Mag-log inคฤหาสน์หลังใหญ่ของหัวหน้าพรรคไทยยั่งยืนตั้งอยู่ใจกลางเมือง ไม่ว่าใครขับรถผ่านไปมาเป็นอันต้องเหลียวมอง เพราะคฤหาสน์หลังนี้ไม่เพียงมีขนาดใหญ่โตหรูหรา บริเวณด้านหน้ายังเต็มไปด้วยบอดีการ์ดสวมชุดสูทสีดำ คอยจับจ้องรถทุกคันที่ขับผ่านอย่างไม่คลาดสายตา
ชีวิตนักการเมืองใหญ่ก็เป็นเช่นนี้...
คีรติคุ้นเคยกับสิ่งนี้มาตั้งแต่เด็ก ต้องบอกด้วยว่าคุ้นเคยแต่ไม่เคยชิน เธออึดอัด รู้สึกว่าบ้านไม่ต่างจากคุก จะทำอะไรก็ต้องอยู่ในสายตาบอดีการ์ดของพ่อ นี่จึงเป็นเหตุผลที่หลายครั้งคีรติมักจะนอนค้างคืนที่บาร์ของตน ที่นั่นแม้ไม่ได้โอ่อ่าหรือสะดวกสบายเท่าอยู่คฤหาสน์ แต่อย่างน้อยก็มีบรรยากาศที่ช่วยให้เธอหายใจได้เต็มปอด ไม่ต้องอึดอัดใจเหมือนที่บ้าน
“ไม่น่าเชื่อว่าลูกสาวฉันจะนอนบ้านเป็นด้วย” ไม่ทันจะหย่อนสะโพกนั่งลงบนเก้าอี้ ประมุขใหญ่ของบ้าน ‘ฐานทัต อัศวพิทักษ์’ ก็กล่าวทักทายลูกสาวนอกคอกอย่างเธอด้วยคำพูดเหน็บแนม
“ถ้าพ่อไม่อยากเห็นหน้าเค้ก ไว้คืนนี้เค้กไปนอนที่บาร์ก็ได้นะคะ”
“ยัยเค้ก!”
“ทานข้าวเถอะครับพ่อ อาหารพร้อมแล้ว” เป็นเหมือนทุกครั้งที่ ‘เขตคาม’ พี่ชายต่างมารดาจะต้องคอยห้ามศึกระหว่างพ่อลูก เขาหันไปยิ้มให้น้องสาวเล็กน้อยก่อนที่ทุกคนจะเริ่มรับประทานอาหารเช้าร่วมกัน
บนโต๊ะอาหารประกอบด้วยหัวหน้าใหญ่อย่างฐานทัต ที่ไม่เพียงแต่เป็นหัวหน้าครอบครัว เจ้าตัวยังเป็นหัวหน้าพรรคไทยยั่งยืนซึ่งผู้คนต่างนับหน้าถือตา ถัดมาทางเก้าอี้ฝั่งซ้ายเป็นที่นั่งประจำของ ‘นิษฐา’ ภรรยาของท่าน มารดาของเขตคาม พี่ชายผู้อุทิศตนเพื่อครอบครัว ยอมละทิ้งฝันที่จะเป็นนักดนตรี หันมาเอาดีด้านการเมือง ปัจจุบันเขตคามทำหน้าที่เป็นโฆษกประจำพรรคไทยยั่งยืนตามความต้องการของผู้เป็นพ่อ
ส่วนลูกเมียน้อยอย่างคีรติน่ะเหรอ...เธอไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับเรื่องการเมืองเด็ดขาด
“บาร์นั่นยังไม่เจ๊งอีกหรือไง” คำถามของฐานทัตเล่นเอาทุกคนที่อยู่บนโต๊ะอาหารถึงกับต้องวางช้อนลง
“คุณคะ อย่าพูดเรื่องนี้เลยค่ะ” นิษฐาแม้ไม่ได้เป็นแม่แท้ ๆ ของคีรติ ทว่าเธอมีความคิดพอจะแยกแยะได้ว่า เด็กสาวคนนี้ไม่ได้ทำอะไรผิด คนที่ผิดคือ ‘พัชรี’ แม่ของหล่อนที่ไม่สนศีลธรรม คิดแต่จะจับนักการเมืองรวย ๆ จนยอมเป็นเมียน้อยกินน้ำใต้ศอกเธออยู่นานหลายปี
