ทางฝั่งของหลงฝูหยางที่ได้บาดเจ็บจากการถูกลอบสังหาร หลังจากฟื้นขึ้นมาก็รีบออกไปจากจวนตระกูลเฟยทันทีเพราะกลัวว่าตนเองจะนำภัยอันตรายมาให้
“ท่านประมุข” จางหลินที่เห็นสภาพของผู้เป็นนายก็ตกใจยิ่ง รีบเข้าไปประคองร่างสูงมาที่เตียงทันที
“เกิดอะไรขึ้นขอรับ” จางเฉินที่พึ่งเข้ามาเห็นผู้เป็นนายก็รีบถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง
“จางเฉิน มาดูท่านประมุขข้าจะไปตามผู้อาวุโสอิน”
จางหลินเอ่ยบอกสหายอย่างร้อนใจ ก่อนะรีบไปตามอินจางเหว่ยทันที ผ่านไปเพียงครู่เดียวเขาก็กลับมาพร้อมชายวัยกลางคนผู้หนึ่งที่มีสีหน้าร้อนใจไม่แพ้กัน
“เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้” อินจางเหว่ยรีบเข้าไปดูหลานชายทันที
“ข้าไม่เป็นไรมากแล้วขอรับ โชคดีที่ได้คนช่วยเอาไว้”
หลงฝูหยางเอ่ยอย่างอ่อนแรง
“ข้าจะไปเตรียมมาให้ พวกเจ้าดูแลท่านประมุขให้ดี”
อินจางเหว่ยรีบออกไปนำยามาให้ชายหนุ่ม ก่อนจะกลับมาพร้อมยาและผ้าพันแผลมากมาย ทุกคนช่วยกันทำแผลให้ชายหนุ่มอย่างรีบร้อนก่อนที่อินจางเหว่ยจะยืนถ้วยยาให้กับผู้เป็นหลานชาย หลงฝูหยางรับมาดื่มรวดเดียวจนหมดก่อนจะส่งคืนให้ผู้เป็นอา
“ข้าจะช่วยเจ้าปรับกำลังภายใน” อินจางเหว่ยบอกก่อนจะพยุงชายหนุ่มขึ้นโดยมีจางหลินคอยช่วย
“ขอบคุณท่านอามากขอรับ” หลงฝูหยางเอ่ยขอบคุณผู้เป็นอาจากใจจริง
“ไม่เป็นไร อาเต็มใจ” อินจางเหว่ยกล่าวด้วยรอยยิ้มยินดี
หลังจากนั้นไม่นานในวันที่เก้าของเดือน หลงฝูหยางกลับได้สัมผัสความทุกข์ทรมานอย่างไม่มีที่สินสุด ร่างกายร้อนผ่าวราวกับอยู่บนกองเพลิง ทำอย่างไรก็ไม่อาจช่วยบรรเทาลงได้ ไม่ว่าจะเป็นน้ำเย็นเพียงใดก็ไม่อาจดับความร้อนที่แสนทรมานนี้
“เป็นไปได้อย่างไร”
อินจางเหว่ยที่เข้ามาตรวจอาการหลงฝูหยางเอ่ยขึ้นเสียงแผ่วอย่างไม่เชื่อกับสิ่งที่ตรวจพบ
“เป็นอย่างไรขอรับ” จางเฉินเอ่ยถามอย่างร้อนใจ เพราะเห็นผู้เป็นนายนั้นทรมานเหลือเกินแม้แต่กำลังภายในก็ไม่อาจจะช่วยลดทอนความเจ็บปวดนี้ลงได้
“ท่านประมุขถูกพิษ” อินจางเหว่ยเอ่ยขึ้นเสียงแผ่วเบาด้วยหน้าตาซีดเชียว
“พิษหรือ” จางหลินกับจางเฉินร้องขึ้นพร้อมกันอย่างไม่เชื่อ
“ใช่ ทั้งยังเป็นพิษที่หาได้ยากยิ่ง”
“อย่างไรขอรับ อึก!”
