LOGINซิ่วอิงห่อเป็ดสองตัวมาให้เสิ่นอี้หยาง แล้วบอกให้เขามารับเค้กในอีกห้าวัน เขาบอกว่าจะมารับด้วยตนเอง ซิ่วอิงพยักหน้ารับรู้ แล้วมองเขาที่เดินจากไปอย่างครุ่นคิด
เฉินซีฮันมองนางอย่างขุ่นเคืองใจ ขนาดนางยังไม่โตก็ยังมีบุรุษมารุมชอบนางรวมทั้งเขาด้วย หากว่านางเติบโตเต็มวัย บุรุษไม่พากันมาทั้งแคว้นหรอกหรือ “ท่าทางเขาน่าจะชอบพอเจ้า” “ชอบก็เรื่องของเขา ข้าไม่ชอบเสียหน่อยข้ามีคู่หมั้นแล้ว อีกอย่างเขาเป็นลูกของศัตรู พี่ซีฮันท่านเจ้าเมืองมอบของขวัญให้ข้า ท่านเชื่อหรือไม่ว่า เป็นปิ่นหยกของมารดาข้า เรื่องนี้แปลกมากเลยเจ้าค่ะ หรือว่าเขาจะรู้ว่าข้าเป็นใคร?” “ไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่ถึงขั้นเก็บปิ่นเอาไว้ ความสัมพันธ์ระหว่างมารดาเจ้ากับเขา คงไม่ธรรมดา แต่จู่ ๆ ให้ลูกชายนำของขวัญ มามอบให้เจ้า อีกทั้งเป็นปิ่นที่เขาเก็บเอาไว้ เรื่องนี้แปลกมากจริง ๆ” “หรือจะเป็นการเตือนข้า ว่าเขารู้แล้วว่าข้าเป็นใคร” ซิ่วอิงเอ่ยด้วยสีหน้าเป็นกังวล “อย่าเพิ่งคิดไปเอง อาจจะไม่ใช่อย่างที่คิดก็เป็นได้ แต่อย่างไรก็ควรระวังตัวเอาไว้” เขาเอ่ยปลอบขึ้นมา เพราะไม่อยากให้นางกังวลจนเกินไป “เจ้าค่ะ” “ซิ่วอิง! รีบมาดูข้างบนหน่อย ลูกค้าท่านนี้กินอาหารแล้วหมดสติไป” เจียวจูรีบวิ่งลงมาเรียกด้วยสีหน้าแตกตื่น ซิ่วอิงรีบวิ่งขึ้นบันไดอย่างเร่งรีบ “ท่านลุงตามหมอ” “ขอรับ” “พอซิ่วอิงวิ่งเข้ามา ก็เห็นเด็กผู้ชายในวัยน่าจะ14-15ปี นอนอยู่กับพื้น นางรีบตรงไปจับชีพจรเพื่อตรวจดู แต่สตรีที่ดูแล้วน่าจะเป็นมารดา ผลักซิ่วอิงออกอย่างแรง จนซิ่วอิงล้มหงายหลังไปกับพื้น “เจ้าเป็นใครบังอาจมาแตะต้องลูกข้า ข้าจะแจ้งทางการ อาหารที่นี่ทำให้ลูกค้าล้มป่วย อาหารต้องไม่สะอาดและมีปัญหาเป็นแน่ ลูกของข้าถึงหมดสติไปเช่นนี้” สตรีผู้นั้นชี้หน้าซิ่วอิงอย่างโกรธแค้น ไม่นานท่านลุงลู่เฉิง ก็พาหมอเข้ามา ท่านหมอรีบตรงเข้าไปจับชีพจรทันที ท่านหมอจับชีพจรอยู่นาน แต่ก็ยังตรวจไม่พบสาเหตุว่า เหตุใดเด็กหนุ่มผู้นี้ถึงหมดสติไป “เรียนนายหญิงน้อย ข้าตรวจอย่างไรก็ไม่พบสิ่งผิดปกติขอรับ” “ขอข้าลองดูหน่อย” ซิ่วอิงผลักสตรีผู้นั้นออกไปให้พ้นทาง