ส่วนทางด้านหลินซินเยว่ เมื่อสามีไปทำงานแล้ว เธอก็ไม่ปล่อยให้ตัวเองว่าง จึงได้ลงมือจัดเก็บบ้านให้เป็นระเบียบ รวมถึงเข้าไปตรวจดูว่าในห้องเก็บอาหารมีอะไรขาดบ้าง จากนั้นก็นำของจากมิติมาเติมไว้จนเต็ม ไม่ว่าจะเป็นข้าวสารอาหารแห้ง หรือเครื่องปรุงต่าง ๆ
หญิงสาวตั้งใจว่าหากเข้าเมืองแล้วกลับมาพร้อมสามีในตอนเย็น เธอจะเอาของไปฝากบ้านเดิมรวมถึงบ้านสามีด้วย โดยจะบอกว่าซื้อมาจากในเมือง แต่ความจริงแล้วเธอนำมาจากมิติต่างหากล่ะ
เมื่อจัดการงานบ้านทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว หลินซินเยว่จึงตัดสินใจไปซักผ้าที่ลำธารของหมู่บ้าน เพราะหากไม่ทำแบบนี้ชาวบ้านคนสงสัยไม่น้อย
ระหว่างทางไปที่ลำธาร เหล่าบรรดาแม่บ้านที่เห็นเธอถือตะกร้าผ้าและกะละมังซักผ้าติดมือมาด้วย ก็รู้สึกสงสัยปนตกใจไม่น้อย ต่างก็ขยี้ตาอีกครั้งเพื่อพิสูจน์ว่ามองไม่ผิด
“นี่หล่อน หญิงสาวที่เดินผ่านไปพวกเราไป นั่นคือหลินซินเยว่จริง ๆ เหรอ” หญิงชาวบ้านคนหนึ่งถามขึ้นมาอย่างสงสัย
“ใช่จริง ๆ ด้วย นั่นมันสะใภ้สามบ้านโม่นี่นา วันนี้ไม่ฝนก็คงเป็นหิมะตกผิดฤดูแน่นอน เกิดอะไรขึ้น หล่อนถึงมาซักผ้าเองแบบนี้” ชาวบ้านอีกคนพูดยืนยันอีกคนว่าหญิงสาวที่เดินผ่านไปนั้นลูกสาวบ้านหลิน
“ไม่น่าเชื่อจริง ๆ ว่าหล่อนจะมาซักผ้าเอง ร้อยวันพันปีเห็นใช้แต่สามีและพี่สะใภ้ทั้งสองทำให้ วันนี้สงสัยพระอาทิตย์จะขึ้นทางทิศตะวันตก” ชาวบ้านที่เห็นก็พูดอย่างเหลือเชื่อ
“จริงด้วยถ้าไม่ขยี้ตาซ้ำหลายครั้ง ฉันก็คงไม่เชื่อว่าเป็นหลินซินเยว่จริง ๆ ภาพความสดใสของเธอนั้นแตกต่างจากก่อนหน้านี้มากนัก” อีกคนพูดขึ้นพร้อมกับขยี้ตาไปด้วย
“ฉันรู้สึกว่าหลินซินเยว่น่าคบหาก็วันนี้แหละ” ส่วนอีกคนก็พูดออกมาด้วยรอยยิ้มทุกเสียงถึงแม้จะมีการพูดกระแหนะกระแหนอยู่บ้าง แต่ก็พูดไปในทางที่ดี และชอบที่เธอเปลี่ยนแปลงตัวเองแบบนี้ แต่ก็มีอีกหลายคนที่ไม่ชอบเธออยู่ดี
“อย่าเห็นภาพลวงตาเป็นเรื่องจริงเชียว นี่อาจจะเป็นแค่ภาพลวงตาก็ได้ เธอก็แค่เสแสร้งเรียกความสนใจน่ะ” หญิงคนหนึ่งที่ไม่ถูกกับหลินซินเยว่ พูดอย่างไม่เชื่อว่าอีกฝ่ายจะปรับตัวได้