เสียงแหบอ่อนแรงของคนเจ็บเอ่ยถามขึ้น ร่างกายแกร่งยังคงได้รับความทรมานจากความร้อนที่แผดเผาอยู่ภายใน
“พิษนี้มีชื่อว่า เพลิงผลาญฤทัยเก้าสุริยัน เป็นพิษที่หาได้ยากยิ่งทั้งยังมีฤทธิ์ที่ร้ายกาจมาก ผู้ที่ถูกพิษจะต้องทนทุกข์ทรมานราวกับโดนไฟแผดเผา พิษนี้จะกำเริบทุกวันที่เก้าของเดือนออกฤทธิ์ยาวนานถึงเก้าชั่วยาม และภายในเก้านี้หากยังไม่สามารถหายาถอนพิษมาได้ก็จะสิ้นใจอย่างเจ็บปวดเกินที่คนผู้หนึ่งจะรับไหว” อินจางเหว่ยเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าไม่ดีนัก
“ยาถอนเหล่าขอรับ” จางเฉินถามอินจางเหว่ยอย่างมีความหวัง
“ยาพิษว่าหายากและปรุงลำบากแล้ว ยาถอนพิษนั้นยากยิ่งกว่า”
“ไม่มีทางเลยหรือขอรับ” จางหลินถามขึ้น มองผู้เป็นนายแล้วเขาอยากจะเป็นผู้แบ่งเบาความทุกข์ทรมานนี้เหลือเกิน
“ต้องมีสิ ข้าจะต้องหาทางช่วยท่านประมุขให้ด้วย” อินจางเหว่ยเอ่ยอย่างหนักแน่นจริงจัง
“ท่านประมุขถูกพิษได้อย่างไรขอรับ หรือจะเป็นตอนที่ถูกลอบสังหาร” จางเฉินเอ่ยอย่างสงสัย
“ไม่ใช่ เกรงว่าจะถูกก่อนหน้านั้นแล้ว” อินจางเหว่ยเอ่ยขึ้นเสียงเครียด
“ก่อนหน้าหรือขอรับ ข้าจำได้ว่าก่อนที่จะถูกลอบสังหารคราวนี้ จ้าวจางเว่ย สั่งให้คนนำน้ำชามาให้ที่เรือนแต่ข้าไม่ได้ใส่ใจ รู้ตัวอีกทีตอนที่เผลอดื่มเข้าไปแล้ว แต่เห็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น จึงไม่ได้เอะใจอะไร จนกระทั่งข้าถูกลอบสังหาร”
หลงฝูหยางข่มความเจ็บปวดเอาไว้อย่างสุดความสามารถก่อนจะเอ่ยขึ้นทั้งยังหอบหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน
“ต้องบอกว่าเป็นโชคดีของเจ้า ที่ตอนนั้นยายังไม่ออกฤทธิ์ ไม่เช่นนั้นเจ้าคงไม่รอดแน่” อินจางเหว่ยเอ่ยอย่างเป็นกังวล
“จริงสิ อาถามได้หรือไม่ใครกันที่เป็นคนยื่นมือเข้าช่วยเจ้า”
“ตระกูลหมอ ตระกูลเฟยขอรับ” หลงฝูหยางเอ่ยตอยอย่างอ่อนแรง ร่างกายยังคงถูกแผดเผาอย่างทรมาน
“ตระกูลเฟย ตระกูลเฟย” อินจางเหว่ยเอ่ยชื่อตระกูลเฟยซ้ำ ๆ จนจางหลินสงสัยจึงเอ่ยถามขึ้น
“ตระกูลเฟยทำไมหรือขอรับ”
“ถ้าจำไม่ผิด ตระกูลเฟยเป็นตระกูลหมอที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก พวกเขาอาจช่วยเราได้” อินจางเหว่ยเอ่ยขึ้นอย่างมีความหวัง
“จริงหรือขอรับ ข้าจะรีบไปเดี๋ยวนี้” จางเฉินเอ่ยขึ้นก่อนจะออกจากห้องไปอย่างเร่งรีบ
“ตระกูลเฟยจะช่วยเราได้จริง ๆ ใช่ไหมขอรับ” จางหลินเอ่ยถามอย่างมีความหวัง
“จริงสิ ต่อให้จะยังหายาถอนพิษไม่ได้ อย่างน้อยก็ต้องมีทางช่วยให้อาการไม่แย่ลง หรือพอทุเลาการกำเริบของพิษได้บาง ท่านหมอตระกูลเฟย เฟยอี้ ถือเป็นอัจฉริยะทางด้านการรักษาผู้หนึ่ง เขาย่อมต้องมีวิธี”
ตุบ!
