LOGINรูปที่เห็นเป็นรูปที่เธอสวมชุดกี่เพ้าสีชมพูยืนเคียงคู่อยู่กับชายชาติทหารหน้าตานิ่งๆ แววตาไม่สบอารมณ์ ซึ่งพอมองให้ดีๆ ก็พบว่าผู้ชายในรูปคนนี้หน้าตาเหมือนกันกับบอสของเธออย่างกับแกะเลย
"ไม่จริง..." หญิงสาวพึมพำเมื่อคำตอบที่ผุดขึ้นมาในหัวมันน่าเหลือเชื่อเกินไป เธอมองรูปตัวเองสลับกับรูปผู้ชายที่สวมชุดทหารแล้วอยากร้องไห้ เพราะข้อสรุปที่ได้คือ เธอน่าจะหลุดเข้ามาอยู่ในนิยายของตัวเองที่เพิ่งเริ่มต้นเขียนไปได้แค่ไม่กี่ตอน และเป็นตอนที่นางเอกกับพระเอกยังไม่รักกัน อนิจจา อนิจจัง ทำไมฉันไม่ทะลุไปตอนที่แฮปปี้เอนดิ้งเลย หญิงสาวทรุดตัวลงนั่งกับพื้นพร้อมกับกรอบรูปที่ถือไว้ มีเพียงคำตอบเดียวที่สามารถอธิบายทุกอย่างได้ นั่นก็คือเธอหลุดเข้ามาอยู่ในนิยายของตัวเองที่พระเอกและนางเอกเพิ่งแต่งงานกัน ซึ่งรูปถ่ายที่เห็นก็คือฉากๆ หนึ่งในนิยายที่เพิ่งเขียนไปเมื่อวันก่อนเอง "วันนี้เธอต้องไปถ่ายรูปกับฉัน" "ถ่ายรูปเหรอคะ" "ใช่" "แต่ว่าฉัน..." "หุบปากแล้วก็รีบไปแต่งตัวซะ" สีหน้าและแววตาที่ไม่สบอารมณ์ของพระเอกทำให้นางเอกในเรื่องนั่งตัวลีบ ตัวเกร็ง เพราะโดนพระเอกบังคับมา เขาเองก็ไม่ได้เต็มใจที่จะมา แต่เพื่อตัดปัญหาไม่ให้บิดามารดาสงสัย จึงต้องทำตามความประสงค์ของทั้งสองท่านก็เท่านั้นเอง "ทำยังไงดีๆๆๆ" สติหลุดไปพร้อมกับความจริงที่รับไม่ได้ บอกตัวเองให้ 'นิ่งๆ' เข้าไว้ สูดลมหายใจเข้าไปในปอดเยอะๆ "ใจเย็นๆ หยุนซี เธอต้องใจเย็นๆ" บอกตัวเองที่ร้อนรุ่มใจ เธอต้องตั้งสติให้ได้ ขนาดบอกตัวเองแล้วนะแต่ปฏิกิริยาของร่างกายกลับไม่เป็นดังใจ จากที่นั่งๆ อยู่ก็เปลี่ยนมาลุกขึ้นเดินวนไปไม่ต่างกับหนูที่หาทางออกไม่เจอ "รั่วหยุนซีคือเธอ..." "และเธอตอนนี้ก็คือหลี่หยุนซี" ใช่แล้ว! อย่าลืมสิว่าเธอเป็นคนเขียนนิยายเรื่องนี้เองกับมือ ถึงเนื้อหาจะยังไม่จบ แต่ก็มีพล็อตที่คิดเอาไว้ในหัวหมดแล้ว "ไม่เห็นมีอะไรต้องกลัวเลย" ปลอบใจตัวเองที่หลุดเข้ามาอยู่ในโลกนิยาย เรื่องนี้เธอตั้งใจไว้ว่าจะไม่มีนางร้าย แต่คนที่ร้ายก็คือพระเอกที่เธอดันมันส์มือเขียนให้มีนิสัยที่เย็นชา นางเอกในเรื่องที่แต่งงานเข้ามาเป็นภรรยา ต้องขนความดีทั้งหมดทั้งมวลมาเพื่อพิชิตใจ เขียนน่ะมันง่าย... แต่เวลาที่ต้องลงมือทำนี่สิ เฮ้อ~ ขอถอนหายใจแรงๆ หญิงสาวยกมือขึ้นกุมขมับ แววตากลัดกลุ้มใจ เพราะคาแรกเตอร์ของพระเอกในนิยายที่เธอวางไว้ บอกตรงๆ ว่าไม่ใช่พ่อไมโครเวฟอบอุ่นน่าเข้าใกล้ แต่เป็นระเบิดปรมาณูที่พร้อมพุ่งใส่ ถ้าพูดไม่ถูกใจ... ตู้มมมมมมมมมม!! ลิ้นที่มีอันเดียวโดนตัดทิ้งแน่ๆ ใช่แล้ว! เธอรู้นิสัยของพระเอกเรื่องนี้ดี เป็นผู้ชายประเภทที่มั่นใจในตัวเองสูงถึงสูงมาก เป็นคนเด็ดขาด ควาทหล่อกินขาดแต่ไม่น่าหลงใหล ถึงเป็นทหารใส่ชุดสีเขียวแต่ธงเขียวคงต้องหลบไป เพราะเขาสะกดคำว่า 'โรแมนติก' ไม่เป็น ทั้งชีวิตทุ่มเทให้กับงาน ส่วนเรื่องความ 'รัก' นั้นไม่เคยอยู่ในหัวสมองเลย "ใส่ยาพิษเข้าไปรึเปล่า" ครั้งแรกที่หยุนซีนางเอกในนิยายทำอาหารขึ้นโต๊ะให้พระเอกทาน เขาสั่งให้เธอต้องกินให้ดูต่อหน้าก่อนเพื่อความสบายใจ อาจเป็นเพราะว่าเขาเป็นทหาร นิสัยที่ซื่อตรงและเด็ดขาดเกินไป จึงสร้างศัตรูไว้มากมาย ถ้าหากพลั้งพลาดไปก็อาจจะมีอันตรายจึงต้องคอยระมัดระวัง "ฉันไม่ทำเรื่องอย่างนั้นหรอกค่ะ" หยุนซีบอกกับสามีที่มองทุกการกระทำของเธอด้วยแววตาไม่ไว้ใจ เธอจะไปวางยาพิษเขาทำไม เฮ้อ~ บ้าบอสิ้นดี "ก็ดี" เป็นคำตอบที่ห้วนและฟังแล้วน่าหมั่นไส้ รั่วหยุนซีคิดถึงฉากในนิยายพลันถอนหายใจ เธอไม่น่าเขียนเอามันส์เกินไปจริงๆ เป็นไงล่ะ... งานเข้าเต็มๆ หญิงสาวหยิบกรอบรูปขึ้นมาดูอีกครั้ง มันเป็นสิ่งตอกย้ำให้เธอรู้ว่าไม่ใช่ความฝัน เธอในร่างหลี่หยุนซีช่างดูสวยและอ่อนหวาน ส่วนคนที่ยืนข้างๆ เฮ้อ! น่าเหนื่อยใจจริงๆ หยุนซีคิดพลันพึมพำกับตัวเองที่ทะลุมิติเข้ามาเป็น 'นางเอก' ในนิยายว่า ถ้าฉันรู้ล่วงหน้า... จะไม่เขียนพระเอกแนวนี้เด็ดขาด!!รูปที่เห็นเป็นรูปที่เธอสวมชุดกี่เพ้าสีชมพูยืนเคียงคู่อยู่กับชายชาติทหารหน้าตานิ่งๆ แววตาไม่สบอารมณ์ ซึ่งพอมองให้ดีๆ ก็พบว่าผู้ชายในรูปคนนี้หน้าตาเหมือนกันกับบอสของเธออย่างกับแกะเลย"ไม่จริง..."หญิงสาวพึมพำเมื่อคำตอบที่ผุดขึ้นมาในหัวมันน่าเหลือเชื่อเกินไป เธอมองรูปตัวเองสลับกับรูปผู้ชายที่สวมชุดทหารแล้วอยากร้องไห้ เพราะข้อสรุปที่ได้คือเธอน่าจะหลุดเข้ามาอยู่ในนิยายของตัวเองที่เพิ่งเริ่มต้นเขียนไปได้แค่ไม่กี่ตอน และเป็นตอนที่นางเอกกับพระเอกยังไม่รักกัน อนิจจา อนิจจัง ทำไมฉันไม่ทะลุไปตอนที่แฮปปี้เอนดิ้งเลยหญิงสาวทรุดตัวลงนั่งกับพื้นพร้อมกับกรอบรูปที่ถือไว้ มีเพียงคำตอบเดียวที่สามารถอธิบายทุกอย่างได้ นั่นก็คือเธอหลุดเข้ามาอยู่ในนิยายของตัวเองที่พระเอกและนางเอกเพิ่งแต่งงานกัน ซึ่งรูปถ่ายที่เห็นก็คือฉากๆ หนึ่งในนิยายที่เพิ่งเขียนไปเมื่อวันก่อนเอง"วันนี้เธอต้องไปถ่ายรูปกับฉัน""ถ่ายรูปเหรอคะ""ใช่""แต่ว่าฉัน...""หุบปากแล้วก็รีบไปแต่งตัวซะ"สีหน้าและแววตาที่ไม่สบอารมณ์ของพระเอกทำให้นางเอกในเรื่องนั่งตัวลีบ ตัวเกร็ง เพราะโดนพระเอกบังคับมา เขาเองก็ไม่ได้เต็มใจที่จะมา แต่เพื่อตัดปัญหาไม่ใ
