แชร์

บทที่ 15 ปะทะกับย่าถัง

ผู้เขียน: sanvittayam
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-03-05 16:27:46

บทที่ 15 ปะทะกับย่าถัง

“ไหนว่าไม่สบายยังไงล่ะ คนไม่สบายที่ไหนกันออกไปเที่ยวเล่นจนกลับมาเย็นค่ำแบบนี้กัน” ย่าถังที่นั่งอยู่กับลูกสะใภ้คนโปรดก็พูดจากระทบกระทั่งหลานสาวสติไม่ดีทันทีที่เห็นเธอเดินเข้ามา

ถังลู่เหมยทำท่าจะไม่ยอมและกำลังจะสวนกลับ แต่โดนพี่ชายห้ามไว้เสียก่อน

“อาเหมยเข้าห้องไปดีกว่านะ เดินมาเหนื่อยไม่ใช่เหรอ” ถังอี้คุนพูดขึ้นพร้อมกับลากเธอเดินไปห้องที่บ้านรองพักอาศัยอยู่

“พี่ดึงฉันมาทำไม คนแก่กะโหลกกะลาปากเสียแบบนั้นสมควรจะต้องโดนเอาคืนเสียบ้าง” ถังลู่เหมยพูดออกมาอย่างไม่พอใจเมื่อเดินเข้ามาในห้องแล้ว

“แต่นั่นคือแม่ของพ่อนะ จะทำอะไรก็คิดถึงพ่อบ้าง อีกอย่างพี่กลัวพวกเขาจะสังเกตว่าพี่ซุกซาลาเปาไว้ เกิดมีเรื่องแล้วมันหล่นออกมา จะโดยแย่งไปทั้งหมดนะ” ถังอี้คุนรีบบอกน้องสาวออกไป

“อย่างนั้นจะปล่อยผ่านไปให้สักครั้งก็แล้วกัน” ถังลู่เหมยกอดอกพูดอย่างไว้ท่า เธอคิดว่าอีกไม่นานจะต้องมีเรื่องให้เอาคืนแน่

และเวลานั้นก็มาถึง เมื่อถึงเวลาที่ต้องกินมื้อเย็น กลายเป็นว่าถังลู่เหมยถูกย่าถังสั่งห้ามไม่ให้กินข้าว แม้ว่าเธอจะกินซาลาเปาจนอิ่มท้องแล้วก็ตาม แต่มีเหรอที่เธอจะยอมให้หญิงชราคนนี้กลั่นแกล้ง พอคิดแผนการได้ เธอจึงแสร้งทำเป็นร้องไห้ แล้วรีบวิ่งออกมาหน้าบ้านถัง เธอวิ่งไปรอบๆ บ้าน แล้วร้องตะโกนออกไปทั้งน้ำตา

“ฮือ ๆ ย่าใจร้าย ไม่ให้กินข้าว อาเหมยหิว หิว” หญิงสาวร้องไห้ฟูมฟายอยู่ตรงนั้น ยิ่งเห็นชาวบ้านออกมามุงดูมากขึ้น ถังลู่เหมยยิ่งโวยวายหนักมากกว่าเดิม

จนชาวบ้านทนไม่ไหว ต้องตะโกนเรียกบ้านใหญ่ถังออกมา

“นังเฉาซื่อ หล่อนกล้ารังแกหลานสาวอย่างนั้นหรือ จิตใจหล่อนทำด้วยอะไร ถึงปล่อยให้อาเหมยอดข้าว แค่เกิดมาสติไม่ดีไม่เหมือนคนอื่นก็น่าเวทนาแล้ว นี่กลับโดนย่าอย่างหล่อนรังแกอีกเหรอ”

“นั่นสิ แก่ไม่มีสมองจริง ๆ รังแกหลานสาวที่สติไม่ดีได้ลงคอ”

ชาวบ้านหลายคนต่างก็ส่งเสียงด่าย่าถังเข้าในบ้านใหญ่ จนทำให้ย่าถังเริ่มเสียหน้า อีกทั้งยังโดนสามีมองอย่างไม่พอใจ

“เป็นอย่างไรล่ะ โดยชาวบ้านด่าทอเช่นนี้ ทำอะไรไม่รู้จักคิดให้ดีเสียก่อน” ปู่ถังกระแทกช้อนแล้วพูดขึ้นมาอย่างไม่พอใจย่าถัง

“ก็นังเด็กนั่นมันดื้อด้าน อ้าว นั่งอยู่ทำไมล่ะอาเฉียว รีบไปลากนังเด็กไร้ประโยชน์เข้ามาในบ้านสิ จะให้พวกนั้นด่าฉันไปถึงไหนกัน”  เมื่อถูกตำหนินางจึงได้ให้บอกหลานชายจากบ้านใหญ่ออกมาลากหลานสาวไร้ประโยชน์เข้ามาในบ้าน

“เดี๋ยวผมไปตามน้องเองครับ” ถังอี้คุนพูดขึ้น แต่โดนย่าถังห้ามไว้ พร้อมกับพูดขึ้นมาอย่างฉุนเฉียว

“ไม่ต้อง แกนั่งลง ให้อาเฉียวในฐานะหลานชายจากบ้านใหญ่ไปลากมันมานั่นแหละดีแล้ว คนจะได้รู้ว่าบ้านใหญ่ใส่ใจนังเด็กบ้านั่น”

นั่นทำให้ชายหนุ่มคนหนึ่งลุกขึ้นและเดินออกไปที่หน้าบ้าน

“ไม่ อาเหมยไม่ไป ย่าจะตี ไม่ไป”

หญิงสาวแกล้งร้องออกมาอย่างหวาดกลัว เธอไม่รู้หรอกว่าพี่ชายคนนี้จะเข้าข้างตัวเองหรือเปล่า จากความทรงจำที่มี ถังเจี้ยนเฉียวคนนี้ดีกับเจ้าของร่างเดิมมากพอสมควร และเป็นเพียงคนเดียวจากบ้านใหญ่ที่ทำดีกับเธอและไม่เคยรังแกเธอสักครั้ง

“อาเหมย เข้าบ้านกับพี่ก่อนดีกว่าไหม เดี๋ยวพี่แบ่งข้าวให้อาเหมยกินเอง” ถังเจี้ยนเฉียวพูดกับน้องสาวด้วยน้ำเสียงอบอุ่น สายตาของเขาบ่งบอกว่าจะทำอย่างที่พูดจริง ๆ

แต่ถึงอย่างนั้นถังลู่เหมยก็ไม่คิดที่จะยอม  เธอพูดไปส่ายหน้าไป อย่างไม่ยอมจะกลับเข้าไปในบ้าน

“ไม่ ไม่ อาเหมยไม่ไป ย่าใจร้าย ยายแก่ใจร้าย ย่าบอก บอกว่าอาเหมยตัวซวย ไร้ประโยชน์ สมควรตาย ฮือ ๆ อาเหมยไม่อยากตาย ไม่อยากตาย” หญิงสาวไม่เพียงพูดอย่างเดียว แถมยังทำท่าหวาดกลัวและทึ้งผมตัวเองไปด้วย

ภาพของหญิงสาวที่ไม่สมประกอบคนหนึ่งร้องไห้ฟูมฟายทำให้ผู้พบเห็นอดสงสารไม่ได้ ชาวบ้านจึงมองไปยังบ้านถังที่เวลานี้ไม่มีใครกล้าออกมาสักคน นอกจากถังเจี้ยนเฉียว และบ้านรองที่ออกมายืนมองอยู่

ส่วนสาเหตุว่าทำไมบ้านรองถึงไม่ห้ามถังลู่เหมย นั่นก็เพราะว่าถังอี้คุนรู้ดีว่าน้องสาวต้องการเล่นงานย่าตนเอง เขาจึงได้ห้ามพ่อกับแม่ไว้ และมองดูน้องเล่นละครพร้อมกับกลั้นยิ้มไว้ ในใจนั้นก็คิดเอ็นดูนางไม่น้อย

