LOGIN
'เปะ เปะ' เสียงปรบมือดังขึ้นจากด้านหลัง เผยให้เห็นบุรุษร่างสูงในชุดดำ ยิ้มเหี้ยมเกรียมให้เขาทั้งคู่อย่างกระหยิ่มใจไม่น้อย "หนูสองตัวติดกลับที่วางไว้จนได้ มันช่างอย่างง่ายดายตามที่ท่านอ๋องวางแผนไว้ มิมีผิด ฮ่าฮ่า" เสียงหัวเราะดังขึ้นอย่างพึงพอใจ นั้นดึงกระบี่คู่กายออกมา หมายจะฆ่าทั้งคู่ด้วยมือตนเอง "ยังมิใช่ตอนนี้" อ๋องจี่ชงเผยยิ้มมุมปากเล็กน้อย ".......""แต่หากเจ้าต้องการ ข้าอนุญาตให้เจ้าเลือกปลิดชีพคนใดคนหนึ่งได้!" แววตานิ่งเฉยไร้ความเมตตาเอ่ยขึ้น"เอาละ ข้าจะปลิดชีพผู้ใดก่อนดี เจ้า! หรือเจ้า! ฮ่าฮ่า ช่างสนุกเสียจริง" เฮ่ออี๋เพ่งมองคนทั้งคู่อย่างพิจารณาก่อนเหลือบมองอ๋องจี่ชงจิบสุราอย่างรื่นรมย์"ไม่คิดว่าวันนี้ ข้าจะจับหมารับใช้ตัวโปรดของเจ้าหมาป่าได้ หึหึ น่าขันเสียจริง"อ๋องจี่ชงเหลือบมองทั้งคู่เล็กน้อย เดินตรงมาหยุดนิ่งตรงหน้าลี่หวังก่อนจะเทน้ำสุราราดบนศีรษะเขาอย่างดูหมิ่น"อึก!" ลี่หวังทำได้เพียงกำมัดแน่นจนเล็กจิบเพื่อเก็บอาการแค้นเคืองไว้ในใจ"เจ้า!!" ลี่ซานตะโกนขึ้น ทว่าลี่หวังส่ายหน้าให้เขาเก็บอารมณ์ไว้ เพราะในตอนนี้ชีวิตตนทั้งคู่ได้แขวนอยู่บนเส้นด้ายเสียแล้ว"เจ้าทั้งคู่
ทุกอย่างเงียบสงัดลง เพื่อให้ถึงจุดหมายปลายทาง จนแทบจะได้ยินเสียงลมพัดผ่านอย่างเหน็บหนาว แววตาเย็นชาของลี่หวังเพ่งมองทิศทางเบื้องหน้าอย่างจริงจัง ไม่มีแม้คำพูดสักคำเอ่ยออกมา เพราะรู้ดีว่าในใจนางตอนนี้ คงสับสนและเหนื่อยล้าเต็มที ท่าทางไร้ซึ่งเรี่ยวแรงแม้แต่จะเดินไปต่อ ใบหน้าที่เคยยิ้มแย้มสดใสบัดนี้กลับเศร้าหมองลงอย่างเห็นได้ชัดเจน ณ เวลานี้มีเพียงตัวนางเท่านั้นที่ต้องต่อสู้กับชะตากรรมที่ซับซ้อน ซึ่งไม่คาดคิดว่าในอดีตนางคือ เหมยหลิน ผู้ที่หลงรักเขาจนหมดใจ แต่ได้เพียงทุกข์จนตรอมใจกลับมาเท่านั้น ในเมื่อเป็นเช่นนี้นางจะทำอย่างไรต่อไป 'ฉันต้องแก้แค้นให้ตัวเอง หรือเผชิญหน้ากับเขาราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยิ่งตอนนี้เขาเหมือนจะรักเรามาก ควรให้อภัยดีไหม ทำไงดีเสี่ยวเหยา?' ความคิดต่างๆ นานาพรั่งพรูเข้ามาอย่างมิอาจหยุดยั้งไว้ได้"เฮ่อ..." นางถอนหายใจเพียงเบาๆ แววตาเศร้าอย่างชัดเจน"เสี่ยวเหยา เสี่ยวเหยา ข้ามาแล้ว...เอ๊ะ!" น้ำเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นจากเบื้องหลังนาง เป็นใครไม่ได้นอกจากสหายคนสนิท ในขณะที่ลี่หวังพินหน้ามองบุรุษผู้ไร้เดียงสา ดวงตาเขาเบิกกว้างเมื่อพบว่าคนผู้นั้นวิ่งตรงดิ่งมายังท
