LOGINเมื่อรู้ว่าตัวเองหลุดเข้ามาอยู่ในนิยาย เธอก็ไม่ได้นิ่งเฉย สิ่งแรกที่ทำเลยคือกลับไปทิ้งตัวลงนอนแหมะที่เตียงนอนดังเดิม
ถ้าหลับไป... แล้วตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ฉันอาจจะกลับไปยังโลกเดิมก็ได้ รั่วหยุนซีพยายามกล่อมตัวเองให้หลับ เธอนับแกะตัวแล้วตัวเล่าในใจ แต่เพราะใจไม่สงบไง ต่อให้นับแกะไปก็ข่มตาไม่หลับอยู่ดี "โอ้ย!! แล้วฉันจะกลับไปได้ไหมเนี่ย" พูดกับตัวเองที่คิดว่าถ้าเธอกลับไปนอนหลับที่เดียวกับตอนที่ตื่นบางทีอาจจะกลับไปในโลกเดิมของตัวเองได้ ปิดตา เปิดตา ทำซ้ำๆ วนเกือบสิบครั้งได้ แต่ภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าก็ทำเธอใจแป้วพลันถอนหายใจ ทุกอย่างยังไม่เลือนหาย นี่มันโลกนิยายที่เธอเขียนชัดๆ "ฉันต้องอยู่ที่นี่จริงๆ สินะ" ใจไม่อยากยอมรับ แต่ก็จนปัญญาที่จะหาหนทางกลับไป หญิงสาวลุกขึ้นมานั่งทำหน้าห่อเหี่ยวอยู่พักใหญ่ เพราะถึงนางเอกในเรื่องจะสวยและอ่อนหวานแค่ไหน แต่ในสายตาของพระเอกไร้หัวใจก็มองว่าเธอเป็นแค่เศษฝุ่นที่น่ารำคาญ หลังจากแต่งงาน 'ฝูอี้หาน' ไม่เคยแม้แต่จะแตะต้องตัวเธอ "หมอนกับผ้าห่มอยู่ในตู้" อี้หานชี้ไปที่ตู้เสื้อผ้าในห้องนอน "เอ่อ...คุณขี้หนาวเหรอคะ" คนไม่รู้เอ่ยถาม คืนแรกของการแต่งงาน เธอรู้ดีว่าหน้าที่ของภรรยาที่ดีคืออะไร การปรนนิบัติสามีคือสิ่งที่ภรรยาควรกระทำเพื่อให้สามีพอใจ หากแต่เธอแค่สงสัยก็เท่านั้นเอง "เปล่า" เป็นคำตอบที่ไม่มีคำอธิบายใดๆ ในเมื่อสามีสั่งเธอที่เป็นภรรยาก็ต้องทำ สองขาเรียวเดินไปหยุดที่หน้าตู้เสื้อผ้าก่อนจะหยิบทุกอย่างมาตามคำสั่ง เธอกลับมายืนตรงหน้าสามีที่ใส่ชุดนอนพร้อมกับวางทุกอย่างไว้ที่เตียง "ไม่ใช่ตรงนี้" ชายหนุ่มชักสีหน้าใส่ เสียงถอนหายใจทำเธอรู้ตัวทันทีว่าทำให้สามีไม่พอใจเข้าให้แล้ว "ไปวางตรงนั้น" นิ้วหนาชี้ไปที่โซฟาในห้องนอน "คุณจะไปนอนที่นั่นเหรอคะ" หญิงสาวพลั้งปากถามออกไป เธอเข้าใจดีว่าเขาคงไม่ได้รู้สึกดีเท่าไหร่ แต่จะให้เจ้าของบ้านไปนอนที่โซฟาได้อย่างไร มองจากขนาดเตียงแล้วก็น่าจะแบ่งกันนอนได้ ถ้าไม่สะดวกใจเอาหมอนข้างกันไว้ก็น่าจะเป็นทางออกที่ดี "ไม่ใช่ฉัน แต่เป็นเธอ" "อะไรนะคะ" ดวงตากลมเบิกโตกับคำสั่ง "ฉันไม่ชอบพูดซ้ำ" และนี่ก็คืออีกฉากในนิยายที่เธอเขียนให้พระเอกโดนด่าหนักมาก น้องตัวเล็กน่าสงสาร แล้วดูพระเอกทำ เฮ้อ! ไม่อ่อนโยนเอาซะเลย "ฉันควรสมน้ำหน้าตัวเองดีไหม" รั่วหยุนซีถอนหายใจ เมื่อนึกถึงตอนหนึ่งในนิยายที่เธอเพิ่งเขียนไป การแต่งงานที่ไม่มีความรักผสมเป็นส่วนหนึ่งเข้าไป ก็คงไม่ต่างอะไรกับกาแฟที่ไม่เติมน้ำตาล หลี่หยุนซีที่ผ่านความลำบากมามาก เธอก็คงต้องได้แต่ยอมรับและปฏิบัติตามเพราะไม่อยากมีปัญหากับสามี 'แกห้ามทำฉันขายหน้านะ' 'สำนึกบุญคุณด้วย' 'อย่าให้ตระกูลฝูมาว่าฉันได้' คุณนายหลี่กระซิบข้างหูก่อนที่นางเอกจะเดินขึ้นรถไป ทุกคนรู้ดีว่าคนผู้นี้ห่วงหน้าตาของตัวเองยิ่งกว่าอะไร การที่เธอได้แต่งงานกับบุตรชายคนโตของตระกูลฝูก็ถือว่าเป็นบุญคุณ ก็อกๆ เสียงเคาะประตูทำให้รั่วหยุนซีสะดุ้งตกใจ บ้านหลังนี้เป็นบ้านของฝูอี้หานที่ซื้อไว้ หลังจากแต่งงานเขาก็ขอแยกบ้านทันที เหตุผลที่อ้างกับครอบครัวก็คือ 'ผมอยากได้ความเป็นส่วนตัว' เชื่อก็บ้าแล้ว!! รั่วหยุนซีเบะปาก เพราะเหตุผลที่ฝูอี้หานพานางเอกย้ายออกมาอยู่บ้านอีกหลังก็เพราะจะได้ไม่ต้องถูกจับผิดในความสัมพันธ์ ถึงจะแต่งงานกันแต่เขาก็มีระยะห่าง แววตาที่ดูจริงจังตลอดเวลานั้นทำให้นางเอกไม่กล้าที่จะชวนคุย บ้านหลังนี้ไม่ได้มีแค่นางเอกกับพระเอกอยู่ด้วยกันสองต่อสอง เพราะมารดาของสามีได้ส่งคนรับใช้เก่าแก่นามว่า 'จิวลู่' มาอยู่ด้วย ซึ่งจุดประสงค์เลยก็คือเป็นหูเป็นตาคอยส่งข่าวให้ "ใจเย็นๆ หญิงสาวบอกกับตัวเองที่พยายามทำตัวให้เป็นปกติเท่าที่จะทำได้ เธอเปิดประตูให้ป้าจิวลู่เข้ามา เวลาบ่ายกว่าๆ เป็นเวลาที่ป้าจิวลู่จะเก็บเสื้อผ้าไปซักให้ ผ้าปูเตียงที่ดูเรียบร้อยเกินไป ทำให้คิ้วของป้าวัยกลางคนขมวดย่นทันที "คุณนายน้อย" "คะ" "คุณต้องพยายามมากกว่านี้นะคะ" ถึงจะถูกคุณนายฝูส่งมาเป็นหูเป็นตา แต่ที่ผ่านมาเธอก็เอ็นดูเด็กสาวใสซื่อคนนี้ไม่น้อยทีเดียว "พยายามเรื่องอะไรคะ" รั่วหยุนซีถามด้วยแววตาไม่เข้าใจ "คุณท่านอยากอุ้มหลานแล้วนะคะ" เป็นคำตอบอ้อมๆ แต่แทงใจ เธอทะลุมิติเข้ามาอยู่ในนิยายช่วงที่นางเอกแต่งงานเข้าตระกูลฝูครบหนึ่งเดือนเต็มพอดี และเป็นช่วงหนึ่งเดือนที่พระเอกไม่แตะต้องตัวเธอแม้แต่นิดเดียว "ฉันทราบค่ะ" รั่วหยุนซีที่ทะลุเข้ามาสวมบทนางเอกก้มหน้ายอมรับ ทุกคนเข้าใจว่าเธอและอี้หานมีช่วงเวลาที่แสนหวานด้วยกันในคืนวันแต่งงาน หยดสีแดงที่เปื้อนผ้าปูเตียงสีขาวนั้นมาจากน้ำมือของอี้หานที่สร้างสถานการณ์ได้เก่งจริงๆ ทำตัวเองจริงๆ เลยฉัน... รั่วหยุนซีพึมพำ เมื่อนึกถึงฉากในนิยายที่ทำให้ทุกคนเข้าใจผิดว่านางเอกกับพระเอกมีความสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรรยา "นั่นคุณทำอะไรคะ" หลี่หยุนซีถามด้วยแววตาซื่อใสเมื่อเห็นเจ้าบ่าวในชุดแต่งงานสีแดงเดินไปเอาเข็มเย็บผ้ามาแทงเข้าที่นิ้วมือ "หุบปากแล้วอยู่เงียบๆ" อี้หานมองมาทางเจ้าสาวด้วยแววตาไม่พอใจ หลี่หยุนซีไม่ได้รับคำตอบอะไร แต่มาเข้าใจอีกทีก็ตอนที่ป้าจิวลู่เคาะประตูห้องเข้ามาเก็บผ้าปูที่นอนพร้อมกับรอยยิ้มที่ดูอิ่มเอม "ป้าต้มน้ำแกงไก่ร้อนๆ ไว้แล้ว" "ลุกไหวไหม ถ้าไม่ไหวเดี๋ยวป้าถือขึ้นมาให้" "คุณท่านต้องดีใจแน่ๆ" และนี่ก็คือที่มาของการหลอกลวงให้ทุกคนเข้าใจผิดครั้งยิ่งใหญ่ ฝูอี้หานทำตัวปกติไม่แก้ข่าวใดๆ ส่วนนางเอกก็ต้องตามน้ำไปเพราะกลัวคำขู่ของสามีที่บอกว่าจะตัดลิ้นเธอ "วันนี้คุณนายน้อยอยากจะลงครัวทำอาหารเย็นเองไหมคะ" "ทำไมเหรอคะ" เพราะยังไม่ได้เขียนบทถัดไป เธอจึงไม่มีเนื้อหาให้ได้เตรียมตัว ซึ่งนั้นก็เท่ากับว่าเธอต้องเดินเรื่องไปพร้อมกับตัวละคร "คุณนายน้อยลืมเหรอคะ" ป้าจิวลู่มองเด็กสาวตรงหน้าที่ดูจะลืมเรื่องสำคัญไป ทั้งๆ ที่เธอเพิ่งบอกไปเมื่อวานนี้เอง "วันนี้คุณท่านจะมาทานข้าวเย็นด้วยค่ะ" "คุณท่านเหรอคะ??" รั่วหยุนซีตาโตด้วยความตกใจ คุณท่านที่ว่าคือบิดามารดาของสามีใช่ไหม ถามตัวเองที่ยังไม่ได้เขียนเนื้อหาตอนถัดไปก็ดันหลับสนิทคาโต๊ะทำงาน ส่วนข้อมูลของตอนถัดไปนั้นยังไม่มีในสมองเลย "ค่ะคุณนายน้อย" เอาเข้าไป จะไม่ให้ฉันได้พักหายใจเลยใช่ไหม รั่วหยุนซีคิดพลันถอนหายใจ ก่อนจะถามสาวใช้เก่าแก่ว่า "อี้หานรู้ไหมคะ" "คุณท่านแจ้งคุณหนูไว้แล้วค่ะ" เพราะป้าจิวลู่เป็นคนรับใช้เก่าแก่ที่เคยเลี้ยงชายหนุ่มมาเธอจึงเคยชินและติดปากเรียกชายหนุ่มว่า 'คุณหนู' ทั้งที่ตัวโตจนหมาเลียก้นไม่ถึง ประเด็นคืออี้หานรู้ หลี่หยุนซีนางเอกรู้ แต่เธอ 'ไม่รู้' นักเขียนที่เป็นสายชอบด้นสดอย่างเธอก็คงต้องแก้ไขสถานการณ์ไป ซึ่งคำพูดของฝูอี้หานพระเอกในนิยาย ทำเธอถอนหายใจแรง 'เวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่นเธอรู้ใช่ไหมว่าต้องทำตัวยังไง' คำถามมาพร้อมแววตาที่กดดัน หากนางเอกทำพลาด เขาคงพร้อมเฉดหัวเธอทิ้งแน่ๆ แล้วคนที่จะแย่ก็คือนางเอกที่ไม่มีที่ที่ให้กลับไป ตระกูลหลี่อุปการะนางเอกมาเป็นบุตรบุญธรรม แต่การกระทำไม่ใช่ นางเอกไม่ต่างอะไรกับสาวใช้ที่มีฐานะแค่ในนาม เฮ้อ!! รันทดเกิ้นนนน รั่วหยุนซีพึมพำ คงต้องโทษเธอที่แต่งภูมิหลังนางเอกให้น่าสงสาร ถึงเส้นทางชีวิตจะไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่นางเอกก็ยังยิ้มสู้ได้ เป็นผู้หญิงที่อ่อนนอก แต่แข็งใน ได้ใจนักเขียนอย่างเธอไปเต็มๆ "เดี๋ยวเย็นนี้ฉันลงครัวเองค่ะ" ในเมื่อนิยายยังไม่จบ เธอที่หลุดเข้ามาแล้วจับได้บทนางเอกจะให้เพิกเฉยต่อชะตาชีวิตอันรันทดของนางเอกก็คงไม่ได้ ในฐานะนักเขียนก็คงต้องพาตัวละครที่รักให้ไปถึงเป้าหมาย หากต้องเลือก.... ระหว่างกลับไปเป็นที่รองรับอารมณ์ของคนในตระกูลหลี่ในฐานะคนรับใช้ เธอก็ขออยู่พิชิตใจสามีไบโพล่าร์ต่อดีกว่า รั่วหยุนซีที่รู้ปูมหลังของนางเอกได้ตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะทำให้นิยายเรื่องนี้จบแบบแฮปปี้เอนดิ้งให้ได้! แสงแห่งความหวังสว่างวาบขึ้นมาในใจ ถ้าหากว่าเธอนำพาตัวละคนไปถึงตอนจบได้ ไม่แน่ว่าเธออาจจะได้รับโอกาสให้กลับไปในโลกแห่งความจริงและใช้ชีวิตนักเขียนที่รักดังเดิม ฉัน... ต้องกลับไปให้ได้! หญิงสาวพึมพำ ดวงตาเปี่ยมไปด้วยไฟแห่งความหวัง พระเอกจะเย็นชา ไร้ใจ ก็ไม่หวั่น ฉันพร้อมแล้วที่จะเดินหน้าสุดพลัง ลองดูสักตั้งแล้วกันรั่วหยุนซี.... ถึงตระกูลฝูจะไม่ได้ร่ำรวยเท่าตระกูลหลี่ แต่ก็ถือว่าเป็นตระกูลผู้ดีเก่าแก่ที่มีคนนับหน้าถือตา การส่งบุตรบุญธรรมอย่างหลี่หยุนซีให้มาเข้าพิธีแต่งงาน บางคนอาจคิดว่าเป็นเหมือนการหยามเกียรติอีกฝั่งกรายๆ แต่ทางตระกูลฝูกลับไม่ว่าอะไร และยินดีที่จะแต่งเหมือนเดิมซึ่งความเป็นจริง...