หมอหลวงหูตกใจจนเหงื่อชุ่มตัว ทว่าองค์หญิงใหญ่กลับค่อยๆ ลืมตาขึ้นนางได้ยินบทสนทนาเมื่อครู่นี้หมดแล้ว ไม่คิดว่าหมัวมัวข้างกายตนจะหักหลังตนเช่นนี้“องค์หญิงใหญ่ ข้ารู้ว่าท่านเกลียดชังข้า ทว่ามีเพียงท่านเชื่อฟังข้าดีๆ ท่านกับทารถในครรภ์ถึงจะปลอดภัย รอให้ท่านให้กำเนิดบุตรโดยปลอดภัยแล้วค่อยมาคิดบัญชีกับข้า” ซูเนี่ยนกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง และไม่หยุดหยิบยาจากกล่องยา สุดท้ายหยิบใบมีดเล็กออกมาสองสามเล่ม“ได้” องค์หญิงใหญ่สับสน นางเป็นคนฉลาดปราดเปรื่องอยู่แล้ว ดังนั้น เรื่องราวเป็นมาอย่างไร นางพอจะเดาออกเกิดเรื่องใหญ่กับนางปานนี้ ทว่าราชบุตรเขยกับไม่ปรากฏตัวสักที ต้องเป็นเพราะสตรีในจวนนั่นยื้อเวลาเขาไว้เป็นแน่นางต้องให้กำเนิดบุตรออกมาให้ได้ และจะต้องจับตัวคนที่ทำร้ายนางให้ได้“องค์หญิงใหญ่ ประเดี๋ยวข้าจะผ่าเปิดท้องของท่าน แล้วนำเด็กออกมานะเพคะ ข้ารู้ดีว่ามันน่ากลัว แต่ทว่าจำเป็นต้องทำเช่นนี้จริงๆ” ซูเนี่ยนกล่าวจบพลันหยิบยาสลบออกมาใช้ให้กับองค์หญิงใหญ่“หมอหลวงหู ท่านมาเป็นผู้ช่วยข้าที ประเดี๋ยวหากข้าต้องการอะไร ท่านก็หยิบสิ่งนั้นให้ข้า”“หมอตำแย เจ้าเตรียมสำลีสะอาดกับผ้าห่มไว้ แล้วต้มน
ซูเนี่ยนมีคำตอบอยู่ในใจ ไม่กังวลถึงแม้ฉู่อี้หานจะอยู่ด้วย นางกระแอมเบาๆ“เอ่อคือ…จะให้รับท่านเป็นศิษย์ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ แต่ข้าเป็นพระชายา มีหลายสิ่งที่ไม่สะดวกนัก เรื่องนี้คงต้องขออนุญาตจากท่านอ๋อง หากท่านอ๋องตกลง ข้าก็ตกลง”หมอหลวงหูได้ยินดังนั้นพลันรู้สึกมีหวัง แล้วหันไปมองฉู่อี้หานด้วยแววตาคาดหวัง เขาต้องนับซูเนี่ยนเป็นอาจารย์ให้ได้ เพราะเขามีความรู้สึกลึกๆ ว่าต่อจากนี้ ซูเนี่ยนจะต้องสร้างตำนานใหม่ให้กับวงการแพทย์อย่างแน่นอนฉู่อี้หานเม้มริมฝีปาก ซูเนี่ยนแสดงความปรารถนาดี และจงใจเปิดบัญชีออมใจนี้ให้กับเขา การที่มีหมอหลวงหูเป็นผู้ช่วย เป็นเรื่องดีมากสำหรับอ๋องหลี“ข้าอนุญาต แต่เรื่องนี้ห้ามแพร่งพรายออกไป เจ้ามีอะไรก็มาหาพระชายาที่จวนอ๋องเป็นพอ” ฉู่อี้หานพยักหน้า“ไอ้หยา ท่านอาจารย์ผู้สูงส่งได้โปรดรับการคำนับจากศิษย์ผู้นี้ด้วยเถิด” หมอหลวงหูประสานมือ แล้วทำความเคารพให้กับซูเนี่ยน แม้นอายุของเขาจะมาก แต่ทว่ามารยาทห้ามเสื่อม“เอาล่ะๆ” ซูเนี่ยนรับการคำนับ แล้วหันกลับไปหยิบยาจากกล่องยามาเม็ดหนึ่ง เดินไปข้างโต๊ะพร้อมเขียนสูตรลงบนกระดาษหมอหลวงหูตื่นเต้น“นี่คือยาชากับสูตรปรุงยาช
