Home / ระบบ / ทะลุมิติมาเป็นเศรษฐินียุค 80 / ตอนที่ 4 บรรพบุรุษชาเขียว

Share

ตอนที่ 4 บรรพบุรุษชาเขียว

last update Last Updated: 2025-11-21 17:00:36

เมิ่งเหยาที่เห็นมู่เฉินรีบเดินออกมาปกป้องชิงเหยียน ซึ่งเสแสร้งแกล้งทำเป็นผู้หญิงอ่อนแอถูกเธอรังแก หลี่ตามองดูเขานิดหนึ่งพร้อมอดคิดดูถูกไม่ได้

‘ที่แท้ก็คนโง่อีกคนที่หลงเชื่อการแสดงเสแสร้งแกล้งทำของชิงเหยียนได้อย่างง่ายดาย’ เมิ่งเหยาคิดพร้อมถอนหายใจแรงไปทีหนึ่ง

“คุณหมอซุน หากฉันบอกว่าฉันไม่สนใจเลยสักนิดว่าสกุลซุนจะรับใครเข้าไปอยู่ในบ้าน หรือคุณกับเสิ่นชิงเหยียนจะมีอะไรกัน มันก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับฉันเลยแม้นแต่น้อย คุณก็คงจะไม่เชื่ออยู่ดีสินะคะ ดังนั้นแล้วคุณจะคิดยังไงก็ตามสบายเถอะ ฉันขอตัวก่อนล่ะ” เมิ่งเหยาเอ่ยอย่างไม่คิดจะใส่ใจกับชายหนุ่มหญิงสาวที่อยู่เบื้องหน้าอีก ก่อนจะเดินจากไปยังไร่ชาเพื่อมองสำรวจสถานที่โดยรอบต่อ

ทางด้านมู่เฉินที่ได้ยินและเห็นท่าทีเฉยชาไม่สนใจอะไรของเมิ่งเหยาก็ถึงกับตกตะลึงไปอีกรอบ เช่นเดียวกับชิงเหยียน เพราะหากเป็นก่อนหน้านี้เมิ่งเหยาคงร้องไห้ฟูมฟายจนใครๆมาเห็นและได้ยิน จากนั้นก็กล่าวโทษว่าเขากลั่นแกล้งเธอ ทำให้เขาโดนพ่อแม่ดุเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา

“พี่มู่เฉิน อย่าไปถือสาเมิ่งเหยาเลยนะคะ เธอคงอารมณ์ไม่ดีเพราะรู้ว่าฉันจะเดินทางไปเซินเจิ้นด้วยนะค่ะ” ชิงเหยียนแสร้งทำมาเป็นพูดจาดีเข้าข้างเมิ่งเหยา แต่แท้จริงแล้วกลับตั้งใจกล่าวหาเมิ่งเหยานั่นเอง

“ฉันไม่คิดใส่ใจเด็กร้ายกาจแบบนั้นหรอก ว่าแต่แขนของเธอเป็นแบบนี้เพราะเมิ่งเหยางั้นเหรอ” มู่เฉินกล่าวพร้อมเอ่ยถามถึงอาการบาดเจ็บที่แขนของชิงเหยียน เด็กสาวที่เขาคิดเห็นว่าเป็นคนสุภาพเรียบร้อย ลูกสาวชาวไร่ชาที่มีบ้านอยู่ไม่ห่างออกไปจากสกุลลู่กับสกุลซุนมากนัก และเขาก็รู้จักคุ้นเคยกับเธอดีตอนอาศัยอยู่ที่เมืองหวงซานนี้ ทั้งยังนึกสงสารเห็นใจ นับว่าเธอเป็นดั่งเช่นน้องสาวคนหนึ่ง

