงจริง ๆ พวกเขาต่างมายืนจ้องมองตาไม่กะพริบ ผ่านไปเพียงห้าวัน พวกเขารู้สึกว่ายาวนานเหมือนห้าปี ก่อนที่การรอคอยจะสิ้นสุดลง เมื่อแสงที่เปล่งประกายได้จางหายไป ก่อนพวกเขาทั้งห้าคนจะลุกขึ้น และก้าวเดินมาที่พวกเขานี่มันอะไรกัน! ผ่านไปเพียงห้าวัน พวกเขาเติบโตขึ้นถึงเพียงนี้ น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว ซิ่วอิง ลี่อิน เจียวจู สวยสดงดงามดั่งเซียนน้อยมาจุติยังโลกมนุษย์ ตงฮวนหล่อเหล่าสง่างาม ดั่
เด็กทั้งห้าคนกลับถึงจวน ด้วยความสบายใจเป็นอย่างยิ่ง ข้าวสารอาหารแห้ง ทางร้านจะมาส่งทีหลัง เพราะเถ้าแก่เจ้าของร้านยุ่งจนหัวหมุน พวกเขาทั้งห้าคนเห็นทุกคนเริ่ม ตุนเสบียงและอาหารเช่นนี้ ก็รู้สึกโล่งใจ อย่างน้อยพวกเขา ก็ซื้อได้ในราคาปกติ หากรอไปซื้อในช่วงฤดูหนาว พ่อค้าคงขึ้นราคาเป็นแน่ “ป้าหวังที่จวนเป็นอย่างไรบ้างเจ้าค่ะ” “ทุกอย่างเรียบร้อยดีเจ้าค่ะ” ซิ่วอิงยกยิ้มอย่างพอใจ “ช่วงนี้ข้าฝากท่านป้าและลุงฮุ่ยช่วยดูแลจวนด้วยเจ้าค่ะ พี่อู่ถง พี่อู่จิ้ง พี่อู่หย่ง ต่อไปท่านทั้งสามคนช่วยดูแลเรื่องทั่วไปในจวน หากต้องการซื้ออะไรเพิ่ม หากจำเป็นก็ซื้อได้เลยเจ้าค่ะ ข้าจะฝากเงินไว้กับป้าหวัง พี่ซูผิงว่าง ๆ ก็ช่วยสอนเด็กๆ หัดคัดอักษรทีเจ้าค่ะ กระดาษและหมึก มีพร้อมไม่ต้องกังวล ช่วงนี้พวกข้ามีเรื่องให้ทำมากมาย หากวันไหนข้าไม่ได้ทำอาหาร ป้าหวังพาทุกคนทำเลยนะเจ้าคะ ให้ทุกคนได้กินอย่าปล่อยให้หิว เพื่อรอพวกข้าเจ้าค่ะ” “ขอรับ/เจ้าค่ะ ซิ่วอิงสั่งงานทุกคน เพราะตอนนี้นางและสหายมีเรื่องให้ทำมากมาย จึงไม่สามารถทำได้เหมือนแต่ก่อน “ท่านลุงช่วงนี้ยังไม่เป็ดให้ย่าง ท่านสามคนไปขนฟืนที่ช่างตัดต้นไม้มาไว้ที่จวนเจ้า
ไม่นานข่าวก็แพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองเหยียนฟางว่า หมู่บ้านเหยียนฟางมีผีร้าย ข่าวลือเรื่องนี้ทำเอาผู้คนขนลุกขนชันด้วยความหวาดกลัว เพราะไม่ใช่เพียงทหารคนเดียวที่พบ แต่เป็นทหารหลายสิบคน รวมทั้งท่านเจ้าเมืองและนายอำเภอ ซิ่วอิงและสหาย ที่ออกมาสั่งของที่ตลาด พอได้ยินข่าวนี้ ถึงกับหลุดหัวเราะออกมา ด้วยความสะใจ สมน้ำหน้า! “ฮ่า ๆ ข้าละสะใจจริง ๆ” หานเกอเอ่ยขึ้น “ใช่สมน้ำหน้า ไปรบกวนวิญญาณคนตาย ก็ต้องเจอดีแบบนี้” เจียวจูเสริมขึ้น “ซิ่วอิงวิญญาณพวกเขา ยังไม่ไปเกิดใหม่อีกเหรอ?” ลี่อินเอ่ยถามด้วยความสงสัย “ข้าคิดว่าพวกเขา คงยังเป็นห่วงสมบัติอยู่ เลยยังไม่จากไปไหน” “ซิ่วอิงข้าคิดแผนออกมาได้แล้ว” ตงฮวนเอ่ยขึ้นด้วย ท่าทางเจ้าเล่ห์ “แผนอะไรรึ?” ซิ่วอิงหันมาถามอย่างสนใจ “ก็แผนไปสำรวจพื้นที่แถบนั้นนะสิ” “แต่ว่าตงฮวนเจ้าไม่กลัวผีรึ?” เจียวจูถามขึ้น “จะกลัวทำไมวิญญาณเหล่านั้น เป็นคนในครอบครัวของเราที่ถูกฆ่า ข้าดีใจเสียอีกหากว่าจะได้พบพวกเขาอีก” ซิ่วอิงฟังจากที่ตงฮวนพูดก็ครุ่นคิด แผนของเขาดีมากเลยทีเดียว ตงฮวนเป็นเด็กฉลาด เขาสามารถฟังและวิเคราะห์ ได้อย่างดีเยี่ยม“แล้วจะไปสำรวจยังไง ไม่ใช่ว่าพวกเ
เช้าวันนี้มีประกาศจากทางการว่า มีแจ้งเบาะแสว่าพบเจออดีตฮ่องเต้ หลบหนีอยู่ที่หมู่บ้านไฉ่หลิน ทางการจึงจำเป็นต้อง ส่งคนไปตรวจสอบ อู่ถงรีบเข้ามารายงานอีกเช่นเคย เพราะเขามีหน้าไปจ่ายของที่ตลาด จึงพบเห็นทางการออกมาปิดประกาศข่าวสาร ให้ผู้คนได้รับรู้ “นายหญิงน้อย ดูเหมือนทางการจะออกมาติดประกาศแจ้งข่าวขอรับ” “แจ้งว่าอย่างไรหรือเจ้าคะ?” “แจ้งว่าพบเจอ อดีตฮ่องเต้หลบหนีไปอยู่แถว ๆ หมู่บ้านไฉ่หลินขอรับ” ซิ่วอิงจากที่กำลังผัดผัก ก็ต้องหยุดชะงักลงทันที ทางการคงอ้างเหตุผลนี้ เพื่อเข้าไปตรวจค้นสมบัติ ที่หมู่บ้านไฉ่หลินเป็นแน่ หากเป็นเช่นนี้ ก็หมายความว่า ฮ่องเต้พระองค์ใหม่ยังไม่รู้เรื่องนี้ และดูเหมือนท่านเจ้าเมือง จะทำการปกปิดเรื่องนี้เอาไว้ “แล้วยังมีข่าวอย่างอื่นอีกหรือไม่เจ้าคะ?” “ไม่มีแล้วขอรับ” เขาตอบเสร็จก็เดินไปยกของลงจากรถวัวเทียมเกวียน ซิ่วอิงจึงหันมาหาสหาย ที่ช่วยงานกันอยู่ในครัว “ท่านเจ้าเมืองคงเริ่มให้ทหารไปสำรวจพื้นที่แล้ว ข้าลืมบอกพวกเจ้าไป ก่อนหน้านี้ข้าได้ฝันเห็น วิญญาณของทุกคนที่จากไป บิดาของข้ายังบอกอีกว่า พื้นที่แถบนั้นมีสมบัติซ่อนอยู่” “จริงเหรอซิ่วอิง” หานเกอถามขึ