แล้วจับข้อมือของเขาขึ้นมาตรวจ ทุกอย่างปกติดี ท่าทางอาการหมดสติคงเป็นการแสดงเสียแล้ว ซิ่วอิงยกยิ้มมุมปาก คิดจะป่วนอย่างงั้นหรือ ได้สินางพร้อมเล่นด้วยอยู่แล้ว “ท่านหมอข้าตรวจพบว่า เขามีภาวะเลือดลมอุดตัน จึงหายใจไม่สะดวก เลยหมดสติไป เพราะฉะนั้น เราต้องเจาะร่างกายทั้งสี่จุด ให้เลือดที่อุดตันไหลออกมาเจ้าค่ะ” ท่านหมอมองนางอย่างตกใจและไม่เข้าใจ แต่พอนางขยิบตาให้ ก็เข้าใจในทันที “ถ้าเช่นนั้นข้าต้องไปเตรียมเข็มที่ใหญ่ที่สุดแล้วละขอรับ” “รีบไปเอามาเร็ว ๆ เจ้าค่ะขืนชักช้าเขาอาจตายได้” บุรุษหนุ่มผู้นั้นได้ยินว่า จะถูกเจาะร่างกายทั้งสี่จุด ก็เกิดความหวาดกลัว ลุกพรวดพราดขึ้นมา “ท่านแม่เกิดอะไรขึ้นหรือขอรับ” เขารีบปั้นหน้า แสดงอาการเหมือนกับเพิ่งฟื้นจากการหมดสติ ซิ่วอิงมองอย่างเย้ยหยันและสมเพช คิดจะมาป่วนแล้วอย่าคิดว่า จะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นนะ คนอย่างข้าเวลาดี ก็ดีใจหาย แต่อย่าให้ข้าได้ร้าย เพราะเจ้าจะให้จดจำ ชื่อข้าไปตลอดชีวิต “ท่านลุงลู่ค่าอาหารบนโต๊ะทั้งหมดเท่าไหร่หรือเจ้าคะ?” “ค่าอาหารทั้งหมด250อีแปะขอรับ” “ดีเช่นนั้นบวกเพิ่มไปอีกหนึ่งเท่า” “อะไรนะ! เจ้าจะบ้ารึ พวกข้ามากินอาหารของเจ้า แล้วเกิดไม่สบาย เจ้าต้องแสดงความรับผิดชอบถึงจะถูก จะมาบวกราคาอาหารเพิ่มได้อย่างไร อาหารมื้อนี้ถือว่าชดเชยที่ทำให้ลูกชายข้าไม่สบาย หากไม่แล้วข้าจะไปแจ้งความกับทางการ” ซิ่วอิงหัวเราะออกมา กับมนุษย์ป้าหัวหมอ สุดท้ายก็หลุดคำพูดออกมา “ท่านลุงลู่ไปแจ้งทางการให้มาที่นี่ ข้าก็มีเรื่องจะแจ้งเช่นเดียวกัน โทษฐานโกหกหลอกลวง สร้างสถานการณ์ เพื่อเรียกร้องค่าชดเชย ลูกท่านสุขภาพดีมาก ท่านหมอก็ยืนยันได้ เพราะฉะนั้น หากไม่จ่ายมาสองเท่า ก็จบกันที่คุยกับเจ้าหน้าที่” มนุษย์ป้าหน้าเลือดซีดเผือด ไม่อยากเชื่อว่านางเป็นแค่เด็กจะเก่งและฉลาดมากขนาดนี้ งานนี้นางต้องถอยไปก่อน “จ่ายก็จ่ายสิไม่อยากจะเชื่อเลยว่า โรงเตี๊ยมฟู่จิน จะไร้ความผิดชอบเช่นนี้ ลูกค้ากินอาหารจนหมดสติ ปัดความรับผิดชอบ และยังต้องจ่ายอีกสองเท่า ข้าไม่มาอีกแล้ว” มนุษย์ป้าเอ่ยขึ้นมาอย่างหัวเสีย “ท่านป้าข้าจะบอกอะไรให้นะ ถึงข้าจะเป็นเด็กก็ไม่มีทาง ให้ใครมารังแกได้ง่าย ๆ ชื่อของท่านจะถูกติดไว้หน้าโรงเตี๊ยม ในฐานะลูกค้ายอดแย่ และทางโรงเตี๊ยมฟู่จิน ไม่มีทางต้อนรับในครั้งหน้าอย่างแน่นอน และข้าจะไปแจ้งทางการเอาไว้เช่นกัน” “นี่เจ้า!” นางรีบวางเงินไว้บนโต๊ะแล้วพาครอบครัวจากไปอย่างไม่พอใจ ซิ่วอิงเป่าลมออกมา รอบแรกก็เจอลูกค้าหัวหมอ รอบต่อไปจะมาในรูปแบบไหนอีก จัดมาข้าพร้อมแล้ว จวนท่านเจ้าเมืองเสิ่น ให้ห้องทำงานของเสิ่นอีห่าว เขากำลังนั่งครุ่นคิดถึงการจะส่ง ทหารไปสำรวจพื้นที่แถวหมู่บ้่านไฉหลิน ว่าทำอย่างไรถึงจะไม่เป็นจุดสงสัย เขาไม่อยากให้ฮ่องเต้พระองค์ใหม่รู้ว่า พื้นที่แถบนั้นมีสมบัติซ่อนอยู่ เรื่องนี้เขารู้โดยบังเอิญ จากขอทานผู้หนึ่ง ในคราแรกเขาก็ไม่เชื่อ เพราะขอทานเนื้อตัวสกปรกมอมแมม จะเชื่ออะไรได้ แต่ถึงแม้ไม่เชื่อแต่เขาก็ไม่ได้ละทิ้ง เพราะหากสิ่งเขาพูดเป็นความจริง เขาก็จะเป็นผู้ที่ร่ำรวยที่สุดในใต้หล้า ความเป็นมาของสมบัติก็คือ ร้อยปีก่อนแคว้นเป่ยเซี่ยะทำสงครามกับแคว้นหนาน แคว้นเป่ยเชี๊ยะชนะศึก ทางแคว้นหนานส่งทองคำ มาเป็นของบรรณาการ แต่ถูกดักปล้นกลางทาง ในเขตพื้นที่ ที่ยามนี้เป็นหมู่บ้านไฉ่หลิน หลายคนพยายามออกค้นหา แต่ก็หาไม่พบ จนผ่านไปเกือบร้อยปี ผู้คนก็ลืมเลือนเรื่องนี้ไป หลังจากสืบไปสืบมา ก็ได้ความว่ามีชายผู้หนึ่งกว้านซื้อที่ดินทั้งหมด แล้วขอทางการตั้งชื่อเป็นหมู่บ้านไฉ่หลิน และคนที่กว้านซื้อที่ดินไม่ใช่ใครอื่น เป็นบุรุษที่เคยแย่งคนรักของเขาไป นั่นก็คือซิ่วหย่งเล่อ บุรุษผู้นั้นมีดีอะไร นางถึงไปรักไปชอบเขา เขาผู้เกิดมาบนตระกูลมั่งคั่ง ครอบครัวรับราชการกันทั้งหมด แต่ตู้เย่วซินกลับสนใจบุรุษที่เป็นเพียงพ่อค้าผู้ต่ำต้อย เขาเดินทางมารับตำแหน่งเป็นเจ้าเมืองเหยี่ยนฟาง โดยไม่รู้มาก่อนว่า นางก็ย้ายมาที่นี่เหมือนกัน จวบจนกระทั่ง เขาให้คนสืบเรื่องสมบัติ ถึงได้รู้ว่าเป็นซิ่วหย่งเล่อ ที่กว้านซื้อที่ดินแถบนั้นทั้งหมด เมื่อเขารู้เช่นนั้นก็ยิ่งไม่พอใจและโกรธแค้นเป็นอย่างมาก เขาไม่มีทางยอมให้ชายผู้นั้น ได้ทุกอย่างไป ไม่ว่าจะเป็นสมบัติหรือสตรี เขาให้คนประกาศข่าวออกไป