หากเป็นอดีต นิษฐาคงไม่นึกเอ็นดูคีรติแม้แต่น้อย กระทั่งพัชรีด่วนจากไปหลังตรวจพบโรคมะเร็งปอดระยะสุดท้าย กอปรกับลักษณะนิสัยของคีรติที่ต่างจากคนเป็นแม่อย่างสิ้นเชิง ยัยหนูคนนี้ทั้งไม่มักใหญ่ใฝ่สูง ทั้งไม่คิดร้ายต่อใคร นิษฐาจึงเลิกอคติต่อเด็กคนนี้ได้ในที่สุด
แต่ถึงอย่างไร เธอก็ยังคงวางตัวอยู่ในระยะที่เหมาะสม ไม่เข้าไปข้องเกี่ยวกับคีรติมากนัก นอกเสียจากเรื่องที่จำเป็นเท่านั้น
“ฉันถาม ไม่ได้ยินหรือไง” ฐานทัตไม่สนใจคำพูดภรรยา สายตาจ้องมองลูกสาวคนเล็กอย่างกดดัน
คีรติหายใจเข้าปอดลึก ๆ สยบอารมณ์โมโห ก่อนจะตอบผู้เป็นพ่อโดยไม่แม้แต่จะมองหน้า “ยังค่ะ”
“หึ ฉันได้ข่าวมาว่าบาร์แกไม่ค่อยมีลูกค้า เลิกอวดดี แล้วทำตามที่ฉันสั่งสักที เป็นผู้หญิงแต่ไปทำงานกลางคืนแบบนั้น รู้ไหมว่าฉันอาย!”
“เค้กไม่ได้ทำอะไรผิดนี่คะ” คีรติสบตาผู้เป็นพ่ออย่างไม่เข้าใจ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฐานทัตพูดให้เธอรู้สึกแย่ ถึงจะได้ยินมันบ่อย ๆ แต่ก็ไม่มีสักครั้งเลยที่เธอจะไม่เสียใจ
เหมือนพ่อสนใจแต่หน้าตาของตัวเอง ไม่สนเลยว่าลูกอย่างเธอต้องการอะไร
“ไม่ผิด แต่มันไม่น่าเคารพ แกเป็นถึงลูกนักการเมืองดังแต่กลับทำงานเทกแคร์ดูแลไอ้พวกผู้ชายรักสนุกพวกนั้น มันควรหรือไงกัน”
“เค้กเคยอธิบายงานของเค้กให้พ่อฟังหลายครั้งแล้วนะคะ เอาเถอะ พูดไปพ่อก็คงไม่เข้าใจอยู่ดี ถึงยังไงเค้กก็ยืนยันว่าจะไม่มีทางลงเล่นการเมืองเด็ดขาด”
“ฉันไม่ได้สั่งให้แกเล่นการเมือง ไปรับราชการอย่างอื่นสิ มีงานมีตำแหน่งตั้งเยอะแยะ” ฐานทัตขมวดคิ้ว น้ำเสียงเริ่มดังขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อต้องพูดเรื่องเดิมซ้ำ ๆ มาหลายปี
“พ่อครับ อย่าบังคับน้องเลยนะ ให้น้องได้ทำอะไรที่ตัวเองชอบเถอะ” เขตคามพูดด้วยเสียงนิ่งทุ้มน่าฟัง สมกับตำแหน่งโฆษกประจำพรรค
“เพราะแกให้ท้ายมันแบบนี้ไง นับวันมันเลยดื้อ ไม่ฟังพ่อ”
“จริงสิครับ ประชุมสภาครั้งก่อนผมไปคุยงานที่ต่างจังหวัด พ่อเล่าให้ผมฟังทีได้ไหมครับ ผมจะได้เตรียมสรุปไว้คอยตอบคำถามนักข่าว...”
