공유

ตอนที่ 5 สายเลือดพญานาค

last update 최신 업데이트: 2025-12-11 10:01:20

ประเทศไทยปีพุทธศักราชสองพันห้าร้อยหกสิบแปด           

ณ หมู่บ้านนาทราย ซึ่งตั้งอยู่บนริมฝั่งแม่น้ำโขงทางจังหวัดหนองคาย นลินธาราลูกสาวเพียงคนเดียวของช่อผกากับสาคเรศ เธอเป็นลูกครึ่ง ครึ่งหนึ่งเป็นคนอีกครึ่งหนึ่งเป็นพญานาค พ่อของเธอที่จำแลงกายเป็นมนุษย์ลักลอบได้เสียกับแม่จนเกิดเป็นเธอขึ้นมา เมื่อวานเป็นวันหยุดเธอกับพ่อลงไปยังเมืองบาดาลที่อยู่บริเวณสะดือแม่น้ำโขเพื่อเยี่ยมท่านปู่กับท่านย่า ยังเที่ยวไม่หนำใจก็ต้องขึ้นมายังโลกมนุษย์เพื่อทำงานตามเดิม นลินธาราเรียนจบด้านศิลปศาสตร์เอกภาษาจีน พอเรียนจบเธอก็กลับมาทำงานใกล้บ้าน เป็นอาจารย์สอนภาษาจีนอยู่ที่โรงเรียนนารีริมโขงวิทยา

“แม่ อย่าลืมเอาขนมบ้าบิ่นไปกินนำเด้อ” (แม่อย่าลืมเอาขนมบ้าบิ่นไปกินด้วยนะ) นลินธาราบอกแม่หลังจากแต่งตัวเสร็จ เดินลงมาจากชั้นสองของบ้าน เมื่อเช้าเธอลุกขึ้นมาทำอาหารและขนมใส่บาตรแต่เช้า

“บ่อให่พ่อไปส่งอิหลีติ” (ไม่ให้พ่อไปส่งจริง ๆ เหรอ) สาคเรศเอ่ยถามลูกสาวด้วยความเป็นห่วงเป็นใย

“บ่อต้องดอกจ้า เดี๋ยวหนูขับรถไปเอง พ่อกับแม่ไปหายายอยู่โรงบาลโลด” (ไม่ต้องหรอกค่ะ เดี๋ยวหนูขับรถไปเอง พ่อกับแม่ไปหายายที่โรงพยาบาลเถอะค่ะ) ยายของเธอป่วยเป็นโรคเบาหวานมาหลายปี เมื่อวานตอนที่เธอกับพ่อลงไปเมืองบาดาล ยายกลับมีค่าน้ำตาลในเลือดสูง จนต้องนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล เมื่อเช้าแม่ของเธอเพิ่งกลับมาจากโรงพยาบาลเพื่อนำเสื้อผ้ามาซัก ช่วงสายแม่ของเธอต้องกลับไปหายายอีกครั้ง

“ขับรถดี ๆ เด้อ” ช่อผกาบอกลูกน้ำเสียงอ่อนโยน ตอนนี้นลินธาราอายุยี่สิบห้าปีแล้วแต่ลูกสาวก็ยังไม่หาใครมาดูแลสักที ตั้งแต่สมัยไปเรียนต่อปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยอุบลราชธานีเธอก็เดินทางไปไหนมาไหนคนเดียวตลอด

“จ้าแม่” นลินธารายิ้มพลางโอบกอดแม่ไว้หลวม ๆ

ก่อนลูกสาวจะก้าวขาขึ้นรถ สาคเรศจึงรีบพูดออกไป “นลินอย่าฟ่าวไป” (นลินอย่าเพิ่งไป)

นลินธาราชะงักเท้า หันกลับมาถามพ่อ “พ่อมีหยัง” (พ่อมีอะไร) เขาถอดแหวนหยกสีเขียวรูปพญานาคออกจากนิ้วนางของตัวเองแล้วสวมไว้บนนิ้วชี้ข้างขวาให้ลูกสาว นลินธาราขมวดคิ้วถาม “พ่อให่หนูเฮ็ดหยัง” (พ่อให้หนูทำไม)