“นั้นใคร” จางหลินรีบวิ่งออกไปดูนอกเรือนทันทีเมื่อได้ยินเสียงบางอย่าง แต่เมื่อออกแล้วกลับไม่พบรองรอยอันใด แต่นั้นกลับยิ่งน่ากังวลมากกว่าคือเรื่องที่พวกเขาคุยกันมีใครได้ยินหรือไม่
“เจอตัวหรือไม่” อินจางเหว่ยถามขึ้นน้ำเสียงเป็นกังวลอย่างยิ่ง
“ไม่เลยขอรับ” จางหลินส่ายหน้าก่อนจะตอบเสียงเครียดไม่แพ้กัน
ผ่านไปหนึ่งวันอาการของหลงฝูหยางก็ดีขึ้นเมื่อผ่านความทรมานได้เก้าชั่วชามแล้ว
“เหตุใดจางเฉินถึงไปนานนัก” อินจางเหว่ยกล่าวขึ้นอย่างเป็นกังวล แววตาที่มองร่างสูงบนเตียงเต็มไปด้วยความเศร้าหม่อง
“ผู้อาวุโสอินขอรับ” จางหลินเอ่ยเรียกอินจางเหว่ยเสียงเบาก่อนจะยื่นถ้วยน้ำชาให้
“ขอบใจ” มือหนารับมาแต่ก็ไม่ดื่มในทันที แววตายังคงทอดมองคนบนเตียงอยู่อย่างนั้น
“…..”
“เฮ้อ สวรรค์ก็ช่างใจร้ายเสียเหลือเกิน เขาสูญเสียมามากพอแล้ว หยุดทำร้ายเขาเถอะ”
อินจางเหว่ยเอ่ยขึ้นพร้อมกับถอนหายใจด้วยความรู้สึกที่เต็มไปด้วนความสงสาร เวทนา และเห็นใจ
“ท่านประมุขต้องผ่านมันไปได้ขอรับ ข้าเชื่อเช่นนั้น” จางหลินเอ่ยอย่างนักแน่น
“อืม ข้าเองก็ทำได้เพียงคอยอยู่ข้างเขาอย่างนี้”
“ผู้อาวุโสขอรับ” จางเฉินเดินเข้ามาในห้องด้วยร่างกายที่เต็มไปด้วยบาดแผลจนอินจางเหว่ยกับจางหลินตื่นตระหนก
“เกิดอันใดขึ้น” อินจางเหว่ยรีบเข้าไปหาจางเฉินทันทีพร้อมกับเอ่ยถามความ
“ข้าถูกกลุ่มคนชุดดำจำนวนหนึ่งไล่ล่าขอรับ ก็สามารถสลัดจนหลุดไปได้ แต่ว่า…”
“แต่ว่าอันไร” อินจางเหว่ยยืนนิ่งรอคำตอบอย่างจดจ่อ
“ท่านหมอเฟยอี้ ถูกฆ่าตายแล้วขอรับ” จางเฉินเอ่ยขึ้น เขาเห็นหลุมศพของท่านหมอเฟยอี้และคนในตระกูลอยู่ห่างจากจวนตระกูลเฟยออกมาไม่ไกลนัก คิดว่าจะไปดูที่จวนเสียหน่อยแต่กลับพบกลุ่มนักฆ่าเข้าจึงถอนออกมาก่อนเพราะด้วยร่างกายตนเองตอนนั้นไม่มีแม้แรงจะถือกระบี่แล้ว แต่เขาก็หวังว่าจะยังมีคนรอดชีวิตไปได้
“ได้อย่างไร” อินจางเหว่ยเอ่ยขึ้นอย่างหมดแรงเมื่อความหวังที่มีอยู่พังทะลายลง
“เจ้าเห็นกับตาหรือ” จางหลินเอ่ยถามสหายด้วยความหวัง
“อืม ข้าเจอหลุมฝังศพของตระกูลเฟยที่พึ่งฝังเสร็จ หน้าป้ายระบุชื่อเอาไว้ชัดเจนว่าเป็นของผู้ใด” จางเฉินกล่าวอย่างอ่อนแรง
“เพราะข้าหรือ ที่นำพาความตายไปให้เขา” เสียงโรยแรงของคนบนเตียงเอ่ยขึ้น
“ท่านประมุข”
“ไม่ใช่ความผิดเจ้า ไม่เป็นไร ข้าจะทำทุกทางเพื่อหายาถอนพิษมาให้ได้ ข้าสัญญา”
อินจางเหว่ยเอ่ยสัญญากับหลานชายอย่างหนักแน่นก่อนจะจากไปราวกับร่างไร้วิญญาณของคนที่พึ่งสูญเสียความหวังไป
“จางหลิน” หลงฝูหยางเอ่ยเรียกคนสนิทเสียงเรียบแต่กลับแฝงไปด้วยความเจ็บปวดไม่ยินยอม
“ขอรับ”
