LOGIN"ดีขึ้นแล้วเหรอคะ"
หยุนซีฝืนยิ้มถามเจ้าบ่าวที่กลับเข้ามาในงาน เขาทำตัวปกติทุกอย่าง ท่าทีที่ดูสุภาพตลอดเวลาที่อยู่ต่อหน้าเธอมันก็แค่เปลือกนอกจอมปลอมที่ใช้ตบตาทุกคน
'อย่าร้องดังสิเดี๋ยวมีคนได้ยิน'
'เด้งสู้ขนาดนี้จะไม่หลงได้ไง'
'แม่งเอ้ย! โคตรเสียวเลย'
นี่หรือคืออาจารย์มหาวิทยาลัย นี่หรือคือผู้ชายที่เธอตกลงปลงใจว่าจะแต่งงาน คำสบถมากมายที่หลุดออกมาจากปาก มันทำให้เธอขยะแขยงและรู้สึกสะอิดสะเอียน
"หน้าคุณดูซีดๆ นะ ไหวรึเปล่า"
มือเรียวยื่นมาจะสัมผัสใบหน้า ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติธรรมดาของคู่รักที่จะแตะต้องตัวกัน หากแต่สิ่งที่เธอเพิ่งได้รู้ ได้เห็นมานั้น ทำเธอไม่อยากให้มือสกปรกๆ คู่นั้นแตะต้องทุกส่วนในร่างกายเธอ
"ฉันเมานิดหน่อยค่ะ"
หากสังเกตุให้ดีใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มไม่ได้ออกมาจากใจ ดวงตากลมโตที่เปล่งประกายมีความสุขยามนี้กลับแฝงไว้ซึ่งความเศร้าที่ต้องกลบเกลื่อนไว้ อันที่จริงเธอจะแกล้งโง่ต่อเพื่อรักษาชื่อเสียงของตัวเองก็ได้ ความสัมพันธ์ระหว่างสามีกับแฟนก็จะไม่แตกหักไป
แต่นั้น...
หมายถึงเธอกำลังทำร้ายตัวเอง!
"กลับกันเลยดีไหม"
คำพูดที่ดูเหมือนห่วงใย ทำให้หยุนซียิ่งปวดใจ ถ้ารุ่ยหานเป็นห่วงเธอจริงๆ คงไม่คิดทำร้ายเธอด้วยการนอกใจ ไหนเคยบอกว่า 'รัก' มากไง แต่ทำไมถึงได้กล้าแอบทำเรื่องชั่วๆ ลับหลังเธอ
"ไม่เป็นไรค่ะฉันไหว"
ไหวในความหมายของเธอคือสภาพจิตใจ ตอนนี้เธอเพิ่งเข้าใจว่าในโลกนี้ไม่มีใครรักเธอเท่ากับเธอรักตัวเอง
"แต่ผมเป็นห่วงคุณนะ"
รุ่ยหานยื่นนิ้วมาเกลี่ยเบาๆ ที่แก้มเนียนใส หากเป็นก่อนหน้านี้เธอคงรู้สึกดีและอบอุ่นไปถึงหัวใจ หยุนซีอดทนกลั้นน้ำตาไว้เมื่อคิดถึงสิ่งที่แฟนและเพื่อนรักทำ
"ทำไมคุณถึงดีกับฉันขนาดนี้คะ"
คำถามนี้ทำขอบตาของเธอร้อนผ่าว
"เพราะคุณคือคนที่ผมรักไงหยุนซี"
ดวงตาคู่สวยของหญิงสาวยามนี้เอ่อคลอไปด้วยหยดน้ำใส เธอไม่ได้ซาบซึ้งใจแต่กำลังผิดหวังกับคำโกหกซ้ำไปซ้ำมา
"รักเหรอคะ"
หญิงสาวทวนคำว่า 'รัก' ของอีกฝ่ายซ้ำด้วยแววตาที่เจ็บปวดใจ เขาโกหกได้อย่างน่าไม่อาย ทั้งๆ ที่เพิ่งทำเรื่องบัดสีบัดเถลิงในห้องน้ำมา
"คุณเมาแล้วนะ"
ท่าทีแปลกๆ ของหยุนซีทำให้รุ่ยหานคิดว่าเธอคงดื่มไวน์มากเกินไปจนเมา ในฐานะเจ้าบ่าวต้องดูแลเจ้าสาว ภาพลักษณ์ของเขาต้องดูดีต่อหน้าทุกคนเสมอ
"ผมพาไปสูดอากาศข้างนอกดีกว่า"
รุ่ยหานเอื้อมมือไปแตะที่เอวของหยุนซี แต่เธอกลับสะบัดตัวออกไม่ยอมไป แก้วไวน์ในมือถูกยกขึ้นมาดื่มเพื่อย้อมใจ ก่อนจะพาตัวเองเดินไปแย่งไมค์จากมือพิธีกรที่หน้าเวที เธอส่งสัญญาณด้วยการหันไปขยิบตาให้คนที่ทำหน้าที่ควบคุมอุปกรณ์ทุกอย่างในงานแต่งวันนี้ ก่อนที่เธอจะตัดสินใจมายืนตรงนี้ เธอได้เตรียมทุกอย่างไว้หมดแล้ว
"รุ่ยหาน...."
เสียงหวานพูดผ่านไมค์ ดวงตาที่ดูหม่นจับจ้องไปที่เจ้าบ่าวของงาน ใบหน้าหล่อเหลามองเธออย่างไม่ค่อยไว้ใจนัก เขาเป็นคนห่วงภาพลักษณ์ คงกลัวว่าเธอจะทำให้ขายขี้หน้าสินะ
"วันนี้ฉันมีเซอร์ไพร์สให้คุณด้วยนะคะ"
การกระทำของเจ้าสาวทำคนที่กลัวว่าจะขายขี้หน้าถอนหายใจ รอยยิ้มฉาบที่ใบหน้าคมคาย ที่แท้การที่หยุนซีทำตัวแปลกๆ ก็เพราะเตรียมเซอร์ไพรส์ให้เขานี่เอง
'เจ้าบ่าวยิ้มแก้มปริแล้ว'
'หวานมากกกก'
'โอ้ย!! คนโสดอยู่ไม่ได้แล้ว'
แขกในงานผิวปาก ร้องแซวและพากันตั้งตารอดูว่าเซอร์ไพร์สนั้นจะเป็นอะไร รั่วหยุนซีหันไปขยิบตาส่งสัญญาณให้กับเจ้าหน้าที่ในงานที่คุยตกลงกันไว้ รูปภาพที่ขึ้นสไลด์คือช่วงเวลาแห่งความสุขที่เธอถ่ายเก็บไว้ ทุกคนไม่เอะใจ
จนกระทั่ง....
"อ๊ะ...อ๊ะ...อ๊าา"
"แน่นดีชะมัด"
"ฉันดีกว่าแฟนคุณใช่ไหม"
"ยังต้องถามอีกเหรอ"
"อื้อ~ รุ่ยหานฉันจะไม่ไหวแล้ว"
ทั้งภาพและเสียงที่คมชัดทำคนในงานนิ่งไป สายตาทุกคู่จับจ้องมาที่เจ้าบ่าวสลับกับเจ้าสาวที่ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ แต่เธอก็สลัดน้ำตาออกไป และพูดใส่ไมค์ด้วยน้ำเสียงที่เข้มแข็งแต่แววตากลับสั่นเครือ
"ฉันกับคุณ..."
อยู่ๆ เสียงหวานก็เงียบไป เธอสูดลมหายใจเรียกความกล้าหาญออกมา ใบหน้าสวยเชิดขึ้นพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงที่เด็ดขาดว่า
"เราจบกัน"
เจ้าสาวที่ควรจะต้องเป็นคนที่มีความสุขที่สุดในงานยื่นไมค์คืนให้กับพิธีกรที่ยืนอึ้งทำอะไรไม่ถูก
"เดี๋ยวก่อนหยุนซี"
รุ่ยหานคว้าข้อมือของเจ้าสาวไว้ เธอสะบัดมันออกไปและฟาดไปที่ใบหน้าหล่อเหลาจนเห็นรอยแดง
"อย่ามาแตะต้องตัวฉัน"
เจ้าสาวตะโกนเสียงดัง ส่วนเจ้าบ่าวที่ห่วงภาพลักษณ์ตัวเองมีหรือจะยอมรับ เขาขอโทษพร้อมโบ้ยความผิดให้กับผู้หญิงในคลิปทันที
"เพื่อนคุณมายั่วยวนผม"
"คุณต้องฟังผมก่อนนะ"
"หยุนซีอย่าทำอย่างนี้!"
