คฤหาสน์หลังใหญ่ของหัวหน้าพรรคไทยยั่งยืนตั้งอยู่ใจกลางเมือง ไม่ว่าใครขับรถผ่านไปมาเป็นอันต้องเหลียวมอง เพราะคฤหาสน์หลังนี้ไม่เพียงมีขนาดใหญ่โตหรูหรา บริเวณด้านหน้ายังเต็มไปด้วยบอดีการ์ดสวมชุดสูทสีดำ คอยจับจ้องรถทุกคันที่ขับผ่านอย่างไม่คลาดสายตา
ชีวิตนักการเมืองใหญ่ก็เป็นเช่นนี้...
คีรติคุ้นเคยกับสิ่งนี้มาตั้งแต่เด็ก ต้องบอกด้วยว่าคุ้นเคยแต่ไม่เคยชิน เธออึดอัด รู้สึกว่าบ้านไม่ต่างจากคุก จะทำอะไรก็ต้องอยู่ในสายตาบอดีการ์ดของพ่อ นี่จึงเป็นเหตุผลที่หลายครั้งคีรติมักจะนอนค้างคืนที่บาร์ของตน ที่นั่นแม้ไม่ได้โอ่อ่าหรือสะดวกสบายเท่าอยู่คฤหาสน์ แต่อย่างน้อยก็มีบรรยากาศที่ช่วยให้เธอหายใจได้เต็มปอด ไม่ต้องอึดอัดใจเหมือนที่บ้าน
“ไม่น่าเชื่อว่าลูกสาวฉันจะนอนบ้านเป็นด้วย” ไม่ทันจะหย่อนสะโพกนั่งลงบนเก้าอี้ ประมุขใหญ่ของบ้าน ‘ฐานทัต อัศวพิทักษ์’ ก็กล่าวทักทายลูกสาวนอกคอกอย่างเธอด้วยคำพูดเหน็บแนม
“ถ้าพ่อไม่อยากเห็นหน้าเค้ก ไว้คืนนี้เค้กไปนอนที่บาร์ก็ได้นะคะ”
“ยัยเค้ก!”
“ทานข้าวเถอะครับพ่อ อาหารพร้อมแล้ว” เป็นเหมือนทุกครั้งที่ ‘เขตคาม’ พี่ชายต่างมารดาจะต้องคอยห้ามศึกระหว่างพ่อลูก เขาหันไปยิ้มให้น้องสาวเล็กน้อยก่อนที่ทุกคนจะเริ่มรับประทานอาหารเช้าร่วมกัน
บนโต๊ะอาหารประกอบด้วยหัวหน้าใหญ่อย่างฐานทัต ที่ไม่เพียงแต่เป็นหัวหน้าครอบครัว เจ้าตัวยังเป็นหัวหน้าพรรคไทยยั่งยืนซึ่งผู้คนต่างนับหน้าถือตา ถัดมาทางเก้าอี้ฝั่งซ้ายเป็นที่นั่งประจำของ ‘นิษฐา’ ภรรยาของท่าน มารดาของเขตคาม พี่ชายผู้อุทิศตนเพื่อครอบครัว ยอมละทิ้งฝันที่จะเป็นนักดนตรี หันมาเอาดีด้านการเมือง ปัจจุบันเขตคามทำหน้าที่เป็นโฆษกประจำพรรคไทยยั่งยืนตามความต้องการของผู้เป็นพ่อ
ส่วนลูกเมียน้อยอย่างคีรติน่ะเหรอ...เธอไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับเรื่องการเมืองเด็ดขาด
“บาร์นั่นยังไม่เจ๊งอีกหรือไง” คำถามของฐานทัตเล่นเอาทุกคนที่อยู่บนโต๊ะอาหารถึงกับต้องวางช้อนลง
“คุณคะ อย่าพูดเรื่องนี้เลยค่ะ” นิษฐาแม้ไม่ได้เป็นแม่แท้ ๆ ของคีรติ ทว่าเธอมีความคิดพอจะแยกแยะได้ว่า เด็กสาวคนนี้ไม่ได้ทำอะไรผิด คนที่ผิดคือ ‘พัชรี’ แม่ของหล่อนที่ไม่สนศีลธรรม คิดแต่จะจับนักการเมืองรวย ๆ จนยอมเป็นเมียน้อยกินน้ำใต้ศอกเธออยู่นานหลายปี