ว่าหมู่บ้านไฉ่หลินเป็นโรคระบาด และเพื่อระงับการแพร่กระจายของโรค ทางการจำเป็นต้องฆ่าทุกคน และเผาทำลาย หลังจากเขาส่งคนไปสังหาร เขาบอกว่าห้ามฆ่าตู้เยว่ซินโดยเด็ดขาด แต่นางกลับต่อสู้และยอมตายไปกับชายผู้นั้น นักฆ่าจึงเก็บปิ่นหงส์หยกมาให้เขาไว้ดูต่างหน้า รักครั้งแรกเขาไม่เคยลืมไปจากใจ พอคิดมาถึงตรงนี้ เขาก็ลุกขึ้นไปที่ชั้นเก็บของ เพื่อจะหยิบกล่องที่ใส่ปิ่นเอามาดูอีกครั้ง แต่ว่า! บนชั้นวางของกลับว่างเปล่า “ท่านพ่อบ้านเห็นใครเข้ามาในห้องข้าหรือไม่?” “เห็นขอรับ เป็นนายน้อยเสิ่นขอรับ เขาบอกจะเอาของขวัญไปให้ นายหญิงน้อยซิ่วอิงขอรับ” เสิ่นอี้ห่าวกำหมัดแน่น เจ้าลูกเลว! ของมีตั้งมากมาย เหตุใดต้องมาเอาชิ้นนี้ด้วย เขาจะทำอย่างไรดี “ท่านเจ้าเมืองมีคนมาขอพบขอรับ” “ใคร?! “เขาฝากนี่มาให้ขอรับ” องครักษ์หน้าจวนยื่นกระดาษแผ่นเล็ก ๆ มาให้เขา เขารับมาเปิดดู “ให้เขาเข้ามา” โม่โฉวถูกพามาพบยังห้องหนังสือ เขารีบคุกเข่าลง แล้วเอ่ยทำความเคารพ “คารวะท่านเจ้าเมือง สตรีที่ถูกจัดส่งไปในเมืองหลวง ถูกดักปล้นกลางทางขอรับ” “เจ้าว่าอะไรนะ!” “จู่ ๆ ข้าและคนคุ้มกันก็หมดสติไป มารู้สึกตัวอีกทีก็อีกวันแล้วขอรับ” “ใครกันช่างบังอาจนัก ตรวจสอบเรื่องนี้ แล้วให้คนไปแจ้งบิดาข้า” “ขอรับ”ซิ่วอิง ลี่อินและเจียวจู กลับมาที่จวนอีกครั้ง แล้วตรงไปยังโรงครัวเพื่อทำอาหาร อยู่ในมิติแปลกมากเลย ร่างกายเหมือนอิ่มทิพย์ ไม่รู้สึกหิวอะไรเลย อาจเพราะเป็นมิติเทพ ร่างกายจึงไม่ต้องการอาหาร แต่พอกลับออกมาเช่นนี้ นางก็รู้สึกหิวขึ้นมาทันที“ซิ่วอิงข้ารู้สึกหิวมากเลย”“ข้าก็เหมือนกัน”“งั้นวันนี้พวกเราจัดเต็มไปเลย ฉลองวันเกิดอายุครบ15ปี และฉลองที่พวกเราสำเร็จพลังปราณ ขั้นสูงสุด เพราะฉะนั้นข้าจะทำเนื้อย่าง และจะทำเค้กด้วย” ซิ่วอิงเอ่ยขึ้นอย่างร่าเริง พอพูดถึงเนื้อย่างตงฮวนและหานเกอก็รีบเข้ามาร่วมวง “สตรีคนงามข้าขอหมูสามชั้นได้หรือไม่?” ตงฮวนรีบหยอดคำหวานทันที“สตรีผู้งามล้ำเหนือผู้ใดในใต้หล้า ข้าขอกุ้งตัวโต ๆ และเนื้อย่างแบบไม่สุกมาก”“เชอะ! พวกเจ้าเป็นบุรุษที่อยู่เป็นจริง ๆ” เจียวจูส่ายหน้าอย่างรู้เท่าทันพวกเขา“ข้าไม่ได้บอกสตรีไร้ยางอายเช่นเจ้า ข้าบอกซิ่วอิงผู้เลอโลมต่างหากเล่า?” ตงฮวนตอบกลับไปอย่างยียวนกวนประสาท“นี่เจ้าเต่าโบราณล้านปี!”