เวลาล่วงเลยผ่านไป ความเงียบสงบเข้ามาเยือนอีกครั้ง เสี่ยวเหยามิอาจพบหน้าเจิ้งเจี๋ยได้เต็มร้อย นางพยายามซ่อนตัวจากเขา ไม่มาปรนนิบัติรับใช้ข้างกายเหมือนดั่งเช่นเคย แม้บังเอิญพบเจอกันที่ใด นางก็เอาแต่หลีกหนีเขาทุกครั้งไป ราวกับว่าเขาสิ่งปฏิกูลที่น่ารังเกียจ สร้างความขุ่นเคืองใจให้เขาไม่น้อย ทว่ามิอาจทำการสิ่งใดได้ นางเปลี่ยนเป็นเช่นนี้ไปก็เพราะตน จึงฝืนใจนิ่งเฉย รอแผนการคืนความยุติธรรมให้นาง ดั่งที่วางไว้สำเร็จ เมื่อนั้นตนจะลงโทษนางให้สาสมที่ทำให้ตนคะนึงหาอย่างอดทนอดกลั้นแทบจะตายเสียให้ได้ ทางด้านอ๋องจี๋ชงผู้ซึ่งเฝ้ามองเหตุการณ์ทุกอย่างอยู่ไม่ห่าง อีกทั้งคอยสั่งให้เหล่าทหารจับตามองนางทุกฝีก้าว ครั้นเมื่อสบโอกาสจึงหยิบยื่นไมตรีให้นาง เพียงหวังว่าในช่วงเวลาที่นางจะซาบซึ้งใจ เป็นหนทางเดียวที่ตนสามารถเข้าไปแทนที่ของเจิ้งเจี๋ยได้ ดวงตาเจ้าเล่ห์เพ่งมองสตรีผู้งดงาม ในชุดนางกำนัลชั้นผู้น้อยอย่างหลงใหล กลับมาครั้งนี้นางมิต้องปกปิดตัวตนอีกต่อไป ดวงตาสวยเพ่งมองเงาตนเองในน้ำ ด้วยท่าทางเหม่อเลย ภายในใจครุ่นคิดว่าจะทำเช่นไรกับชีวิตต่อไป"เจ้าดูซูบผอมลงไปมาก มีเรื่องอะไรให้ครุ่นคิด บอกข้าได้หรือ
ค่ำคืนมีเพียงเมฆดำบดบังแสงเรืองทองของจันทราจนหมดสิ้น เป็นค่ำคืนอันเปล่าเปลี่ยวอย่างน่าหวาดหวั่น แม้มองไปในทิศทางใดก็มีแต่ความเงียบสงัด หลงเหลือไว้เพียงแสงสว่างอันริบหรี่ของเปลวเพลิงเพื่อส่องทาง เพราะเส้นทางที่นางกำนัลผู้นั้นว่าไว้ มิได้ซับซ้อนอย่างที่คิด เพียงไม่กี่เวลาร่างบางหยุดนิ่งตรงประตูบานหนึ่งที่ทำด้วยแผ่นไม้หนา ดูเก่าแก่ตั้งสง่าเป็นจุดศูนย์กลางของกำแพง ด้านในมันช่างน่าค้นหาเสียจริงแอ๊ดดดด!...แกร็บ บานประตูเปิดเองอย่างง่ายดาย เหมือนเชื้อเชิญนาง เสี่ยวเหยาไม่เพียงแต่ไม่สงสัยใดๆ อีกทั้งยังไร้ความหวาดกลัว ถึงไม่รู้ว่าทางข้างหน้านี้มีสิ่งใดซ่อนอยู่ และต้องเจอกับอะไรก็ตามก็ไม่มีอะไรที่น่าหวาดกลัวไปกว่าความทรงจำของเหมยหลินที่พรั่งพรูเข้ามา ดวงตาคู่สวยถูกสะกดด้วยสวนดอกโบตั๋นสีขาวสลับแดงบานสะพรั่งไปทั่ว แม้จะถูกความมืดบดบัง ทว่าก็มิอาจบดบังความงามไว้ได้เลย" เอ๊ะ! เหมือนเคยเห็นดอกไม้เช่นนี้ ที่ไหนมาก่อน" นางเพ่งมองอย่างพินิจทบทวนความจำของตน คลับคล้ายว่าเจอดอกไม้ที่ใดกัน กลับต้องสะดุ้งเมื่อได้ยินน้ำเสียงคุ้นเคยของใครผู้หนึ่ง"เจ้ามาทำอันใดที่นี่!!""ท่านกูกู!!""ข้าเอง เจ้าคิดว่าเ