หากเป็นอดีต นิษฐาคงไม่นึกเอ็นดูคีรติแม้แต่น้อย กระทั่งพัชรีด่วนจากไปหลังตรวจพบโรคมะเร็งปอดระยะสุดท้าย กอปรกับลักษณะนิสัยของคีรติที่ต่างจากคนเป็นแม่อย่างสิ้นเชิง ยัยหนูคนนี้ทั้งไม่มักใหญ่ใฝ่สูง ทั้งไม่คิดร้ายต่อใคร นิษฐาจึงเลิกอคติต่อเด็กคนนี้ได้ในที่สุด
แต่ถึงอย่างไร เธอก็ยังคงวางตัวอยู่ในระยะที่เหมาะสม ไม่เข้าไปข้องเกี่ยวกับคีรติมากนัก นอกเสียจากเรื่องที่จำเป็นเท่านั้น
“ฉันถาม ไม่ได้ยินหรือไง” ฐานทัตไม่สนใจคำพูดภรรยา สายตาจ้องมองลูกสาวคนเล็กอย่างกดดัน
คีรติหายใจเข้าปอดลึก ๆ สยบอารมณ์โมโห ก่อนจะตอบผู้เป็นพ่อโดยไม่แม้แต่จะมองหน้า “ยังค่ะ”
“หึ ฉันได้ข่าวมาว่าบาร์แกไม่ค่อยมีลูกค้า เลิกอวดดี แล้วทำตามที่ฉันสั่งสักที เป็นผู้หญิงแต่ไปทำงานกลางคืนแบบนั้น รู้ไหมว่าฉันอาย!”
“เค้กไม่ได้ทำอะไรผิดนี่คะ” คีรติสบตาผู้เป็นพ่ออย่างไม่เข้าใจ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฐานทัตพูดให้เธอรู้สึกแย่ ถึงจะได้ยินมันบ่อย ๆ แต่ก็ไม่มีสักครั้งเลยที่เธอจะไม่เสียใจ
เหมือนพ่อสนใจแต่หน้าตาของตัวเอง ไม่สนเลยว่าลูกอย่างเธอต้องการอะไร
“ไม่ผิด แต่มันไม่น่าเคารพ แกเป็นถึงลูกนักการเมืองดังแต่กลับทำงานเทกแคร์ดูแลไอ้พวกผู้ชายรักสนุกพวกนั้น มันควรหรือไงกัน”
“เค้กเคยอธิบายงานของเค้กให้พ่อฟังหลายครั้งแล้วนะคะ เอาเถอะ พูดไปพ่อก็คงไม่เข้าใจอยู่ดี ถึงยังไงเค้กก็ยืนยันว่าจะไม่มีทางลงเล่นการเมืองเด็ดขาด”
“ฉันไม่ได้สั่งให้แกเล่นการเมือง ไปรับราชการอย่างอื่นสิ มีงานมีตำแหน่งตั้งเยอะแยะ” ฐานทัตขมวดคิ้ว น้ำเสียงเริ่มดังขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อต้องพูดเรื่องเดิมซ้ำ ๆ มาหลายปี
“พ่อครับ อย่าบังคับน้องเลยนะ ให้น้องได้ทำอะไรที่ตัวเองชอบเถอะ” เขตคามพูดด้วยเสียงนิ่งทุ้มน่าฟัง สมกับตำแหน่งโฆษกประจำพรรค
“เพราะแกให้ท้ายมันแบบนี้ไง นับวันมันเลยดื้อ ไม่ฟังพ่อ”
“จริงสิครับ ประชุมสภาครั้งก่อนผมไปคุยงานที่ต่างจังหวัด พ่อเล่าให้ผมฟังทีได้ไหมครับ ผมจะได้เตรียมสรุปไว้คอยตอบคำถามนักข่าว...”