“ใส่ไว่โลดเผื่ออนาคตนลินสิได้ใซ่มัน” (ใส่ไว้เถอะ เผื่ออนาคตนลินจะได้ใช้มัน) เขาพูดพลางวางมือบนศีรษะของลูกสาวอย่างรักใคร่

“หนูไปก่อนเด้อ” (หนูไปก่อนนะ) นลินธาราพนมมือไหว้พ่อกับแม่ สตาร์ตรถแล้วขับออกไป บรรยากาศวันนี้ดูขมุกขมัวท้องฟ้ามีเมฆหนาแต่เช้าคล้ายว่าฝนจะตก

นลินธาราขับรถออกไปไกลแล้วช่อผกาจึงเอ่ยถามสามี “เอาแหวนให่ลูกแล้วอ้ายสิใซ่หยัง” (เอาแหวนให้ลูกแล้วพี่จะใช้อะไร) แหวนวงนี้เป็นแหวนสารพัดนึก เมื่อสาคเรศไปอยู่ที่เมืองบาดาล ถ้าอยากกินอยากใช้อะไรที่เมืองบาดาลไม่มี เขาสามารถหยิบออกจากแหวนหยกวงนี้ได้ แหวนวงนี้ทำขึ้นจากเกล็ดของท่านปู่ทวดของนลินธารา ซึ่งตอนนี้ท่านละสังขารไปกว่าหนึ่งพันปีแล้ว ไม่สามารถทำขึ้นใหม่ได้อีก กล่าวได้ว่ามีเพียงชิ้นเดียวในสามโลก

“บ่อเป็นหยัง อ้ายบ่อมีหยังให่ลูก ส่ำนั่นมันยังหน่อยไป” (ไม่เป็นไร พี่ไม่มีอะไรให้ลูก แค่นั้นมันยังน้อยไป)

“อ้ายคือเว่าจั่งซั่น ลูกเฮาสิเป็นหยัง” (ทำไมพี่พูดอย่างนั้น ลูกเราจะเป็นอะไร) น้ำเสียงของช่อผกาเคร่งเครียดขึ้น

ดวงตาคมเข้มวูบไหวก่อนจะปรับให้เป็นปกติอย่างรวดเร็ว “บ่อเป็นหยังดอก อ้ายอยากให่ลูกใส่ซือ ๆ” (ไม่เป็นอะไรหรอก พี่อยากให้ลูกใส่เฉย ๆ) ว่าจบเขาหลุบตามองต่ำเดินเข้าบ้านไปโดยไม่มองหน้าภรรยาอีก เรื่องราวทุกอย่างในโลกนี้ล้วนเป็นไปได้ทั้งสิ้น แม้แต่เขาที่เป็นพญานาคยังสามารถมีภรรยาเป็นมนุษย์ได้เลย เพียงแต่ข้อเสียของเรื่องนี้ก็มีอยู่

นั่นก็คือเขาสามารถมีบุตรกับมนุษย์ได้เพียงคนเดียว อีกทั้งบุตรคนนั้นที่เป็นครึ่งคนครึ่งนาคจะอายุสั้น ส่วนมากอายุน้อยกว่าสามสิบปีก็ต้องละสังขารแล้ว เรื่องนี้เขาไม่ได้บอกแก่ภรรยา และเขาต้องยอมรับมันให้ได้ ในเมื่อท่านพ่อของเขาทัดทานแล้ว แต่เขาไม่ยอมเชื่อฟัง ยังดึงดันที่จะมีบุตรกับช่อผกาให้ได้เพราะเขาไม่เคยเชื่อกฎข้อนี้ เช่นนั้นผลที่ตามมามันย่อมเจ็บปวดเสมอ

ทว่ามันก็เป็นความเจ็บปวดที่งดงามที่ได้มองเห็นบุตรสาวเพียงคนเดียวเติบโตขึ้นมาอย่างสวยงาม เธอเป็นผู้หญิงที่เก่งและเพียบพร้อมขนาดนี้ แต่ความเก่งของลูกสาวก็ทำให้เธอหาคู่ครองได้ยาก บัดนี้ถึงเวลาที่นลินธาราจำต้องเดินทางไปตามหาหัวใจของตน คนผู้นั้นกำลังดึงดูดให้เธอไปหา แม้อยู่ไกลจนสุดหล้าฟ้าเขียวก็ตาม ขอให้บุตรสาวอยู่ที่นั่นอย่างปลอดภัย เขาช่วยลูกได้เท่านี้จริง ๆ แม้อยากจะรั้งก็รั้งไม่ได้แล้ว