‘ไม่คิดว่าอาเหมยจะแสบไม่น้อยเลยทีเดียว’

“บ้านถังนี่ก็ยังไง ปล่อยให้หลานอดอยาก ไม่ยอมให้กินข้าว จิตใจทำด้วยอะไรกัน”

นางหลู่พูดขึ้นมาด้วยความรังเกียจ ขณะเดียวกันก็หันไปซุบซิบนินทากับชาวบ้านคนอื่น ในเรื่องที่ย่าถังใจร้ายและใจดำขนาดนี้ ซึ่งทุกคนก็เห็นด้วยกับนาง

“ใช่แล้วล่ะทั้ง ๆ ที่ทุกคนก็รู้ว่าบ้านรองทำงานหนักขนาดไหน ถังเยี่ยกับอี้คุนได้คะแนนการทำงานสิบแต้มเต็มมาตลอด แม้กระทั่งสะใภ้อย่างเหนียงฟางก็ได้เจ็ดถึงแปดแต้ม ในฐานะที่เป็นผู้หญิง แต้มขนาดนี้ถือว่าเก่งมากแล้ว บ้านรองทำงานหนักขนาดนี้เพื่อเอาเงินเข้ากองกลาง แต่ลูกสาวอย่างลู่เหมยต้องอดข้าว แบบนี้มันจะใจดำมากเกินไปแล้ว” นางจางที่อยู่บ้านใกล้กับบ้านถังก็พูดขึ้นอย่างที่เห็นมาตลอด

“หรือต่อให้อาเหมยไม่ทำงานในคอมมูน แต่ก็ไปช่วยหาผักหาหญ้ามาให้ไก่กิน บางครั้งก็ช่วยทำงานบ้าน นี่ขนาดสติไม่สมประกอบยังถูกใช้ขนาดนี้ ถ้าสติดีจะถูกใช่แรงงานขนาดไหน แล้วยังจะให้อาเหมยอดข้าวอีกเหรอ” นางหลู่พูดเสริมขึ้นมาอีกครั้ง

“พวกหล่อนอย่าพูดเลย ฉันได้ข่าวว่าอาเหมยไม่สบาย อี้คุนต้องวิ่งขึ้นเขาไปหายาสมุนไพรกลางดึกเพื่อนำมาต้มให้น้องกิน เพราะอาเยี่ยคุกเข่าขอเงินนังเฉาซื่อ เพื่อพาลูกไปหาหมอแต่ก็ไม่ได้ ทั้งที่เงินส่วนใหญ่ของบ้านถังมาจากแรงงานของบ้านรอง นี่ยังมาถูกสั่งให้อาเหมยอดอาหารอีก ช่างไม่ยุติธรรมเสียเลย” นางหลันพูดขึ้นมาบ้าง บ้านนางอยู่ติดกับห้องที่บ้านรองอยู่ จึงไม่แปลกที่จะรู้เรื่องนี้

เสียงซุบซิบนินทาที่ดังขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้หญิงชราต้องออกมาจากบ้าน

“พวกหล่อนพูดอะไรกัน รู้หรือไม่ว่านังเด็กนี่มันแกล้งป่วย เมื่อเช้าทำเหมือนจะเป็นจะตาย แต่ดูเวลานี้สิ กล้ามาโวยวายเรื่องนี้” ย่าถังไม่ยอมเสียหน้าเพียงลำพัง จึงรีบหาข้ออ้างเพื่อที่จะเล่นงานหลานสาว

“ไม่จริง ๆ อาเหมยไม่สบาย ไปหาหมอ พี่ใหญ่พาไป กินยา ขมปี๋” ถังลู่เหมยส่ายหัวไปมาแบบรัว ๆ พร้อมกับเถียงกลับทันที เพราะรู้ว่าชาวบ้านเห็นเธอและพี่ชายตอนที่เดินกลับบ้าน

“หน็อย มีเงินกันหรือไงถึงได้พานังเด็กนี่ไปหาหมอ”