มารดาของฝูอี้หานจะมองหาคู่หมั้นดีๆ ฐานะทัดเทียมให้กับบุตรชายก็ได้ แต่ทางนั้นเลือกที่จะกลับมาทวงสัญญาที่หลี่กู้กงเคยให้ไว้ ซึ่งเหตุผลทั้งหมดทั้งมวลก็มาจากฝูอี้หานที่สร้างเรื่องจนมีข่าวลือในทางไม่ดี และทำให้ไม่มีคุณหนูที่ไหนอยากพาตัวเองมาตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอับอาย'ว่าที่คู่หมั้นถอนตัวอีกแล้ว''ไม่มีใครทนได้เกินสามวันจริงๆ''หน้าตาก็ดี ทำไมถึงไม่มีใครเอา'ว่าที่คู่หมั้นที่ว่าก็คือ 'คุณหนู' จากหลายๆ ตระกูลที่คุณนายฝูหมายตาไว้ หน้าตาของฝูอี้หานเป็นใบเบิกทางให้สาวๆ อยากเข้าหาและทำความรู้จักมากมาย แต่ก็ยังไม่มีใครที่ทำให้ผู้ชายคนนี้ยอมเปิดปากคุยด้วยเลย"วันนี้ฉันนัดคุณหนูรองตระกูลหงมา อย่าทำให้ต้องขายหน้า เข้าใจไหม"'ฝูจื้ออิง' บอกบุตรชายที่เอาแต่ทำงาน ไม่มีเวลาว่างสักวัน เธอคัดค้านไม่เห็นด้วยที่บุตรชายอยากรับราชการทหา
เมื่อรู้ว่าตัวเองหลุดเข้ามาอยู่ในนิยาย เธอก็ไม่ได้นิ่งเฉย สิ่งแรกที่ทำเลยคือกลับไปทิ้งตัวลงนอนแหมะที่เตียงนอนดังเดิมถ้าหลับไป...แล้วตื่นขึ้นมาอีกครั้งฉันอาจจะกลับไปยังโลกเดิมก็ได้รั่วหยุนซีพยายามกล่อมตัวเองให้หลับ เธอนับแกะตัวแล้วตัวเล่าในใจ แต่เพราะใจไม่สงบไง ต่อให้นับแกะไปก็ข่มตาไม่หลับอยู่ดี"โอ้ย!! แล้วฉันจะกลับไปได้ไหมเนี่ย"พูดกับตัวเองที่คิดว่าถ้าเธอกลับไปนอนหลับที่เดียวกับตอนที่ตื่นบางทีอาจจะกลับไปในโลกเดิมของตัวเองได้ ปิดตา เปิดตา ทำซ้ำๆ วนเกือบสิบครั้งได้ แต่ภาพที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าก็ทำเธอใจแป้วพลันถอนหายใจ ทุกอย่างยังไม่เลือนหาย นี่มันโลกนิยายที่เธอเขียนชัดๆ"ฉันต้องอยู่ที่นี่จริงๆ สินะ"ใจไม่อยากยอมรับ แต่ก็จนปัญญาที่จะหาหนทางกลับไป หญิงสาวลุกขึ้นมานั่งทำหน้าห่อเหี่ยวอยู่พักใหญ่ เพราะถึงนางเอกในเรื่องจะสวยและอ่อนหวานแค่ไหน แต่ในสายตาของพระเอกไร้หัวใจก็มองว่าเธอเป็นแค่เศษฝุ่นที่น่ารำคาญ หลังจากแต่งงาน 'ฝูอี้หาน' ไม่เคยแม้แต่จะแตะต้องตัวเธอ"หมอนกับผ้าห่มอยู่ในตู้"อี้หานชี้ไปที่ตู้เสื้อผ้าในห้องนอน "เอ่อ...คุณขี้หนาวเหรอคะ"คนไม่รู้เอ่ยถาม คืนแรกของการแต่งงาน เธอรู้ดีว่า
รูปที่เห็นเป็นรูปที่เธอสวมชุดกี่เพ้าสีชมพูยืนเคียงคู่อยู่กับชายชาติทหารหน้าตานิ่งๆ แววตาไม่สบอารมณ์ ซึ่งพอมองให้ดีๆ ก็พบว่าผู้ชายในรูปคนนี้หน้าตาเหมือนกันกับบอสของเธออย่างกับแกะเลย"ไม่จริง..."