ช่อผกามองแผ่นหลังของสามีอย่างไม่วางใจนัก ปกติแหวนหยกนั้นเป็นสิ่งสำคัญต่อชีวิตเขามาก ถ้าไม่ถึงคราวจำเป็นแล้วเขาคงไม่ถอดแหวนให้กับบุตรสาว

นลินธารามาทำงานได้ครึ่งวันก็ต้องวิ่งเข้าห้องผู้อำนวยการโรงเรียนเพื่อขอลางานในช่วงบ่าย เพราะแม่เพิ่งโทร. มาบอกว่ายายอาการทรุดหนัก อยากให้เธอกลับไปดูใจให้เร็วที่สุด เธอสาวเท้าเร็วออกจากห้องผู้อำนวยการแล้วรีบวิ่งไปที่รถยนต์ที่จอดอยู่ในโรงจอดรถของโรงเรียน

“ครูนลิน เจ้าสิฟ่าวไปไส เจ้ากินเข่าเที่ยงแล่วเบาะ” (ครูนลิน คุณจะรีบไปไหน คุณกินข้าวเที่ยงแล้วเหรอ” ครูสอนภาษาไทยเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงเมื่อเห็นครูรุ่นน้องวิ่งออกมาจากห้องผู้อำนวยการอย่างเร่งรีบ

“บอจ้าบ่อทันได้กิน หนูสิฟ่าวไปโรงบาล ยายหนูป่วยหนักจ้า” (ยังค่ะ ยังไม่ได้กิน หนูจะรีบไปโรงพยาบาล ยายหนูป่วยหนักค่ะ) เสียงเธอสั่นเล็กน้อย พยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้สุดกำลัง

“โอ๋ จั่งซั่นเบาะ ขับรถดี ๆ เด้อสะ” (อ้าวเหรอ ถ้าอย่างนั้นขับรถดี ๆ นะ) เห็นสีหน้าของครูสาวซีดเผือด ครูสอนภาษาไทยก็ไม่อยากถ่วงเวลา เธอจึงไม่ถามต่อ

“ค่ะ”

이 책을.
QR 코드를 스캔하여 앱을 다운로드하세요

최신 챕터

  • ทะลุมิติไปเป็นฮูหยินแม่ทัพอัปลักษณ์    ตอนที่ 10 แค่ห่มผ้าให้

    ปีนั้นเขาอายุเพียงสิบแปดปี ออกรบกับท่านพ่อที่ชายแดนบูรพา ท่านพ่อของเขานำทัพทหารกว่าสิบหมื่นนายออกไปทำศึกกับแคว้นเป่ยเอี้ยน ตอนนั้นหัวหน้าแคว้นเป่ยเอี้ยนคือหลูกัง ท่านพ่อของเขาสู้กับหลูกังจนตัวตายในสนามรบ พอเขาทราบว่าท่านพ่อพลาดท่าให้กับหลูกัง เขาจึงรวบรวมขวัญกล้าที่มีอยู่ทั้งหมด นำกองทัพเข้าโจมตีแม่ทัพหลูอย่างห้าวหาญ แต่ในระหว่างที่เขากำลังควบม้าไล่ล่าแม่ทัพหลูอยู่นั้น หมวกบนศีรษะของเขาก็ตกลงบนพื้น นายกองอาวุโสฝ่ายตรงข้ามฉวยโอกาสจังหวะนั้นใช้ดาบฟันเข้าที่ใบหน้าฝั่งซ้ายของเขาจนเป็นแผลลากยาวตั้งแต่สันจมูกลงมาจนถึงคาง กระนั้นเขาก็เงื้อดาบฟันสะพายแร่งจนร่างทหารนายกองคนนั้นขาดเป็นสองท่อนจากนั้นก็ควบม้าฟาดฟันศัตรูอย่างบ้าคลั่ง จนสามารถตัดศีรษะของแม่ทัพหลูกลับมาได้โดยไม่สนใจความเจ็บปวดบนใบหน้าของตนเลยสักนิด เขาได้รับชัยชนะจากการทำศึกครั้งนั้น และได้รับการแต่งตั้งเป็นแม่ทัพแดนบูรพาแทนท่านพ่อในวัยเพียงสิบแปดปี เพราะแผลที่ใบหน้าของเขาเหวอะหวะน่ากลัวยิ่งตอนที่ไล่ฟันศัตรูเขาจึงได้รับสมญานามว่าแม่ทัพปีศาจแดนบูรพาตั้งแต่วันนั้น แต่ความมั่นใจของเขากลับน้อยลงไปแทบไม่มีเหลือ จนต้องสวมหน้ากากเหล็กไว้ต