เขตคามรู้จักบิดาของตนดี สิ่งเดียวที่จะทำให้ฐานทัตยอมเปลี่ยนเรื่องได้ มีแค่เรื่องงานเท่านั้น
***
เลวนัก! ฐานทัตเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน
ไม่คิดเลยว่าพวกพรรคไทยธรรมรงค์จะเลวและโง่ได้ถึงขั้นนี้ ซื้อเสียงจนได้เป็นนายกไม่พอ ตั้งแต่ตฤณภัทรขึ้นเป็นนายกก็เทนโยบายเก่า ๆ ของพี่ชายมันทิ้งจนหมด ที่น่าเจ็บใจที่สุดคือนโยบายปล่อยเงินกู้ให้ประชาชน เอาเงินมาล่อ อ้างว่าให้กู้ดอกเบี้ยต่ำ ทว่าสิ่งที่มันทำมีแต่จะยิ่งส่งเสริมให้คนก่อหนี้สินโดยไม่จำเป็นชัด ๆ หลายพรรคพากันค้าน แม้กระทั่งส.ส.พรรคเดียวกับมันเองยังตกใจกับนโยบายทุเรศ ๆ นี้เลย
“เหอะ! นี่ถ้านายตฤณภพยังอยู่ มันคงเจ็บใจน่าดูถ้าเห็นพรรคที่มันสร้างมากับมือต้องมาพังลงในยุคน้องชายของมัน” ฐานทัตบ่นกับลูกชายพลางหวนนึกถึงอดีตคู่แข่งทางการเมืองที่ตนนับถือใจมากที่สุดคนหนึ่ง แม้จะมีหลายนโยบายที่เห็นพ้องไม่ตรงกันบ้าง อย่างน้อยแนวทางการทำงานของตฤณภพก็ยังมุ่งเน้นประโยชน์สุขของประชาชน แต่หลังจากตฤณภพได้รับชัยชนะอย่างไร้ศักดิ์ศรีคราวนั้น ฐานทัตก็หมดศรัทธาในตัวอีกฝ่ายทันที
ใคร ๆ ก็รู้ว่าพรรคไทยธรรมรงค์ซื้อเสียง!
เวรกรรมก็ช่างทำงานติดจรวดไวเหลือเกิน ตฤณภพยังไม่ทันได้นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีก็ถูกลอบยิงเสียชีวิต ยอมรับว่าเขาตกใจมากตอนรู้ข่าว รวมทั้งได้ไปร่วมแสดงความเสียใจที่งานศพแล้วด้วย
แน่นอนว่าเหตุการณ์ไม่คาดฝันนี้ ทำให้ทุกคนพุ่งเป้ามายังคู่แข่งทางการเมืองของตฤณภพอย่างเขา แต่สุดท้ายฐานทัตได้พิสูจน์แล้วว่าตนเป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่มีส่วนรู้เห็นใด ๆ ในการตายของตฤณภพ ตอนนี้ผ่านมาสามเดือนแล้ว ทางการยังตามหาคนร้ายตัวจริงไม่ได้ ไร้ร่องรอย ไร้เบาะแส กระแสข่าวรวมถึงคดีความจึงเริ่มซา คล้ายว่าความจริงจะหายเงียบเข้ากลีบเมฆไปทุกที
เมื่อสิ้นไร้หัวหน้าพรรคอย่างตฤณภพ ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีย่อมตกเป็นของแคนดิเดตคนที่สองของพรรค หรือก็คือตฤณภัทร ผู้เป็นน้องชายร่วมสายเลือดเดียวกัน ชายทั้งสองแม้จะเป็นพี่น้องแท้ ๆ แต่หลังได้ตำแหน่ง ทุกคนต่างเห็นพ้องต้องกันว่าการทำงานของตฤณภัทรช่างแตกต่างจากผู้เป็นพี่ชายราวฟ้ากับเหว!