“หยุด! หยุดเถิดข้าขอร้อง ข้าเหนื่อยจะฟังแล้ว” ซิ่วอิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหนื่อยล้าและเริ่มรำคาญ เฉินซีฮัน เฉินเจียวหมิงและเฉินจางหย่ง ก็ต่างพากันหัวเราะออ
พวกเขาเฝ้ามองแสงที่ครอบร่างของพวกเขาทุกวัน เวลาผ่านไปห้าวันแล้ว แต่ว่าพวกเขาก็ยังไม่ออกมา ยามนี้ทุกคนนั่งไม่ติด เพราะรู้สึกเป็นห่วงว่าเหตุใดพวกเขาถึงยังไม่ออกมา พวกเขาจะฝึกพลังนานเพียงใดกันนะ“ท่านปู่ข้าเป็นห่วงพวกเขามากเลยขอรับ” เฉินซีฮันเอ่ยด้วยสีหน้าเป็นกังวล เมื่อก่อนเขาก็อยู่ได้โดยที่ไม่มีนาง แต่มายามนี้ ชีวิตกระวนกระวาย เหมือนขาดอะไรไป “นั่นสิห้าวันแล้วที่พวกเขาเข้าไปฝึก หากใช้เวลาเป็นเดือนจะทำอย่างไร?” เฉินเจียวหมิงเอ่ยอย่างวิตกกังวลไม่ต่างกัน “ข้าว่าไม่นานก็คงออกมาแล้วละ พวกเจ้าดูแสงพวกนั้นสิ ค่อย ๆ จางลงแล้ว” เฉินจางหย่งเอ่ยขึ้นอย่างตื่นเต้น พร้อมชี้ให้ทุกคนดู เมื่อทุกคนมองไปดู ก็เห็นว่าแสงเริ่มลดลงจริง ๆ พวกเขาต่างมายืนจ้องมองตาไม่กะพริบ ผ่านไปเพียงห้าวัน พวกเขารู้สึกว่ายาวนานเหมือนห้าปี ก่อนที่การรอคอยจะสิ้นสุดลง เมื่อแสงที่เปล่งประกายได้จางหายไป ก่อนพวกเขาทั้งห้าคนจะลุกขึ้น และก้าวเดินมาที่พวกเขานี่มันอะไรกัน! ผ่านไปเพียงห้าวัน พวกเขาเติบโตขึ้นถึงเพียงนี้ น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว ซิ่วอิง ลี่อิน เจียวจู สวยสดงดงามดั่งเซียนน้อยมาจุติยังโลกมนุษย์ ตงฮวนหล่อเหล่าสง่างาม ดั่
เด็กทั้งห้าคนกลับถึงจวน ด้วยความสบายใจเป็นอย่างยิ่ง ข้าวสารอาหารแห้ง ทางร้านจะมาส่งทีหลัง เพราะเถ้าแก่เจ้าของร้านยุ่งจนหัวหมุน พวกเขาทั้งห้าคนเห็นทุกคนเริ่ม ตุนเสบียงและอาหารเช่นนี้ ก็รู้สึกโล่งใจ อย่างน้อยพวกเขา ก็ซื้อได้ในราคาปกติ หากรอไปซื้อในช่วงฤดูหนาว พ่อค้าคงขึ้นราคาเป็นแน่ “ป้าหวังที่จวนเป็นอย่างไรบ้างเจ้าค่ะ” “ทุกอย่างเรียบร้อยดีเจ้าค่ะ” ซิ่วอิงยกยิ้มอย่างพอใจ “ช่วงนี้ข้าฝากท่านป้าและลุงฮุ่ยช่วยดูแลจวนด้วยเจ้าค่ะ พี่อู่ถง พี่อู่จิ้ง