  • ทะลุมิติไปเป็นฮูหยินแม่ทัพอัปลักษณ์    ตอนที่ 9 พบหน้า

    สุดท้ายหลิวหนิงเจียวจึงเลือกชุดสีฟ้าอ่อนซึ่งขับผิวขาวของนางให้กระจ่างใสมากขึ้น นางมองทรวดทรงองค์เอวของตนในคันฉ่องอย่างพอใจ คนอะไรตัวเล็กตัวน้อย ทั้งสวยทั้งน่ารัก คนผิวขาวใส่อะไรก็ขึ้นไปหมด “ฮูหยินผัดหน้าแค่นั้นหรือเจ้าคะ” นางทาแป้งเพียงบางเบา แต้มชาดพอให้มีเลือดฝาด ส่วนริมฝีปากก็ทาเพียงขี้ผึ้งบำรุงริมฝีปากสีชมพูอ่อนเท่านั้น “เจ้าเห็นว่าข้าไม่สวยอย่างนั้นรึ” “ไม่ใช่เจ้าค่ะ เพียงแต่ฮูหยินไม่เคยผัดหน้า…” นางรีบโบกมือ “ก็บอกแล้วว่าเรื่องของอดีตลืมมันไปเสีย ต่อไปนี้ข้าจะเป็นคนใหม่” “เจ้าค่ะ” นายหญิงเปลี่ยนกะทันหันเกินไป นางตั้งรับไม่ค่อยทัน นี่ใช่ฮูหยินคนเดิมของนางจริง ๆ หรือ “ฮูหยินเจ้าคะ” “เจ้ามีสิ่งใดอีก” “กลิ่นกายฮูหยินหอมคล้ายขนมเลยเจ้าค่ะ” หลิวหนิงเจียวนิ่งงัน ก่อนจะนึกขึ้นได้ นางเพิ่งกินขนมบ้าบิ่นก่อนเดินออกมาจากห้องอาบน้ำ จึงพูดบ่ายเบี่ยงออกไปว่า “กลิ่นกายข้าก็เป็นเช่นนี้” พูดจบนางทำไม่รู้ไม่ชี้เดินไปหยิบหนังสือมานั่งอ่านบนเก้าอี้ แม้ไม่คลายสงสัยแต่ซินอี๋ก็ไม่ได้กล่าวออกอีก น

  • ทะลุมิติไปเป็นฮูหยินแม่ทัพอัปลักษณ์    ตอนที่ 8 เต็มใจ

    “ข้าเต็มใจเป็นภรรยาของท่านแม่ทัพหานเจ้าค่ะ” หลิวหนิงเจียวยืนยันเสียงหนักแน่น สามีหน้าตาอัปลักษณ์แล้วอย่างไร อย่างน้อยใบหน้าอีกซีกหนึ่งของเขาก็ยังอยู่ดีไม่ใช่หรือ บางครั้งรอยแผลเป็นภายใต้หน้ากากนั้นอาจจะไม่ได้น่ากลัวอย่างที่ทุกคนคิด ถ้าเขาไม่อยากให้นางเห็นก็เป็นเรื่องของเขา อย่างไรแม่ทัพแดนบูรพาก็เป็นคนเก่งส่วนเรื่องที่ว่าเขาชอบทำร้ายร่างกายของสตรีนั้นนางขอดูอีกครา หากเขากล้าลงไม้ลงมือกับนางจริง มีหรือคนอย่างนลินธาราจะยอมอยู่นิ่งเฉยโดยไม่ทำอะไร ถึงตายนางก็ไม่ยอมให้สามีตบตีนางฝ่ายเดียวหรอก อีกทั้งเขาเป็นถึงท่านแม่ทัพผู้องอาจเกรียงไกรถ้ากล้าทำร้ายสตรีจะไม่อายสุนัขหรืออย่างไร “เช่นนั้นก็ดี ถ้าหยางเอ๋อร์กลับมาเจ้าก็อย่าแสดงว่ารังเกียจเขามากนัก” “เจ้าค่ะท่านย่า” ฮูหยินผู้เฒ่ากับมารดาสามีกลับไปแล้วหลิวหนิงเจียวจึงเตรียมตัวอาบน้ำชำระร่างกาย นางนั่งลงบนเก้าอี้หน้าคันฉ่องบานใหญ่ และแล้วนางก็ต้องตกใจกับใบหน้าตัวเอง สองมือยกขึ้นลูบแก้มตัวเอง พึมพำออกมาเป็นภาษาไทย “เป็นผู้หญิงที่หน้าเล็กมาก แต่ว่าโบกหน้าหนายิ่งกว่าถนนลาดยางในหมู่บ้านเสียอีก” นางเพิ่