“สืบเรื่องนี้มา ว่าใครเป็นคนทำ”
“ขอรับ” จางหลินรับคำสั่งอย่างนักแน่น
สองปีต่อมาเรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้นระหว่างสองปีมานี้ มีทั้งที่ดีและไม่ดี แต่ทุกคนก็ผ่านกันมาได้ รวมถึงสองพี่น้องตระกูลเฟยที่ตอนนี้อยู่ในความดูแลของเซียวหลี่อิงในส่วนของจางหยวนเพ่ยเองนั้น ก็อาศัยอยู่ที่เรือนไม้ในส่วนลึกของตระกูลเซียว เรือนไม้ขนาดกลางตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางป่าไผ่เรียงราย ด้านข้างมีลำธารสายหนึ่งไหลผ่านให้ความรู้สึกเย็นสบาย ไม่ไกลกันนักยังมีเรือนเล็กอีกสามเรือนสำหรับเหล่าลูกศิษย์ ทางเดินและรอบเรือนพัก มีดอกไม้นานาพันธุ์ ปลูกประดับเอาไว้งดงามยิ่ง“หือ เจ้าเด็กนี่กตัญญูดีจริง มาถึงก็มีน้ำชาวางไว้ให้เลย”จางหยวนเพ่ยที่ไม่คิดอะไรมากยกถ้วยน้ำชาที่วางอยู่ในห้องของตนเองขึ้นดื่มทันทีหลังจากกลับมา เมื่อฝึกเหล่าลูกศิษย์ทั้งหลายเสร็จ ก่อนที่เฟยเทียนจะเดินเข้ามา“ท่านอา! นั่นไม่ใช่น้ำชา มันคือยาขอรับ” ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหล่า ที่พึ่งเดินเข้ามาใหม่ ยกมือขึ้นห้ามผู้ที่เป็นทั้งอาจารย์และท่านอาของตน แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว“ยาหรือ ทำไมกลิ่นกับรสชาติไม่เหมือนยาเลยเล่า มันคือยาอะไร” หลังจากที่ดื่มเข้าไปแล้วทั้งรสชาติและกลิ่นคล้ายชาดอกไม้เป็นอย่างมากไม่เหมือนยาสักนิด“เป็นยาเพิ่มกำลังภายในขอ
ทางฝั่งของหลงฝูหยางที่ได้บาดเจ็บจากการถูกลอบสังหาร หลังจากฟื้นขึ้นมาก็รีบออกไปจากจวนตระกูลเฟยทันทีเพราะกลัวว่าตนเองจะนำภัยอันตรายมาให้“ท่านประมุข” จางหลินที่เห็นสภาพของผู้เป็นนายก็ตกใจยิ่ง รีบเข้าไปประคองร่างสูงมาที่เตียงทันที“เกิดอะไรขึ้นขอรับ” จางเฉินที่พึ่งเข้ามาเห็นผู้เป็นนายก็รีบถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง“จางเฉิน มาดูท่านประมุขข้าจะไปตามผู้อาวุโสอิน”จางหลินเอ่ยบอกสหายอย่างร้อนใจ ก่อนะรีบไปตามอินจางเหว่ยทันที ผ่านไปเพียงครู่เดียวเขาก็กลับมาพร้อมชายวัยกลางคนผู้หนึ่งที่มีสีหน้าร้อนใจไม่แพ้กัน“เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้” อินจางเหว่ยรีบเข้าไปดูหลานชายทันที“ข้าไม่เป็นไรมากแล้วขอรับ โชคดีที่ได้คนช่วยเอาไว้”หลงฝูหยางเอ่ยอย่างอ่อนแรง“ข้าจะไปเตรียมมาให้ พวกเจ้าดูแลท่านประมุขให้ดี”อินจางเหว่ยรีบออกไปนำยามาให้ชายหนุ่ม ก่อนจะกลับมาพร้อมยาและผ้าพันแผลมากมาย ทุกคนช่วยกันทำแผลให้ชายหนุ่มอย่างรีบร้อนก่อนที่อินจางเหว่ยจะยืนถ้วยยาให้กับผู้เป็นหลานชาย หลงฝูหยางรับมาดื่มรวดเดียวจนหมดก่อนจะส่งคืนให้ผู้เป็นอา“ข้าจะช่วยเจ้าปรับกำลังภายใน” อินจางเหว่ยบอกก่อนจะพยุงชายหนุ่มขึ้นโดยมีจางหลินคอยช่วย“ขอบคุณท