ทางด้านเสี่ยวเหยา ที่ยืนสง่าด้วยความหวาดหวั่น ท่ามกลางหมอกหนาบดบังดวงตา สัมผัสได้ถึงความว่างเปล่าในห้วงอันมืดมิด ไร้สิ่งอื่นใด ที่แห่งนี้คงเป็นห้วงความฝันที่นางมโนขึ้น หรือลางบอกเหตุอันใดกันแน่"เสี่ยวเหยา" น้ำเสียงอันเย็นยะเยือกแต่กลับคุ้นเคย แว่วดังมาแต่ไกล แต่มิอาจจับทิศทางของที่มาได้เลย นางมิอาจรู้ได้ว่าเหตุใดถึงฝันถึงผู้ที่มิเคยให้คำตอบใดๆ กับนาง"ฉันรู้ว่าเป็นเธอ เหมยหลินออกมาคุยกันดีๆ ได้ไหม ทำไมถึงต้องเป็นฉันเท่านั้นที่เป็นฝ่ายดิ้นรนต่อสู้เพียงเพื่อหาคำตอบ ทั้งที่ไม่ได้ทำผิดสักหน่อยแต่กลับต้องมารับเคราะห์กรรมเช่นนี้ ช่างไม่ยุติธรรม ทะลุมิติแบบใดกัน? ต้องมาหาคำตอบ ยากกว่าการทำข้อสอบในมหาลัยเสียอีก เฮ่อ...กรรมของฉันจริงๆ""....."แม้แต่ในห้วงความฝัน นางมิอาจหยุดพร่ำบ่น หรือคาดเดาสิ่งใดได้เลย ทุกอย่างมืดสนิทไปทุกด้าน มีเพียงสิ่งเดียว นั่นคือถามออกไปตรงๆ แม้จะเป็นเพียงความฝันก็ตาม'แน่ะ! ยังเงียบภาษาสมัยใหม่คงไม่รู้เรื่องสิน่ะ! ' นางคิดในใจ"ท่านพี่ใช่ไหม ท่านต้องการให้ข้าทำเช่นไร พูดมาได้เลย ข้ายินดีช่วยเหลือท่านทุกอย่าง" นางเอ่ยขึ้น เพราะมีสติพอจะรู้ได้ว่าไม่ใช่ความฝันธรรมดา และ
ดวงตาคมเพ่งมองไปรอบบริเวณสำนัก เสียงกระบี่ที่เคยดังกังวานไปทั่วป่าไผ่ บัดนี้กลับมีเพียงเสียงจิ้งหรีดร่ำร้อง เมื่อครั้นลมหนาวมาเยือน กลิ่นหอมอ่อนๆ อบอวลไปทั่วบริเวณสำนักที่รายล้อมไปด้วยภาพอันงดงามมิเคยลืมเลือนจากห้วงความทรงจำของเขาได้เลย ร่างสูงย่างก้าวอย่างสุขุม มือหนาผลักบานประตูจวนที่ปิดตายเปิดออกอย่างง่ายดาย ทุกสิ่งยังคงเดิม แม้กระทั่งกลิ่นดอกโบตั๋นยังคงหอมตลบอบอวลไปทั่วห้องไม่เคยเปลี่ยนแปลงราวกับว่ายังมีผู้คนอาศัย สร้างความประหลาดใจให้เขา เหตุใดทุกอย่างยังเหมือนเดิม สิ่งของเครื่องใช้ยังคงจัดวางไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย "ห้องนอนผู้ใดกัน หรือว่ามีคนอาศัยอยู่ที่นี่" เสียงใสเอ่ยขึ้น เจิ้งเจี๋ยครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่หนึ่ง ก่อนขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ"เจ้ารู้ไหมว่าที่แห่งนี้ มันอันตรายเพียงใด?""มีท่านอยู่ ข้าจะกลัวอะไร ปลอดภัยหายห่วงอยู่แล้ว!""อึก... เจ้านี่มันช่างดื้อด้านเสียจริง!"'นั้นไงยิงธนูหมัดใจแล้วหนึ่ง กล้าพูดได้ไงเสี่ยวเหยาเอ่ย ดูแก้มเขาซิ! แดงระเรื่อราวกับลูกท้อเชียว' ทว่าตรงกันข้ามกับเจิ้งเจี๋ยคิดว่านางเป็นสตรีที่ไร้เดียงสา แต่กับเจ้าเล่ห์ใช่น้อย ถึงกระนั้