"บอสพูดจริงเหรอคะ""ผมดูเหมือนพูดเล่นงั้นเหรอ""มะ...ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ"ใบหน้าสวยก้มลงมองมือที่กำโทรศัพท์ไว้ ไม่เถียงว่าข้อเสนอของบอสน่าสนใจ แต่ติดตรงที่เธอไม่รู้จะวางตัวต่อหน้าเขาอย่างไรดี"ผมเหนื่อยขับรถแล้ว"หูอี้เหวินบอกคนที่นั่งในรถมาด้วยกันเกือบสองชั่วโมงได้ ชุดเจ้าสาวของเธอเปียกขนาดนั้นไม่รู้สึกหนาวบ้างหรือไง ขนาดเขาใส่สูทยังรู้สึกเย็นๆ เลย"ขอโทษค่ะ"คิ้วเรียวขมวดมองใบหน้าที่ซีดขาว "ผมไม่ได้ว่าอะไร"เขาชินกับการใช้น้ำเสียงจริงจังเกินไป และนั่นอาจทำให้เธอกดดัน พอคิดอย่างนั้นเขาจึงใช้น้ำเสียงที่อ่อนลง"คุณโอเคใช่ไหม??"คำถามของเขาแทงลึกเข้ามาในใจ เปลือกนอกที่แสร้งทำเป็นเข้มแข็งพังต่อหน้าคนอื่นพังทลาย น้ำตาค่อยๆ รินไหล เสียงร้องที่ปนเสียงสะอื้นนั้นทำหูอี้เหวินไม่รู้ว่าจะต้องปลอบโยนอย่างไรดี"คุณนอนห้องนี้แล้วกัน""แล้วบอสล่ะคะ"รั่วหยุนซีถาม เธอสังเกตุเห็นว่าคอนโดของบอสมีอยู่หนึ่งห้องนอนและห้องนั่งเล่นตรงกลาง ถ้าเดาไม่ผิดบอสคงยกห้องนอนให้เธอ"เดี๋ยวผมนอนข้างนอก""มันจะดีเหรอคะ"หญิงสาวทำหน้าเกรงใจ บอสเป็นคนตัวใหญ่จะนอนคุดคู้ที่โซฟาได้แน่เหรอ"ดีไม่ดีผมตัดสินใจเองได้"เล่นพูดมาซ
"ดีขึ้นแล้วเหรอคะ"หยุนซีฝืนยิ้มถามเจ้าบ่าวที่กลับเข้ามาในงาน เขาทำตัวปกติทุกอย่าง ท่าทีที่ดูสุภาพตลอดเวลาที่อยู่ต่อหน้าเธอมันก็แค่เปลือกนอกจอมปลอมที่ใช้ตบตาทุกคน'อย่าร้องดังสิเดี๋ยวมีคนได้ยิน''เด้งสู้ขนาดนี้จะไม่หลงได้ไง''แม่งเอ้ย! โคตรเสียวเลย'นี่หรือคืออาจารย์มหาวิทยาลัย นี่หรือคือผู้ชายที่เธอตกลงปลงใจว่าจะแต่งงาน คำสบถมากมายที่หลุดออกมาจากปาก มันทำให้เธอขยะแขยงและรู้สึกสะอิดสะเอียน"หน้าคุณดูซีดๆ นะ ไหวรึเปล่า"มือเรียวยื่นมาจะสัมผัสใบหน้า ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติธรรมดาของคู่รักที่จะแตะต้องตัวกัน หากแต่สิ่งที่เธอเพิ่งได้รู้ ได้เห็นมานั้น ทำเธอไม่อยากให้มือสกปรกๆ คู่นั้นแตะต้องทุกส่วนในร่างกายเธอ"ฉันเมานิดหน่อยค่ะ"หากสังเกตุให้ดีใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มไม่ได้ออกมาจากใจ ดวงตากลมโตที่เปล่งประกายมีความสุขยามนี้กลับแฝงไว้ซึ่งความเศร้าที่ต้องกลบเกลื่อนไว้ อันที่จริงเธอจะแกล้งโง่ต่อเพื่อรักษาชื่อเสียงของตัวเองก็ได้ ความสัมพันธ์ระหว่างสามีกับแฟนก็จะไม่แตกหักไปแต่นั้น...หมายถึงเธอกำลังทำร้ายตัวเอง!"กลับกันเลยดีไหม"คำพูดที่ดูเหมือนห่วงใย ทำให้หยุนซียิ่งปวดใจ ถ้ารุ่ยหานเป็นห่วงเธอจริงๆ