“หล่อนก็อย่าอะไรมากนักเลย หากหลินซินเยว่เปลี่ยนแปลงตัวเองได้ พวกเราก็ควรจะดีใจไม่ใช่เหรอ อย่างน้อยต่อไปนี้ก็ไม่มีใครมาหาเรื่องทะเลาะกันในหมู่บ้านของเราอีก”
หญิงคนแรกบอกออกมา เธอมองว่าหากหลินซินเยว่เปลี่ยนตัวเองไปในทางที่ดีได้จริง ๆ ต่อไปหมู่บ้านคงอยู่ในความสงบ
“ฉันเห็นด้วย” หญิงคนหนึ่งพูดขึ้น และยังมีอีกหลาย ๆ คนที่พยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย
พอเห็นอย่างนั้น หญิงคนที่ไม่ชอบหลินซินเยว่ก็ทำอะไรไม่ได้อีก จึงสะบัดหน้าเดินจากไปอย่างไม่พอใจ
ส่วนหลินซินเยว่ไม่ได้สนใจเลยว่า ใครจะนินทาหรือพูดถึงเธออย่างไร เธอยังคงเดินมุ่งหน้าไปยังลำธาร เพื่อจัดการซักผ้าของตัวเองและสามี
และเมื่อมาถีงก็ได้เจอกับพี่สะใภ้ทั้งสอง ที่มานั่งซักผ้าของครอบครัวบ้านโม่ เธอจึงเข้ามานั่งด้านข้าง แล้วกล่าวทักทายอย่างเป็นกันเอง
“สวัสดีค่ะพี่สะใภ้ใหญ่ พี่สะใภ้รอง มากันนานหรือยังคะ”
น้ำเสียงของเธอนั้นไม่มีความฉุนเฉียวเหมือนเมื่อก่อนเลยสักนิด แต่กลับเต็มไปด้วยความยินดีที่ได้พบพี่สะใภ้ทั้งสอง แถมใบหน้าก็มีรอยยิ้มที่สดใสประดับอยู่
“เราสองคนเพิ่งมาน่ะ ขอบใจเรื่องอาหารจานเนื้อและปลาด้วยนะ เมื่อเช้าทุกคนได้กินกันอิ่มมาก แถมชมว่าอร่อยไม่ขาดปากเลยทีเดียว แต่คราวหลังไม่ต้องหรอก มันสิ้นเปลืองเกินไป”
สะใภ้ใหญ่พูดอย่างเกรงใจ เพราะอาหารจานเนื้อที่น้องสะใภ้ทำให้มันราคาแพงมาก แถมยังมีอาหารที่ทำจากปลาอีก รวม ๆ แล้วมันสิ้นเปลืองเกินไป
“ไม่สิ้นเปลืองหรอกค่ะพี่สะใภ้ เนื้อและปลาพวกนั้นก็ไม่ได้ซื้อมา เมื่อวานพี่กวนหยางได้สัตว์ป่ากับปลามาเยอะ ฉันเลยทำอาหารแล้วแบ่งไปให้ทั้งบ้านโม่และบ้านหลิน เดี๋ยวเที่ยงนี้ฉันจะเอาข้าวไปให้พี่กวนหยางที่ร้านในเมือง พี่ทั้งสองอยากได้อะไรในเมืองไหมคะ”
หลินซินเยว่ตอบกลับไปด้วยใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้ม เพราะอาหารที่ทำในเช้านี้เป็นไก่และปลาที่สามีหามาได้นั่นเอง จึงไม่สิ้นเปลืองอะไร
