“ว่าไง เงียบทำไม…” เจ้าของร่างสูงใหญ่ที่ทาบทับอยู่ย้ำถาม
ปันที่นิ่งเงียบเพราะความกระดาก หากแต่อีกฝ่ายอยากได้คำตอบ จึงจิกตามองค้อน ก่อนจะตอบกลับไปว่า
“มันใช่เรื่องที่จะเอามาพูดไหม”
…ถ้าให้ตอบ มันก็ดี ดีจนไม่กล้าปฏิเสธ… แต่จะให้ตอบก็ไม่กล้า!
“ไม่ จนกว่านายจะตอบ และทำตามความต้องการจนฉันพอใจ”
“นี่คุณเดร์ ที่ผมยอมอยู่ทุกวันนี้ ไม่พอใจคุณอีกเหรอครับ” ปันมองคนเอาแต่ใจเอาแต่ได้ ผิดกับมาดนิ่งขรึมยามที่นั่งสั่งงานต่อหน้าลูกน้องอย่างฟ้ากับเหว
“ไม่! ทำไมกลัวใจ หรือกลัวที่จะไปกับฉัน…”
“ใช่”
“ไม่ใช่กลัวคนของนายเห็น เวลาออกไปไหนมาไหนกับฉัน” คิ้วหนาขมวดนูนประหนึ่งมีโจทย์ต้องเร่งหาคำตอบด่วน
ปันหรี่ตามองคนพูด ก่อนจะเลือกตอบเพื่อตัดความรำคาญ “ก็ไช่”
“หึ!” แล้วปลายจมูกโด่งก็ซุกลงมาที่ซอกคอ สลับกับซี่ฟันขาวขบกัดลงมาประหนึ่งเป็นการลงโทษ
“หือ คุณเดร์ อย่าทำรอย!” ปันร้องปราม พร้อมกับใช้ฝ่ามือดันอกหนาให้ออกห่างพร้อมกับขยับดิ้น แต่อีกฝ่ายไม่ขยับเขยื้อน ซ้ำยังกดน้ำหนักลงมามากกว่าเดิม จนรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง จึงหยุดการกระทำ
“กลัวใครเห็น” น้ำเสียงของเดร์ขุ่นกว่าเก่า
ปันตาหรี่แคบ “เอะคุณ!” ปันอยากบอก แต่คิดว่าคนอย่างเดร์คงไม่ใสใจความรู้สึกคนอื่น จึงเก็บความไม่พอใจเอาไว้
“ดื้อไม่พอ ยังปากดี มันต้องโดน” เดร์บอก ในขณะที่ผละใบหน้าออกมาเพียงนิด โดยสายตาจ้องคนใต้ร่างอย่างอยากกำราบให้อยู่หมัด
ซึ่งการขยับและเสียดสีของปันก่อนหน้า ส่งผลให้บางอย่างของคนตัวโตถูกกระตุ้นตื่นตัว ดุนดันอยู่ตรงหน้าขา จนปันใจเต้นระส่ำ กัดริมฝีปากแน่นเพื่ออดกลั้น โดยที่เจ้าของส่วนนั้นยังทำทีเหมือนตัวเองยังปกติดี…
“นิ่งทำไม ขยับอีกสิ”
“ไม่…” ปันตอบเสียงแข็ง หากนัยน์ตาหวาดหวั่นฉายชัด กลัวโดนอีกรอบ หากยังทำตัวไม่น่ารักและปากดีตามที่อีกคนกล่าว
“ผมยอมไปข้างนอกกับคุณก็ได้”
ก่อนไฟจะลามไปทั่วห้องเหมือนทุกครั้ง ปันจึงดับไฟแต่ต้นลม
ลมหายใจอุ่นร้อนรดลงมาใส่หน้า ประหนึ่งเสียดาย ก่อนจะกระตุกยิ้ม “พูดง่าย ๆ ตั้งแต่แรกก็จบเรื่อง” แล้วผละออกจากคน ‘ดื้อ’ อย่างอ้อยอิ่ง
เมื่ออีกฝ่ายยอม เดร์ก็พร้อมตัดใจรอคอยครั้งต่อไป…