พอรู้ว่าหลานชายจากบ้านรองพานังเด็กไร้ประโยชน์คนนี้ไปหาหมอ ย่าถังจึงได้หันมาเอาเรื่องกับบ้านรอง

“ย่าครับ ย่าจะโกรธทำไม บ้านรองและบ้านของเราคือครอบครัวเดียวกัน อารองอาจจะหยิบยืมเงินจากคนรู้จัก แล้วให้อี้คุนพาอาเหมยไปหาหมอก็ได้ ไม่อย่างนั้นเธอจะมีอาการดีขึ้นได้อย่างไร ย่าเข้าบ้านเถอะนะครับ” ถังเจี้ยนเฉียวรีบพูดออกหน้าให้กับบ้านรอง เขาเห็นด้วยที่อี้คุนพาอาเหมยไปหาหมอ ตอนที่รู้เรื่องว่าอาเหมยไม่สบายเขาจะเอาเงินส่วนตัวไปให้ ก็ไม่พบใครในบ้านรองแล้ว พอเห็นว่าย่าจะโวยวายในเรื่องนี้ จึงรีบห้ามปราม

“ได้ๆ ย่าจะเข้าบ้านเดี๋ยวนี้” ย่าถังตบที่หลังมือหลานชายจากบ้านใหญ่เบา ๆ และพูดกับเขาอย่างอ่อนโยน ก่อนจะหันมาพูดกับถังลู่เหมยด้วยน้ำเสียงที่ต่างกัน “ยังไม่รีบเข้าบ้านอีกเหรอนังลู่เหมย ชอบทำให้ฉันเสียหน้านักนะ ไร้ประโยชน์สิ้นดี”

“นังย่าแก่สิไร้ประโยชน์ เอาแต่ กิน นอน เอาแต่บ่น ๆ ด่า ๆ หนวกหู หนวกหูมาก” ถังลู่เหมยพูดไปก็ยกมือขึ้นปิดหูไปด้วยเหมือนไม่อยากฟังย่าถังบ่นและด่า

เธอยังคงใช้ความบ้าเอาคืนหญิงชราคนนี้ ด้วยการหลอกด่า ต่อให้อีกฝ่ายคือย่าของร่างเดิม แต่เธอไม่คิดที่จะญาติดีด้วย ถ้าไม่เพราะถูกหญิงแก่คนนี้หลอกเข้าป่าจนจับไข้ ถังลู่เหมยคงไม่ต้องตาย!!ชาวบ้านที่ได้ยินและเห็นท่าทางนั้น บ้างก็อมยิ้ม บ้างก็หัวเราะ แต่ไม่มีใครคิดว่าถังลู่เหมยกำลังลามปามผู้ใหญ่เลย นั่นก็เพราะทุกคนรู้ดีว่าเธอมีสติไม่เหมือนคนอื่น

“ฮ่าๆ เขาว่าคนสติไม่ดีจะไม่โกหก คงจะเป็นเรื่องจริงสินะ” นางหลู่หัวเราะออกมาอย่างชอบใจพร้อมกับพูดขึ้นมา

“นังหลานสารเลว แก..”

ย่าถังโกรธจนลมออกหู นางด่าทอออกไปและเตรียมจะหันกลับมาฟาดหลานสาว แต่กลับถูกถังเจี้ยนเฉียวดันหลังให้เดินเข้าบ้าน “ย่าเข้าบ้านเถอะครับ ผมขอร้อง”

ในขณะที่ดันหลังย่าถังเข้าบ้านไป เขาก็หันมาส่ายหน้าให้กับถังลู่เหมยเพื่อให้เธอหยุดทำกิริยาแบบนี้ด้วย

พอทั้งสองคนเข้าบ้านไปแล้ว ถังอี้คุนจึงไม่รั้งพ่อกับแม่อีก ทำให้ทั้งคู่รีบเข้ามาหาลูกสาวด้วยความห่วงใย