พี่อู่หย่ง ต่อไปท่านทั้งสามคนช่วยดูแลเรื่องทั่วไปในจวน หากต้องการซื้ออะไรเพิ่ม หากจำเป็นก็ซื้อได้เลยเจ้าค่ะ ข้าจะฝากเงินไว้กับป้าหวัง พี่ซูผิงว่าง ๆ ก็ช่วยสอนเด็กๆ หัดคัดอักษรทีเจ้าค่ะ กระดาษและหมึก มีพร้อมไม่ต้องกังวล ช่วงนี้พวกข้ามีเรื่องให้ทำมากมาย หากวันไหนข้าไม่ได้ทำอาหาร ป้าหวังพาทุกคนทำเลยนะเจ้าคะ ให้ทุกคนได้กินอย่าปล่อยให้หิว เพื่อรอพวกข้าเจ้าค่ะ” “ขอรับ/เจ้าค่ะ ซิ่วอิงสั่งงานทุกคน เพราะตอนนี้นางและสหายมีเรื่องให้ทำมากมาย จึงไม่สามารถทำได้เหมือนแต่ก่อน “ท่านลุงช่วงนี้ยังไม่เป็ดให้ย่าง ท่านสามคนไปขนฟืนที่ช่างตัดต้นไม้มาไว้ที่จวนเจ้า
ไม่นานข่าวก็แพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองเหยียนฟางว่า หมู่บ้านเหยียนฟางมีผีร้าย ข่าวลือเรื่องนี้ทำเอาผู้คนขนลุกขนชันด้วยความหวาดกลัว เพราะไม่ใช่เพียงทหารคนเดียวที่พบ แต่เป็นทหารหลายสิบคน รวมทั้งท่านเจ้าเมืองและนายอำเภอ ซิ่วอิงและสหาย ที่ออกมาสั่งของที่ตลาด พอได้ยินข่าวนี้ ถึงกับหลุดหัวเราะออกมา ด้วยความสะใจ สมน้ำหน้า! “ฮ่า ๆ ข้าละสะใจจริง ๆ” หานเกอเอ่ยขึ้น “ใช่สมน้ำหน้า ไปรบกวนวิญญาณคนตาย ก็ต้องเจอดีแบบนี้” เจียวจูเสริมขึ้น “ซิ่วอิงวิญญาณพวกเขา ยังไม่ไปเกิดใหม่อีกเหรอ?” ลี่อินเอ่ยถามด้วยความสงสัย “ข้าคิดว่าพวกเขา คงยังเป็นห่วงสมบัติอยู่ เลยยังไม่จากไปไหน” “ซิ่วอิงข้าคิดแผนออกมาได้แล้ว” ตงฮวนเอ่ยขึ้นด้วย ท่าทางเจ้าเล่ห์ “แผนอะไรรึ?” ซิ่วอิงหันมาถามอย่างสนใจ “ก็แผนไปสำรวจพื้นที่แถบนั้นนะสิ” “แต่ว่าตงฮวนเจ้าไม่กลัวผีรึ?” เจียวจูถามขึ้น “จะกลัวทำไมวิญญาณเหล่านั้น เป็นคนในครอบครัวของเราที่ถูกฆ่า ข้าดีใจเสียอีกหากว่าจะได้พบพวกเขาอีก” ซิ่วอิงฟังจากที่ตงฮวนพูดก็ครุ่นคิด แผนของเขาดีมากเลยทีเดียว ตงฮวนเป็นเด็กฉลาด เขาสามารถฟังและวิเคราะห์ ได้อย่างดีเยี่ยม“แล้วจะไปสำรวจยังไง ไม่ใช่ว่าพวกเ