ในโรงแรมหรูระดับห้าดาวที่ปันไม่คิดว่าตัวเองจะโอกาสได้เข้ามานั่งใช้บริการ หากชายผู้ที่ใช่เงินเป็นเบี้ยคนนี้ ไม่ลากมาด้วยชาตินี้ทั้งชาติ ก็คงได้แต่เหม่อมองดูอยู่ตรงข้างทาง
“กินอะไรก็สั่งเอา” พูดจบ ก็ยื่นเมนูอาหารมาให้ตรงหน้า
ปันรับเมนูที่ถูกส่งมาเปิดดู วนดูกลับไปกลับมาหลายรอบแต่ก็ตัดสินใจไม่ได้เสียที เพราะแต่ละเมนูไม่คุ้นตาและคุ้นเคยเลย
“ผมไม่เคยกินอาหารพวกนี้ คุณจะกินอะไรก็สั่งเถอะครับ”
เดร์มองหน้าปัน หากแต่อดอมยิ้มไม่ได้ เมื่อเขาเห็นความเป็นเด็กน้อยที่เหมือนโดนบังคับให้ทำในสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบ!
เดร์ละสายตาจากคนตรงหน้า แล้วหันไปพยักหน้ากับพนักงานที่ยืนรอบริการก่อนจะชี้ไปบนเมนูโดยไม่เสียเวลาคิด
“แค่นี้”
‘แค่นี้’ ของเขา ปันถึงกับหน้าจืดเจื่อน เพราะอาหารที่เขาสั่ง สิบคนก็กินไม่หมด
พนักงานรีบจดรายการแล้วเดินออกไป ผ่านไปไม่นานอาหารก็ถูกนำมาวางเรียงไว้ตรงหน้า
ปันมองจานอาหารที่ถูกจัดแต่งไว้อย่างสวยหรู จนไม่กล้าแตะ ก่อนจะกลืนน้ำลายลงคอ
“คุณจะกินหมดเหรอ” ถามพลางกวาดสายตามองไปที่เมนูอาหารแต่ละจาน
“ไม่หมดก็ทิ้ง” คำพูดราบเรียบพอกับสีหน้า แล้วหยิบผ้าที่พับวางอยู่คลี่ออกวางบนหน้าตัก
“ลืมไปว่าคุณรวย ส่วนผมคนหาเช้ากินค่ำ ความคิดความอ่านก็คงไม่เหมือนกัน”
“แต่เราทำเรื่อง… เดียวกันได้” เสียงทุ้มหนักตอบกลับมาพร้อมกับพินิจหนุ่มตรงหน้าซึ่งอ่อนกว่าตัวเองหลายปี ที่บางทีชอบคิดเล็กคิดน้อยเกินไป
ปันนิ้วหน้าครุ่นคิด ว่าเรื่องเดียวกันคือเรื่องอะไร จนกระทั่งเห็นแววตากรุ่มกริ่ม อย่างคนเจ้าเล่ห์จ้องอยู่ก่อนแล้ว จึงก้มหลบสายตา หน้าร้อนผ่าว
“…เรื่องอย่างว่าอีกตามเคย”
ปันบ่นงุบงิบ เพราะตั้งแต่อยู่ใกล้จนตัวเกือบติดกัน เขาก็หมกมุ่นอยู่กับเรื่องอย่างว่าจริง ๆ
“นายก็ชอบไม่ใช่เหรอ” เสียงทุ้มเรียบของเดร์เปรยขึ้นโดยไม่ได้หวังคำตอบ
ปันช้อนตาขึ้นมองค้อน คุณนี่มัน… ปันคิดอย่างเหนื่อยหน่าย เถียงไปก็ไม่มีวันชนะ! ก่อนจะเลิกสนใจ และจัดการกินอาหารตรงหน้าอย่างเงียบ ๆ โดยไม่สนสายตาคมเข้ม ที่มองตัวเองอย่างอยากจะกลืนกินแค่ไหน