เขตคามรู้จักบิดาของตนดี สิ่งเดียวที่จะทำให้ฐานทัตยอมเปลี่ยนเรื่องได้ มีแค่เรื่องงานเท่านั้น
***
เลวนัก! ฐานทัตเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน
ไม่คิดเลยว่าพวกพรรคไทยธรรมรงค์จะเลวและโง่ได้ถึงขั้นนี้ ซื้อเสียงจนได้เป็นนายกไม่พอ ตั้งแต่ตฤณภัทรขึ้นเป็นนายกก็เทนโยบายเก่า ๆ ของพี่ชายมันทิ้งจนหมด ที่น่าเจ็บใจที่สุดคือนโยบายปล่อยเงินกู้ให้ประชาชน เอาเงินมาล่อ อ้างว่าให้กู้ดอกเบี้ยต่ำ ทว่าสิ่งที่มันทำมีแต่จะยิ่งส่งเสริมให้คนก่อหนี้สินโดยไม่จำเป็นชัด ๆ หลายพรรคพากันค้าน แม้กระทั่งส.ส.พรรคเดียวกับมันเองยังตกใจกับนโยบายทุเรศ ๆ นี้เลย
“เหอะ! นี่ถ้านายตฤณภพยังอยู่ มันคงเจ็บใจน่าดูถ้าเห็นพรรคที่มันสร้างมากับมือต้องมาพังลงในยุคน้องชายของมัน” ฐานทัตบ่นกับลูกชายพลางหวนนึกถึงอดีตคู่แข่งทางการเมืองที่ตนนับถือใจมากที่สุดคนหนึ่ง แม้จะมีหลายนโยบายที่เห็นพ้องไม่ตรงกันบ้าง อย่างน้อยแนวทางการทำงานของตฤณภพก็ยังมุ่งเน้นประโยชน์สุขของประชาชน แต่หลังจากตฤณภพได้รับชัยชนะอย่างไร้ศักดิ์ศรีคราวนั้น ฐานทัตก็หมดศรัทธาในตัวอีกฝ่ายทันที
ใคร ๆ ก็รู้ว่าพรรคไทยธรรมรงค์ซื้อเสียง!
เวรกรรมก็ช่างทำงานติดจรวดไวเหลือเกิน ตฤณภพยังไม่ทันได้นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีก็ถูกลอบยิงเสียชีวิต ยอมรับว่าเขาตกใจมากตอนรู้ข่าว รวมทั้งได้ไปร่วมแสดงความเสียใจที่งานศพแล้วด้วย
แน่นอนว่าเหตุการณ์ไม่คาดฝันนี้ ทำให้ทุกคนพุ่งเป้ามายังคู่แข่งทางการเมืองของตฤณภพอย่างเขา แต่สุดท้ายฐานทัตได้พิสูจน์แล้วว่าตนเป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่มีส่วนรู้เห็นใด ๆ ในการตายของตฤณภพ ตอนนี้ผ่านมาสามเดือนแล้ว ทางการยังตามหาคนร้ายตัวจริงไม่ได้ ไร้ร่องรอย ไร้เบาะแส กระแสข่าวรวมถึงคดีความจึงเริ่มซา คล้ายว่าความจริงจะหายเงียบเข้ากลีบเมฆไปทุกที
เมื่อสิ้นไร้หัวหน้าพรรคอย่างตฤณภพ ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีย่อมตกเป็นของแคนดิเดตคนที่สองของพรรค หรือก็คือตฤณภัทร ผู้เป็นน้องชายร่วมสายเลือดเดียวกัน ชายทั้งสองแม้จะเป็นพี่น้องแท้ ๆ แต่หลังได้ตำแหน่ง ทุกคนต่างเห็นพ้องต้องกันว่าการทำงานของตฤณภัทรช่างแตกต่างจากผู้เป็นพี่ชายราวฟ้ากับเหว!