"ไปไหนของเขานะ"รั่วหยุนซีพึมพำ ขณะตามหาเจ้าบ่าวที่ไม่รู้หายไปไหน เขาบอกเธอว่ารู้สึกมึนหัวนิดหน่อยเลยขอตัวไปนั่งพักให้ดีขึ้นที่ห้องรับรองด้านใน ส่วนเธอก็อยู่สนุกกับเพื่อนๆ ต่อไป ไม่ได้ถามจุกจิกให้อีกฝ่ายรำคาญ'เจ้าบ่าวเธอไปไหนแล้ว ปล่อยให้เจ้าสาวยืนเหงาคนเดียวได้ไง'เพื่อนที่มาร่วมงานแซวขำๆ เพราะภาพที่เห็นตอนนี้นั้นตรงข้ามกับคำว่า 'เหงา' อย่างสิ้นเชิง'รุ่ยหานปวดหัวนิดหน่อย''อ้าวเหรอ แล้วได้กินยายัง''ไม่ต้องกินก็ได้มั้ง'รั่วหยุนซีบอกกับเพื่อนที่ส่ายหน้าแล้วพูดเสียงดุใส่เธอว่า "ไม่ได้" คนปวดหัวนั่งเฉยๆ จะดีขึ้นทันทีได้อย่างไร นั่นจึงเป็นเหตุให้เธอได้ยาพาราแก้ปวดจากเพื่อนมา แต่เมื่อเดินถึงห้องรับรองที่เจ้าบ่าวบอกว่าจะมาพักกลับไม่เจอ"อ๊ะ! ขอโทษค่ะ"เพราะไม่ทันระวัง หญิงสาวจึงเดินไปชนเข้ากับพนักงานของโรงแรม เป็นเหตุให้ชุดเจ้าสาวสีขาวถูกน้ำผลไม้กระเซ็นใส่ แต่เธอก็ไม่ได้ต่อว่าพนักงานไป เพราะมันเป็นความผิดของเธอเอง"คงต้องไปล้างก่อน"รั่วหยุนซีมองชุดเจ้าสาวของตัวเองที่ไม่ได้เลอะเทอะจนรับไม่ได้ แต่ถ้าไม่รีบล้างทำความสะอาดออกไป คราบก็อาจจะฝังแน่นจนซักไม่ออกอีกเลย หยุนซีคิดขณะเดินไปตามทางที
"ยินดีด้วยนะ""เหมาะสมกันมาก""กิ่งทองใบหยกจริงๆ""ไม่โสดแล้วนะเพื่อน"หลังจากเสร็จสิ้นพิธีแต่งงานที่เป็นทางการ 'รั่วหยุนซี' เจ้าสาวที่มีความสุขมากที่สุดในงานก็ควงแขนสามีจัดอาฟเตอร์ปาร์ตี้กับเพื่อนพ้องคนสนิทต่ออย่างสนุกสนาน เธอยิ้ม โยกตัว หัวเราะ เอนจอยไปกับบรรยากาศชื่นมื่นในงาน วันนี้เธอคือ 'เจ้าสาว' ที่มีความสุขที่สุดในโลกจริงๆ"พวกเธอก็รีบๆ หาสามีได้แล้ว"รั่วหยุนซีบอกเพื่อนๆ พร้อมรอยยิ้มจริงใจ เส้นทางชีวิตของเธอไม่ได้ปูไปด้วยกลีบดอกไม้ กว่าจะมาถึงวันนี้ได้ เธอก็ต้องใช้ความขยันบวกอดทนเพื่อพาตัวเองไปยืนอยู่ในจุดที่ดีๆ 'เอาเงินมาจะไปซื้อเหล้า''ฉันไม่ให้''กล้าดียังไงมาขัดใจฉัน'เพี้ยยย!'ไอ้ผัวชั่วแกกล้าตบฉันเหรอ''เออสิวะ'ตอนเด็กๆ ที่ต้องเห็นภาพของผู้ให้กำเนิดทะเลาะกันทำให้รั่วหยุนซีกลายเป็นคนที่ขาดความรัก โลกความจริงมันโหดร้ายนัก ความสุขของเธอคือการได้อยู่ในโลกจินตนาการ ความชอบอ่านชอบเขียนตั้งแต่เด็กๆ นั้นนำพาให้เธอกลายมาเป็น 'รั่วหยุนซี' นักเขียนนิยายชื่อดังในเมื่อมีงาน มีเงิน ก็ต้องมีคนเข้าหา พอมีหลายคนเข้ามา ดอกไม้ที่ตูมก็เริ่มเบ่งบาน เธอคบหาดูใจกับ 'รุ่ยหาน' เขาอายุมาก