“เมิ่งเหยาชนฉันล้มลงกระแทกพื้นอย่างแรงนะค่ะ แต่เธอคงไม่ได้ตั้งใจหรอกนะคะ แค่ฉันบอกว่าจะเดินทางไปเซินเจิ้นและพักอยู่กับสกุลซุนเหมือนกันกับเธอด้วยความดีใจ แต่เมิ่งเหยากลับตกใจจนซุ่มซ่ามชนฉันเข้าอย่างแรง เหมือนที่ซุ่มซ่ามทำตัวเองกลิ้งตกลงไปจากเนินเขานั่นแหละค่ะ” ชิงเหยียนเหมือนจะพูดดีแต่แฝงเอาไว้ด้วยการให้ร้ายใส่ความ กล่าวโทษเมิ่งเหยา มู่เฉินได้ยินดังนั้นก็ส่ายหน้าให้กับความร้ายกาจของเมิ่งเหยา พร้อมถอนหายใจออกมาอย่างเอือมระอาเมื่อคิดถึงนิสัยแย่ๆของเธอ

“เธอจะให้ฉันดูอาการบาดเจ็บที่แขนให้ไหม” มู่เฉินอาสาอย่างใจดี

“มะ ไม่ต้องหรอกค่ะ ฉันไปหาหมอรักษามาเรียบร้อยแล้ว” ชิงเหยียนรีบปฏิเสธเพราะความจริงแล้วเธอไม่ได้เป็นอะไรเลยตั้งแต่แรกต่างหากล่ะ เพียงแค่ต้องการใส่ร้ายเมิ่งเหยาและอู้งานเท่านั้น

“ก็ได้ งั้นถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันขอตัวก่อนนะ” มู่เฉินกล่าวขอตัวกลับออกไป ชิงเหยียนเอ่ยร่ำลาและมองตามแผ่นหลังของเขาไปจนลับสายตา

“พี่มู่เฉินต้องเป็นของฉันเท่านั้น” ชิงเหยียนเอ่ยขึ้นมาอย่างหมายมาด

‘เธอแอบชอบมู่เฉินมานานหลายปีแล้ว แต่ดูเหมือนว่าพ่อของมู่เฉินกับพ่อของเมิ่งเหยาที่เป็นสหายสนิทกันอยากจะให้ลูกชายลูกสาวลงเอยกันมากกว่าเธอที่เป็นเพียงลูกสาวของครอบครัวจนๆ มีพ่อแม่เป็นแค่ลูกจ้างในไร่ชาของสกุลลู่เท่านั้น ต่างจากเมิ่งเหยาที่แม้นจะไม่ได้ร่ำรวยอะไรแต่ก็เป็นถึงลูกสาวเจ้าของไร่ชามีพื้นที่กว้างขวางและที่ดินอีกไม่น้อยในบริเวณนี้’ ชิงเหยียนคิดก่อนจะกำมือแน่นด้วยความคิดแค้นเคืองในใจ อิจฉาริษยาเมิ่งเหยาที่เกิดมาโชคดีกว่าเธอ

มู่เฉินเดินทางมาพูดคุยกับสกุลลู่เรื่องมารับตัวเมิ่งเหยาไปพักที่บ้านของเขาในเซินเจิ้น ซึ่งพ่อแม่เขาเตรียมที่ทางห้องหับเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้ว รวมทั้งสำหรับชิงเหยียนด้วย

“ขอบใจมากนะเสี่ยวเฉินที่อุตส่าห์มารับเหยาเอ๋อด้วยตัวเองแบบนี้” เจียงเฉินเอ่ยขอบใจมู่เฉิน

“เรื่องเล็กน้อยเท่านั้นเองครับคุณลุงลู่ อีกอย่างผมอยู่ในช่วงทำเรื่องย้ายกลับไปประจำที่เซินเจิ้นเลยมีเวลาว่างมากกว่าคนอื่น คุณพ่อจึงใช้ให้มารับเมิ่งเหยากับชิงเหยียนพร้อมกันทีเดียว” มู่เฉินตอบกลับไป

“ถ้ายังไงป้าฝากลูกสาวด้วยนะเสี่ยวเฉิน” ซินเจียงเอ่ยสำทับด้วยอีกคน

“ได้ครับคุณป้าลู่”

