หลังจากงานฉลองวันพระราชสมภพของหานไทเฮาผ่านไป ฤกษ์การอภิเษกระหว่างหานไท่หยางกับจางอวิ๋นซีก็ถูกส่งมาที่จวนสกุลจางภายในไม่กี่วัน ในฤกษ์นั้นระบุว่าเป็นเดือนหน้าซึ่งเป็นฤกษ์มงคลสมรส ซึ่งการเตรียมสินสอดและทองหมั้นต่างๆ นั้น ทางหานไท่หยางได้รับปากกับไทเฮาและฮองเฮาแล้วว่าจะเป็นผู้ดำเนินการจัดหาเองทั้งหมด
แม้ว่าจางเยี่ยนจะไม่พอใจที่บุตรสาวคนรองได้อภิเษกกับหานไท่หยางก่อนผู้เป็นพี่สาวอย่างจางเซียวหรู แต่ก็ต้องยอมรับนักว่าอีกฝ่ายมิใช่บุรุษที่สตรีจะเข้าหาได้โดยง่าย หานไท่หยางเป็นนักรบที่เชี่ยวชาญการศึก ความคิดยากจะหยั่งรู้ หากเป็นจางเซียวหรูเขาคงต้องค้านหัวชนฝาเป็นแน่ ใครจะได้เป็นรัชทายาทหรือพระชายารัชทายาทก็ไม่อาจทราบได้ หานอี้นั้นเป็นโอรสองค์โตที่ประสูติจากหยางเต๋อเฟย มีความรู้ความสามารถ ตระกูลนั้นเป็นถึงราชบัณฑิตที่มีชื่อเสียง ความรู้เกี่ยวกับการเมืองการปกครองนั้นมีมากมายนัก หากจางเซียวหรูได้แต่งงานกับหานอี้ ในวันข้างหน้าอาจกลายเป็นพระชายารัชทายาทแทนก็ได้ หลี่ฮูหยินปรึกษากับสามี “ท่านพี่ ตำแหน่งรัชทายาทไม่อาจเดาได้ อย่างไรหานไท่หยางก็เป็นโอรสที่ถือกำเนิดจากฮองเฮา สิทธิ์ในราชบัลลังก์นั้นย่อมมีมากกว่าผู้ใด ท่านคิดดีหรือเจ้าคะ ซีเอ๋อร์สติไม่สมประกอบเช่นนี้จะสร้างความอับอายให้แก่ครอบครัวได้” หลี่ฮูหยินนวดพะเน้าพะนอเอาใจสามี นางพยายามเกลี้ยกล่อมให้จางเยี่ยนปฏิเสธฤกษ์การแต่งงานนั้นไป “ถึงข้าจะมีลูกสองคน แต่ข้าก็ไม่ปฏิเสธว่าซีเอ๋อร์กับไท่หยางนั้นเหมาะสมกันนัก ตำแหน่งรัชทายาทนั้นไม่แน่นอน ไม่แน่วันข้างหน้าอาจเป็นของโอรสองค์อื่น ใช่ว่าฝ่าบาทจะทรงมีโอรสเพียงสององค์เสียเมื่อใดกัน” จางเยี่ยนกล่าว “แต่ว่า...” หลี่ฮูหยินพยายามเกลี้ยกล่อมสามี นางไม่ต้องการให้จางอวิ๋นซีมีชีวิตที่ดีไปกว่าจางเซียวหรูบุตรสาวของนาง “ซีเอ๋อร์ทำให้บุตรสาวข้าอับอายนัก เรื่องทุกอย่างเป็นการใส่ร้าย ท่านพี่จะนิ่งดูดายหรือเจ้าคะ” “ดังนั้นก่อนถึงวันอภิเษกข้าจะกักบริเวณนางเอาไว้ในเรือนเป็นการทำโทษ หากนางฝ่าฝืนข้าก็จะมีเหตุผลลงโทษนางและถือโอกาสยกเลิกการอภิเษกได้” หลี่ฮูหยินยิ้มพึงพอใจกับคำตอบของสามี นางนวดแขนพะเน้าพะนอเอาอกเอาใจมิผิดเวลาจริงๆ “ดีเจ้าค่ะ” หลี่ฮูหยินตอบ “พวกเจ้า ส่งคนไปล้อมรอบเรือนของคุณหนูรอง ถ่ายทอดคำสั่งของข้าไป จนกว่าจะถึงวันอภิเษกห้ามนางก้าวขาออกจากเรือนแม้แต่ก้าวเดียว!” จางเยี่ยนสั่งเสียงเข้ม พ่อบ้านมู่จึงดำเนินการตามที่สั่ง แม้ในใจนั้นจะรู้สึกสงสารจางอวิ๋นซีที่เจอบิดาแบบจางเยี่ยนนัก พ่อบ้านเฒ่าได้แต่ภาวนาให้จางอวิ๋นซีแต่งงานกับหานไท่หยางโดยเร็ว ให้นางหนีไปจากครอบครัวและบิดาที่โหดร้ายเสียที “คิดว่าตัวเองเป็นหัวหน้าครอบครัวแล้วจะขังใครก็ได้อย่างนั้นรึ?!” จางอวิ๋นซีโวยวาย หลังจากพ่อบ้านมู่มาถ่ายทอดคำสั่งของจางเยี่ยนผู้เป็นบิดา หญิงสาวนั่งกอดอกอยู่บนเตียงอย่างไม่สบอารมณ์ แค่นางต้องมาแต่งงานกับหานไท่หยางนางก็ลำบากใจมากพออยู่แล้ว นี่ยังถูกขังราวกับเป็นสัตว์เลี้ยงอีก! หรูหรงเอ่ย “แต่นายท่านทำเพราะหวังดีกับคุณหนูนะเจ้าคะ หากคุณหนูออกไปเดินเล่นข้างนอกจวน อาจจะทำให้เกิดเรื่องไม่ดีก็ได้” จางอวิ๋นซียังคงนั่งกอดอก “ข้าไม่สนล่ะ! ท่านพ่อจะมากักขังข้าเอาไว้แบบนี้ไม่ได้นะ” “แต่คุณหนูก็ทำอะไรไม่ได้นะเจ้าคะ อยู่เฉยๆ รอวันแต่งเป็นพระชายาจวนอ๋องดีกว่าเจ้าค่ะ” หรูหรงยิ้มให้กับเจ้านายตนเอง จางอวิ๋นซีมองหน้าหรูหรงด้วยความเบื่อหน่าย “กว่าจะถึงวันเป็นพระชายา ข้าคงได้ถูกฆ่าตายก่อนแน่ เจ้าไม่คิดหรือไงหรูหรง ยัยหลี่ฮูหยินนั่นน่ะจะยอมให้ข้าแต่งงานเข้าจวนอ๋องง่ายๆ สองแม่ลูกมารยาล้านเล่มเกวียนนั่นคงต้องคิดแผนสกปรกอะไรสักอย่างแน่” หรูหรงเริ่มคล้อยตามจางอวิ๋นซี “แต่ถึงฮูหยินรองกับคุณหนูใหญ่จะไม่ประสงค์ดีต่อคุณหนู แต่คุณหนูคือสตรีที่ได้รับคัดเลือกเป็นพระชายา ได้รับมอบสมรสพระราชทานให้ ไทเฮาไม่มีทางปล่อยให้คุณหนูของบ่าวเป็นอะไรหรอกเจ้าค่ะ” “ไม่ได้ๆ จะให้ข้าถูกกักบริเวณในนี้ร่วมเดือนน่ะรึ? ข้าเฉาตายพอดี!” จางอวิ๋นซีกล่าว หรูหรงถาม “แล้วคุณหนูจะทำยังไงล่ะเจ้าคะ” จางอวิ๋นซีทำท่าใช้ความคิดสักครู่หนึ่ง นางอยากออกไปข้างนอก หากต้องอุดอู้อยู่แต่ในนี้นางคงเฉาตายแน่! “ปกติท่านพ่อมักจะให้เด็กๆ เหล่านี้มาควบคุมข้าตลอดเวลาหรือ?” นางถามหรูหรง อีกฝ่ายส่ายหน้าตอบ “ไม่เจ้าค่ะ ก็จะมีบางช่วงที่...อ๊ะ...คุณหนู!” จางอวิ๋นซีอาศัยช่วงเวลาที่หรูหรงได้แต่อธิบาย รีบพุ่งหนีไปทางหน้าต่างหลังเรือนเตรียมกระโดดออก! มารดาเถอะ! คุณหนูของนางจะกระโดดหนีทางหน้าต่าง! จางอวิ๋นซีแอบสังเกตมาสักครู่หนึ่งแล้วว่าทางด้านหลังเรือนนั้นค่อนข้างปลอดผู้คน เด็กๆ ที่จางเยี่ยนส่งมาควบคุมนั้น คงคาดไม่ถึงนักว่านางจะอาจหาญโดดหนีทางหน้าต่างอย่างบ้าระห่ำเช่นนี้ ฮึบ! จางอวิ๋นซีถกกระโปรงฮั่นฝูขึ้นเหนือเข่าแล้วกระโดดลงมาจากหน้าต่าง เรือน! “บ๊ายบาย˜” นางหันมาโบกมือให้กับหรูหรงซึ่งยืนอ้าปากค้าง หรูหรงตะโกนร้องเรียกผู้ที่เฝ้าอยู่หน้าเรือน แต่ทว่าจางอวิ๋นซีนั้นก็ว่องไวเหมือนกัน! จางอวิ๋นซีหันมามองคนของจางเยี่ยน รวมถึงพ่อบ้านมู่ที่วิ่งมาอย่างกระหืดกระหอบ นางส่งยิ้มล้อเลียนพวกเขาทั้งหลายพลางแลบลิ้นใส่ แขนข้างหนึ่งยึดเกาะกิ่งต้นไม้ใหญ่ ก่อนจะใช้แขนและเท้าอีกข้างปีนต้นไม้ที่อยู่ติดกับกำแพง “เหอะ ขอโทษทีนะ แต่ตอนเด็กๆ ฉันน่ะซนเป็นลิงทะโมนเลยจะบอกให้” จางอวิ๋นซีหันมามองพวกหรูหรงกับพ่อบ้านมู่ ที่วิ่งมายืนหยุดหน้าต้นไม้ใหญ่ “คุณหนู ลงมาเถิดเจ้าค่ะ อันตรายนะเจ้าคะ!” หรูหรงตะโกนเรียกอย่างเหนื่อยหอบ เจ้านายของนางซนเป็นลิงเป็นค่างจริงๆ แต่จางอวิ๋นซีไม่สน นางตอบหรูหรงว่า “เดี๋ยวกลับมาจะซื้อของมาฝากนะ หรูหรง คุณพ่อบ้าน” นางกล่าวโบกมือเสร็จก็กระโดดจากต้นไม้ข้ามกำแพงออกไปนอกจวน ด้วยสปิริตความเป็นแพทย์ที่เคยผ่านการฝึกภาคสนามกับเหล่าทหารมาก่อน เรื่องการปีนป่ายนั้นไว้ใจนางเถิด!พอเดินมาไกลจากจวนพอสมควร จางอวิ๋นซีหยิบเงินที่อยู่ในอกเสื้อเพียงน้อยนิดเดินเที่ยวตลาดในเมืองให้สาสมใจ คราวก่อนนางมากับหรูหรงแต่ก็ยังเที่ยวไม่สะใจนัก เห็นนางเป็นนกหรืออย่างไรถึงคิดจะกักขังนางเอาไว้จนกว่าจะถึงวันอภิเษก
จางอวิ๋นซีซื้อหมั่นโถวลูกหนึ่งจากในตลาด พลางเดินกินไปชมทัศนียภาพรอบๆ ไปอย่างอารมณ์ดี ไม่รู้ว่าตอนนี้พ่อบ้านมู่กับหรูหรงจะเป็นอย่างไรบ้าง คนที่ไร้เหตุผลอย่างจางเยี่ยนและสตรีขี้ริษยาอย่างฮูหยินรองหลี่คงหาทางใส่ร้ายป้ายสีนางเป็นแน่ จู่ๆ นางก็หยุดเดิน ในหัวของนางมีเรื่องของจางฮูหยินผู้เป็นมารดาผุดขึ้นมา หากจางเยี่ยนใช้เหตุผลนั้นหาเรื่องมารดานางเล่า? “น้องสะใภ้นี่เอง” เสียงทักทายที่กังวานใส จางอวิ๋นซีนางเคยได้ยินเสียงที่ คุ้นเคยนี้นัก หญิงสาวหันกลับไปมองทางด้านหลังเห็นหานอี้แต่งกายในชุดเรียบง่ายออกมาเที่ยวเช่นกัน จางอวิ๋นซียิ้มหวาน ทักทายหานอี้ “ท่านอ๋องใหญ่นั่นเอง ถวายพระพร” หานอี้ยิ้มทักทายตอบนางอย่างเป็นกันเอง “เดือนหน้าถึงคราวเจ้าต้องแต่งเป็นพระชายาเอกเข้าจวนของไท่หยางแล้ว เจ้าไม่กลัวว่าออกมาเที่ยวจะเป็นที่ติฉินนินทาหรอกหรือ” หานอี้ถาม ‘ใครเขาอยากแต่งงานกับตาอ๋องนั่นกันเล่า’ จางอวิ๋นซีคิดในใจ “เรื่องนั้นอย่าทรงใส่พระทัยเลยเพคะ วันนี้ทรงออกมาเที่ยวเล่นเหมือนกันหรือ?” จางอวิ๋นซีเปลี่ยนเรื่องทันที ใครจะกล้าบอกกันตรงๆ ว่านางไม่อยากแต่งงานกับหานไท่หยางเลยสักนิด บุคลิกนิสัยแตกต่างกับหานอี้โดยสิ้นเชิง ทั้งท่าทางความเป็นมิตรนั้นก็หาแทบไม่ได้ แล้วจะอยู่กับนางได้นานสักแค่ไหนหนอ? “อ่า...” หานอี้ยิ้มอ่อนๆ “ถ้าเช่นนั้นวันนี้เจ้าอยากไปที่ใดหรือไม่ ข้าจะไปเป็นเพื่อนเจ้าเอง” “ท่านอ๋องใหญ่ใจดีจังเลยเพคะ ถ้าเช่นนั้นหม่อมฉันอยากกินบะหมี่ร้านนี้ จะได้หรือไม่” จางอวิ๋นซีชี้ร้านบะหมี่ริมทาง แต่เป็นบะหมี่ตุ๋นเนื้อเป็ดส่งกลิ่นหอมชวนอร่อยยิ่งนัก “ย่อมได้” หานอี้ที่วันนี้ออกจากวังส่วนตัวของตนเองมาเพียงผู้เดียว เดินนำว่าที่น้องสะใภ้ไปที่ร้านขายบะหมี่เป็ด ทั้งสองสั่งบะหมี่กันคนละชามโดยที่มื้อนี้หานอี้สัญญาว่าจะเลี้ยงเป็นการต้อนรับน้องสะใภ้ แต่ทว่าทุกการกระทำนั้นอยู่ในสายตาของหานไท่หยาง!หานไท่หยางรีบเดินทางออกจากวังที่ประทับส่วนตัว เมื่อได้รับรายงานจากเฉินหรง องครักษ์ที่สั่งให้ติดตามจางอวิ๋นซีทุกฝีก้าว กำลังนั่งกินบะหมี่กับหานอี้ พี่ชายต่างมารดาอย่างสนิทสนม อ๋องหนุ่มซึ่งกำลังจัดการกับราชกิจ หลังจากกองทัพพระองค์รบได้รับชัยชนะเหนือกบฏที่แดนเหนือต้องรีบเดินทางมาหานางทันที
นางกำลังจะอภิเษกเป็นพระชายาของเขาอยู่แล้ว แต่ยังทำตนสนิทสนม กับบุรุษอื่นอย่างออกนอกหน้าอีก! เมื่อมาถึงชายหนุ่มให้เฉินหรงยืนคุมม้าของตนเองอยู่ ส่วนตนนั้นรีบสาวเท้ามาที่ร้านบะหมี่เป็ดร้านนั้นอย่างรวดเร็ว จนหานอี้กับจางอวิ๋นซีที่กำลังสนทนากันอยู่ต้องหยุดชะงัก “น้องชาย เจ้ามาที่นี่ได้อย่างไร?”หานอี้ยิ้มถาม แต่หานไท่หยางกลับรู้สึกว่าเป็นรอยยิ้มที่เคลือบด้วยความเยาะเย้ย หานไท่หยางไม่ตอบคำถามพี่ชายต่างมารดา เขาฉุดกระชากแขนของจางอวิ๋นซีให้ลุกขึ้น “เจ้า! ปล่อยข้านะ!” นางร้องให้เขาปล่อยแขนนาง แต่นอกจากเขาจะไม่ปล่อยแล้วยังกระชากตัวนางไปโอบกอดอย่างถือวิสาสะ หานอี้เอ่ย “น้องชาย เจ้ามีอะไรเจ้าใจเย็นๆ เถิด ปล่อยแม่นางออกก่อน” หานไท่หยางมองพี่ชายต่างมารดาอย่างไม่พอใจ พลางพูดเสียงดังใส่ “นางเป็นว่าที่พระชายาเอกของข้า สมควรรึที่เจ้าจะมาสนิทสนม กับนาง หานอี้!” จางอวิ๋นซีทนฟังไม่ไหว ใครจะยอมแต่งงานกับเขาง่ายๆ กัน ทั้งป่าเถื่อนทั้งโหดร้ายแบบนี้นางไม่มีวันทนเขาได้แน่ ในที่สุดนางตะโกนตอบโต้ไปว่า “ใครจะยอมแต่งงานกับเจ้ากัน! เรื่องของเจ้ากับข้าเป็นสมรสพระราชทาน ข้าหาได้เต็มใจแต่งกับเจ้า ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้นะ!” หานไท่หยางรั้งตัวนางเข้ามาประชิด จนริมฝีปากเกือบจะชนกันอยู่รอมร่อ “ปากดีนักนะ ข้าอยากรู้นักว่าปากเจ้ารสชาตจะเป็นอย่างไร” พูดไม่ทันขาดคำ ริมฝีปากของหานไท่หยางฉกฉวยทาบทับลงมาที่ริมฝีปากบางของจางอวิ๋นซี นางเบิกตาโพลงพลางร้องในลำคอด้วยความตกใจ สองมือเล็กกำแน่นพยายามทุบอกเขาให้ออกห่าง แต่ทว่าหานไท่หยางยังคงใช้พละกำลังมหาศาลเอาเปรียบนางต่อหน้าทุกคน ทั้งเฉินหรง หานอี้และชาวบ้านละแวกนั้นต่างเบือนหน้ากันไปคนละทางอย่างขัดเขิน หานไท่หยางใช้ความช่ำชองบังคับให้นางเผยอริมฝีปากออก ปล่อยให้ลิ้นหนาเข้าไปสอดแทรกหาความหวานภายในโพรงปาก นี่ไม่ใช่แค่การจูบเพื่อสั่งสอนที่นางปากดีกับเขาเท่านั้น แต่เพื่อเป็นการประกาศให้ทุกคนเป็นสักขีพยานร่วมกันว่านางคือสตรีของเขา อ๋องหนุ่มผละริมฝีปากออกจากนางที่ยืนตัวสั่นเทาอย่างโกรธเคือง ริมฝีปากหนาโน้มกระซิบข้างใบหูเล็ก ด้วยน้ำเสียงแหบพร่าแต่แฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์ “คืนแต่งงานของเรา เจ้าไม่รอดแน่” หานไท่หยางแค่นยิ้ม สายตาเบนมองไปหานอี้ที่ยืนตะลึง พร้อมกับรอยยิ้มแห่งชัยชนะของหานไท่หยาง ต่อพี่ชายต่างมารดา หานอี้แย่งทุกสิ่งทุกอย่างไปจากเขา มาทั้งชีวิตแล้ว และจะไม่มีวันแย่งไปได้อีกเด็ดขาด! เมื่อได้สติ จางอวิ๋นซีมองหานไท่หยางด้วยความโกรธ นางอยากจะฆ่าเขาจนแทบกินเลือดกินเนื้อเขาอยู่แล้ว แต่เหตุใดเขาจึงยิ้มเย้ยนางราวกับผู้มีชัยชนะเช่นนี้ ช่างน่ารังเกียจนัก! นางหันมากล่าวขออภัยต่อหานอี้ “หม่อมฉันขออภัยท่านอ๋องใหญ่ด้วยเพคะ ทำให้พระองค์ลำบากพระทัยแล้ว” นางก้มศีรษะขออภัยต่อหานอี้ ขณะที่มือของหานไท่หยางเข้ามาโอบเอวนางแนบชิดเอาไว้อย่างหวงแหน หานไท่หยางนี่หยาบคายอย่างไม่มีที่ติจริงๆ หานอี้มิได้ตอบสิ่งใด ชายหนุ่มยิ้มอ่อนๆ น้อมรับคำขอโทษของอีกฝ่ายก่อนจะเดินจากไปด้วยจิตใจที่ขุ่นมัวต่อให้จางอวิ๋นซียืนกรานว่าจะกลับจวนคนเดียว แต่หานไท่หยางนั้นดันรู้จุดอ่อนของนางว่านางนั้นปีนกำแพงหลบหนีออกมาจากจวน หากบิดาทราบเข้าคงไม่แคล้วต้องโดนลงโทษหนักอย่างแน่นอน หานไท่หยางจึงอาสาเดินทางมาส่งนางถึงจวนด้วยตนเอง
แต่ทว่าระหว่างทางที่ทั้งสองกำลังกลับจวนสกุลจางนั้น กลับมีเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้น เมื่อจู่ๆ หญิงชราผู้หนึ่งเกิดเป็นลมแดดขึ้นมากะทันหัน จางอวิ๋นซีด้วยจรรยาบรรณแพทย์ นางจึงรีบวิ่งเข้าไปดูอาการของหญิงชราที่นอนหมดสติอยู่นั้น “หลบๆ” หญิงสาวใช้มือปัดไล่ผู้คนที่ยืนรุมล้อมหญิงชราผู้นั้นออกไปให้ ห่าง นางนั่งลงข้างๆ ร่างที่หมดสติของหญิงชราแล้วก้มลงใช้ใบหูแนบกับอกซ้ายเพื่อฟังอัตราการเต้นของหัวใจ หานไท่หยางทรุดนั่งลงข้างๆ นาง มองนางที่ทำท่าทางแปลกพิกลนักแต่ก็มิได้เอื้อนเอ่ยถามสิ่งใด “หัวใจยังคงเต้นอ่อนๆ...” หญิงสาวเอ่ย นางรีบจับชีพจรที่คอของอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว ทุกการกระทำของนางล้วนอยู่ในสายตาของเขาทั้งสิ้น หานไท่หยางมองนางด้วยความรู้สึกยากจะบรรยาย นัยน์ตาแฝงความนัยบางอย่างเอาไว้ที่มิอาจมองออก จางอวิ๋นซีถกแขนเสื้อขึ้นอย่างรวดเร็ว นางฉีกชายกระโปรงฮั่นฝูมาทำเป็นผ้าเช็ดหน้า สองฝ่ามือประสานกันกดทาบทับบริเวณตำแหน่งใกล้เคียงหัวใจ พลางกดฝ่ามือนั้นลงไปอยู่สองถึงสามทีสลับกับแนบใบหูฟังเสียงหัวใจเต้น “เจ้ากำลังทำสิ่งใด” หานไท่หยางถาม จางอวิ๋นซีตอบน้ำเสียงเหนื่อยหอบ “ท่านตามหมอมาที!” หานไท่หยางหันหน้าไปทางเฉินหรงให้ทำตามที่นางต้องการ ในเวลาไม่นานนัก เฉินหรงก็ไปตามหมอจากโรงหมอยาผู้หนึ่งมา เฉินหรงช่วยประคองร่างของหญิงชราผู้นั้นเข้าไปนั่งพักใต้ร่มไม้ “เมื่อสักครู่เจ้ากำลังทำสิ่งใด” หานไท่หยางถามย้ำอีกครั้ง “อะ อ๋อ เขาเรียกว่าการทำซีพีอาร์ น่ะ เป็นวิธีการช่วยกระตุ้น หัวใจที่เต้นอ่อนแรงให้กลับมาทำงาน” จางอวิ๋นซีตอบ หลังจากส่งร่างของอีกฝ่ายให้กับหมอที่เพิ่งเดินทางมาถึง หานไท่หยางไม่เข้าใจภาษาที่นางกำลังกล่าว อ๋องหนุ่มถาม “ซีพีอาร์?” หญิงสาวนึกอยากเขกหัวตัวเองกะทันหัน นางลืมไปได้อย่างไรว่าตอนนี้นางมิได้อยู่ในโลกปัจจุบัน นางอยู่ในโลกยุคโบราณที่เทคโนโลยีการแพทย์ตะวันตกยังเข้าไม่ถึงเสียด้วยซ้ำ นางจึงอธิบายเป็นภาษาอย่างง่ายให้อีกฝ่ายฟัง “คือการกระตุ้นให้หัวใจที่เต้นอ่อนแรงกลับมาทำงานอีกครั้ง ถือเป็นการปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนที่หมอจะมาถึง” จางอวิ๋นซีอธิบายอย่างง่ายๆ เพื่อให้อีกฝ่ายเข้าใจ จางอวิ๋นซีเดินเข้าไปหาหมอกับหญิงชราผู้นั้น นางถามไถ่อาการด้วยความเป็นห่วง “ขอบคุณคุณหนูรองจางมากเจ้าค่ะ ถ้าหากมิได้ท่านข้าคงแย่ไปนานแล้ว” หญิงชรากล่าวขอบคุณพลางหายในเหนื่อยหอบ “อาการแบบท่านป้าเรียกว่าลมแดดเจ้าค่ะ พักผ่อนให้มากๆ ดื่มน้ำตามเยอะๆ ก็จะช่วยบรรเทาอาการลมแดดได้ ยามออกแดดอย่าสวมเสื้อผ้าหนาเกินไป เพราะจะทำให้ความร้อนสะสมในร่างกายเยอะจนเป็นลมได้อีก” จางอวิ๋นซีนางจับมือหญิงชราผู้นั้นให้กำลังใจก่อนจะปลีกตัวออกมา นางมุ่งหน้าเดินกลับจวนทันที มิสนใจหานไท่หยาง “จะตามไปส่งนางดีหรือไม่พะยะค่ะท่านอ๋อง” เฉินหรงถามไปยิ้มไป หานไท่หยางหันมามองเฉินหรงตาขวาง แต่สุดท้ายก็เดินตามนางไปจางอวิ๋นซีพยายามก้าวเท้าเดินหนีจากหานไท่หยางให้เร็วที่สุด ให้ตายสิ! นี่นางกำลังจะกลับบ้านนะ เหตุใดต้องเดินตามมาคุมตัวนางราวกับนางเป็นนักโทษกันด้วย
นางหยุดเดิน อีกฝ่ายก็หยุดเดินตาม เมื่อถูกนางหันมามอง หานไท่หยางก็ทำราวกับตนเองชมนกชมไม้รอบๆ หมายจะยั่วโมโหนาง หญิงสาวเป็นคนอารมณ์ร้อน เมื่อเห็นท่าทีแสร้งกวนโทสะนางจึงพยายามระงับอารมณ์เอาไว้ แล้วรีบกลับจวน นางลุ้นนักว่ากลับไปจางเยี่ยนจะหาเหตุอันใดมาลงโทษนาง แค่เพียงเพราะว่านางแอบหนีออกจากจวนไม่ยอมถูกกักบริเวณ หญิงสาวเดินกลับมาถึงจวนในเพลาไม่นาน พ่อบ้านมู่ยืนรอรับอยู่ทางเข้าประตูจวน แต่ทว่าฮูหยินรองหลี่กับจางเซียวหรูมายืนขวางหน้านางเอาไว้ พร้อมกับสายตาและรอยยิ้มเยาะเย้ย ส่วนหานไท่หยางได้แต่ยืนมองอยู่ห่างๆ “รีบกลับมารับโทษรึ? ช่างรู้งานราวกับสุนัขเสียจริง ฮ่าๆ” คำพูดกระทบกระเทียบของจางเซียวหรู แม้จางอวิ๋นซีจะไม่พอใจ แต่นางจะไม่ยอมลดตัวมาเกลือกกลั้วกับคนพวกนี้เด็ดขาด นางกำลังจะกลายเป็นพระชายาในหานไท่หยางอีกไม่นาน นางควรทำตัวหยิ่งผยองให้คนพวกนี้อิจฉาตาร้อนเสียหน่อย “ข้าเองก็สงสัยนัก พี่หญิงกินสิ่งใดเข้าไปหนอถึงได้เป็นดั่งคำว่าเชื้อโรคเข้าทางปาก เคราะห์ร้ายเพราะปากไม่ดี” จางอวิ๋นซีเหยียดยิ้มที่มุมปากอย่างสะใจ แม้กระทั่งพ่อบ้านมู่แอบสะใจเล็กๆ “เจ้า...