ยิ่งพูดก็ยิ่งดูแย่ เรื่องพวกนี้มันตบมือข้างเดียวมีหรือจะดังได้ หญิงก็ร้ายชายก็เลวได้ใจ ทำไมเธอต้องเชื่อลมปากของคนหลอกลวง
"หน้าไม่อาย"
"สงสารเจ้าสาวจริงๆ"
"ไอ้ผู้ชายไม่รู้จักพอ"
ตอนนี้รุ่ยหานตกเป็นเป้าสายตา เสียงซุบซิบที่ลอยเข้าหูมาทำใบหน้าคมเข้มหันขวับไปที่ต้นเสียงทันที แววตาที่ดูไม่พอใจทำให้ทุกเสียงในห้องโถงต้องเงียบลง
"รั่วหยุนซีรอผมก่อน"
เจ้าสาววิ่งตากฝนที่เทกระหน่ำลงมาโดยไม่คิดที่จะหันหลังกลับไป เธอกับรุ่ยหานไม่มีอะไรที่ต้องปรับความเข้าใจ นับจากวันนี้เป็นต้นไป ชีวิตใคร ชีวิตมัน และชีวิตของฉันจะไม่มีคุณรุ่ยหาน
"ไม่ต้องตามฉันมา"
รั่วหยุนซีตะโกนไล่ผู้ชายที่ครั้งหนึ่งเธอเคยรักสุดหัวใจ เธอเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นโดยไม่สนว่าตนเองใส่รองเท้าส้นสูงซึ่งเสี่ยงต่ออันตราย แค่อยากหนีให้พ้นๆ จากผู้ชายที่ทำร้ายจิตใจเธอ
เอี้ยดด!!
"ขึ้นรถผม"
"ไม่เป็นไรค่ะบอส"
คนที่มาเห็นเธออยู่ในสภาพทุเรศทุรังก็คือเจ้าของสำนักพิมพ์ที่เธอร่วมงาน เขาเป็นผู้ชายเนี้ยบถึงเนี้ยบมาก งานเขียนต้องผ่านสายตาที่เฉียบคมนั้น ยิ่งพออยู่ในโหมดทำงาน ไม่มีใครกล้าสบตาสักคน
"คุณอยากให้เขาตามคุณทันรึไง"
'หูอี้เหวิน' เตือนสติคนที่วิ่งท่ามกลางสายฝนในชุดเจ้าสาวพะรุงพะรัง เท้าทั้งสองข้างของเธอตอนนี้อยู่ในสภาพที่ดูไม่ได้เลย
"ไม่ค่ะ"
รั่วหยุนซีส่ายหน้า
"ถ้างั้นก็ขึ้นมา"
รั่วหยุนซีไม่มีทางให้เลือกมาก ถ้าวิ่งต่อไปรุ่ยหานอาจตามทัน แต่ถ้าขึ้นรถไปกับบอสเธอก็ไม่รู้จะคุยอะไร เสียงที่ตะโกนเรียกชื่อเธอ 'รั่วหยุนซี' ทำให้ต้องตัดสินใจ มือเรียวรวบชายกระโปรงสีขาวก่อนจะกระโดดขึ้นรถ BMW ไป เธอจำที่เพื่อนๆ นักเขียนเมาท์มอยบอสได้
'บอสทำฉันหายใจไม่ออก'
'เขาดูน่ากลัวเกินไป'
'ฉันไม่อยากอยู่ใกล้เขาเลย'
ซึ่งอันที่จริงแล้วบอสก็ไม่ได้ถึงกับดุด่าอะไร แต่อาจเป็นเพราะบุคลิกของเขาที่ดูเงียบๆ นิ่งๆ ไม่สุงสิงกับใคร การที่เขาพูดตรงเกินไป ทำให้คนที่อยู่ด้วยกดดัน ซึ่งเธอก็เป็นหนึ่งในนั้นที่แย่งกันไม่อยากนั่งข้างบอสในงานเลี้ยงของสำนักพิมพ์
"คุณจะไปไหน"
"ฉัน...."