“เหยาเอ๋อ ไปอยู่สกุลซุนก็ทำตัวดีๆล่ะ อย่าให้ทางนั้นต้องลำบากใจหรือไม่สบายใจเพราะเราเป็นอันขาดเลยนะ” เจียงเฉินสั่งสอนบุตรสาว

“ค่ะพ่อ ไม่ต้องห่วงนะคะ หนูจะตั้งใจสอบเข้ามหาลัยให้ได้ แล้วรีบเรียนจบกลับมาช่วยพ่อแม่ทำงานหาเงินให้ครอบครัวเราค่ะ” เมิ่งเหยารับคำพร้อมบอกความตั้งใจของเธอให้พ่อแม่ฟัง

“เหยาเอ๋อ เป็นเด็กดีจริงๆลูกแม่ แต่ลูกไม่ต้องรีบร้อนกลับมาก็ได้นะ อยู่ที่บ้านสกุลซุนคอยช่วยเหลือดูแลตอบแทนพวกเขาก่อนก็ได้” ซินเจียงเอ่ยเป็นนัยให้ลูกสาวอยู่ที่บ้านสกุลซุนต่อ หวังให้แต่งกับมู่เฉินไปเลยได้ยิ่งดี ซึ่งมู่เฉินเห็นท่าทีและได้ยินเช่นนั้นก็ดูออกและเข้าใจได้ไม่ยาก แต่ก็พยายามข่มอารมณ์ตนเองไม่ให้แสดงสีหน้าท่าทางอะไรออกไป ก่อนจะขอตัวกลับหลังพูดคุยกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว

“แม่คะ แม่ไปพูดแบบนั้นต่อหน้าพี่มู่เฉินทำไมกัน เดี๋ยวเขาก็คิดว่าหนูอยากเข้าไปในอยู่บ้านสกุลซุนเพื่อหวังจะจับเขาหรอกค่ะ”

“ก็มันจริงนี่ เหยาเอ๋อ..แก่ชอบมู่เฉินมานานแล้วไม่ใช่เหรอ”

“หนูเปล่าซะหน่อย”

“ไม่ต้องมาแก้ตัว ถ้าแกได้แต่งกับมู่เฉินที่ครอบครัวฐานะดีขนาดนั้นก็จะสบายไปทั้งชาติ ไม่ต้องมาทำงานหลังคดหลังแข็งในไร่ชาเหมือนพ่อกับแม่ นั่งเป็นคุณนายรอรับเงินเดือนสามีสบายๆที่บ้านนะ”

“แม่คะ หนูโตแล้วหาเงินเองได้ ไม่ต้องพึ่งพาคนอื่นหรอกค่ะ”

“ฮึ ทำเป็นพูดไป แกเรียนจบชั้นมัธยมปลายมาได้ก็ดีแค่ไหนแล้ว จะสอบเข้ามหาลัยได้หรือเปล่าก็ยังไม่รู้ ดังนั้นแกพยายามจับมู่เฉินให้ได้โดยเร็วจะดีกว่า” ซินเจียงกล่าว คิดเห็นว่าบุตรสาวไม่ได้เรียนหนังสือเก่งอะไรจึงไม่ได้ตั้งความหวังว่าเมิ่งเหยาจะสอบเข้ามหาลัยได้ สิ่งที่หวังในการไปเซินเจิ้นครั้งนี้คือให้เมิ่งเหยาเข้าไปเป็นสะใภ้สกุลซุนมากกว่า

“แม่คะ”

“พอ หยุดพูดเลย เดี๋ยวไปเตรียมตัวเก็บข้าวของกันเถอะ วันเดินทางจะได้ไม่หลงลืมอะไร” ซินเจียงไม่อยู่รอฟังลูกสาวอีก หันหลังเดินจากไป โดยเมิ่งเหยาทำสีหน้าหนักใจที่มารดาไม่ยอมรับฟังความเห็นของเธอบ้างเลย

ขณะเดียวกันพวกเธอก็ไม่รู้ว่ามู่เฉินที่กลับเข้ามาตั้งใจจะบอกย้ำเวลาเดินทางกับพวกเธอ บังเอิญมาได้ยินเรื่องทั้งหมดที่สองแม่ลูกพูดคุยกัน ทำให้เข้าใจผิดในตัวเมิ่งเหยามากขึ้นไปอีก คิดว่าเธอวางแผนจับผู้ชายฐานะร่ำรวย โดยมีเขาเป็นเป้าหมายเพื่อใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย ไม่คิดเรียนต่อมหาลัยจริงจัง คิดแต่จะพึ่งพาสามีเป็นหลัก หมายจะจับเขาหลังเข้าไปอยู่ในบ้านสกุลซุนให้ได้

มู่เฉินรู้สึกไม่พอใจ มีอคติและไม่ชอบในตัวเมิ่งเหยามากยิ่งขึ้นไปกว่าเดิม จากที่ไม่พอใจในนิสัยใจคอที่เมิ่งเหยาชอบกลั่นแกล้งรังแกผู้อื่น โดยเฉพาะชิงเหยียนอยู่ก่อนแล้ว

‘ฝันไปเถอะเมิ่งเหยา อย่าคิดเลยว่าตัวเองจะทำสำเร็จ ฉันไม่ให้โอกาสนั้นกับเธอหรอกนะ’ มู่เฉินคิดอย่างไม่พอใจ ก่อนจะหันหลังเดินกลับออกไปทันที

วันเดินทาง เมิ่งเหยากับชิงเหยียนที่ปกติอยู่ที่หวงซานมักจะแต่งตัวธรรมดาด้วยชุดเสื้อกางเกงคล่องตัวเหมาะกับการทำงาน สวมเสื้อตัวหนาเพื่อความอบอุ่นคล้ายกับเด็กสาวชนบททั่วไป มายามนี้จะต้องเดินทางไปเซินเจิ้นเมืองเศรษฐกิจพิเศษที่ก้าวหน้าทันสมัยกว่า ถึงกับตั้งใจแต่งตัวอย่างประณีตด้วยชุดกระโปรงดูสวยงามราวกับคุณหนูในเมืองใหญ่ แม้นหน้าตาจะมีฝ้ากระ กระดำกระด่างจากการทำงานบ้าน งานในไร่ชาบ้างแต่ก็ดูสดใสน่ารักสมวัยไม่น้อยเลย

“วันนี้เหยาเอ๋อลูกแม่สวยมากเลย” ซินเจียงเอ่ยชมบุตรสาวที่วันนี้เธอเตรียมชุดใหม่มาให้โดยเฉพาะ ถึงกับเก็บเงินซื้อมาจากร้านในเมืองที่ราคาแพงถึงชุดละ 30 หยวนเลยทีเดียว ทั้งยังซื้อเพิ่มมาสำรองให้อีกสามชุดด้วยกัน นับว่าลงทุนไม่น้อย

“แม่ค่ะ อย่าชมมากเลย ถึงชุดจะสวยแต่หน้าไม่ให้ก็ไม่เหมาะอยู่ดีนั่นแหละ” เมิ่งเหยาเอ่ยเพราะหลังจากสำรวจตัวเอง เธอก็รู้สึกว่าหน้าตาสภาพของเธอตอนนี้ไม่ได้รับการบำรุงรักษาที่ดีนัก มีฝ้ากระ กระดำกระด่าง ผิวพรรณไม่ผ่องใส แตกต่างจากเธอในโลกก่อนหน้านี้ลิบลับ

“อะไรกัน แม่ว่าออกจะสวย ใช่ไหมเสี่ยวเฉิน” ซินเจียงไม่พูดเปล่าหันกลับไปถามมู่เฉินซะงั้น ทำเอาเมิ่งเหยาทำหน้าไม่ถูก ส่วนมู่เฉินก็ได้แต่ยิ้มรับเป็นมารยาทเท่านั้น