  • ทะลุมิติไปเป็นฮูหยินแม่ทัพอัปลักษณ์    ตอนที่ 7 ข้าคิดน้อยเกินไป

    ภายในเรือนดอกเหมยหลังจากบ่าวรับใช้มารายงานว่าหลิวหนิงเจียวฟื้นแล้วฮูหยินผู้เฒ่าก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกออกมาสายหนึ่ง นางกำลังเป็นห่วงหลานชาย อย่างไรเขาก็มีความผิดที่ไม่ยอมเข้าหอในวันแต่งงาน ทั้งภรรยายังคิดฆ่าตัวตายในวันแต่งงานอีก หากหลิวหนิงเจียวไม่ฟื้นเกรงว่าชีวิตของหลานชายคงรักษาไว้ไม่ได้แล้ว “นางไม่น่าทำอย่างนี้เลย ใจเสาะเช่นนี้จะอยู่กับบุตรชายข้าได้กี่วันกันเชียว” ลู่ซื่อเอ่ยออกอย่างเหนื่อยหน่ายใจ แรกเริ่มนางยังดีใจที่ลูกชายจะมีภรรยา แต่ภรรยาที่ไม่เต็มใจแต่งให้บุตรชายซ้ำยังคิดทำลายชีวิตตนเช่นนี้ ดูแล้วคงไม่เหมาะที่จะเป็นฮูหยินของเขาเท่าไรนัก ฮูหยินผู้เฒ่าถอนหายใจอีกครั้ง “เป็นใครก็คงคิดทำเช่นนั้น นางรอดชีวิตมาได้ก็ดีมากแล้ว ชื่อเสียงของหยางเอ๋อร์ก็ใช่ว่าจะดี” ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยกับลูกสะใภ้ นางทราบดีว่าผู้คนนอกจวนพูดถึงหลานชายของนางว่าอย่างไรบ้าง “ข้าจะไปเยี่ยมนางสักหน่อย เจ้าจะไปหรือไม่” “ไปเจ้าค่ะ” ถึงแม้ลูกสะใภ้ทำไม่ถูกใจนางแต่เมื่อหลิวหนิงเจียวเข้ามาอยู่ในจวนสกุลหานแล้ว คนผ่านความเป็นความตายมา หากไม่หยิบยื่นไมตรีให้สักหน่อยจะไม่ใจจืดใจดำเกินไปหรือ

  • ทะลุมิติไปเป็นฮูหยินแม่ทัพอัปลักษณ์    ตอนที่ 6 ไม่ได้ฝันไป

    ตอนนี้จิตใจของนลินธาราไม่อยู่กับเนื้อกับตัว แม่บอกว่ายายคงอยู่ได้ไม่เกินพรุ่งนี้เธอยิ่งใจคอไม่ดี ถึงยายจะป่วยมานานแต่เธอก็ยังทำใจยอมรับไม่ได้หากยายจะจากไปตอนนี้ เธอหวนคิดถึงคำพูดของยายเมื่อปีที่แล้วอีกครั้ง‘ยามได๋นลินสิพาผู้บ่าวมาแนะนำยายจักเทือ ยายอยากเห็นหน่าหลานเขย ชาตินี่ยายสิได้เห็นบ่อ” (ตอนไหนนลินจะพาแฟนมาแนะนำยายสักที ยายอยากเห็นหน้าหลานเขย ชาตินี้ยายจะได้เห็นไหม) ผู้เป็นยายพูดเสียงเนือย ๆ จะให้เป็นคนหรือเป็นพญานาคก็ได้ทั้งนั้น ขอเพียงหลานสาวเป็นฝั่งเป็นฝาก่อนที่เธอจะเสียชีวิตตอนนั้นนลินธาราพูดอย่างหยอกเย้ายายว่า ‘เป็นหยังยายสิบ่อเห็น ยายแข็งแฮงกะด้อ หนูหัวกะอายุยี่สิบสี่ปีนึง ยังมีเวลาเลือกอีกโดน หนูยังหาครูสอนภาษาจีนหล่อ ๆ บ่อพ่อเลย’ (ทำไมยายจะไม่เห็น ยายแข็งแรงจะตาย หนูเพิ่งจะอายุยี่สิบสี่ปีเอง ยังมีเวลาเลือกอีกนาน หนูยังหาครูสอนภาษาจีนหล่อ ๆ ไม่ได้เลย) ว่าพลางก้มลงกอดยายที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย ยายของเธอทำเพียงกอดตอบ เพราะขืนรบเร้าต่อไป หลานสาวก็ไม่ยอมมีแฟนสักที ถึงตอนนั้นตายตาไม่หลับก็คงต้องยอมแล้ว รถยนต์คันสีแดงเลือดนกขับออกมาจากโรงเรียนอย่างช้า ๆ เพราะฝนตกต

  • ทะลุมิติไปเป็นฮูหยินแม่ทัพอัปลักษณ์    ตอนที่ 5 สายเลือดพญานาค

    ประเทศไทยปีพุทธศักราชสองพันห้าร้อยหกสิบแปด ณ หมู่บ้านนาทราย ซึ่งตั้งอยู่บนริมฝั่งแม่น้ำโขงทางจังหวัดหนองคาย นลินธาราลูกสาวเพียงคนเดียวของช่อผกากับสาคเรศ เธอเป็นลูกครึ่ง ครึ่งหนึ่งเป็นคนอีกครึ่งหนึ่งเป็นพญานาค พ่อของเธอที่จำแลงกายเป็นมนุษย์ลักลอบได้เสียกับแม่จนเกิดเป็นเธอขึ้นมา เมื่อวานเป็นวันหยุดเธอกับพ่อลงไปยังเมืองบาดาลที่อยู่บริเวณสะดือแม่น้ำโขเพื่อเยี่ยมท่านปู่กับท่านย่า ยังเที่ยวไม่หนำใจก็ต้องขึ้นมายังโลกมนุษย์เพื่อทำงานตามเดิม นลินธาราเรียนจบด้านศิลปศาสตร์เอกภาษาจีน พอเรียนจบเธอก็กลับมาทำงานใกล้บ้าน เป็นอาจารย์สอนภาษาจีนอยู่ที่โรงเรียนนารีริมโขงวิทยา“แม่ อย่าลืมเอาขนมบ้าบิ่นไปกินนำเด้อ” (แม่อย่าลืมเอาขนมบ้าบิ่นไปกินด้วยนะ) นลินธาราบอกแม่หลังจากแต่งตัวเสร็จ เดินลงมาจากชั้นสองของบ้าน เมื่อเช้าเธอลุกขึ้นมาทำอาหารและขนมใส่บาตรแต่เช้า“บ่อให่พ่อไปส่งอิหลีติ” (ไม่ให้พ่อไปส่งจริง ๆ เหรอ) สาคเรศเอ่ยถามลูกสาวด้วยความเป็นห่วงเป็นใย“บ่อต้องดอกจ้า เดี๋ยวหนูขับรถไปเอง พ่อกับแม่ไปหายายอยู่โรงบาลโลด” (ไม่ต้องหรอกค่ะ เดี๋ยวหนูขับรถไปเอง พ่อกับแม่ไปหายายที่โรงพยาบาลเถอะค่ะ) ยายของเธ

더보기
좋은 소설을 무료로 찾아 읽어보세요
GoodNovel 앱에서 수많은 인기 소설을 무료로 즐기세요! 마음에 드는 책을 다운로드하고, 언제 어디서나 편하게 읽을 수 있습니다
앱에서 책을 무료로 읽어보세요
앱에서 읽으려면 QR 코드를 스캔하세요.
DMCA.com Protection Status