ปากคอเราะรายนัก!” จางเซียวหรูทำได้แค่ถลึงตามองอย่างโกรธเกรี้ยว นางกอดอกพลันสะบัดหน้าหนีไปทางอื่น จางอวิ๋นซีไม่สนใจ นางก้าวเดินเข้าไปในจวน แต่ทว่า... ซ่า! น้ำถังใหญ่ถูกสาดมาที่นางจนเปียกโชกไปทั้งตัว! จางอวิ๋นซีหันไปมองยังผู้ที่สาดน้ำใส่นาง คนผู้นั้นคือบ่าวรับใช้ของฮูหยินรองหลี่ ข้างๆ กันนั้นคือจางเยี่ยนผู้เป็นบิดาที่ยืนมองนางด้วยแววตาแข็งกร้าว หานไท่หยางไม่รู้มาจากแห่งใดรีบเข้ามาเมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับว่าที่พระชายาของตนเอง “เจ้าทำสิ่งใด!” หานไท่หยางเข้ามาโอบไหล่บางของจางอวิ๋นซีด้วยความห่วงใย พลางชี้หน้าใส่จางเยี่ยน จางเยี่ยน ฮูหยินรองและจางเซียวหรู รวมถึงทุกคนต่างคุกเข่าด้วยความหวาดกลัว “ซีเอ๋อร์” จางฮูหยินกึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้ามาพร้อมกับไท่ฮูหยิน หลังจากหรูหรงไปแจ้งว่าจางเยี่ยนกับฮูหยินรองนั้น ร่วมมือกันกลั่นแกล้งจางอวิ๋นซี “นางทำผิดอันใดถึงต้องทำร้ายนาง!” หานไท่หยางตวาดใส่จางเยี่ยน เขากระชากคอจางเยี่ยนขึ้นมาด้วยโทสะ ฮูหยินรองหลี่กล่าวแทนด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก “ขออภัยเพคะท่านอ๋อง ซีเอ๋อร์นางลอบออกจากจวนหลังจากถูกกักบริเวณ การทำโทษนางเช่นนี้ เป็นสิ่งที่ตระกูลจางเราต้องทำเพคะ” จางเยี่ยนและสมาชิกคนอื่นๆ ในตระกูลต่างหัวเสียกับคำกล่าวของหลี่ฮูหยิน หานไท่หยางผลักร่างของจางเยี่ยนออกไปให้พ้นทาง เขาเดินไปหยิบถังน้ำใบเดิมที่สาดน้ำใส่จางอวิ๋นซี ไปตักน้ำมาจากสระบัวเต็มถังแล้วสาดใส่จางเซียวหรูกับหลี่ฮูหยินบ้าง “กรี๊ด!” จางเซียวหรูกับหลี่ฮูหยินกรีดร้อง สภาพของพวกนางเปียกปอนไปทั้งตัวเป็นที่สะใจของจางฮูหยินกับไท่ฮูหยินนัก สาดน้ำใส่คืนพวกนางเสร็จ ก็ชี้นิ้วใส่หน้าพวกนางทั้งสอง “ซีเอ๋อร์ คือว่าที่พระชายาของข้า หากข้ารู้ว่าพวกเจ้าลงโทษนางอย่างไร้เหตุผลอีกแม้แต่ครั้งเดียว ข้าไม่ไว้ชีวิตพวกเจ้าแน่!” หานไท่หยางขู่สามคนพ่อแม่ลูกเสียงดัง ชายหนุ่มเดินผละจากทั้งสามมาหาจางอวิ๋นซีพลางช้อนร่างของนางเอาไว้ในอ้อมแขน “ท่านอ๋อง ปล่อยข้านะ”นางร้องเอ็ดเบาๆ หานไท่หยางมองนางด้วยแววตาเรียบเฉย พลางกระชับร่างของนางที่ช้อนขึ้นให้แนบอก “เจ้าเปียกปอนเช่นนี้ เดินเองคงได้ลื่นล้มพอดี” ว่าจบแล้วก็หันมาถามหรูหรง “พาข้าไปห้องของนายเจ้า” “พะ เพคะ” หรูหรงตกใจเล็กน้อย แต่ซ่อนรอยยิ้มเอาไว้หลังจากเดินนำหานไท่หยางไปที่เรือนของคุณหนู ไท่ฮูหยินมองทั้งสามด้วยความโกรธ วันนี้ตระกูลจางต้องขายหน้าต่อหานอ๋องไท่หยางอีกครั้งเพราะสะใภ้รองอย่างหลี่ฮูหยิน ไม่รู้ว่าเหตุใดจางเยี่ยนจึงรักหลี่ฮูหยินนัก ทั้งๆ ที่นางนำพาความเสื่อมเสียมาสู่ตระกูลครั้งแล้วครั้งเล่า “หรูเอ๋อร์ก็เป็นหลานสาวข้าเช่นกัน พวกเจ้าสองคนเป็นพ่อแม่นางแต่เหตุใดไม่อบรมนางเสียบ้าง หากพฤติกรรมเช่นนี้ถูกแพร่งพรายออกไป มิแคล้วตระกูลจางคงขายหน้าอีกคำรบ!” ว่าจบแล้วไท่ฮูหยินเดินสะบัดชายกระโปรงตามจางอวิ๋นซีไป จางฮูหยินลอบสะใจลึกๆ บุตรสาวของนางไม่อ่อนแออีกต่อไป ต่อไปนี้จะไม่มี ใครมารังแกบุตรสาวนางได้อีก คล้อยหลังไท่ฮูหยินและคนอื่นๆ จางเซียวหรูยันแขนข้างหนึ่งกับพื้นแล้วลุกขึ้นยืนอย่างสะโหลสะเหล นางมองทางไปเรือนของจางอวิ๋นซีอย่างเคียดแค้นชิงชัง “นี่เป็นการลงโทษสถานเบาเท่านั้น เหตุใดหานอ๋องไท่หยางจึงคิดปกป้องนาง ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนเพิกเฉยต่อนางเสียด้วยซ้ำ!”