“พี่มู่เฉิน เหยาเอ๋อสวยน่ารักดีนะคะ ไม่เหมือนฉัน นี่ก็เป็นชุดที่แม่กับพ่อสะสมเงินซื้อมาให้ ตั้งหลายเดือนแน่ะกว่าจะได้มา” ชิงเหยียนทำเป็นเอ่ยปากชมเมิ่งเหยาพร้อมทำตัวน่าเวทนาสงสารไปด้วย

“นี่ก็สวยน่ารักดีแล้ว ไม่จำเป็นต้องเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่นหรอก” มู่เฉินตอบกลับไปพร้อมให้กำลังใจชิงเหยียนที่ยิ้มหน้าบานทันที ก่อนจะหันไปมองสบตาเมิ่งเหยายิ้มเยาะเธอด้วยความพอใจ

‘เหอะ ยัยคนนี้นี่มันชาเขียวของแท้และดั้งเดิมจริงๆ เป็นบรรพบุรุษชาเขียวของยุคห้าจีสินะ’ เมิ่งเหยาคิดในใจ จากนั้นก็หันไปพูดคุยร่ำลาพ่อแม่ของเธอ โดยไม่คิดใส่ใจอะไรกับมู่เฉินและชิงเหยียนที่ออดอ้อนออเซาะ ทำตัวน่าสงสารอย่างต่อเนื่อง

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ทะลุมิติมาเป็นเศรษฐินียุค 80   ตอนที่ 8 บาร์บีคิวมื้อพิเศษ

    เมิ่งเหยาเอ่ยทักทายพร้อมถามสองพี่น้องมู่เฉินกับลี่จิ่นที่ตั้งท่าจะออกไปตามหาเธอด้วยความเป็นห่วง“เหยาเอ๋อกลับมาก็ดีแล้ว ซื้ออะไรมาเยอะแยะเลยล่ะนั่น” คุณนายซุนเอ่ยทักทายด้วยท่าทีปกติราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้ ส่วนมู่เฉินกับลี่จิ่นก็ทำท่าเนียนๆไปกับแม่ของพวกเขาเช่นกัน“มีวัตถุดิบเป็นพวกเนื้อสัตว์ เครื่องปรุง เครื่องเทศที่จะนำมาทำรายการอาหารมื้อพิเศษให้ทุกคนได้ทานกันน่ะค่ะ”“รายการอาหารพิเศษงั้นเหรอ อะไรน่ะ” ลี่จิ่นเดินเข้ามาหาเมิ่งเหยา พร้อมเอ่ยถามด้วยความสนใจทันที ส่วนมู่เฉินเดินกลับไปนั่งไม่ห่างออกไปจากพ่อแม่เขาเท่าไหร่นัก“บาร์บีคิวค่ะ เป็นเนื้อกับผักหรือผลไม้ นำไปเสียบไม้แล้วทาด้วยซอสชนิดพิเศษก่อนนำไปย่างจนสุก รอชิมนะคะ” เมิ่งเหยาอธิบายคร่าวๆ พร้อมตั้งท่าจะเข้าไปในครัวเพื่อเตรียมอาหารจานเด็ด“อะไรนะ บะ..คิวอะไรน่ะ” ลี่จิ่นเอ่ยถามงงๆ“บาร์บีคิวค่ะ เป็นเนื้อกับผักหรือผลไม้เสียบไม้แล้วทาด้วยซอสชนิดพิเศษก่อนนำไปย่างจนสุก รอชิมนะคะ” เมิ่งเหยากล่าว พร้อมตั้งท่าจะเข้าไปในครัวเพื่อเตรียมอาหารจานเด็ด“เดี๋ยว มานั่งนี่ก่อน ป้าหลี่ช่วยเอาของเข้าไปเก็บทีครับ” มู่เฉินกล่าวกับเมิ่งเหยาเ