หลังจากจักการทุกอย่างแล้ว ทุกคนก็กลับมาที่จวนตระกูลเฟยเพราะมีเรื่องสำคัญที่ต้องทำกัน นั้นก็คือการปรุงยารักษาอาการบาดเจ็บ(เกิดขึ้นจากการต่อสู้เมื่อครั้งอยู่ในยุทภพ)ให้กับจางหยวนเพ่ยที่ท่านหมอเฟยอี้เคยรับปากไว้แต่ไม่มีโอกาสได้ทำ หน้าที่นี่จึงตกเป็นของหลี่อิงและเฟยเทียน“ผู้อาวุโสพอจะทราบสูตรยาที่ท่านหมอเฟยอี้ใช้รักษาไหมเจ้าคะ”หลี่อิงเอ่ยถามขึ้น ตอนนี้ปัญหาของพวกเขาคือไม่ทราบสูตรยาที่ใช้รักษาอาการบาดเจ็บ“ข้าก็ไม่ทราบ ปกติแล้วเขาจะใช้ยาอีกตัวหนึ่งประคองอาการของข้าเอาไว้เพื่อรอสมุนไพรสำคัญที่จะใช้ปรุงยารักษา”จางหยวนเพ่ยเอ่ยบอก สีหน้าเคร่งเครียดไม่แพ้กัน ตอนนี้ทุกคนมารวมตัวกัน อยู่ที่ห้องปรุงยาเพื่อช่วยกันหาสูตรยา จากตำราการรักษามากมายที่อยู่ในห้องนี้ ที่จะรักษาอาการบาดเจ็บ เนื่องจากไม่มีใครทราบสูตรยานั้นเลย“บันทึกการรักษาในห้องของท่านปู่น่าจะมีขอรับ ท่านจะเขียนเอาไว้ทุก ตอนที่มีการรักษาคนป่วย ข้าจะไปเอามาให้”เฟยเทียนนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ ก่อนจะเอ่ยบอกกับทุกคน แล้วรีบออกไปทันที และไม่นานก็กลับมาพร้อมกับบันทึกเล่มหนึ่ง“นี้เป็นบันทึกการรักษาของท่านอาจางขอรับ ในนี้มีระบุอาการและตัวยาที่
ตระกูลเฟย ตระกูลหมอที่ช่วยเหลือผู้คนมามากมายกลับถูกฆ่าล้างตระกูลภายในคืนเดียวลานบ้านภายในจวนที่เต็มไปด้วยกระจาดสมุนไพรมากมาย บัดนี้ ทุกอย่างกระจัดกระจายเต็มพื้นไปหมด กลุ่มคนชุดดำที่ยืนถือดาบ จ่อดาบไปที่คอของชายชราผู้หนึ่งอยู่นั้นไม่เอ่ยสิ่งใด ก่อนจะกระทำการลงดาบอย่างเลือดเย็นต่อหน้าหลานสาวและภรรยาของเขาที่ตอนนี้ตกใจจนวิญญาณแทบหลุดลอยออกจากร่าง ก่อนที่ร่างของเด็กสาวจะหมดสติไปด้วยความตกใจกลัว“นี้คือสิ่งที่พวกเจ้าต้องได้รับ” เสียงเย็นเฉียบราวน้ำแข็งเอ่ยขึ้น“พวกเราทำผิดอะไร ทำไมถึงทำกับพวกเราเช่นนี้”หญิงชราแผดเสียงร้องด้วยความคับแค้นใจ ทั้งสะอื้นไห้น้ำตาแทบเป็นสายเลือด เมื่อผู้เป็นสามีถูกฆ่าต่อหน้าต่อตา“ความผิดของพวกเจ้า คือช่วยคนที่ไม่สมควรช่วย”น้ำเสียงเหี้ยมเอ่ยขึ้นอย่างเลือดเย็น“พวกเราเป็นหมอ ตระกูลของพวกเราช่วยเหลือผู้คนมามากมาย เหตุใดจึงกลายเป็นเช่นนี้”หญิงชราเอ่ยอย่างหมดแรง ความอัดอั้นไม่อาจระบายออกมาได้ นางหอบหายใจอย่างรุนแรง ก่อนจะหมดสติล้มลงดวงตาเบิกกว้าง แล้วจากไปอย่างไม่เป็นธรรม เหตุใดการที่พวกเขาช่วยเหลือผู้คน ถึงกลายเป็นความผิดด้วยเล่า“แล้วเด็กนี้เล่า” ชายชุดดำผู้หน