เจ้าสาวที่น่าสงสารเงียบไป ห้องหอที่เตรียมไว้เธอคงไม่มีวันกลับไป คอนโดของเธอเป็นพื้นที่ปลอดภัย เธอเองก็อยากกลับไป แต่ติดตรงที่รุ่ยหานรู้จักที่อยู่เธอนี่สิ เงินก็ไม่มี ถ้าจะให้ไปส่งที่โรงแรมตอนนี้หยุดคิดได้เลย
Trrr📞
ไป๋ซูฮวา calling
สายเรียกเข้าจากเพื่อนรักดึงรั่วหยุนซีหลุดจากภวังค์ เธอปล่อยให้มันดังอยู่นานก่อนจะกดตัดสายไป หูอี้เหวินไม่ได้พูดอะไร เขาปล่อยให้เธอนั่งจมกับความคิดของตัวเองอยู่พักใหญ่ ในเมื่อเธอตัดสินใจไม่ได้ เขาที่เริ่มขี้เกียจขับรถวนไปวนมาจึงเสนอว่า
"ถ้าคุณไม่มีที่ไป..."
"คืนนี้ไปพักกับผมก่อนได้นะ"
รูปที่เห็นเป็นรูปที่เธอสวมชุดกี่เพ้าสีชมพูยืนเคียงคู่อยู่กับชายชาติทหารหน้าตานิ่งๆ แววตาไม่สบอารมณ์ ซึ่งพอมองให้ดีๆ ก็พบว่าผู้ชายในรูปคนนี้หน้าตาเหมือนกันกับบอสของเธออย่างกับแกะเลย"ไม่จริง..."หญิงสาวพึมพำเมื่อคำตอบที่ผุดขึ้นมาในหัวมันน่าเหลือเชื่อเกินไป เธอมองรูปตัวเองสลับกับรูปผู้ชายที่สวมชุดทหารแล้วอยากร้องไห้ เพราะข้อสรุปที่ได้คือเธอน่าจะหลุดเข้ามาอยู่ในนิยายของตัวเองที่เพิ่งเริ่มต้นเขียนไปได้แค่ไม่กี่ตอน และเป็นตอนที่นางเอกกับพระเอกยังไม่รักกัน อนิจจา อนิจจัง ทำไมฉันไม่ทะลุไปตอนที่แฮปปี้เอนดิ้งเลยหญิงสาวทรุดตัวลงนั่งกับพื้นพร้อมกับกรอบรูปที่ถือไว้ มีเพียงคำตอบเดียวที่สามารถอธิบายทุกอย่างได้ นั่นก็คือเธอหลุดเข้ามาอยู่ในนิยายของตัวเองที่พระเอกและนางเอกเพิ่งแต่งงานกัน ซึ่งรูปถ่ายที่เห็นก็คือฉากๆ หนึ่งในนิยายที่เพิ่งเขียนไปเมื่อวันก่อนเอง"วันนี้เธอต้องไปถ่ายรูปกับฉัน""ถ่ายรูปเหรอคะ""ใช่""แต่ว่าฉัน...""หุบปากแล้วก็รีบไปแต่งตัวซะ"สีหน้าและแววตาที่ไม่สบอารมณ์ของพระเอกทำให้นางเอกในเรื่องนั่งตัวลีบ ตัวเกร็ง เพราะโดนพระเอกบังคับมา เขาเองก็ไม่ได้เต็มใจที่จะมา แต่เพื่อตัดปัญหาไม่ใ
"บอสพูดจริงเหรอคะ""ผมดูเหมือนพูดเล่นงั้นเหรอ""มะ...ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ"ใบหน้าสวยก้มลงมองมือที่กำโทรศัพท์ไว้ ไม่เถียงว่าข้อเสนอของบอสน่าสนใจ แต่ติดตรงที่เธอไม่รู้จะวางตัวต่อหน้าเขาอย่างไรดี"ผมเหนื่อยขับรถแล้ว"หูอี้เหวินบอกคนที่นั่งในรถมาด้วยกันเกือบสองชั่วโมงได้ ชุดเจ้าสาวของเธอเปียกขนาดนั้นไม่รู้สึกหนาวบ้างหรือไง ขนาดเขาใส่สูทยังรู้สึกเย็นๆ เลย"ขอโทษค่ะ"คิ้วเรียวขมวดมองใบหน้าที่ซีดขาว "ผมไม่ได้ว่าอะไร"เขาชินกับการใช้น้ำเสียงจริงจังเกินไป และนั่นอาจทำให้เธอกดดัน พอคิดอย่างนั้นเขาจึงใช้น้ำเสียงที่อ่อนลง"คุณโอเคใช่ไหม??"