จากนั้นก็เล่าเรื่องที่เธอจะเข้าไปในเมือง และถามสะใภ้ทั้งสองไปพร้อมกับซักผ้าไปด้วย หญิงสาวใช้น้ำยาซักผ้าที่ทั้งหอมและทำให้ผ้าสะอาดแถมยังไม่ทำลายธรรมชาติ จนชาวบ้านที่อยู่ไม่ไกลต่างก็มองและสูดดมกลิ่นนั้น รวมถึงสะใภ้ทั้งสองคนด้วย
ห่ายเยี่ยนไม่สนใจคำถามของน้องสะใภ้ แต่เธอกลับมองแต่น้ำยาที่หลินซินเยว่เอามาใช้ และถามอย่างสนใจ “นี่อะไรเหรอสะใภ้สาม กลิ่นหอมเชียว”
“น้ำยาซักผ้าค่ะ อันนี้ใช้ดีมาก เราแทบไม่ต้องแปรงผ้าแรง ๆ ผ้าก็สะอาดแล้ว อีกทั้งยังไม่ทำลายเนื้อผ้าและมีกลิ่นหอมด้วย พี่สะใภ้ลองใช้ดูสิ ถ้าชอบฉันจะเอาไปให้ ที่บ้านของฉันยังมีอีกหลายขวด”
หญิงสาวพูดอธิบายด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม พูดจบก็ยื่นขวดน้ำยาซักผ้าไปให้พี่สะใภ้คนรองอย่างไม่หวงของ แล้วยังสาธิตวิธีใช้ให้ดูอีกด้วย
เฉินซุงอิ๋งและห่ายเยี่ยนลองใช้น้ำยานี้แล้ว ก็เกิดความพอใจอย่างมาก เพราะน้ำยานี้ทั้งมีกลิ่นหอมแล้วยังซักผ้าได้สะอาด อีกด้วย แค่เทใส่นิดเดียวก็ตีฟองเต็มกะละมังแล้ว
“ใช้ดีมากเลยนะ ว่าแต่แพงไหมซินเยว่” สะใภ้คนรองถามอย่างเกรงใจ
“ไม่เท่าไรหรอกพี่สะใภ้ แต่ไม่ว่าจะถูกจะแพงก็ไม่ต้องคิดมากหรอก พวกเราครอบครัวเดียวกัน เดี๋ยวฉันเอาไปให้ที่บ้านนะ”
หลินซินเยว่ตอบกลับอย่างเป็นกันเอง เรื่องนี้เล็กน้อยมากสำหรับเธอ เพราะน้ำยาซักผ้าที่เอามาใช้นั้น เธอก็ไม่เสียเงินเลยสักเหมาเดียว
“ขอบใจนะสะใภ้สาม”
สะใภ้ทั้งสองกล่าวขอบคุณพร้อมกัน พวกเธอไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะยอมแบ่งปันของราคาแพงให้ ทั้งที่เมื่อก่อนสะใภ้สามไม่เคยเป็นแบบนี้เลย
“ไม่เป็นไรค่ะ ว่าแต่พี่ ๆ อยากได้อะไรเพิ่มไหมคะ เดี๋ยวฉันจะเข้าเมืองแล้ว” หญิงสาวตอบและถามกลับไปอีกครั้ง
“ไม่ต้องหรอก แค่นี้ก็เกรงใจมากแล้ว เอาผ้ามานี่ พี่จะช่วยซัก” เฉินชุงอิ๋งตอบกลับพร้อมกับยื่นมือมาเอาเสื้อผ้าไปช่วยน้องสะใภ้ซัก
หลินซินเยว่เอ่ยปากขอบคุณ จากนั้นทั้งสามคนต่างก็นั่งซักผ้าด้วยกัน และมีเสียงพูดคุยและหัวเราะดังขึ้นมาเป็นระยะ จนทำให้ชาวบ้านที่อยู่บริเวณนั้นต่างพากันแปลกใจ ที่สะใภ้ทั้งสามคนดูจะสนิทสนมกันมากกว่าเดิม
พอจัดการซักเสื้อผ้าเสร็จแล้ว หลินซินเยว่และพี่สะใภ้ทั้งสองคนก็เดินกลับบ้านเพื่อไปตากผ้าพร้อมกัน