โดยเฉพาะการล้มนโยบายเก่า ๆ แบบไม่เห็นหัวประชาชน นั่นเป็นสิ่งที่ฐานทัตรับไม่ได้ที่สุด
สองหนุ่มสาวใช้เวลาอยู่ด้วยกันตลอดทั้งวัน คีตะพาเธอไปรับประทานอาหารที่ห้องอาหารสุดหรูของรีสอร์ต ก่อนจะพาเธอไปทำกิจกรรมมากมาย ไม่ว่าจะเป็นขี่ม้าชมสวนป่ารอบรีสอร์ต อ้อ นี่เป็นอีกเรื่องที่คีรติแอบเซอร์ไพรส์ ไม่คิดว่าคนรักจะขี่ม้าได้เก่งถึงเพียงนี้ ตอนแรกคิดว่าผู้ชายหน้าตาสะอาดหมดจดอย่างเขาจะเป็นหนุ่มสำอาง ไม่รักการละเล่นผาดโผน แต่เธอคิดผิดถนัดเมื่อกิจกรรมต่อไปที่ต้องเจอคือการขับโกคาร์ต!คีรติชักไม่แน่ใจแล้ว นี่เขาพาเธอมาเดต หรือพามาทรมานกันแน่…ถึงบ่นอย่างนั้น กิจกรรมสมบุกสมบันกลับทำให้เธอมีความสุขมากกว่าที่คิด ชายหนุ่มคล้ายจะตั้งใจพาเธอไปปลดปล่อยความเครียดที่สะสมมานานหลายปี กว่าจะเล่นเสร็จเวลาก็ผ่านพ้นไปจนถึงช่วงค่ำของวันแล้วทั้งสองคนเหนื่อยเกินกว่าจะออกไปดินเนอร์ข้างนอก หลังกลับห้องมาอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อย คีตะจึงสั่งพนักงานให้เตรียมอาหารกับเครื่องดื่มมาเสิร์ฟถึงที่ พวกเขาจึงกำลังนั่งจิบไวน์ดูดาวท่ามกลางบรรยากาศผ่อนคลายหลังตะลุยเล่นหนักกันมาทั้งวัน“คืนนี้ดาวสวยจังเลยนะคะ เค้กจำไม่ได้แล้วว่าตัวเองดูดาวครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่” คีรติอมยิ้ม เหม่อมองภาพฟากฟ้าเกลื่อนทะเลดาวอย่างเผลอไผล“ผมก็เ
หลังจากพาคนรักมาเจอครอบครัวเป็นครั้งแรก ความไม่สบายใจก็เกาะติดอยู่กับคีรติไม่ยอมจาง ครั้นรู้ว่าคีตะจะไปดูงานที่รีสอร์ต แถมเขายังชวนเธอไปเที่ยวเขาใหญ่ด้วยกัน หญิงสาวจึงตอบตกลงทันที ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเธออยากใช้เวลาอยู่กับคนรัก อีกส่วนเป็นเพราะเธออยากให้คีตะเชื่อมั่นในตัวเธอ ต่อให้พ่อหรือพี่ชายจะไม่เปิดใจต้อนรับเขา ไม่ยินดีให้เธอคบหากับเขา แต่เธอจะยืนหยัดเพื่อความรักครั้งนี้ โดยจะไม่ยอมให้คนอื่นมามีผลต่อความรู้สึกเธอที่มีให้ชายหนุ่ม“หน้าตาคุณดูไม่สดชื่นเลยนะ” คีตะถามขึ้นในความเงียบบนรถยนต์“คุณคีย์คะ เรื่องเมื่อวานเค้กขอโทษแทนพ่อกับพี่เขตด้วยนะ”“ที่จริงตั้งแต่เกิดมาผมไม่เคยโดนใครพูดจาแบบนั้นใส่เลย แต่ก็เข้าใจได้นะ คุณเป็นลูกสาวคนเดียวของบ้าน พ่อกับพี่ชายคุณย่อมต้องห่วงหวงมากเป็นธรรมดา” คนขับรถหันไปยิ้มแสนอบอุ่นให้สาวสวยด้านข้าง“คุณอย่าโกรธท่านเลยนะคะ จริง ๆ พ่อกับพี่เขตใจดีมาก อาจจะดูดุหรือปากร้ายไปหน่อย แต่ถ้าลองได้รักชอบใครแล้วพวกเขาจะใจดีด้วยจนน่าใจหายเลยละค่ะ”คืนนั้นคีรติลองทบทวนดูแล้ว เธอพอเข้าใจว่าทุกสิ่งที่พ่อกับพี่ชายทำ เป็นเพราะทั้งสองคนห่วงเธอฐานทัตผู้เป็นพ่อแม้จะไม่เคยพูด