หญิงสาวพึมพำเมื่อคำตอบที่ผุดขึ้นมาในหัวมันน่าเหลือเชื่อเกินไป เธอมองรูปตัวเองสลับกับรูปผู้ชายที่สวมชุดทหารแล้วอยากร้องไห้ เพราะข้อสรุปที่ได้คือเธอน่าจะหลุดเข้ามาอยู่ในนิยายของตัวเองที่เพิ่งเริ่มต้นเขียนไปได้แค่ไม่กี่ตอน และเป็นตอนที่นางเอกกับพระเอกยังไม่รักกัน อนิจจา อนิจจัง ทำไมฉันไม่ทะลุไปตอนที่แฮปปี้เอนดิ้งเลยหญิงสาวทรุดตัวลงนั่งกับพื้นพร้อมกับกรอบรูปที่ถือไว้ มีเพียงคำตอบเดียวที่สามารถอธิบายทุกอย่างได้ นั่นก็คือเธอหลุดเข้ามาอยู่ในนิยายของตัวเองที่พระเอกและนางเอกเพิ่งแต่งงานกัน ซึ่งรูปถ่ายที่เห็นก็คือฉากๆ หนึ่งในนิยายที่เพิ่งเขียนไปเมื่อวันก่อนเอง"วันนี้เธอต้องไปถ่ายรูปกับฉัน""ถ่ายรูปเหรอคะ""ใช่""แต่ว่าฉัน...""หุบปากแล้วก็รีบไปแต่งตัวซะ"สีหน้าและแววตาที่ไม่สบอารมณ์ของพระเอกทำให้นางเอกในเรื่องนั่งตัวลีบ ตัวเกร็ง เพราะโดนพระเอกบังคับมา เขาเองก็ไม่ได้เต็มใจที่จะมา แต่เพื่อตัดปัญหาไม่ใ
"บอสพูดจริงเหรอคะ""ผมดูเหมือนพูดเล่นงั้นเหรอ""มะ...ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ"ใบหน้าสวยก้มลงมองมือที่กำโทรศัพท์ไว้ ไม่เถียงว่าข้อเสนอของบอสน่าสนใจ แต่ติดตรงที่เธอไม่รู้จะวางตัวต่อหน้าเขาอย่างไรดี"ผมเหนื่อยขับรถแล้ว"หูอี้เหวินบอกคนที่นั่งในรถมาด้วยกันเกือบสองชั่วโมงได้ ชุดเจ้าสาวของเธอเปียกขนาดนั้นไม่รู้สึกหนาวบ้างหรือไง ขนาดเขาใส่สูทยังรู้สึกเย็นๆ เลย"ขอโทษค่ะ"คิ้วเรียวขมวดมองใบหน้าที่ซีดขาว "ผมไม่ได้ว่าอะไร"เขาชินกับการใช้น้ำเสียงจริงจังเกินไป และนั่นอาจทำให้เธอกดดัน พอคิดอย่างนั้นเขาจึงใช้น้ำเสียงที่อ่อนลง"คุณโอเคใช่ไหม??"คำถามของเขาแทงลึกเข้ามาในใจ เปลือกนอกที่แสร้งทำเป็นเข้มแข็งพังต่อหน้าคนอื่นพังทลาย น้ำตาค่อยๆ รินไหล เสียงร้องที่ปนเสียงสะอื้นนั้นทำหูอี้เหวินไม่รู้ว่าจะต้องปลอบโยนอย่างไรดี"คุณนอนห้องนี้แล้วกัน""แล้วบอสล่ะคะ"รั่วหยุนซีถาม เธอสังเกตุเห็นว่าคอนโดของบอสมีอยู่หนึ่งห้องนอนและห้องนั่งเล่นตรงกลาง ถ้าเดาไม่ผิดบอสคงยกห้องนอนให้เธอ"เดี๋ยวผมนอนข้างนอก""มันจะดีเหรอคะ"หญิงสาวทำหน้าเกรงใจ บอสเป็นคนตัวใหญ่จะนอนคุดคู้ที่โซฟาได้แน่เหรอ"ดีไม่ดีผมตัดสินใจเองได้"เล่นพูดมาซ