โดยเฉพาะการล้มนโยบายเก่า ๆ แบบไม่เห็นหัวประชาชน นั่นเป็นสิ่งที่ฐานทัตรับไม่ได้ที่สุด
“อื้ม คงอยากจะเจอหลานมั้ง น้องครีมทำอะไรเอ่ยให้พ่อช่วยไหมคะ” คนเป็นพ่อรีบเปลี่ยนเรื่องด้วยการหันไปสนใจลูกสาวที่กำลังระบายสีอย่างเพลิดเพลินแบบเนียน ๆ“คุณพ่อระบายสีแดงนะคะ” เด็กน้อยยื่นดินสอสีแดงให้พ่อ“เอ...อาทิตย์นี้พ่อยังไม่ซื้อของเล่นให้เราเลยใช่ไหม” คีตะนิ่งไปเมื่อนึกขึ้นได้ว่าช่วงนี้เขายุ่ง ๆ กับเรื่องงานจนไม่มีเวลามองหาของเล่นมาเอาใจลูกสาวทุกอาทิตย์เหมือนอย่างเคย“ไม่เป็นไรค่ะ อาทิตย์นี้น้องครีมไม่อยากได้อะไร” น้องครีมเจื้อยแจ้วตอบเสียงใสคำตอบของลูกทำให้คนเป็นแม่ลอบยิ้มพลางพยักหน้าเห็นด้วย นี่เป็นสิ่งที่เธอไม่ได้สอนสั่ง ทว่าครีมเรียนรู้ได้ด้วยตัวเองว่าของเล่นที่มีอยู่ตอนนี้ก็เต็มบ้านจนเล่นแทบไม่ทันแล้ว“แน่ใจ?” คีตะย้ำถาม“งุยยย จริง ๆ ครีมอยากได้ลาบูบู้ค่ะ แต่คุณครูบอกว่ามันแพ้งแพง”“อะอ้าว ไหนบอกว่าไม่อยากได้อะไรไงคะลูก” คุณแม่อ้าปากเหวอทันที“ก็มีแค่ลาบูบู้ที่อยากได้ แต่มันแพงมากกก” เจ้าตัวน้อยลากเสียงยาวพลางทำตาปริบ ๆ“ไม่ได้แพงขนาดนั้นหรอกน่า เดี๋ยวพ่อจัดให้เลยดีไหมคะ” คนเป็นพ่อยักไหล่ราวกับเป็นเรื่องง่ายดายยิ่งกว่าปอกกล้วยเข้าปาก เขาหยิบโทรศัพท์มือถือเตรียมจะส่งข้อความสั่
“แหวะ!”“ไหวไหมเค้ก...” ชายหนุ่มลูบหลังปลอบคนรักที่กำลังก้มตัวอาเจียนจนหมดไส้หมดพุงสาบานเลยว่าคีตะโคตรจะโกรธเกลียดตัวเอง ทำไมกันนะก่อนหน้านี้เขาทำบ้าอะไรอยู่ เขาควรจะดูแลคีรติช่วงตั้งท้องสองสามเดือนแรกให้ดี ๆ ดูซิว่าอาการแพ้ท้องเล่นงานหญิงสาวหนักขนาดไหน!หนักขนาดไหนน่ะเหรอ...ก็ชนิดที่ว่ากินอะไรไม่ได้ พานเหม็นจนคลื่นไส้ไปหมด ลุกขึ้นยืนเดินเพียงไม่กี่ก้าวก็หน้ามืดวิงเวียนศีรษะ ถ้าเลือกได้เขาอยากจะแพ้ท้องแทนเธอเสียจริงตั้งแต่ตั้งครรภ์เข้าเดือนที่สี่ เธอก็ยิ่งแพ้ท้องหนักขึ้นจนกินอะไรไม่ได้ ต้องกินแค่อาหารอ่อน ๆ หรืออาหารรสจัดเท่านั้น แถมสภาวะอารมณ์ก็ไม่ค่อยปกติเท่าที่ควรอันที่จริงอาการแพ้ท้องควรจะหายไปได้แล้ว ไม่รู้เหตุใดคีรติถึงยังคงแพ้ท้องอยู่ ราวกับว่าลูกในท้องอยากให้พ่อเห็นใจแม่เยอะ ๆแต่แม่ก็เหนื่อยนะ...“ไม่เป็นไรค่ะ คุณกลับไปกินข้าวต่อเถอะ เค้กชินแล้—” พูดยังไม่ทันจบหญิงสาวก็โก่งคออาเจียนเป็นรอบที่เท่าไรของวันแล้วก็ไม่รู้เป็นเรื่องปกติที่อารมณ์คนท้องจะแปรปรวน คีรติรู้ตัวทว่าไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ หลายต่อหลายครั้งที่เธอเผลอหงุดหงิดใส่คีตะ แต่พอได้สติก็ต้องรีบไปขอโทษชายหนุ่มทัน