คีตะกลับไปแล้ว...ในที่สุดคีรติก็หายใจหายคอได้เต็มปอดเสียที ไม่ใช่เพราะเธออึดอัดที่คนรักมาบ้าน แต่เธอไม่ชอบใจท่าทีปฏิบัติต่อแขกของพ่อและพี่ชายตัวเองต่างหาก ทั้งที่คีตะไม่ได้แสดงท่าทีหยาบคายเลยแม้แต่น้อย พวกเขากลับตั้งแง่อคติ ออกตัวชัดว่าไม่ชอบหน้าแฟนเธอตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน แบบนี้มันใช้ได้ที่ไหน“แกจะคบกับมันจริง ๆ เหรอ” ฐานทัตจ้องหน้าลูกสาว ดวงตา สีหน้า รวมถึงน้ำเสียงเขาทั้งดุดันและคมกริบ“ค่ะ”“ทั้งที่แกยังไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้ามันเนี่ยนะ”“คุณคีย์เพิ่งกลับมาสานต่อธุรกิจรีสอร์ตของครอบครัว เขาก็บอกพ่อแล้วนี่คะ”“ยัยเค้ก! แล้วแกคิดว่ามันจะรักแกจริงหรือไง แกลืมไปแล้วเหรอว่าแกคือลูกสาวฉัน ใคร ๆ ก็เข้าหาแกเพราะผลประโยชน์กันทั้งนั้น”“ตอนที่เขาเข้าหาเค้ก เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเค้กเป็นลูกใคร” คีรติเถียงหน้าบึ้ง พ่อดูถูกความรักของเธอกับคีตะมากเกินไปแล้ว“แกนี่มัน...โง่ ไม่ทันคนเหมือนเดิมเลย”นี่เป็นอีกเหตุผลที่ฐานทัตไม่สามารถปล่อยวางเรื่องคีรติได้ ภายนอกลูกสาวเขาอาจจะดูแข็งแกร่ง เข้าถึงยาก แต่ความจริงเธอใจอ่อน หัวอ่อน เขาถึงได้ห่วงลูกสาวจอมดื้อคนนี้มากกว่าใคร“คุณคะ ฉันว่าใจเย็น ๆ ก่อนดีกว
คีตะเหม่อมองคฤหาสน์หลังใหญ่ของหัวหน้าพรรคไทยยั่งยืนเห็นจะจริงอย่างที่เคยได้ยินมา...ไอ้เดรัจฉานนั่นเป็นคนตระกูลใหญ่โต มีคนมากมายนับหน้าถือตา มากถึงขั้นที่หากไอ้ฐานทัตทำผิดมหันต์แค่ไหนก็สามารถเก็บกวาดได้หมดจด ไม่เหลือหลักฐานใดให้เอาผิดเหอะ มันจะรู้สึกอย่างไรกันนะ หากรู้ว่าวันนี้ลูกชายของคนที่มันเคยสั่งฆ่าต่อหน้าสาธารณชนกลางที่ทำการพรรค กำลังจะเหยียบย่างเข้ามาในบ้านพร้อมลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของมัน!สาเหตุที่คีตะอยากมาที่นี่ เพราะเขาอยากมั่นใจว่าคีรติเป็นลูกชังอย่างที่หล่อนว่า หรือจริง ๆ แล้วเป็นแก้วตาดวงใจของไอ้ชั่วนั่นกันแน่ เรื่องแบบนี้ลำพังฟังจากปากคีรติฝ่ายเดียวไม่พอหรอก“คุณคีย์คะ คุณคีย์” เสียงหวานดังขึ้นฉุดสติเขากลับมาคีตะเก็บสายตาแฝงเลศนัย เอ่ยตอบ “ครับ?”“คุณโอเคไหมคะ เค้กเห็นคุณเหม่อมาสักพักแล้วนะ กลัวพ่อเค้กเหรอ” หญิงสาวกุมมือคนรักอย่างให้กำลังใจหลังทะเลาะกันในคืนนั้น คีรติจึงรวบรวมความกล้าบอกพ่อและพี่ชายว่าเธอจะพา ‘คนรัก’ มารับประทานข้าวที่บ้าน ณ เวลานั้นสายตาดุดันของคนเป็นพ่อตวัดมองมา พร้อม ๆ กับสายตาสงสัยใคร่รู้จากเขตคาม คราแรกพ่อเธอทำท่าเหมือนจะไม่อนุญาต เรื่องนี้คงต้อ