“อาเหมยเป็นอย่างไรบ้าง ดูสิ เลอะฝุ่นไปหมดเลย”  เหนียงฟางพยุงลูกสาวที่นั่งอยู่ที่พื้นขึ้นมา เธอใช้สายตาทั้งสองข้างสำรวจร่างกายของลูกสาว โดยมีสายตาของผู้เป็นพ่อมองดูอย่างห่วงใยเช่นกัน

“ค่อยคุยกันเถอะครับ ตอนนี้พวกเราเข้าบ้านก่อนดีกว่า” ถังอี้คุนไม่อยากให้คนนอกรับรู้มากนัก จึงชักชวนพ่อกับแม่เข้าบ้าน

“ถ้าอาเหมยรวย อาเหมยจะเลี้ยงซาลาเปาทุกคนนะ อาเหมยได้กินข้าวแล้ว ฮ่า ๆ ๆ” ถังลู่เหมยทำทีเหมือนคนบ้าหันมาบอกกับชาวบ้านที่มุงดูในครั้งนี้ จนทำให้ทุกคนหัวเราะชอบใจ และพูดชมเชยเธอ

“คิดดูสิว่าขนาดอาเหมยที่เป็นคนสติไม่ดี ยังมีน้ำใจมากกว่ายัยแก่คนนั้นเสียอีก”

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ทะลุมิติมาเป็นหญิงบ้าที่กลายมาเป็นคุณนายตำรวจ 70s   บทส่งท้าย ครอบครัวที่สมบูรณ์

    บทส่งท้าย ครอบครัวที่สมบูรณ์หลังจากวันนั้นนี่ก็ผ่านมาสองสัปดาห์แล้ว เรื่องที่ช่ายจื่อเฉิงจัดการก็เงียบไปเหมือนกัน ไม่มีใครรู้ว่าเขาจบเรื่องนี้ด้วยวิธีใด และไม่มีใครได้พบเห็นสามแม่ลูกนั้นอีกเลย บ้างก็ว่าปี้เจียวหลานหนีตามใครบางคนไปส่วนทั้งสองคนนั้นก็มีข่าวลือว่าไม่ใช่ลูกของนายท่านช่าย ในวงสังคมต่างพูดถึงเรื่องนี้และมีข่าวลือแตกต่างกันไปคนละแบบ ซึ่งไม่รู้ว่าอันไหนคือเรื่องจริง อันไหนคือเรื่องเท็จ แต่สิ่งที่จริงนั้นคือทั้งสามคนหายไปจากวงสังคมของปักกิ่ง“ความโหดร้ายของช่ายจื่อเฉิงไม่มีใครเทียบได้หรอก สมัยที่เขายังเป็นหนุ่มก็พิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็นฝีมือ กว่าเขาจะไต่เต้าขึ้นมาได้จนมีทุกอย่างเหมือนทุกวันนี้ก็ไม่ใช่เล่น ๆ เหมือนกัน” ฉินจิ้งเหยาพูดขึ้นมาท่ามกลางทุกคนที่นั่งอยู่ในห้องโถง“ช่างมันเถอะค่ะคุณลุง อย่างไรเรื่องราวก็จบลงแล้ว ฉันเองก็ไม่อยากรับรู้ว่าสามคนแม่ลูกนั่นไปอยู่ที่ไหน ขอแค่ไม่มาวุ่นวายกับพวกเราก็พอแล้วค่ะ”ช่ายเหมยฮวาพูดขึ้นมาอย่างไม่ใส่ใจ เธอไม่อยากรับรู้อะไรมากนัก แต่คิดว่าทั้งสามคนคงยังมีชีวิตอยู่ เพราะตอนนี้เธอเองก็กำลังตั้งครรภ์อยู่ จึงขอร้องพ่อไปว่าไม่ว่าพ่อจะจัดการสาม

  • ทะลุมิติมาเป็นหญิงบ้าที่กลายมาเป็นคุณนายตำรวจ 70s   บทที่ 87 ได้เวลาจัดการให้สิ้นซาก