  • ทะลุมิติมาเป็นเศรษฐินียุค 80   ตอนที่ 7 พบเจอเพื่อนวัยเด็ก

    ชิงเหยียนมาอยู่ที่บ้านสกุลซุนได้ราวหนึ่งสัปดาห์แล้ว เธอออกตระเวนสำรวจพื้นที่ ซึ่งตั้งใจจะนำข้าวของรวมทั้งอาหารจากมิติพิเศษมาขาย และในระหว่างที่เธอกำลังสำรวจอยู่นั้นก็ได้พบกับสหายเก่าเข้าโดยบังเอิญ“เหยียนเอ๋อ นั่นเธอใช่ไหม” หญิงสาวรูปร่างหน้าตาดี เดินเข้ามาทักทายเมิ่งเหยาขณะสำรวจที่ทางทำมาหากินอยู่ในย่านตลาดกลางเมือง“ลี่เอ๋อ เธอนั่นเอง ดีใจจังที่ได้เจอเธอที่นี่” เมิ่งเหยาทำท่านึกอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะจำได้ว่าหญิงสาวตรงหน้าเป็นเพื่อนในหมู่บ้านที่เรียนและเล่นด้วยกันมากับเมิ่งเหยาตั้งแต่ยังเด็ก นามว่าฉินเหม่ยลี่ซึ่งครอบครัวย้ายจากเมืองหวงซานมาเซินเจิ้นเพื่อทำธุรกิจเช่นเดียวกันกับสกุลซุนหลังจบจากชั้นมัธยมต้นเมิ่งเหยาจึงไม่ได้เจอเพื่อนคนนี้อีก ทั้งที่ความจริงแล้วสนิทสนมกันไม่น้อยเลย“ใช่ฉันเอง เหยาเหยา..เธอมาทำอะไรที่นี่งั้นเหรอ” เหม่ยลี่ถามด้วยความตื่นเต้นยินดีที่ได้พบเจอเพื่อนรักอีกครั้ง ทั้งยังเอ่ยเรียกเมิ่งเหยาอย่างสนิทสนมคุ้นเคยด้วย“ฉันมาเตรียมตัวสอบเข้ามหาลัยที่นี่น่ะ แล้วเธอล่ะเป็นยังไงบ้าง สบายดีนะ” เมิ่งเหยาตอบพร้อมถามกลับไป“ฉันสบายดี ฉันเองก็กำลังเตรียมตัวสอบเข้ามหาลัยอยู่เหมือนกั

  • ทะลุมิติมาเป็นเศรษฐินียุค 80   ตอนที่ 6 แสดงฝีมือในการทำอาหาร

    ชิงเหยียนไม่พอใจที่เมิ่งเหยาดึงความสนใจในครอบครัวสกุลซุนไปหมด ทั้งยังคิดไม่ถึงด้วยว่าเมิ่งเหยาจะมีฝีมือในการทำอาหารได้หลากหลายอย่างเช่นนี้“เมิ่งเหยา เธอนี่เก่งนะ แต่อยู่ที่บ้านไม่เห็นเธอจะหยิบจับทำอะไรเลย ถ้าลุงกับป้าลู่พ่อแม่ของเธอรู้เข้าคงเสียใจแย่ที่ลูกสาวมาลงมือทำอาหารให้คนอื่นกิน แต่ตัวเองกลับไม่เคยได้ลิ้มลองมาก่อน” ชิงเหยียนมิวายหาเรื่องใส่ความเมิ่งเหยาอีกครั้ง“ชิงเหยียน ฉันเคยถามเธอแล้วนะว่าเธออยู่บ้านหลังเดียวกันกับฉันเมื่อไหร่กัน ถึงได้รู้เห็นว่าฉันทำอะไรหรือไม่ทำอะไรบ้าง อีกอย่างพ่อแม่ฉันเคยชิมอาหารฝีมือฉันตั้งหลายครั้งหลายหนแล้ว พ่อแม่เธอเองก็น่าจะรู้ดีนะ เพราะฉันไปส่งอาหารมื้อกลางวันให้พ่อกับแม่ที่ไร่ชาออกจะบ่อยไป อ้อ..ฉันลืมไป เธอที่ชอบพูดบอกกับคนอื่นว่าไปช่วยเหลือพ่อแม่ทำงานในไร่ชาเพื่อแบ่งเบาภาระให้พวกท่าน แต่ฉันไปกี่ครั้งกี่หนกลับไม่เคยพบเจอเธอเลยสักครั้ง เธอจึงไม่รู้นะสิว่าฉันทำอาหารส่งข้าวส่งน้ำให้พ่อแม่อยู่บ่อยๆ ลองกลับไปถามพ่อแม่เธอดูก็ได้ พวกท่านยังเคยชมเลยว่าอาหารฝีมือฉันอร่อย” เมิ่งเหยาเอ่ยตอกหน้าชิงเหยียนกลับไป‘ชิงเหยียนชอบพูดอวดอ้างตัวกับคนนู้นคนนี้ว่าเธอช่