“ท่านแม่ เสียวเป่าติด รีบเอาเสียวเป่าออกไป”“เหอะๆ เอ่อ…ขายหน้าต่อหน้าท่านอ๋องแล้ว”ซูเนี่ยนเดินจากข้างหลังฉู่อี้หานไปตรงหน้ารูนั่น จากนั้นออกแรงดึงเสียวเป่าออกมาอย่างสุดฤทธิ์ เห็นฉู่อี้หานจ้องที่รูใหญ่นั่น แล้วหันไปมองเสี่ยวฮุยที่เหม่ออยู่ซูเนี่ยนคิดในใจว่าแย่แล้ว จึงส่งสายตาให้กับเสี่ยวฮุย“เหตุใดข้าถึงรู้สึกคุ้นหน้าหนูสีเทาตัวนี้นัก” ฉู่อี้หานค่อยๆ กวาดสายตาไปที่ซูเนี่ยนกับเสียวเป่าเหมือนมีอะไรบางอย่าง“จี๊ดๆ” ฉู่อี้หานกล่าวจบ เสี่ยวฮุยตัวสั่นทันที จากนั้นวิ่งหนีไปด้วยความเร็วสุดขีดของตน“มั่วหลิง จับหนูสีเทานั่นไว้ซะ” ฉู่อี้หานสั่งการ“พ่ะย่ะค่ะ”ซูเนี่ยน “…”เสียวเป่า “เสี่ยวฮุย ตามเวรตามกรรมเถิดนะ”“เชอะ” เสียวเป่าเห็นว่าฉู่อี้หานกำลังจ้องตนอยู่ จึงสะบัดหน้าไปด้านข้าง ทว่าสายตายังคงแอบมองฉู่อี้หานอยู่บ่อยๆซูเนี่ยนเม้มริมฝีปาก แล้วกอดเสียวเป่าแน่น“คือว่า…ฮ่าๆ ท่านอ๋อง ข้าจะชดใช้ค่าเสียหายของห้องตำรานี้ให้” เมื่อเห็นฉู่อี้หานยังคงจ้องรูนั่นอยู่ ซูเนี่ยนจึงลองคำนวณดู น่าจะเสียเงินไม่มากนัก“พระชายาจะเอาเงินมาจากไหน” ฉู่อี้หานกล่าว หลายปีมานี้ ไม่มีเขาสั่งให้คนดูแลควา
มั่วเอ๋อร์เอ่ยอย่างรีบร้อน บนใบหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย“เป็นไปได้อย่างไร ซูเนี่ยนคนไร้ประโยชน์นั่นจะรู้วิชาแพทย์ได้อย่างไร” ซูเยียนหรันไม่เชื่อ หลายปีมานี้ซูเนี่ยนอยู่ภายใต้การยกยอชมเชยของท่านแม่ นางเป็นคนไร้ประโยชน์ที่ทำอะไรไม่เป็นคนหนึ่ง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงวิชาแพทย์เลย“หลิวหมัวมัวล่ะ เป็นอย่างไรบ้าง” ซูเยียนหรันฟื้นคืนความใจเย็น“ได้ยินว่าถูกท่านอ๋องจับตัวไปคุมขังที่คุกจวนอ๋องเจ้าค่ะ”“หลิวหมัวมัวเชื่อใจได้หรือไม่”“คุณหนูวางใจได้ ครอบครัวของหลิวหมัวมัวยังอยู่ในมือของฮูหยิน นางไม่กล้าพูดจาเหลวไหลหรอกเจ้าค่ะ”“ข้าเชื่อเพียงคำพูดของคนตายเท่านั้น” ซูเยียนหรันกล่าวอย่างดุร้าย“มั่วเอ๋อร์ หาวิธีส่งจดหมายไปให้ไท่จื่อ บอกให้ท่านคิดหาวิธีจัดการหลิวหมัวมัวนี้ซะ”“เจ้าค่ะคุณหนู” มั่วเอ๋อร์รับคำ แล้วเดินออกไปซูเยียนหรันเม้มปาก ถึงแม้นางจะเข้ามาในจวนอ๋องหลีเพราะคำสั่งของไทเฮา แต่ทว่านางก็เป็นคนขององค์รัชทายาท และมีความสัมพันธ์เป็นสามีภรรยากันตั้งนานแล้วด้วยเมื่อสามปีก่อน ก็เป็นเพราะการช่วยเหลือของไท่จื่อ นางถึงได้สร้างตัวปลอมขึ้นมา ทำให้อ๋องหลีเชื่อว่านางเป็นคนถอนพิษ จากนั้นค่อยใส่ร้า