ระหว่างที่นั่งกินอยู่นั้นปลาชิ้นเล็กก็ถูกตักส่งมาให้ในจาน ปันเหลือบตามองด้วยความคลางแคลงใจ กับการกระทำเช่นนี้
เถอะ! หากเป็นคู่รักคงไม่ใช่เรื่องแปลก หากแต่สำหรับตนเป็นเพียงคู่นอนขัดดอก
“ขอบคุณครับ…” ปันตอบกลับไปเป็นมารยาท “แต่ผมตักเองได้ครับ” ปันบอกในขณะที่หัวใจเต้นหน่วงผิดจังหวะ
หากแต่มุมปากยักกระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์ “คืนนี้… ฉันอยากให้นายมีแรงต้านฉันเยอะ ๆ”
ปันตาโต “นี่คุณ... ไม่คิดจะปล่อยให้ผมกลับไปทำงานบ้างเลยหรือครับ” ทั้งโกรธทั้งอายผสมกันไปหมด โดยไม่อยากคิดเข้าข้างตัวเอง ว่าอีกฝ่ายหลงจนไม่อยากให้ปล่อยกลับห้อง
“นี่ก็งานไง…” น้ำเสียงและสายตาจริงจัง หากแต่ดูเร้าร้อน จนปันต้องหลบสายตา
“แต่ ผมต้องทำงานเพื่อเอาเงินมาเสียหนี้ให้คุณนะครับ”
“ก็รีบทำให้ฉันอิ่มสิ จะได้ปล่อยนายไปทำงานหาเงินมาใช้หนี้”
ปันตาขวางมองคนเอาแต่ได้ ก่อนจะเหลือบตามองชายใส่สูทที่ยืนตัวตรงหน้านิ่ง เหมือนไม่หายใจ
...อาจจะเป็นเพราะชินกับการ กระทำของเจ้านายไปแล้วกระมั่ง! ปันคาดเดา แล้วหันกลับมาส่งค้อนให้ชายหนุ่มผู้เอาแต่ได้ด้วยความหงุดหงิดใจ
“คุณนี่มัน…”
จะพูดไป อีกฝ่ายก็ไม่รู้สึกเจ็บ เมื่อมุมปากยักยกสูงอย่างเป็นต่อ ปันจึงตักข้าวเข้าปากเพื่อลดอารมณ์ตึงเครียดไปเงียบ ๆ
ปันปาดน้ำตาทิ้ง เมื่อเพื่อนทยอยกันเดินเข้ามาอวยพรวันเกิดพร้อมของขวัญที่ทุกคนรวบรวมเงินกันซื้อมาให้ โดยแสนกับเกมเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงของเรื่องนี้ทั้งหมด รวมทั้งเพื่อนและรุ่นพี่ที่ทำงานบาร์โฮสต์ก็มากันหมดทุกคนงานเลี้ยงเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ และรอยยิ้มจนกระทั่งเพื่อนๆ ทยอยกันกลับไปบ้างแล้ว“คเชนทร์...” เดร์ผลุดลุกขึ้นเมื่อเห็นลูกน้องคนที่อยู่ในใจเสมอปรากฏตัวอยู่ตรงหน้า“ผมมาแสดงความยินดีกับคุณปันและนายครับ นี่ของขวัญเล็กๆ น้อยๆ จากผม”ปันมองใบหน้าของคเชนทร์ที่ไร้ความสดใสอย่างเคย ก่อนจะรับของในมือมาถือไว้“คุณหายไปไหน รู้ไหมผมถามเรื่องคุณ คุณเดร์ก็ให้คำตอบกับผมไม่ได้” ปันเอ่ยสีหน้าน้อยใจคเชนทร์ยิ้มบางๆแล้วตอบกลับ “ผมก็อยู่ใกล้ๆ นี่แหละ เห็นยัง วันสำคัญคุณปัน ผมก็มาได้” คเชนทร์ตอบอย่างเต็มปากเต็มคำ ปันยิ้มขื่น“นายไม่กลับไปได้ไหม” เดร์เป็นคนเอ่ยขึ้นบ้างหลังจากที่ยืนเหมือนคนน้ำท้วมปากอยู่นาน“ผมกลับไปนะดีแล้ว เพราะหลังจากนี้นายกับคุณปัน จะไม่มีเรื่องอะไรเข้ามากระทบหรือกวนใจได้อีก”ซึ่งคำของคเชนทร์ทำให้เดร์ถึงกับพูดไม่ออก หากแต่ปันยังงงกับสิ่งที่ทั้งคู่กำลังพูดสื่อกันอยู่“เฮยู!” เสียงแหลมห้
เดร์หยุดพูดแล้วมองหน้าปัน ที่อยู่ใกล้เพียงลมหายใจสัมผัส “ในวันที่มองไปไม่เห็นนายอยู่ข้างๆ มันเหมือนวันนั้นมีอะไรขาดไป จนไม่เป็นตัวของตัวเอง เหมือนหายใจแต่หายใจไม่สุด” สายตาล่ำลึกมองจ้องวงหน้าสีเรื่อ เว้าวอนเกมขอร้อง ว่าอย่าได้หายไปไหนอีก...“นายรู้สึกกับฉันแบบนั้นบ้างหรือเปล่า”“ผมมีสิทธิ์คิดแบบนั้นได้หรือครับ”“นายได้สิทธิ์นั้นนานแล้วปัน...”“ครับขอบคุณที่ให้โอกาสเด็กขี้ดื้อคนนี้นะครับ”“เช่นนั้น ฉันให้โอกาสตัวเองด้วยไง”“แต่...”“แต่อะไร”“อย่าโหดกับใคร หรือผมอีกได้ไหมครับ ผมกลัว”“ที่ฉันโหด เพื่อให้ได้ใจนายต่างหาก”“อะ...”“หากฉันใจดีกับนาย แล้วจะได้นายมาแนบกายไหมล่ะ”“โธ่ไม่เอาแบบนี้ รักชอบก็บอกกันดีๆ ก็ได้ ผมคนขี้กลัว...”“ได้สัญญาว่าจะไม่โหด แต่กับนายนะ... ส่วนคนนอกต้องดูเป็นกรณีๆไป”เดร์ก็คือเดร์นักธุรกิจที่มีกฎเหล็กอยู่ในหัว...ปันค้อนให้ หากแต่ซุกใบหน้าไปบนอกแกร่ง กอดรัดร่างหนาแน่นขึ้นประหนึ่งแค่นี้ก็รู้สึกปลอดภัยที่สุดแล้ว...เดร์ลูบไปบนผิวกายของปันเบาๆ ด้วยความรักและอยากปกป้อง จากนี้ต่อไปเดร์สัญญากับตัวเอง ว่าจะไม่ให้คนที่รักเสียน้ำตาหรือเจอเรื่องที่น่ากวาดกลัวอีก!มหาฯลัย
ในห้องน้ำที่กว้างกว่าหอพัก เดร์ค่อยๆ วางปันลงในอ่างกุชชี่สีครีม โดยปันไม่ทีท่าทีขัดขืนแต่อย่างใดก๊อกน้ำถูกเปิดให้น้ำไหลลงอ่างเอื่อย ๆ ปันถูกจัดให้นั่งอยู่กลางอ่างสองขายกชันขึ้น เดร์ก็นั่งลงในท่าเดียวกัน ก่อนจะขยับเข้าไปใกล้สอดขาทั้งสองข้างซ่อนไขว้กัน ประกายตาหวามไหวมองสบกันปันก้มหน้ายิ้มอาย ลองมาในท่านี้ ไม่พ้น.... ปันคิดลมหายใจเกือบรดใส่กัน เดร์ยื่นมือไปจับใบหน้าที่ก้มหนีสายตา ให้หันมามอง แล้วเลื่อนมืออีกข้างไปจับต้นคอระหง เพื่อรอรับจังหวะจุมพิตที่ส่งลงมาประกบทาบทับอบอุ่น นุมนวลแต่อุ่นซ่านไปทั้งกาย...