  • ทะลุมิติมาเป็นเศรษฐินียุค 80   ตอนที่ 5 ทำของว่างให้ทุกคนชิม

    มู่เฉินขับรถพาสองสาวเดินทางไปเซินเจิ้น มีชิงเหยียนนั่งด้านหน้าข้างคนขับคู่กันไปกับเขา ส่วนเมิ่งเหยานั่งด้านหลัง โดยก่อนหน้านี้มู่เฉินให้ทั้งสองสาวไปนั่งด้านหลังด้วยกันทั้งคู่ ตัวเองทำหน้าที่เป็นคนขับ แต่ชิงเหยียนไม่ยอมรีบเสนอตัวมานั่งด้านหน้าบอกว่าอยากทำตัวให้เป็นประโยชน์ชวนมู่เฉินพูดคุยจะได้ไม่ง่วงเมิ่งเหยาไม่ได้แสดงท่าทีเสนอตัวหรือคัดค้านอะไร มู่เฉินเองก็ตอบรับความหวังดีของชิงเหยียนให้เธอมานั่งหน้ารถด้วยกัน ผ่านไปได้ครึ่งทางถึงจุดแวะพัก มู่เฉินก็ให้เวลาเด็กสาวไปยืดเส้นยืดสายทำธุระส่วนตัว เช่นเดียวกันกับเขาที่เข้าห้องน้ำเสร็จก็ไปซื้อน้ำและขนมมาให้ทั้งคู่“นี่ขนมเปี๊ยะไส้เนื้อของที่นี่อร่อยมากเลยนะเอาไปชิมสิ” มู่เฉินกล่าวพร้อมยื่นขนมไปให้ชิงเหยียนที่ยืนอยู่ข้างตัวรถด้วยกันกับเมิ่งเหยา“ขอบคุณมากค่ะพี่มู่เฉิน พี่ใจดีมากเลย” ชิงเหยียนเอ่ยขอบคุณพร้อมรับขนมไปด้วยรอยยิ้มจนแก้มแทบปริ ส่วนเมิ่งเหยาไม่ได้ใส่ใจอะไรเดินกลับไปขึ้นรถประจำที่นั่งของตนเองทางด้านหลังเงียบๆ มู่เฉินตั้งใจจะบอกให้ชิงเหยียนแบ่งขนมกับเมิ่งเหยาด้วย แต่เขาเห็นท่าทีเฉยเมยเช่นนั้นของเธอจึงไม่ได้เอ่ยปากอะไรออกไป“เมิ่งเหยาขน