คีรติสงบลงเมื่อรู้ว่าสู้แรงคนโกรธาไม่ไหว ยอมปล่อยให้เขาพาเธอไปยังลานจอดรถ แฟนหนุ่มดันเธอเข้าไปนั่งประจำที่ ส่วนเขาเดินอ้อมไปนั่งฝั่งคนขับตามปกติ คีตะเวลานี้กำลังหอบหายใจแรง ไม่มีท่าทีว่าจะผ่อนปรนลงแม้แต่น้อย ร้อนให้เธอต้องเอื้อมมือแตะแขนคนรัก หวังจะบรรเทาอารมณ์โมโหของเขาให้จางลงบ้าง“คุณคีย์คะ เค้กขอโทษแทนพี่เหม…”“ดูไม่ออกหรือไงว่ามันชอบคุณ!” เขาจ้องหน้าหญิงสาวอย่างคาดคั้น“คะ?” คีรตินิ่วหน้า “ไม่หรอกค่ะ พี่เหมเป็นเพื่อนสนิทพี่เขต เราสองคนรู้จักกันมาตั้งแต่เด็กเขาก็เลยเป็นห่วงเค้กแค่นั้นเอง”“ผมไม่ได้ต้องการฟังคุณรำลึกความหลังถึงมันหรอกนะ ผมต้องการคำตอบจากใจจริงของคุณ” คีตะไม่เชื่อหรอกว่าคนฉลาดอย่างคีรติดูไม่ออกว่าเหมราชคิดอย่างไรกับเธอแล้วไอ้การที่เธอยอมนั่งกินข้าวอี๋อ๋อหัวร่อต่อกระซิกกับมัน จะมีอะไรไปมากกว่าการทอดสะพานให้ผู้ชายอื่น ทั้งที่ตัวเองก็มีคนรักอยู่ทนโท่แล้วเหอะ! ยังไม่ทันไรลูกสาวไอ้ฐานทัตก็ฉายแวว ‘ร่าน’ แล้วสินะ“โอเคค่ะ เค้กก็ไม่แน่ใจ พี่เหมดูสนใจเค้กแต่เขาไม่เคยบอกเค้กตรง ๆ ซึ่งมันก็ดีแล้วค่ะ เพราะเค้กไม่ได้คิดอะไรกับเขา” คีรติยอมตอบชายหนุ่มในที่สุดใครต่อใครต่างบอกว่
“คุณคีย์...” น้ำเสียงคีรติแฝงแววกังวล ทันทีที่คนรักหย่อนกายลงนั่งเคียงข้างเธอพลางเขม็งมองเหมราชไม่วางตา เธอก็รู้สึกประหม่าปนหวั่นเกรงอย่างบอกไม่ถูก“เพื่อนเค้กเหรอ” เหมราชจ้องหน้าผู้มาใหม่ รู้สึกไม่ถูกชะตาชอบกล อาจเป็นเพราะแววตาวาวโรจน์คู่นั้น บวกรวมกับท่าทีแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของคีรติ ที่อ่านออกได้ชัดเจนราวกับอีกฝ่ายต้องการจะป่าวประกาศให้โลกรู้อย่างไรอย่างนั้นแน่นอน เหมราชผู้ผ่านชีวิตมามากมายมองแค่ปราดเดียวก็ดูออก ไอ้หมอนี่มันกำลัง ‘หึง’ น้องเค้ก!“เอ่อ คือ...” หญิงสาวอึกอัก“แฟน ผมเป็นแฟนเค้ก” คีตะแทรกเสียงแข็งพลางเหล่มองหญิงสาวที่เอาแต่อ้ำอึ้งเหมือนไม่อยากบอกสถานะทั้งคู่ให้คนอื่นรับรู้วินาทีที่คีตะเห็นเธอนั่งอยู่กับผู้ชายคนอื่น แรกเริ่มเขาแค่ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย ครั้นเมื่อเดินเข้ามาใกล้ จนได้ยินประโยคที่มันพูด...“หลังกินมื้อเย็นเสร็จ พี่ขอไปดื่มที่บาร์ของน้องเค้กได้ไหม”แม่งตั้งใจจะจีบ ‘ผู้หญิงของเขา’ อย่างหน้าด้าน ๆ งั้นสิ!“พี่เหมคะ นี่คุณคีย์ แฟนเค้กเองค่ะ คุณคีย์คะ นี่พี่เหม เพื่อนของพี่ชายเค้ก” หญิงสาวแนะนำชายทั้งสองคนให้รู้จักกันด้วยน้ำเสียงปกติ แม้จะสัมผัสได้ถึงรังส