หลินซินเยว่มาถึงบ้านก็รีบจัดการตากผ้า เพราะเธอต้องรีบไปทำอาหารมื้อเที่ยงให้กับสามี วันนี้เธอจะทำหมูทอดและผัดฉ่าปลา เพราะยังมีเนื้อปลาเหลืออยู่ หรือต่อให้ไม่เหลือเลย เธอก็เข้าไปเอาในมิติออกมาเหมือนกับเนื้อหมูอยู่ดี
แต่ในขณะที่กำลังรีบทำอาหารอยู่นั้น ก็มีเสียงเรียกดังมาจากหน้าบ้าน ก็เลยวางมือไว้แล้วต้องรีบออกมาดูเพราะเสียงนั้นคุ้นหูมาก เมื่อออกมาแล้วก็เห็นว่าเป็นพี่ชายตัวเอง
“มีอะไรหรือเปล่าพี่ใหญ่ ถึงเดินมาที่นี่ในเวลานี้” หญิงสาวทักทายออกไปอย่างแปลกใจ เพราะเวลานี้พี่ชายของเธอน่าจะอยู่ที่ทำงานไม่ใช่เหรอ
“ไม่มีอะไรหรอก พี่พักเที่ยงน่ะ เลยจะมาถามว่าที่ซินเยว่ป่วยน่ะหายดีแล้วเหรอ เมื่อเช้าเธอรีบเดินกลับ พี่เลยยังไม่ได้ถามอะไร”
หลินอี้เฉินเอ่ยถามอย่างห่วงใย เพราะเมื่อเช้าที่น้องสาวเอาอาหารไปให้นั้น เขายังไม่ทันได้คุยอะไรกัน เธอก็รีบเดินกลับมาเสียก่อน
“ดีขึ้นแล้วค่ะ เรียกว่าหายดีแล้วด้วย พี่เข้ามาก่อนสิ ฉันกำลังทำมื้อเที่ยงพอดี ตั้งใจว่าจะให้เอาไปให้พี่กวนหยางที่ทำงานสักหน่อย พี่ล่ะกินข้าวเที่ยงมาหรือยัง”
หญิงสาวตอบกลับด้วยรอยยิ้มพร้อมกับกวักมือเรียกพี่ชายให้ตามเข้ามาในบ้าน ก่อนจะเดินเลี้ยวไปทางหลังบ้านเพื่อไปที่ห้องครัว
อาหารที่หลินซินเยว่นั้นทำไว้มีไม่น้อยเลยทีเดียว และเธอยังคงตักแบ่งเพื่อนำไปให้บ้านหลินและบ้านโม่เหมือนเดิม
“พี่ใหญ่ เดี๋ยวเอากับข้าวพวกนี้ไปให้พ่อกับแม่ด้วยนะ ส่วนนี่ของบ้านโม่ ฉันเอาไปให้เองดีกว่า ยังไงก็เป็นทางผ่าน” หญิงสาวหันมาบอกพี่ชายและยกกล่องใส่อาหารให้เขา
“หืม เธอทำกับข้าวพวกนี้เองเหรอ”
ชายหนุ่มถามอย่างไม่อยากจะเชื่อ แต่คราวนี้จะไม่เชื่อก็คงไม่ได้แล้ว ในเมื่อมีหลักฐานวางอยู่ตรงหน้า ก่อนจะเบนสายตากลับไปมองน้องสาวอีกครั้ง
“ฉันไม่ทำแล้วใครจะทำล่ะพี่ไม่ต้องสงสัยอะไรหรอก ฉันแค่อยากเปลี่ยนแปลงเป็นคนที่ดีขึ้นก็เท่านั้น ที่ผ่านมาฉันรู้ตัวว่าทำตัวแย่มาก คอยหาเรื่องให้พี่ใหญ่ปวดหัวไม่เว้นวัน ฉันขอโทษนะพี่ ต่อไปนี้ฉันจะทำตัวดี ๆ ให้พี่กับพ่อแม่ภูมิใจให้ได้”