  • ทะลุมิติมาเป็นเศรษฐินียุค 80   ตอนที่ 4 บรรพบุรุษชาเขียว

    เมิ่งเหยาที่เห็นมู่เฉินรีบเดินออกมาปกป้องชิงเหยียน ซึ่งเสแสร้งแกล้งทำเป็นผู้หญิงอ่อนแอถูกเธอรังแก หลี่ตามองดูเขานิดหนึ่งพร้อมอดคิดดูถูกไม่ได้‘ที่แท้ก็คนโง่อีกคนที่หลงเชื่อการแสดงเสแสร้งแกล้งทำของชิงเหยียนได้อย่างง่ายดาย’ เมิ่งเหยาคิดพร้อมถอนหายใจแรงไปทีหนึ่ง“คุณหมอซุน หากฉันบอกว่าฉันไม่สนใจเลยสักนิดว่าสกุลซุนจะรับใครเข้าไปอยู่ในบ้าน หรือคุณกับเสิ่นชิงเหยียนจะมีอะไรกัน มันก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับฉันเลยแม้นแต่น้อย คุณก็คงจะไม่เชื่ออยู่ดีสินะคะ ดังนั้นแล้วคุณจะคิดยังไงก็ตามสบายเถอะ ฉันขอตัวก่อนล่ะ” เมิ่งเหยาเอ่ยอย่างไม่คิดจะใส่ใจกับชายหนุ่มหญิงสาวที่อยู่เบื้องหน้าอีก ก่อนจะเดินจากไปยังไร่ชาเพื่อมองสำรวจสถานที่โดยรอบต่อทางด้านมู่เฉินที่ได้ยินและเห็นท่าทีเฉยชาไม่สนใจอะไรของเมิ่งเหยาก็ถึงกับตกตะลึงไปอีกรอบ เช่นเดียวกับชิงเหยียน เพราะหากเป็นก่อนหน้านี้เมิ่งเหยาคงร้องไห้ฟูมฟายจนใครๆมาเห็นและได้ยิน จากนั้นก็กล่าวโทษว่าเขากลั่นแกล้งเธอ ทำให้เขาโดนพ่อแม่ดุเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา“พี่มู่เฉิน อย่าไปถือสาเมิ่งเหยาเลยนะคะ เธอคงอารมณ์ไม่ดีเพราะรู้ว่าฉันจะเดินทางไปเซินเจิ้นด้วยนะค่ะ” ชิงเหยียนแสร้งทำ

  • ทะลุมิติมาเป็นเศรษฐินียุค 80   ตอนที่ 3 ศัตรูในคราบมิตรสหาย

    หลังจากทุกคนออกไปแล้วเมิ่งเหยาก็ลุกขึ้นมานั่งและมองสำรวจรอบห้องตัวเองอีกครั้ง‘นี่มันยุค 80 จริงๆสินะ น่าสนใจจัง เอาเถอะ..ในเมื่อเธอทะลุมิติมาอยู่ในร่างนี้แล้ว ไม่ว่าจะด้วยเหตุอันใดก็ตาม ต่อ ไปนี้เธอจะใช้ชีวิตเป็นเมิ่งเหยาในโลกใบใหม่ให้ดีเลยล่ะ’ เมิ่งเหยาคิด เธอไม่มีอะไรผูกพันกับโลกก่อนหน้านี้แล้ว พ่อแม่ที่ให้กำเนิดก็ทอดทิ้งไปมีครอบครัวใหม่ตั้งแต่เธออายุยังน้อย ย่าของเธอ..ญาติเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ซึ่งเธอให้ควาสำคัญก็จากไปนานแล้วเช่นกันตอนนี้เธอกลับโชคดีได้มีชีวิตในโลกใบใหม่ มีพ่อแม่ที่ดูท่าว่าจะรักและห่วงใยเธอมาก แม้นแม่ของเธอจะจู้จี้อยากให้เธอแต่งออกไปกับมู่เฉินซึ่งมีสถานะทางบ้าน อาชีพหน้าที่การงานดีพร้อมทุกอย่างก็ตาม แต่ทั้งหมดก็เป็นไปเพราะรักและใส่ใจเธอมากนั่นเองครอบครัวสกุลลู่เป็นครอบครัวฐานะปานกลาง พ่อกับแม่เธอมีทรัพย์สินที่ดินทำกิน ทำการเกษตรสืบทอดต่อกันมาจากบรรพบุรุษ หลังจากรัฐบาลเปิดโอกาสให้ประชาชนทำมาหากินในที่ดินของตนเองและเริ่มค้าขายเองได้ในช่วงปลายยุค 70 พ่อของเธอก็หันมาทำไร่ชา หาเลี้ยงครอบครัวกระจายรายได้ให้คนในหมู่บ้านฉางจงไห่มาโดยตลอด‘เมืองหวงซานเป็นเมืองที่สวยงาม

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status