จางเซียวหรูอยากจะกรีดร้องดังๆ ระบายโทสะที่อัดอั้นในใจ จางเยี่ยนมองหลี่ฮูหยิน ภรรยารองของตนเองเหมือนไม่พอใจ “เจ้ารู้หรือไม่ว่าสิ่งที่เจ้ากล่าวในวันนี้ หานไท่หยางจะจัดการกับพวกเราเช่นไร!” “เอ่อ คือ ท่านพี่เจ้าคะ” หลี่ฮูหยินตะกุกตะกัก นางพยายามหาข้อแก้ตัว แต่จางเยี่ยนนั้นเดินหนีนางไปแล้วสมรสพระราชทานระหว่างจางเซียวหรูและหานอี้ ถูกประกาศไว้ทั่วเมืองอย่างยิ่งใหญ่ด้วยฝีมือของหยางเต๋อเฟย ไม่แพ้คราวที่จางอวิ๋นซีแต่งงานกับหานไท่หยางเลยสักนิด เป็นที่โจษจันกันทั่ววังหลวงว่าในอนาคตนี้ อ๋องใหญ่หานอี้อาจได้รับการสถาปนาเป็นรัชทายาทเป็นแน่ด้วยอุปนิสัยของหานอี้ที่เข้าถึงได้ง่าย มีจิตใจโอบอ้อมอารี คอยช่วยเหลือประชาชนที่ตกทุกข์ได้ยาก และจางเซียวหรูที่เป็นถึงบัณฑิตหญิงอันดับหนึ่งของแคว้นหาน ย่อมเหมาะสมยิ่งนักราวกับกิ่งทองใบหยก ข่าวดีนี้ทำให้มีเหล่าเสนาบดีน้อยใหญ่มากมายต่างมาผูกสัมพันธ์กับสกุลจางให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะเหล่าบรรดาคุณหนูทั้งหลายที่เคยตราหน้าจางเซียวหรูว่าเป็นบุตรีฮูหยินรอง บัดนี้พวกนางต่างมานอบน้อมต่อจางเซียวหรูทั้งสิ้นข้าวของเงินทองถูกนำมาเป็นของกำนัลล่วงหน้าในงานแต่งงาน ทรัพย์สินสมรสของหานอี้ถูกทยอยส่งมาเรื่อยๆ ไม่ขาดสาย อีกทั้งยังมีเครื่องประดับเพชรนิลจินดามากมายที่ถูกส่งมาจากหยางรั่วอวิ๋นหรือ หยางเต๋อเฟย“เครื่องประดับพวกนี้งดงามนักเจ้าค่ะท่านแม่ ท่านย่าว่าอย่างไรเจ้าคะ” ไท่ฮูหยินที่เป็นย่าก็ร่วมยินดีที่หลานสาว
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในงานเทศกาลล่าสัตว์เมื่อวันก่อน ทำให้ หยางเต๋อเฟยกังวลพระทัยอยู่หลายวัน เนื่องจากการมีองค์หญิงแคว้นเยว่เข้ามาเกี่ยวข้องในฐานะพระชายารองของหานไท่หยาง อาจส่งผลให้อำนาจของหานอี้บุตรชายของนางลดลง ดังนั้นวันนี้พระนางจึงเดินทางไปเข้าเฝ้าไทเฮา เพื่อทวงสัญญาเรื่องสมรสพระราชทานระหว่างหานอี้กับจางเซียวหรูแต่ทว่าจังหวะที่กำลังเข้าเฝ้าอยู่นั้น องค์หญิงซิ่วอิ่งก็เดินทางเข้าวังมาถวายพระพรฮองเฮาและไทเฮาตามธรรมเนียมพอดี ทำให้พระนางต้องยืนรอให้อีกฝ่ายออกไปให้พ้นหูพ้นตาเสียก่อน จึงริเริ่มแผนการสมรสพระราชทานเมื่อคล้อยหลังองค์หญิงซิ่วอิ่งแล้ว หยางรั่วอวิ๋นหรือหยางเต๋อเฟยจึงไปเข้าเฝ้าไทเฮาที่ตำหนักคังเฉวียนทันที นางทวงถามสัญญาเรื่องสมรสพระราชทานจากไทเฮา“ดูเจ้าจะรีบร้อนเสียจริง เรื่องการแต่งงานของหลานข้า หานอี้” ไทเฮาทรงจิบชาอย่างเกษมสำราญ มิได้ทุกข์ร้อนดังเช่นหยางเต๋อเฟย“แต่เสด็จแม่เคยให้สัญญากับข้าเอาไว้ แล้วว่าจะประกาศเรื่องสมรสพระราชทานในวันเทศกาลล่าสัตว์ ทรงลืมแล้วหรือเพคะ” หยางเต๋อเฟยกล่าวอย่างร้อนใจ
ภายในใจของจางอวิ๋นซีในตอนนี้ ไม่ต่างกับไฟร้อนที่สุมทรวง นางไม่เข้าใจว่าอาการเหล่านี้คือสิ่งใด หากเป็นที่โลกปัจจุบันของนาง คงเป็นเพราะธาตุทั้งห้าในร่างกายกำลังแปรปรวนเป็นแน่หญิงสาวรีบเดินจ้ำอ้าวเข้ามาในตำหนัก ปิดประตูไม่ต้อนรับผู้ใดทั้งสิ้น แม้กระทั่งหรูหรงและหยางกูกูก็ยังยืนรอแค่นอกห้อง“ทำไมข้าต้องรู้สึกโกรธที่เจ้าอยู่กับคนอื่นด้วยนะ” นางเอามือกุมหน้าอกที่กำลังร้อนรุ่มด้วยเหตุผลบางอย่าง จะว่านางประจำเดือนมาหรือไม่ก็คงไม่ใช่“หรูหรง หยางกูกู เข้ามาหาข้าที” ข้ารับใช้ทั้งสองรีบเดินเข้ามาเมื่ออีกฝ่ายมีรับสั่งเรียก“เพคะ พระชายา” หรูหรงเดินเข้ามา“หรูหรง เจ้าไปตลาดสด ซื้อสมองหมูกับไส้หมูมาให้ข้าที ส่วน หยางกูกู ท่านไปที่โรงครัว เตรียมมีดสั้นกับตะเกียบมาให้ข้าด้วย” นางสั่งยืดยาวหรูหรงและหยางกูกูมองหน้ากันอย่างงุนงง ของทั้งสองอย่างนั้นพระชายาของพวกนางจะเอามาทำสิ่งใดกันแน่“พระชายาจะเอาของพวกนั้นมาทำสิ่งใดเพคะ” หยางกูกูถามด้วยความอยากรู้