เช้าวันนี้มีประกาศจากทางการว่า มีแจ้งเบาะแสว่าพบเจออดีตฮ่องเต้ หลบหนีอยู่ที่หมู่บ้านไฉ่หลิน ทางการจึงจำเป็นต้อง ส่งคนไปตรวจสอบ อู่ถงรีบเข้ามารายงานอีกเช่นเคย เพราะเขามีหน้าไปจ่ายของที่ตลาด จึงพบเห็นทางการออกมาปิดประกาศข่าวสาร ให้ผู้คนได้รับรู้ “นายหญิงน้อย ดูเหมือนทางการจะออกมาติดประกาศแจ้งข่าวขอรับ” “แจ้งว่าอย่างไรหรือเจ้าคะ?” “แจ้งว่าพบเจอ อดีตฮ่องเต้หลบหนีไปอยู่แถว ๆ หมู่บ้านไฉ่หลินขอรับ” ซิ่วอิงจากที่กำลังผัดผัก ก็ต้องหยุดชะงักลงทันที ทางการคงอ้างเหตุผลนี้ เพื่อเข้าไปตรวจค้นสมบัติ ที่หมู่บ้านไฉ่หลินเป็นแน่ หากเป็นเช่นนี้ ก็หมายความว่า ฮ่องเต้พระองค์ใหม่ยังไม่รู้เรื่องนี้ และดูเหมือนท่านเจ้าเมือง จะทำการปกปิดเรื่องนี้เอาไว้ “แล้วยังมีข่าวอย่างอื่นอีกหรือไม่เจ้าคะ?” “ไม่มีแล้วขอรับ” เขาตอบเสร็จก็เดินไปยกของลงจากรถวัวเทียมเกวียน ซิ่วอิงจึงหันมาหาสหาย ที่ช่วยงานกันอยู่ในครัว “ท่านเจ้าเมืองคงเริ่มให้ทหารไปสำรวจพื้นที่แล้ว ข้าลืมบอกพวกเจ้าไป ก่อนหน้านี้ข้าได้ฝันเห็น วิญญาณของทุกคนที่จากไป บิดาของข้ายังบอกอีกว่า พื้นที่แถบนั้นมีสมบัติซ่อนอยู่” “จริงเหรอซิ่วอิง” หานเกอถามขึ
เฉินซีฮัน เฉินเจียวหมิง เฉินจางหย่ง ยังคงปูที่นอนบนพื้นข้างเตียงของพวกนาง ซิ่วอิง ลี่อินและเจียวจู หลังจากชำระร่างกายเสร็จ ก็ให้พี่อู่ถงและพี่อู่จิ้งมาเปลี่ยนน้ำให้ และให้พวกเขาเข้าไปชำระร่างกาย นางนึกเห็นใจสามพี่น้องสกุลอู่ ที่ทำงานกันอย่างขยันขันแข็งและไม่ปริปากบ่น คงเพราะนางรับทุกคนมาอยู่ด้วย พวกเขาเลยรู้สึกเกรงใจ จึงพยายามทำงานทุกอย่างที่สามารถทำได้ แต่ตอนนี้มีคนมาเพิ่มแล้ว นางจะให้คนมาช่วยงานพวกเขา จะได้ไม่ไปหนักที่พวกเขาสามคนจนเกินไป ขนาดยามนี้ดึกมากแล้ว พวกเขายังทนรอรับใช้ นางรู้สึกซาบซึ้ง น้ำใจพวกเขาจริง ๆ อีกไม่นานเรือนพักก็จะสร้างเสร็จ ทุกคนจะไม่ต้องอยู่กันอย่างแออัดอีกต่อไป จวนที่ท่านปู่ให้คนมาสร้าง นางก็บอกช่างให้ทำใหญ่ไปเลย และมีเรือนแยกอีกหลายหลัง เพราะที่ดินกว้างมากจึงสามารถทำได้ ซิ่วอิงนอนคิดเรื่องราวจนผล็อยหลับไป พร้อมลี่อินและเจียวจู พวกเขาเมื่อออกมาจากห้องอาบน้ำ ก็มอง เด็กน้อยทั้งสามคนอย่างเอ็นดู เป็นเพียงเด็กแค่10ขวบ แต่ต้องมาทำอะไรมากมายเช่นนี้ โชคชะตาช่างเล่นตลกกับชีวิตคนเสียจริง พวกเขาล้มตัวลงนอนก่อนจะพากันหลับไป วันต่อมาที่โรงเตี๊ยมฟู่จิน วันนี้ทุกอย่างด