เดร์ค่อยๆ เลาะเล็มไปบนริมฝีปากอมชมพูหวานหอม ที่ชิมมาแล้วจนคุ้นชิน หากแต่ไม่รู้เบื่อ ในณะที่มือข้างหนึ่งของเดร์เริ่มทำงานล้วงลึกลงไปใต้น้ำและจับสิ่งที่อ่อนนุ่มแล้วขยับรูดไปมา“อ่าส์ ...” เสียงครางแผ่วเบาของปันเริ่มดังขึ้นเดร์กระหยิ่มพอใจ ยอมรับว่าปันเป็นชายหนุ่มที่น่าจุดไฟสวาทได้ง่ายที่สุด เพราะแค่เพียงสัมผัสไม่ว่าตรงจุดไหน คนตัวเล็กก็ตอบรับได้อย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งที่ไม่ใช่รอบแรกของวันนี้ที่พากันแตะฝั่งฝันเดร์ถอนริมฝีปากออกห่าง แล้วเปลี่ยนมาดึงตัวของปันให้มานั่งคร่อมบนขาของตน จากนั
เดร์กระตุกยิ้มอย่างผู้มีชัย แล้วเงยหน้าขึ้นค่อยๆ ปล่อยสะโพกเด้งลงมาต่ำ จนปันรับรู้ได้ถึงความแข็งขืนที่ถูกดันเข้ามาทักทายในช่องทางสีหวาน พร้อมกับแรงกดเข้าเป็นจังหวะ และแรงดันมาจากด้านล่าง“อึก! ซีดส์…” ปันกัดปากกลั้นเสียงคราง ทั้งเจ็บทั้งเป็นสุข“อย่าเกร็ง...” เสียงทุ้มกระเส่าบอกเบาๆ แล้วก้มใบหน้าลงไปหาแผ่นหลังขาวเนียน ก่อนจะใช้ลิ้นลากไล้เลียเม็ดเหงื่อที่ผลุดชุ่มออกมา แล้วกลืนกินรสชาติของบุรุษเพศอย่างไม่นึกรังเกียจซึ่งการกระทำของเดร์ เป็นสิ่งกระตุ้นให้อีกฝ่ายตอบรับได้มากขึ้น จากนั้นเป็นปันที่โยกตัวเองเพื่อเติมเต็มสิ่งที่แข็งคาอยู่ตรงช่องทางสีหวานเข้าไปจนสุดลึก“อ่าส์ ปัน นายทำดีมาก....”เดร์หลุดครางออกมาด้วยความพออกพอใจ เช่นเดียวกับปันที่ครางออกมาด้วยความสุขสมปันเหงนหน้าหู่ปากสูดเอาอากาศแล้วเข้าปอดแล้วค่อย ๆ ผ่อนออกมา เพื่อบรรเทาความกระสันเสียว นัยน์ตาสุขเคลิ้มฝัน เมื่อสองมือหนาจับเอวกิ่วแล้วขยับยกให้เป็นจังหวะ โดยที่ตัวเองก็เด้งช่วยด้วย ซึ่งเป็นการช่วยที่ลงตัวควบคู่ไปกับจังหวะเพลงรัก จนเกิดเป็นเสียงครางกระเส่าแข่งกันอยู่ภายในรถแม้จะอยู่ในที่แคบ หากแต่ไม่ได้ทำให้รสรักเสียจังหวะแต่อย