องค์หญิงซิ่วอิ่ง นอกจากจะมีพฤติกรรมถือดี ยโสโอหังแล้วนั้น ยังแสดงความไม่เคารพต่อจางอวิ๋นซีผู้เป็นพระชายาเอกแห่งวังอ๋องอย่างชัดเจน“เป็นแค่พระชายาเอกต่ำศักดิ์ มีสิทธิ์อันใดหรือมาสั่งข้า” ซิ่วอิ่งกล่าววาจาดูถูกดูแคลนอย่างชัดเจน นางยืนกอดอกไม่แสดงความเคารพต่ออีกฝ่ายเลยสักนิดจางอวิ๋นซียกยิ้ม “เจ้าอยู่ที่นี่ก็มิใช่แขกบ้านแขกเมืองอีกต่อไป ในเมื่ออีกหนึ่งปีต่อจากนี้เจ้าก็ต้องแต่งเข้ามาเป็นพระชายารองให้สามีข้า หน้าที่ในการอบรมสั่งสอนเจ้าให้รู้ถึงกฎธรรมเนียมของวัง ย่อมเป็นหน้าที่ข้า ดังนั้นข้าจะทำเช่นใดกับเจ้าก็ย่อมได้”“แต่เดิมทีหน้าที่อบรมขนบธรรมเนียมเป็นหน้าที่ของกูกูใหญ่ ไม่ใช่หน้าที่ของพระชายาเอก” ซิ่วอิ่งแย้งทันควัน หยางกูกูลอบยกยิ้มส่งเสริมพระชายาเอกของนาง“เป็นดั่งที่พระชายาเอกทรงกล่าวเพคะ หน้าที่ในการอบรมสั่งสอนองค์หญิง ย่อมเป็นหน้าที่ของพระนาง จะเป็นหน้าที่ของข้าก็ย่อมได้ แต่ในเมื่อพระชายาเอกทรงปรารถนาจะสั่งสอนองค์หญิงด้วยตนเอง หม่อมฉันก็ไม่อาจขัดพระประสงค์ได้” หยางกูกูกล่าวเสริม นางนับถือจ
องค์หญิงซิ่วอิ่งยกยิ้มอย่างผู้เหนือกว่า นางหันมามองเมิ่งฉีผู้เป็นพี่ชายเชิงส่งสัญญาณ เมิ่งฉีรีบกล่าวทันที“ทูลฮองเฮา ที่น้องสาวกระหม่อมกล่าวมานั้นเป็นความจริงทุกประการ เสด็จพ่อทรงปรารถนาให้น้องหญิง อภิเษกกับพระราชบุตรองค์ใดองค์หนึ่งของฝ่าบาท เพื่อความเจริญรุ่งเรืองของทั้งสองแคว้นพะยะค่ะ” เมิ่งฉีกล่าว สายตาเต็มไปด้วยความเย้ยหยันร้ายกาจ“เมื่อสักครู่ฝ่าบาท ฮองเฮา ไทเฮาและทุกคนได้ประจักษ์แก่สายตาแล้ว ว่าหม่อมฉันได้ขี่ม้าตัวเดียวกับหานไท่หยาง เสด็จพ่อหม่อมฉันทรงปรารถนาให้หม่อมฉันอภิเษกกับหานไท่หยางเพคะ” ซิ่วอิ่งยกยิ้มมุมปาก นางหันไปเย้ยหยันจางอวิ๋นซีที่ยืนนิ่งทำสิ่งใดไม่ถูก“อาหยางของข้ามีชายาเอกอยู่แล้ว การที่องค์หญิงทำเช่นนี้ย่อมไม่เหมาะสม” หานไทเฮาทรงกล่าวพระสุรเสียงนุ่มนวล“แต่น้องสาวของข้ามาที่นี่เพื่อการอภิเษก หากพวกท่านทำเช่นนี้ ตามธรรมเนียมแล้วนางไม่สามารถอภิเษกกับบุรุษอื่นได้อีก พวกท่านทำเช่นนี้ เท่ากับพวกท่านไม่ให้เกียรติทางต้าเยว่ของข้า!” เมิ่งฉีแสร้งมีท่าทีเดือดดาล“ห
จางอวิ๋นซีควบม้านำหานอ๋องไท่หยางผู้เป็นสามี จนกระทั่งมาถึงบริเวณสนามประลองใจกลางป่า ซึ่งมีธงสีแดงโบกพลิ้วไสวอยู่ ธงสีแดงที่โบกพลิ้วอยู่นี้เป็นสัญลักษณ์ของจุดรวมพล หลังจากเสร็จสิ้นการประลองก่อนหมดเวลาเพียงหนึ่งเค่อทุกคนจะต้องมารวมตัวกันที่นี่ทางด้านหลังของหานไท่หยางก็ยังมีองค์หญิงซิ่วอิ่งตามติดมาเช่นกัน อีกฝ่ายยังคงควบม้าตามสามีของนางไม่ลดละ หน้าไม่อายยิ่ง!“นึกว่าจะตามท่านอ๋องไม่ทันเสียแล้ว” นางยกสายบังเหียนขึ้นสูงบังคับให้ม้าหยุด พลางส่งยิ้มหวานให้หานไท่หยางอย่างออดอ่อยเต็มที่“ตามข้ามาทำไม” ชายหนุ่มถามอีกฝ่ายตรงๆ อย่างไม่ไว้หน้านาง ทำเอาองค์หญิงแคว้นเยว่หน้าชาไปชั่วขณะหนึ่ง ไม่เคยมีบุรุษใดถามคำถามนางเช่นนี้มาก่อน อีกทั้งรูปโฉมอันงดงามของนางก็ยากจะมีชายใดปฏิเสธ แต่หานไท่หยางเป็นคนแรกที่กล้าทำเช่นนี้กับนาง“อะ เอ่อ คือ...” นางเอ่ยตะกุกตะกัก “หม่อมฉัน ปรารถนาจะร่วมล่าสัตว์กับท่านอ๋องนะเพคะ”หานไท่หยางเบื่อหน่ายท่าทีขององค์หญิงผู้นี้นัก “ถ้าเช่นนั้นองค์หญิงก็ดูแลตนเอง เพ