คำถามของเขาแทงลึกเข้ามาในใจ เปลือกนอกที่แสร้งทำเป็นเข้มแข็งพังต่อหน้าคนอื่นพังทลาย น้ำตาค่อยๆ รินไหล เสียงร้องที่ปนเสียงสะอื้นนั้นทำหูอี้เหวินไม่รู้ว่าจะต้องปลอบโยนอย่างไรดี"คุณนอนห้องนี้แล้วกัน""แล้วบอสล่ะคะ"รั่วหยุนซีถาม เธอสังเกตุเห็นว่าคอนโดของบอสมีอยู่หนึ่งห้องนอนและห้องนั่งเล่นตรงกลาง ถ้าเดาไม่ผิดบอสคงยกห้องนอนให้เธอ"เดี๋ยวผมนอนข้างนอก""มันจะดีเหรอคะ"หญิงสาวทำหน้าเกรงใจ บอสเป็นคนตัวใหญ่จะนอนคุดคู้ที่โซฟาได้แน่เหรอ"ดีไม่ดีผมตัดสินใจเองได้"เล่นพูดมาซ
"ดีขึ้นแล้วเหรอคะ"หยุนซีฝืนยิ้มถามเจ้าบ่าวที่กลับเข้ามาในงาน เขาทำตัวปกติทุกอย่าง ท่าทีที่ดูสุภาพตลอดเวลาที่อยู่ต่อหน้าเธอมันก็แค่เปลือกนอกจอมปลอมที่ใช้ตบตาทุกคน'อย่าร้องดังสิเดี๋ยวมีคนได้ยิน''เด้งสู้ขนาดนี้จะไม่หลงได้ไง''แม่งเอ้ย! โคตรเสียวเลย'นี่หรือคืออาจารย์มหาวิทยาลัย นี่หรือคือผู้ชายที่เธอตกลงปลงใจว่าจะแต่งงาน คำสบถมากมายที่หลุดออกมาจากปาก มันทำให้เธอขยะแขยงและรู้สึกสะอิดสะเอียน"หน้าคุณดูซีดๆ นะ ไหวรึเปล่า"มือเรียวยื่นมาจะสัมผัสใบหน้า ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติธรรมดาของคู่รักที่จะแตะต้องตัวกัน หากแต่สิ่งที่เธอเพิ่งได้รู้ ได้เห็นมานั้น ทำเธอไม่อยากให้มือสกปรกๆ คู่นั้นแตะต้องทุกส่วนในร่างกายเธอ"ฉันเมานิดหน่อยค่ะ"หากสังเกตุให้ดีใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มไม่ได้ออกมาจากใจ ดวงตากลมโตที่เปล่งประกายมีความสุขยามนี้กลับแฝงไว้ซึ่งความเศร้าที่ต้องกลบเกลื่อนไว้ อันที่จริงเธอจะแกล้งโง่ต่อเพื่อรักษาชื่อเสียงของตัวเองก็ได้ ความสัมพันธ์ระหว่างสามีกับแฟนก็จะไม่แตกหักไปแต่นั้น...หมายถึงเธอกำลังทำร้ายตัวเอง!"กลับกันเลยดีไหม"คำพูดที่ดูเหมือนห่วงใย ทำให้หยุนซียิ่งปวดใจ ถ้ารุ่ยหานเป็นห่วงเธอจริงๆ