ก็ไม่ได้ผิดคาดสักเท่าไร...ผู้เป็นพ่อถอนหายใจ แต่ถึงอย่างไรสิ่งที่คีตะทำเมื่อคืนก็ไม่ถูกต้องนัก“เค้ก มานั่งข้างป้ามา” นิษฐาเรียกลูกเลี้ยงพลางจับแขนหญิงสาวด้วยความเป็นห่วง คีรติกำลังตั้งครรภ์อยู่ เธอไม่อยากให้เรื่องเครียดกระทบกระเทือนจิตใจเจ้าตัวมากนัก“มึงคิดว่าสิ่งที่มึงทำมันถูกต้องไหม” ฐานทัตจ้องคีตะเขม็ง“ไม่ครับ ผมรู้ว่าทำไม่ถูกที่พาเค้กไปแบบนั้น แต่ผมไม่มีทางเลือกจริง ๆ ถ้าผมไม่ทำ คุณกับไอ้เขตก็คงไม่ให้ผมเจอเค้กง่าย ๆ” คีตะตอบตามตรง ยอมรับว่าผิด แต่ถ้าย้อนเวลากลับไปได้เขาก็จะยังทำเช่นเดิมต่อให้คีรติไม่ใจอ่อนยอมคืนดีด้วย อย่างน้อย ๆ ครั้งหนึ่งเขาก็ได้พยายามจนสุดชีวิตเพื่อจะเปิดอกพูดคุยกับเธอแล้ว เขาไม่เสียใจเลยกับสิ่งที่ทำลงไป“มึงเลยใช้วิธีแบบพวกไม่มีการศึกษา ลักพาตัวน้องกูเนี่ยนะ” เขตคามเข่นเขี้ยว“ถ้ามันทำให้กูดีกับเมียได้ ต่อให้โดนด่าว่าไร้การศึกษา ทำตัวเหมือนสวะข้างถนน กูก็ยอม”“มึงนี่เหมือนพ่อมึงไม่มีผิด ช่างยึดมั่นถือมั่นในเป้าหมายเสียจริงนะ” ชายวัยกลางคนกระตุกยิ้มเมื่อหวนนึกถึงบุคลิกของตฤณภพ ที่ดู ๆ ไปก็เหมือนลูกชายหัวดื้อของมันอยู่“...”ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบอีกครั้
เช้านี้ไม่เหมือนหลายวันที่ผ่านมา...คีรติตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดอบอุ่นของคีตะ เมื่อคืนเป็นคืนแรกที่เธอได้นอนหลับสนิท เพียงเพราะเรื่องราวค้าง ๆ คา ๆ ที่ทำให้กังวลใจมาตลอดหลายเดือนถูกปลดล็อกจนเคลียร์ การให้อภัยชายหนุ่มและให้โอกาสตัวเองได้รักเขาอีกครั้ง เป็นเสมือนยาวิเศษที่ช่วยเยียวยาจิตใจเธอได้ในชั่วข้ามคืน“แอบมองผมแบบนี้ อยากได้อะไรครับ” คีตะปรือตาถามด้วยน้ำเสียงงัวเงียคีรติพอรู้ตัวว่าโดนจับได้ก็ทำท่าจะรีบผละกายออกจากอ้อมอกเขา เสียแต่ว่าคนมือไวแถวนี้คว้าร่างเปล่าเปลือยของเธอไปกอดแนบชิดยิ่งกว่าเดิม“คุณคีย์ ปล่อยนะคะ” หญิงสาวเขินจนหน้าแดงรีบท้วง ในใจไพล่คิดถึงเหตุการณ์เมื่อคืนนี้...หลังจากเธอใจอ่อนยอมให้คีตะจูบ ไหนเลยเขาจะยอมจบแค่จูบเพียงครั้งเดียว คนเจ้าเล่ห์ใช้ประสบการณ์รักที่คุ้นเคยมาชักจูงเธอ ยั่วยวนเธอ จนเธอยินยอมมอบกายให้ ที่สำคัญเธอเองก็โหยหาเขาไม่ต่างกัน สุดท้ายก็พลาดท่าเสียตัวให้เขาอีกจนได้ โชคยังดีที่คนของขาดมานานนึกขึ้นได้ว่าเธอกำลังตั้งครรภ์อยู่ คีตะละเมียดละไมกลืนกินเธออย่างอ่อนหวาน นุ่มนวล จนเธอหลงระเริงไปกับเขา“ไม่ปล่อย นุ่ม ๆ หอม ๆ ขนาดนี้ใครปล่อยก็บ้าแล้ว” คีตะแย้มยิ้มแ