    บทที่ 87 ได้เวลาจัดการให้สิ้นซาก“พี่รู้สึกไม่ค่อยดีน่ะ ลางสังหรณ์มันบอกอะไรแปลก ๆ ทำให้พี่ไม่สบายใจ เลยอยากกลับมาเยี่ยมคุณพ่อ” เธอตอบกลับน้องสะใภ้ไปตามตรงเพราะสายตาซ่อนความกังวลไว้ไม่มิด“อย่าเพิ่งคิดมากเลยนะคะ อาจจะไม่มีอะไรก็ได้ เดี๋ยวรอพี่หยางกลับมาก่อนค่อยปรึกษากันอีกทีว่าจะทำอย่างไร” ถังลู่เหมยพูดขึ้นและจับมือพี่สะใภ้ไว้เพื่อปลอบโยน จะว่าไปเรื่องนี้เธอก็ไม่รู้สถานการณ์ในบ้านตระกูลช่ายเลย เพราะไม่เคยสอบถามสามีถึงเรื่องบ้านของพี่สะใภ้ เธอรู้เพียงว่าพี่สะใภ้ใหญ่นั้นไม่ลงรอยกันกับแม่เลี้ยงตนเอง รวมถึงน้องทั้งสองคนที่เกิดจากแม่เลี้ยงด้วย“เรื่องตระกูลช่าย ลุงสืบมาให้เรียบร้อยแล้ว รอหลานมาจัดการด้วยตนเอง แต่ยังไม่มีเวลาที่จะส่งข่าวไป ไม่คิดว่าวันนี้เหมยฮวาจะมาด้วยตนเอง” จังหวะนั้นนายท่านฉินที่เดินลงมาจากชั้นบนก็พูดขึ้น แม้จะมีรอยยิ้มบนใบหน้าแต่แววตาก็ฉายแววกังวลออกมาเรื่องที่เขาให้คนสืบไว้นั้นจะว่าดีก็ดี จะว่าร้ายก็ร้าย แต่ถึงอย่างไรให้หลานสาวตัดสินใจด้วยตนเองดีกว่า อีกอย่างเขากับน้องเขยก็ไม่ได้สนิทติดเชื้อกันมากนัก จะมาให้เจ้ากี้เจ้าการเรื่องในครอบครัวอีกฝ่ายก็คงเป็นไปไม่ได้ อีกทั้ง

  • ทะลุมิติมาเป็นหญิงบ้าที่กลายมาเป็นคุณนายตำรวจ 70s   บทที่ 86 ครอบครัวพร้อมหน้า

    บทที่ 86 ครอบครัวพร้อมหน้าหญิงสาวที่ถูกมัดอยู่พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ยังคงเรียบนิ่ง แต่ดวงตานั้นกลับแข็งกร้าวขึ้นเรื่อย ๆ พูดจบถังลู่เหมยก็ลุกขึ้น พร้อมกับเชือกที่มัดแขนอยู่ก็หลุดออกอย่างง่ายดาย จากนั้นจึงเดินมายืนประจันหน้าอีกฝ่ายด้วยสายตาดุดัน ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงลอดไรฟันออกมาว่า “แบบนี้ฉันคงปล่อยให้เธอใช้ชีวิตตามใจชอบอีกไม่ได้แล้วนะ หลี่ซิงหง”“ทะ ทำไมแกไม่ได้ถูกมัดไว้เหรอ” หลี่ซินหงเห็นอย่างนั้นก็ตกใจสุดขีด เพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะไม่ถูกพันธนาการไว้ด้วยเชือก ก่อนจะมองรอบ ๆ และเมื่อเห็นว่าชายฉกรรจ์ที่คิดว่าเป็นคนของตนเองไปยืนอยู่ด้านหลังของอีกฝ่าย ก็เข้าใจได้ทันทีว่าเธอติดกับดักแล้ว ก่อนจะพูดออกมาด้วยเสียงที่เคียดแค้น“แกก็ไม่ใช่คนที่นี่สินะ แกมัน...”คราวนี้ถังลู่เหมยไม่ตอบคำถามนี้ และไม่รออีกฝ่ายพูดจนจบประโยค เธอเลือกที่จะเดินไปใกล้กว่าเดิม ก่อนจะกระซิบด้วยน้ำเสียงโหดเหี้ยมว่า “หุบปากของหล่อนให้สนิท ถ้าพูดเรื่องนี้ออกมาแม้แต่คำเดียว วันนั้นจะเป็นวันที่เธอพูดไม่ได้ไปตลอดชีวิต เพราะฉันจะตัดลิ้นของเธอออกมาย่างให้หมากิน จำไว้”พูดจบเธอเดินไปหาสามีที่ยืนฟังเรื่องราวทั้งหมด ก่อนจะมีเ