การสั่นสะเทือน ของยานพาหนะที่กำลังเคลื่อนตัวอยู่ในความเร็วมากกว่าปกติที่เคยขับ ทำให้คนที่หลับไม่ได้สติเริ่มขยับและรู้สึกตัว เดร์แม้จะไม่มีสมาธิมากนักแต่ก็ประคองรถขับออกไปยังจุดหมายปลายทางให้ไวและปลอดภัยที่สุดหันมองดูปันเกือบทุกห้านาทีเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเริ่มรู้สึกตัว เพื่อให้แน่ใจว่าปันไม่ได้ขวัญหนีดีฝ่อ จึงเบนรถจอดข้างทางเพื่อเช็คดูให้แน่ใจเสียก่อน“เป็นไงบ้าง...” เสียงทุ้ทนุ่มเต็มไปด้วยความเป็นห่วงเอ่ยถามพร้อมกับยื่นมือไปกุมมือเรียวหนาของปันไว้แล้วบีบเบาๆปันรับรู้ได้ถึงความอบอุ่นและห่วงใยที่ส่งมาทางสายตาและการกระทำ จึงคลี่ยิ้มให้ “ผมไม่เป็นอะไรแล้วครับ” ปันตอบเสียงอ่อนแผ่วอย่างเจียมตัว“ดีแล้ว...” แล้วเดร์ก็ขยับยื่นมือไปปรับเบาะ เพื่อให้ปันได้นั่งถนัดขึ้นในช่วงจังหวะที่เดร์โน้มตัวทาบผ่าน กลิ่นกายที่คุ้นเคยทำให้ปันเผลอสูดเข้าไปจนเต็มปอด แล้วนั่งหน้าแดงซ่านเพราะการกระทำของตัวเองปากบอกว่าเกลียด แต่ใจและร่างกายโหยหาเขาตลอด! ปันค้อนขอดตัวเองแล้วเก็บอาการเอาไว้โดยการกุมมือตัวเองแล้วบีบไปมา“เป็นอะไร ไม่สบายหรือเปล่า หรือไปหาหมอดีไหม”เดร์ถามด้วยความเป็นห่วง สายตาจับอยู่บนใบหน้านั้นด้ว
“คุ คุรเดร์...”ใบหน้าสินหวังก่อนหน้า ฉาบเฉายแววตาระรื่นมีความหวังขึ้น“นายอย่าเงียบ...ปัน” เสียงทุ้มสั่นขาดหายปันยันตัวเองลุกขึ้นนั่ง เหมือนเสียงสวรรค์ทรงลงมาโปรด ความหวาดหวั่นที่สุมอยู่ในหัวใจ หล่นหายออกจากตัว ปันวิ่งฉิวไปที่ประตูด้วยความดีใจ ส่งมือเรียวที่สั่นระริก จับไปยังกลอนประตูเพื่อปลดออก แต่ยิ่งรีบเหมือนยิ่งช้ากับความรีบที่กลายเป็นเงอะงะแทน จนกระทั่งเปิดได้สำเร็จจึงออกแรงผลักประตูไปเต็มแรง จนมันกว้างออก และเห็นผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ยืนอยู่ตรงหน้าม่านตาเปิดกว้าง ริมฝีปากคลี่ขยายบิดเบะจะร้องไห้ด้วยความดีใจและตื้นตัน ถลาเข้าไปสวมกอดร่างสูงหนาไว้แน่น โดยลืมกลัวลืมอายไปหมดสิ้น!“คุณมารับผมแล้วใช่ไหมคุณเดร์...”เสียงนั้นสั่นสะเทือนหัวใจคนฟังอย่างเดร์ “อืม...” เดร์ตอบรับในลำคอ วงแขนก็โอบร่างคนที่บางกว่ามากไว้เต็มอ้อมอก“จะกลับได้ไง ในเมื่อข้อตกลงเรายังไม่เสร็จสมบูรณ์”เสียงทุ้มห้วนดังแทรกเข้ามา ปันขยับเพื่อมองเจ้าของน้ำเสียงที่ดูแข็งห้วนผู้ชายคนนั้น! เมื่อเห็นว่าเป็นใคร ปันก็เผลอกอดเดร์แน่นขึ้นเพราะความหวาดกลัว ซึ่งเดร์รับรู้ถึงแรงกอดรัดของปันที่เพิ่มขึ้นจึงตัดสินใจดันให้ปันไปยืนหล