“ฉันไม่เก่งเท่าคุณหรอกค่ะ...” เธอเอ่ยเสียงเรียบ แต่ทุกคำเต็มไปด้วยความปวดร้าว “สุดท้ายฉันก็โง่... ปล่อยให้คุณเข้ามาในชีวิตอยู่ดี” คำพูดของเธอแทงลึกเข้าไปในใจของคนฟังยิ่งกว่าคำด่าเสียอีกภายนอกเธอเหมือนจะเข้มแข็ง เย็นชาไม่ใส่ใจอะไรอีกต่อไปแล้ว แต่ในใจลึก ๆ คีรติกลับอดนึกถึงวันแรกที่ได้เจอกับเขาไม่ได้...ต้องยอมรับอย่างไม่อาจหลอกตัวเองได้เลยว่า แค่ได้สบตาเขา แค่ได้พูดคุยกันเพียงไม่กี่คำ ปราการในใจเธอก็สั่นสะเทือนจนแทบพังคีตะ...ผู้ชายคนนั้นเหมือนเกิดมาเพื่อล่อลวงให้เธอตกหลุมพรางโดยเฉพาะเสน่ห์ของเขาร้ายกาจเกินกว่าจะต้านทานได้ และเธอ ผู้หญิงที่ไม่เคยสนใจใครเลยสักคนในชีวิต กลับมีแต่เขาคนเดียวอยู่ในสายตาตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา“ผมคิดว่ามันคือโชคชะตาระหว่างเรามากกว่านะ เหมือนที่ตอนแรกผมไม่คิดจะรักคุณเลยด้วยซ้ำ ตั้งใจไว้แล้วแท้ ๆ ว่าจะทำให้คุณหลง... แล้วก็เดินจากไปตามแผน”เขาหัวเราะนิด ๆ กลั้วความขมขื่น สายตาแอบสั่นไหวเล็กน้อย“แต่ไป ๆ มา ๆ กลับเป็นผมเองที่รักคุณ แก้แค้นเองรักเสียเองซะอย่างนั้น อ้อ... ถึงจะรู้ตัวช้าไปหน่อยก็เถอะ”คีรติมองสบตาเขาอยู่นาน ก่อนตัดสินใจยอบกายนั่งลงข้างเขาเงียบ ๆ
น้ำตาหยดหนึ่งไหลลงจากหางตา เธอปาดมันทิ้งอย่างรวดเร็วราวกับไม่อยากให้เขาเห็นว่าเธอกำลังอ่อนแอ“แต่สุดท้าย คนที่ทำลายกำแพงนั้นจนพังยับก็คือคุณ คุณทำให้ฉันรู้สึกไร้ค่า วัน ๆ เอาแต่วิ่งตามคุณ พยายามง้องอน พยายามขอความรัก อ้อนวอนให้คุณกลับมา มันน่าสมเพชแค่ไหนคุณรู้บ้างไหม” เธอกัดฟันแน่น กลั้นเสียงสะอื้นที่จุกอยู่ในลำคอ“ฉันจะเป็นจะตายทุกครั้งที่คุณเย็นชาใส่ เหมือนโลกทั้งใบจะพังทลายเวลาคุณไม่สนใจ แต่พอวันนี้ วันที่ฉันเลือกเดินออกมาจากชีวิตคุณ... คุณกลับมาบอกว่าขอโทษ?”เสียงหัวเราะเย้ยหยันหลุดออกมาอย่างไม่อาจห้าม“เหอะ แล้วคุณก็คงจะเริ่มพล่ามเรื่องอดีต... เหมือนมันจะเปลี่ยนแปลงเรื่องที่ผ่านมาทั้งหมดได้งั้นละ ถามหน่อยสิ... มันไม่ง่ายไปหน่อยเหรอ คุณทำลายชีวิตฉันจนพังไปหมด แล้วแค่คำว่า ‘ขอโทษ’ คำเดียว... คุณคิดว่ามันจะลบล้างทุกอย่างได้งั้นเหรอ?!”ความเจ็บปวดที่เก็บงำมานานแสนนาน ในที่สุดก็ถูกปลดปล่อยออกมาหมดสิ้น...“ลืมแล้วเหรอ... ว่าคุณทำให้ฉันกลายเป็นผู้หญิงโง่ที่โดนคุณหลอกใช้ กลายเป็นผู้หญิงที่...ท้องลูกไม่มีพ่อ!” เสียงสั่นเครือของคีรติดังขึ้นทั้งน้ำตา ราวกับกรีดหัวใจคนฟังซ้ำแล้วซ้ำเล่า“คุณร