  • ทะลุมิติมาเป็นหญิงบ้าที่กลายมาเป็นคุณนายตำรวจ 70s   บทที่ 85 จัดการขั้นเด็ดขาด

    บทที่ 85 จัดการขั้นเด็ดขาดถังลู่เหมยและป๋ายหลานกลับบ้านด้วยรถยนต์ของตระกูลฉินเหมือนเดิม แต่ในขณะที่กำลังนั่งรถอยู่นั้น ก็มีรถยนต์ขับตามมาหนึ่งคัน ก่อนที่รถคันนั้นจะขับแซงขึ้นมาและปาดหน้าให้รถที่ถังลู่เหมยนั่งอยู่จอดลงอย่างกะทันหัน“เกิดอะไรขึ้น” ป๋ายหลานถามขึ้นด้วยความตกใจ พร้อมกับกุมมือลูกสะใภ้ไว้แน่น“มีรถมาจอดปาดหน้ารถของเราครับคุณนาย น่าจะเป็นโจรมาปล้น” คนขับรถวัยกลางคนตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่ตื่นตระหนกเล็กน้อย“ตายแล้ว แล้วเราจะทำยังไงดีละเนี่ย” ป๋ายหลานพูดขึ้นมาอย่างตกใจมากกว่าเดิม แม้ว่าเรื่องนี้ลูกชายกับสะใภ้บอกว่ามันอาจจะเกิดขึ้นและทั้งสองหาทางแก้ไขไว้แล้วก็ตาม“ไม่ต้องกลัวนะคะ คุณแม่อยู่ในรถก่อนนะคะ เดี๋ยวฉันจะไปดูเอง” ถังลู่เหมยบีบมือของแม่สามีเบาๆ ก่อนจะตอบกลับด้วยท่าทีปกติ โดยไม่มีอาการหวาดกลัวใด ๆ เลย“ระวังตัวด้วยนะอาเหมย” ป๋ายหลานบอกกับลูกสะใภ้อย่างเป็นห่วง“ค่ะคุณแม่” หญิงสาวรับปากแม่สามี จากนั้นก็พูดกับคนขับรถว่า“ลุงไม่ต้องลงไปหรอกค่ะ ดูแล้วพวกมันมาไม่กี่คนเอง เดี๋ยวฉันจัดการได้ อีกอย่างมีคนของพี่หยางตงแอบติดตามมาด้วย แต่หากเกิดอะไรขึ้นก็รีบพาคุณแม่ไปยังที่ปลอดภัยห