"ไปไหนของเขานะ"รั่วหยุนซีพึมพำ ขณะตามหาเจ้าบ่าวที่ไม่รู้หายไปไหน เขาบอกเธอว่ารู้สึกมึนหัวนิดหน่อยเลยขอตัวไปนั่งพักให้ดีขึ้นที่ห้องรับรองด้านใน ส่วนเธอก็อยู่สนุกกับเพื่อนๆ ต่อไป ไม่ได้ถามจุกจิกให้อีกฝ่ายรำคาญ'เจ้าบ่าวเธอไปไหนแล้ว ปล่อยให้เจ้าสาวยืนเหงาคนเดียวได้ไง'เพื่อนที่มาร่วมงานแซวขำๆ เพราะภาพที่เห็นตอนนี้นั้นตรงข้ามกับคำว่า 'เหงา' อย่างสิ้นเชิง'รุ่ยหานปวดหัวนิดหน่อย''อ้าวเหรอ แล้วได้กินยายัง''ไม่ต้องกินก็ได้มั้ง'รั่วหยุนซีบอกกับเพื่อนที่ส่ายหน้าแล้วพูดเสียงดุใส่เธอว่า "ไม่ได้" คนปวดหัวนั่งเฉยๆ จะดีขึ้นทันทีได้อย่างไร นั่นจึงเป็นเหตุให้เธอได้ยาพาราแก้ปวดจากเพื่อนมา แต่เมื่อเดินถึงห้องรับรองที่เจ้าบ่าวบอกว่าจะมาพักกลับไม่เจอ"อ๊ะ! ขอโทษค่ะ"เพราะไม่ทันระวัง หญิงสาวจึงเดินไปชนเข้ากับพนักงานของโรงแรม เป็นเหตุให้ชุดเจ้าสาวสีขาวถูกน้ำผลไม้กระเซ็นใส่ แต่เธอก็ไม่ได้ต่อว่าพนักงานไป เพราะมันเป็นความผิดของเธอเอง"คงต้องไปล้างก่อน"รั่วหยุนซีมองชุดเจ้าสาวของตัวเองที่ไม่ได้เลอะเทอะจนรับไม่ได้ แต่ถ้าไม่รีบล้างทำความสะอาดออกไป คราบก็อาจจะฝังแน่นจนซักไม่ออกอีกเลย หยุนซีคิดขณะเดินไปตามทางที
"ยินดีด้วยนะ""เหมาะสมกันมาก""กิ่งทองใบหยกจริงๆ""ไม่โสดแล้วนะเพื่อน"หลังจากเสร็จสิ้นพิธีแต่งงานที่เป็นทางการ 'รั่วหยุนซี' เจ้าสาวที่มีความสุขมากที่สุดในงานก็ควงแขนสามีจัดอาฟเตอร์ปาร์ตี้กับเพื่อนพ้องคนสนิทต่ออย่างสนุกสนาน เธอยิ้ม โยกตัว หัวเราะ เอนจอยไปกับบรรยากาศชื่นมื่นในงาน วันนี้เธอคือ 'เจ้าสาว' ที่มีความสุขที่สุดในโลกจริงๆ"พวกเธอก็รีบๆ หาสามีได้แล้ว"รั่วหยุนซีบอกเพื่อนๆ พร้อมรอยยิ้มจริงใจ เส้นทางชีวิตของเธอไม่ได้ปูไปด้วยกลีบดอกไม้ กว่าจะมาถึงวันนี้ได้ เธอก็ต้องใช้ความขยันบวกอดทนเพื่อพาตัวเองไปยืนอยู่ในจุดที่ดีๆ 'เอาเงินมาจะไปซื้อเหล้า''ฉันไม่ให้''กล้าดียังไงมาขัดใจฉัน'เพี้ยยย!'ไอ้ผัวชั่วแกกล้าตบฉันเหรอ''เออสิวะ'ตอนเด็กๆ ที่ต้องเห็นภาพของผู้ให้กำเนิดทะเลาะกันทำให้รั่วหยุนซีกลายเป็นคนที่ขาดความรัก โลกความจริงมันโหดร้ายนัก ความสุขของเธอคือการได้อยู่ในโลกจินตนาการ ความชอบอ่านชอบเขียนตั้งแต่เด็กๆ นั้นนำพาให้เธอกลายมาเป็น 'รั่วหยุนซี' นักเขียนนิยายชื่อดังในเมื่อมีงาน มีเงิน ก็ต้องมีคนเข้าหา พอมีหลายคนเข้ามา ดอกไม้ที่ตูมก็เริ่มเบ่งบาน เธอคบหาดูใจกับ 'รุ่ยหาน' เขาอายุมาก