พอพูดถึงตรงนี้ หลินซินเยว่ก็หันมาสบตาพี่ชายอย่างจริงจัง เพื่อบอกให้เขารู้ว่าเธอไม่ได้พูดเล่น
“ฉันพูดจริงนะ พี่เชื่อฉันไหม”
หลินอี้เฉินตัวเกร็งเล็กน้อยหลังจากฟังจบ เพราะน้องสาวคนนี้ไม่ค่อยจะพูดดีกับตัวเองสักเท่าไหร่ แต่ไม่คิดว่าวันนี้เธอจะพูดจาอ่อนน้อมเป็นด้วย แถมยังยืนยันที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองไปในทางที่ดีอีกด้วย
“เรื่องที่แล้วมาก็ช่างมันเถอะ ขอแค่ต่อไปนี้น้องสาวของพี่คิดได้และจะทำตัวดี ๆ ก็พอแล้ว พี่เชื่อว่าซินเยว่ทำได้แน่นอน ขอบใจนะสำหรับอาหาร เดี๋ยวพี่จะรีบเอาไปกินกับพ่อแม่ แล้วจะกลับไปทำงานก่อน ยังไงถ้าซินเยว่ว่างก็แวะไปหาพ่อกับแม่สักหน่อยนะ พ่อแม่เป็นห่วงน้องมาก”
หลินอี้เฉินตอบกลับไปอย่างไม่คิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องที่ผ่านมา แต่น้ำเสียงนั้นดีใจไม่น้อยที่น้องสาวจะปรับเปลี่ยนตัวเอง
และเมื่อเห็นว่าน้องสาวไม่ได้เป็นอะไรมาก เขาจึงคิดจะกลับไปกินข้าวกับพ่อแม่และไปทำงานที่คอมมูนเหมือนเดิม เพราะอีกไม่นานก็จะหมดเวลาพักแล้ว
บทส่งท้าย ความรักที่สมบูรณ์ของหลินซินเยว่ตอนที่ได้ยินว่าภรรยาตั้งท้อง โม่กวนหยางก็ตกใจและดีใจมากแล้ว แต่พอรู้ว่าเธอตั้งท้องแฝด เขากลับยิ่งทั้งดีใจและเริ่มเป็นกังวล เพราะกลัวจะดูแลเธอไม่ดี“ซินเยว่ได้ยินที่คุณหมอบอกแล้วใช่ไหม ต่อไปนี้ไม่ต้องทำงานอะไรอีกแล้วนะ เดี๋ยวพี่จะทำทุกอย่างแทนซินเยว่เอง เรากลับบ้านกันเถอะ ส่วนที่ร้านก็ให้โม่เจิ้งฉีกับน้องสะใภ้ดูแลไปก่อน” โม่กวนหยางพูดกับภรรยาอย่างอ่อนโยน“ก็ได้ค่ะ” หลินซินเยว่ตอบรับอย่างไม่มีข้อโต้แย้งเพราะเธอก็ยังรู้สึกอ่อนเพลียอยู่เมื่อเดินออกมาจากห้องตรวจ ก็พบเข้ากับพ่อแม่จากทั้งสองบ้านมารอถามข่าว เมื่อทุกคนได้รับรู้ข่าวดีก็ยิ้มกว้างอย่างดีใจ“ดีจริง ๆ ต่อไปเจ้าสามจะต้องดูแลสะใภ้สามให้ดี ๆ นะ งานขายของก็พักไว้ก่อน เดี๋ยวพ่อแม่จะมาช่วยดูแลร้านให้เอง แถมตอนนี้ยังมีโม่เจิ้งฉีกับเซี่ยเป้ยนีมาช่วยดูแลด้วย ซินเยว่ก็ไม่ต้องห่วงนะ” ฟางเหนียงพูดกับลูกชายของตนเองกับสะใภ้“นั่นสิ ซินเยว่ต้องพักผ่อนเยอะๆ นะลูก ท้องแรกแถมยังเป็นท้องแฝดด้วย ต้องระวังตัวให้มากๆ เดี๋ยวแม่จะอยู่ช่วยดูแลซินเยว่เองนะลูก เราจะต้องเริ่มบำรุงด้วยอาหารที่เพิ่มน้ำนมแล้วนะฟางเหนียง