  • ทะลุมิติมาเป็นหญิงบ้าที่กลายมาเป็นคุณนายตำรวจ 70s   บทที่ 84 ซ้อนแผน

    บทที่ 84 ซ้อนแผน“ได้สิ พี่เคยบอกแล้วว่าหากเหมยฮวาอยากไปเมื่อไร พี่ก็พร้อมจะพาไปเสมอ ถ้าอย่างนั้นเราไปปักกิ่งกันเถอะ พี่เองก็ไม่เคยได้พบพ่อตามาก่อน อย่างน้อยก็ได้ไปยกน้ำชาสักครั้งก็ยังดี” ถังอี้คุนพูดขึ้นอย่างอ่อนโยนแม้ว่าเขากับภรรยาจะจดทะเบียนและแต่งงานกันอย่างถูกต้องแล้ว แต่เรื่องที่พบหน้ากับพ่อตานั้น เขายังไม่เคยเจอและไม่เคยยกน้ำชามาก่อน ซึ่งมันก็คงไม่ดีแน่หากใครได้รับรู้เรื่องนี้ ดังนั้นการที่ภรรยาคิดจะเดินทางไปปักกิ่งในครั้งนี้ เขาจึงเห็นว่าสมควรแล้ว“ถ้าลูกทั้งสองคนตั้งใจจะไปปักกิ่ง พ่อกับแม่ก็ตั้งใจจะไปกับลูกด้วย การเอาลูกสาวของเขามาโดยไม่มีการพูดจาสู่ขอกับพ่อของเหมยฮวา พ่อก็รู้สึกไม่ดีเหมือนกัน ไปครั้งนี้จะได้สู่และให้ทั้งสองคนยกน้ำชาให้ถูกต้อง” ถังเยี่ยพูดขึ้นมาหลังจากได้ยินความตั้งใจของลูกชายและสะใภ้ ซึ่งเรื่องนี้ก็ติดอยู่ในใจของเขาและภรรยามาตลอด เขามีลูกสาวก็เข้าใจในเรื่องนี้ดี“อย่างนั้นพวกลูกหลานไปกันเถอะนะ เดี๋ยวแม่กับตาเฒ่าจะเฝ้าบ้านให้เอง” ย่าถังพูดสนับสนุนขึ้นมา เมื่อได้ยินลูกและหลานพูดถึงเรื่องที่จะไปปักกิ่งเพื่อทำทุกอย่างให้ถูกต้อง“ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ไปกันทั้งหมด

  • ทะลุมิติมาเป็นหญิงบ้าที่กลายมาเป็นคุณนายตำรวจ 70s   บทที่ 83 ข่าวสำคัญ

    บทที่ 83 ข่าวสำคัญหลังจากวันนั้น นี่ก็ผ่านมาเกือบสัปดาห์แล้วที่หลี่ซินหงไม่สามารถดำเนินการตามแผนการที่วางไว้ได้ นั่นก็เพราะว่าถังลู่เหมยนั้นไม่ได้ออกจากบ้านตระกูลฉินอีกเลย เพราะผู้เป็นแม่สามีได้ซื้อของมากมายมาให้เธอจนแทบจะใช้ไม่หมดอยู่แล้ว ซึ่งแม้จะอยากออกไปหาลู่ทางเพื่อทำการค้าของตนเอง แต่เธอก็ไม่ขัดขืนเพราะไม่อยากทำให้ทุกคนลำบากใจ โดยเฉพาะสามีของเธอทุกวันถังลู่เหมยจะทำอาหารให้ทุกคนในบ้านกิน และนั่งฟังแม่สามีเล่าเรื่องต่างๆ ในปักกิ่งให้ฟัง ป่ายหลานสอนมารยาทการเข้าสังคมให้เธออย่างใส่ใจ ซึ่งถังลู่เหมยก็ไม่ขัดอะไรเพราะเห็นสีหน้าของแม่สามีดูมีความสุขที่ได้สอนและจับเธอแต่งตัว“อาเหมยอีกสามวันจะมีงานสังคม โดยตระกูลฉินเป็นประธาน เธอเตรียมตัวด้วยนะ แม่จะพาอาเหมยออกงานอย่างเป็นทางการ” ป๋ายหลานเดินมาบอกลูกสะใภ้ที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ที่ห้องโถง ถึงเรื่องที่ตระกูลฉินจะเป็นประธานในงานเลี้ยงสมาคมการค้าในครั้งนี้ และเธอตั้งใจให้สะใภ้ได้ไปร่วมงานด้วย หลายวันมานี้เธอยอมรับสะใภ้คนนี้ได้อย่างเต็มหัวใจแล้ว ถังลู่เหมยได้ยินอย่างนั้นก็อมยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงดีใจเพราะนี่คือการยอมรั

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status