"ดีขึ้นแล้วเหรอคะ"หยุนซีฝืนยิ้มถามเจ้าบ่าวที่กลับเข้ามาในงาน เขาทำตัวปกติทุกอย่าง ท่าทีที่ดูสุภาพตลอดเวลาที่อยู่ต่อหน้าเธอมันก็แค่เปลือกนอกจอมปลอมที่ใช้ตบตาทุกคน'อย่าร้องดังสิเดี๋ยวมีคนได้ยิน''เด้งสู้ขนาดนี้จะไม่หลงได้ไง''แม่งเอ้ย! โคตรเสียวเลย'นี่หรือคืออาจารย์มหาวิทยาลัย นี่หรือคือผู้ชายที่เธอตกลงปลงใจว่าจะแต่งงาน คำสบถมากมายที่หลุดออกมาจากปาก มันทำให้เธอขยะแขยงและรู้สึกสะอิดสะเอียน"หน้าคุณดูซีดๆ นะ ไหวรึเปล่า"มือเรียวยื่นมาจะสัมผัสใบหน้า ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติธรรมดาของคู่รักที่จะแตะต้องตัวกัน หากแต่สิ่งที่เธอเพิ่งได้รู้ ได้เห็นมานั้น ทำเธอไม่อยากให้มือสกปรกๆ คู่นั้นแตะต้องทุกส่วนในร่างกายเธอ"ฉันเมานิดหน่อยค่ะ"หากสังเกตุให้ดีใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มไม่ได้ออกมาจากใจ ดวงตากลมโตที่เปล่งประกายมีความสุขยามนี้กลับแฝงไว้ซึ่งความเศร้าที่ต้องกลบเกลื่อนไว้ อันที่จริงเธอจะแกล้งโง่ต่อเพื่อรักษาชื่อเสียงของตัวเองก็ได้ ความสัมพันธ์ระหว่างสามีกับแฟนก็จะไม่แตกหักไปแต่นั้น...หมายถึงเธอกำลังทำร้ายตัวเอง!"กลับกันเลยดีไหม"คำพูดที่ดูเหมือนห่วงใย ทำให้หยุนซียิ่งปวดใจ ถ้ารุ่ยหานเป็นห่วงเธอจริงๆ
"ไปไหนของเขานะ"รั่วหยุนซีพึมพำ ขณะตามหาเจ้าบ่าวที่ไม่รู้หายไปไหน เขาบอกเธอว่ารู้สึกมึนหัวนิดหน่อยเลยขอตัวไปนั่งพักให้ดีขึ้นที่ห้องรับรองด้านใน ส่วนเธอก็อยู่สนุกกับเพื่อนๆ ต่อไป ไม่ได้ถามจุกจิกให้อีกฝ่ายรำคาญ'เจ้าบ่าวเธอไปไหนแล้ว ปล่อยให้เจ้าสาวยืนเหงาคนเดียวได้ไง'เพื่อนที่มาร่วมงานแซวขำๆ เพราะภาพที่เห็นตอนนี้นั้นตรงข้ามกับคำว่า 'เหงา' อย่างสิ้นเชิง'รุ่ยหานปวดหัวนิดหน่อย''อ้าวเหรอ แล้วได้กินยายัง''ไม่ต้องกินก็ได้มั้ง'รั่วหยุนซีบอกกับเพื่อนที่ส่ายหน้าแล้วพูดเสียงดุใส่เธอว่า "ไม่ได้" คนปวดหัวนั่งเฉยๆ จะดีขึ้นทันทีได้อย่างไร นั่นจึงเป็นเหตุให้เธอได้ยาพาราแก้ปวดจากเพื่อนมา แต่เมื่อเดินถึงห้องรับรองที่เจ้าบ่าวบอกว่าจะมาพักกลับไม่เจอ"อ๊ะ! ขอโทษค่ะ"เพราะไม่ทันระวัง หญิงสาวจึงเดินไปชนเข้ากับพนักงานของโรงแรม เป็นเหตุให้ชุดเจ้าสาวสีขาวถูกน้ำผลไม้กระเซ็นใส่ แต่เธอก็ไม่ได้ต่อว่าพนักงานไป เพราะมันเป็นความผิดของเธอเอง"คงต้องไปล้างก่อน"รั่วหยุนซีมองชุดเจ้าสาวของตัวเองที่ไม่ได้เลอะเทอะจนรับไม่ได้ แต่ถ้าไม่รีบล้างทำความสะอาดออกไป คราบก็อาจจะฝังแน่นจนซักไม่ออกอีกเลย หยุนซีคิดขณะเดินไปตามทางที