บทที่ 59 งานแต่งของหลินอี้เฉินเมื่อวันที่บ้านหลินมาสู่ขอคุณหนูหวาง แม้ว่าทั้งสองคนจะฐานะต่างกัน แต่บ้านหลินทำเต็มที่ จนชาวบ้านที่รู้ข่าวตกตะลึงไม่น้อย แล้วยังมีของขวัญจากน้องสาวและน้องเขยคือตึกในแหล่งการค้าอีกด้วย“หลังจากนี้ฉันฝากหลิงหลิงไว้กับนายด้วยนะ ต่อจากนี้ฉันก็กล้าที่จะวางมือแล้ว” นายท่านหวางเอ่ยขึ้นมาอย่างอ่อนโยนเขาไม่ได้สนใจว่าสินสอดที่อีกฝ่ายให้มานั้นจะมากน้อยแค่ไหน เพราะเขาตั้งใจว่ายื่นคืนกลับให้ว่าที่ลูกเขยและลูกสาวไว้ทำทุน เพราะอย่างไรหลินอี้เฉินย่อมก็ต้องเข้ามาช่วยดูแลกิจการของครอบครัวหวางอยู่แล้ว“ครับนายท่าน ผมจะดูแลคุณหนูและกิจการของตระกูลหวางให้ดี” หลินอี้เฉินรับปากอย่างหนักแน่นจริงจัง“ยังจะมาเรียกนายท่าน เรียกคุณหนูอยู่อีก เราจะเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วนะ นายก็ควรเรียกฉันว่าพ่อได้แล้ว ส่วนหลิงหลิงนายจะเรียกชื่อเธอหรือจะเรียกภรรยาก็ตามใจนาย” นายท่านหวางพูดขึ้นมาอย่างอารมณ์ดี“ครับคุณพ่อ ผมจะดูแลหลิงหลิงกับตระกูลหวางให้ดีครับ” หลินอี้เฉินตอบใหม่อีกครั้ง“และเราสองคนจะกลับไปดูแลพ่อกับแม่ที่บ้านหลินบ่อยๆ นะคะ” หวางหลิงหลิงเองก็หันไปพูดกับหลินไป๋หานและจางฮุ่ยอี อย่างนอ
บทที่ 58 ซื้อที่ดินสร้างกิจการของตัวเอง“นายมาหาฉันทำไม” หญิงสาวถามหลวนหมิงด้วยน้ำเสียงเย็นชา เพราะเธอพอจะสืบเรื่องนี้มาได้เหมือนกัน“ผมมีเรื่องมาสารภาพครับ” หลวนหมิงพูดออกมาด้วยท่าทางนอบน้อมจากนั้นชายหนุ่มจึงเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังตั้งแต่ต้นจนจบ โดยไม่มีคำไหนตกหล่นเลยแม้แต่น้อย ครั้งนี้เขาก็ไม่รู้ว่าหน้าที่การงานจะยังอยู่เหมือนเดิมหรือเปล่า แต่ก็ตัดสินใจที่จะพูดออกมาทั้งหมดเพื่อรักษาชีวิต“ฉันดีใจนะหลวนหมิง ที่นายมาสารภาพด้วยตนเองแบบนี้ ครั้งนี้ฉันถือว่านายได้ทำในสิ่งที่ถูกต้อง เพราะถ้าเมื่อไหร่ที่นายทำตามคำขอของหญิงคนนั้น หน้าที่การงานรวมถึงชีวิตของนายก็จะไม่เหลือ เพราะฉันเองก็คงจะต้องตามล่านายเหมือนกัน นายรู้ใช่ไหมว่าตอนนี้ตระกูลหลินกับตระกูลหวางมีความเกี่ยวดองกันแล้ว”หวางหลิงหลิงพูดขึ้นมาด้วยความรู้สึกยินดี ที่ลูกน้องของคุณพ่อคนนี้กล้ามาพูดตรงๆ และกล้ายอมรับความผิดทั้งหมดด้วยตัวเอง เธอจึงพร้อมที่จะให้อภัย และให้เขาทำหน้าที่เดิมต่อไป “ครับคุณหนู” หลวนหมิงตอบกลับมาเพียงเท่านี้ ก่อนจะก้มหน้ารู้สึกผิดอีกครั้ง“ถ้าอย่างนั้นนายก็ทำหน้าที่ของนายต่อไป และเมื่อไรที่นายพบผู้หญิงที่อยากจะ
บทที่ 57 จบสิ้นเรื่องวุ่นวายส่วนทางด้านหลินอี้เฉิน เขาได้พาหวางหลิงหลิงมาเดินเล่นในหมู่บ้านโดยมีสายตาของชาวบ้าน ต่างก็มองอย่างอยากรู้อยากเห็น“ทำไมคุณต้องเดินห่างฉันขนาดนี้ หรือว่าคุณมีคนรักอยู่ในหมู่บ้านนี้ เลยกลัวว่าเธอจะเห็นเราสองคนเดินด้วยกันเหรอ” หญิงสาวถามขึ้นมาคล้ายกับจะหยอกล้อ แต่ความจริงเธอต้องการคำตอบนี้อย่างมาก“ผมยังไม่มีคนรักครับ แต่ที่ผมต้องเดินเว้นระยะห่างกับคุณเพราะกลัวชาวบ้านจะเอาไปนินทา แล้วจะทำให้คุณเสียหาย”หลินอี้เฉินตอบกลับอย่างจริงจัง ขณะที่ตอบก็สบตาหญิงสาวอย่างไม่หลบเลี่ยง เพราะกลัวว่าเธอจะไม่เชื่อในสิ่งที่เขาได้บอกไป“เป็นไปได้เหรอที่คุณจะไม่มีคนรัก ดูจากอายุแล้วน่าจะเลยวัยที่จะต้องแต่งงานแล้วนะ” เธอแสร้งถามอย่างหยอกล้ออีกครั้ง ทั้งที่หัวใจนั้นพองโตไม่น้อยกับคำตอบที่ได้รับรู้“เมื่อก่อนบ้านผมจนน่ะ ไม่มีใครอยากให้ลูกสาวต้องมาลำบากหรอกครับ” คราวนี้เขาตอบออกไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ๆ เพราะนึกถึงฐานะของตนเองกับหญิงสาวที่แตกต่างกันมาก“แต่ตอนนี้บ้านของคุณมีฐานะดีขึ้นแล้วนี่ จะกลัวการแต่งงานทำไม ถ้าอย่างนั้นคุณลองมาคบหากับฉันไหม แต่คุณจะรับความเสี่ยงได้หรือเปล่าล่ะ เพร
บทที่ 56 ไม่หาเรื่อง เรื่องก็มาหา“พี่คิดว่าฉันโหดร้ายเกินไปหรือเปล่าคะ ที่ตัดสินใจทำตามแผนการนี้”“ไม่เลย ในเมื่อลูกสาวบ้านตู้คิดจะเล่นงานน้องก่อน อย่างไรเธอก็ควรจะได้บทเรียนในครั้งนี้”โม่กวนหยางรีบตอบกลับไปอย่างอ่อนโยนทันที เขาไม่ได้มองว่าภรรยาตนเองนั้นโหดร้าย และไม่ว่าเธอตัดสินใจจะทำอย่างไร เขาก็พร้อมจะสนับสนุนทุกอย่าง แม้ว่าสิ่งที่ภรรยาของเขาทำนั้น จะเป็นเรื่องที่ร้ายแรงแค่ไหนก็ตาม “ขอบคุณมากนะคะที่เข้าใจฉัน” หลินซินเยว่พูดขอบคุณและยิ้มให้สามีอย่างอ่อนโยน“ถ้าอย่างนั้นเราทำตามแผนการที่วางไว้เลยนะคะ กลับไปฉันจะได้สั่งให้คนดำเนินการเลย ส่วนคุณ เมื่อถึงเวลานั้นก็แสร้งทำทีพาคนไปพบ เรื่องนี้ตู้หลินเซียนไม่อาจหนีชะตากรรม ที่เธอได้ทำไว้ในตอนแรกแน่” หวางหลิงหลิงพยักหน้าอย่างพอใจเมื่อเห็นว่าหลินซินเยว่มีความเด็ดขาด ไม่ยอมให้คนที่ทำร้ายตนเองลอยนวล“ขอบคุณมากนะคะคุณหนูหวางที่ช่วยในเรื่องนี้ ฝากขอบคุณไปถึงนายท่านหวางด้วย จริงสิ รอสักครู่นะคะ” หลินซินเยว่ยิ้มและเอ่ยขอบคุณอย่างจริงใจ ก่อนจะลุกขึ้นเดินไปที่ห้องตัวเอง แล้วหยิบเอารังนกออกมาชุดใหญ่“นี่ฉันฝากไปให้นายท่านหวางด้วยนะคะ ฉันไม่รู้ว่าจ
บทที่ 55 ต้องจัดการให้เด็ดขาด“ครับ แต่อย่างไรเรื่องนี้ผมจะต้องไปคุยกับซินเยว่และพี่กวนหยางดูก่อน แต่เชื่อว่าทั้งสองคนน่าจะเห็นด้วยกับความคิดนี้ และหากจะหาใครสักคนให้แต่งงานกับตู้หลินเซียน ก็น่าเป็นชายหนุ่มจากหมู่บ้านอื่น หรือไม่ก็คงจะเป็นพวกพรานป่า หรือไม่ต้องเป็นคนที่โหดสักหน่อย เพื่อที่จะจัดการให้เธออยู่ในโอวาทได้ ไม่อย่างนั้นแล้วก็คงจะเอาผู้หญิงคนนี้ไม่อยู่”หลินอี้เฉินพูดขึ้นมาตามความคิดของเขา โดยที่เขายังไม่มีใครอยู่ในใจ แต่อย่างไรเรื่องนี้ก็คงจะต้องไปคุยกับน้องสาวและน้องเขยให้ชัดเจนเสียก่อนว่า จะจัดการลูกสาวบ้านตู้อย่างไร“แต่ฉันเห็นต่างเล็กน้อย เรื่องอื่นไม่มีปัญหา แต่ชายที่จะมาแต่งงานกับตู้หลินเซียนนั้น จะต้องเป็นคนที่ยากจนเพิ่มขึ้นมาด้วย ผู้หญิงคนนั้นจะได้เลิกเชิดหน้าชูคอสักที”หวางหลิงหลิงพูดขึ้นมาอย่างจริงจัง ใครจะคิดว่าเธอนั้นจะโหดร้ายเกินไปก็ช่าง แต่เพราะผู้หญิงร้ายกาจแบบตู้หลินเซียน จะต้องจัดการขั้นเด็ดขาดแบบนี้เท่านั้นพอได้ยินอย่างนั้น หลินอี้เฉินก็หันไปมองหญิงสาวเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มมุมปากออกมาอย่างพึงพอใจ เขาไม่มองเลยว่าเธอนั้นโหดร้ายกับผู้หญิงด้วยกัน เพราะคนอย่างตู้ห