“เจ้าว่าอย่างไรนะ” ฉู่อี้หานหยุดเก้าอี้ล้อเอาไว้เขาไม่เคยสังเกตรูปลักษณ์หน้าตาของเจ้าก้อนน้อยนั่นดีๆ เลย เพราะส่วนใหญ่ดูคล้ายซูเนี่ยนมากกว่า แต่ทว่าทุกครั้งที่เห็นเด็กนั่น ในใจเขามักจะมีความรู้สึกแปลกๆ ฉุดวาบขึ้น“ส่งคนไปเฝ้าสังเกตเรือนลั่วสุ่ยต่อไปพร้อมสืบเรื่องเมื่อสามปีก่อนไปด้วย แล้วก็เรื่องบ่าวรับใช้นั่นด้วย” ฉู่อี้หานขมวดคิ้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม“พ่ะย่ะค่ะ”ฉู่อี้หานเปลี่ยนชุดมงคลเป็นชุดคลุมดำขนนุ่ม เขากลมกลืนกับท้องฟ้ายามค่ำคืนเป็นหนึ่งเดียว แผนหลังดูโดดเดี่ยวมากมั่วอีเจ็บปวดใจ มีเพียงอยู่กับพระชายาเท่านั้น ท่านอ๋องถึงจะมีชีวิตชีวาบ้าง พระชายามีคารมคมคายไม่เกรงกลัวท่านอ๋อง สามารถทำให้ท่านอ๋องหน้าบูดบึ้งทุกครั้ง แต่ก็ทำอะไรไม่ได้แล้วก็คุณชายเจ้าก้อนน้อย หากตัดเรื่องสถานะออก เขาเป็นเด็กที่น่ารักน่าชังคนหนึ่งจริงๆ ช่วงหลายปีมานี้ จวนอ๋องช่างเงียบเหงาเกินไปแล้วเมื่อมีแผนอยู่ในใจ มั่วอีจึงเข็นฉู่อี้หานตรงไปยังเรือนลั่วสุ่ยไม่หยุดพัก“เจ้าพาข้ามาที่นี่ทำไมกัน” ฉู่อี้หานเหลือบมองมั่วอี“กลับ…”ยังไม่ทันกล่าวจบ ก็มีเสียงหัวเราะดังลอดออกมาจากเรือนลั่วสุ่ยเสียงชัดเจนไ
“ท่านอ๋อง เสร็จแล้ว คีบผักจิ้มเครื่องปรุงนี้ ทานคู่กันนะเพคะ” เฟิ่งเอ๋อร์กล่าวหลังจากแสดงให้ฉู่อี้หานดู“อืม” ฉู่อี้หานปฏิบัติตามที่เฟิ่งเอ๋อร์กล่าว เขาคีบผักแล้วจิ้มที่เครื่องปรุงรสหลังจากที่คีบผักเข้าปากแล้ว ดวงตาของฉู่อี้หานพลันเป็นประกาย ผักนี้ช่างเลิศรสยิ่ง“ลวกผักในหม้อนี้” หลังจากที่ทานผักในถ้วยหมดแล้ว ฉู่อี้หานก็มองไปยังหม้อเผ็ดอีกฝั่งหนึ่ง“ท่านอ๋อง ฝั่งนี้เป็นหม้อเผ็ด หากท่านทานแล้วท้องเสียขึ้นมา อย่ามาโทษหม้อไฟนี้นะเพคะ” ซูเนี่ยนตักเตือนฉู่อี้หานทานเผ็ดไม่ได้ หากท้องเสียขึ้นมาแล้วมากล่าวหานาง นางไม่ยอมแน่“หม้อไฟ? ที่แท้ก็เรียกว่าหม้อไฟนี่เอง” ฉู่อี้หานพยักหน้า แล้วส่งสัญญาณให้เฟิ่งเอ๋อร์ลวกผักต่อไปมั่วอียืนมองจนน้ำลายไหล นานมากแล้วที่ไม่ได้เห็นท่านอ๋องทานมากเพียงนี้ ของที่เรียกว่าหม้อไฟนี้ต้องรสชาติดีเยี่ยมมากแน่นอนเฟิ่งเอ๋อร์ลวกผักเพิ่มอีกมากมาย เสียวเป่ากับฉู่อี้หานทานอย่างรวดเร็ว แต่ไม่มูมมาม พวกเขาทานไปเยอะมาก เมื่อรู้สึกแน่นท้องแล้วจึงจะวางตะเกียบเสียวเป่าวางตะเกียบลง แล้วยกแก้วที่อยู่ข้างๆ ขึ้นมาดื่มไปอึกหนึ่ง สีหน้าดูอิ่มเอมใจถึงที่สุด“เจ้าดื่มน้ำอะไร
“พระชายา เฟิ่งเอ๋อร์ไร้ความสามารถเองเพคะ ป้าจางที่อยู่ในครัวบอกว่าไม่มีสำรับเช้าสำหรับพระชายา พวกนางมัวยุ่งแต่ปรนนิบัติพระชายารองเพคะ” เฟิ่งเอ๋อร์ก้มหน้ากำชายเสื้อแน่น“งั้นรึ จวนอ๋องอันกว้างใหญ่เพียงนี้ ไม่มีสำรับสำหรับข้างั้นรึ” ซูเนี่ยนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาซูเนี่ยนหยิบยยารักษาบาดแผลออกมาให้เฟิ่งเอ๋อร์ทา จากนั้นมองไปที่เสียวเป่า “เสียวเป่า เจ้ารอแม่อยู่ที่นี่ ประเดี๋ยวเราจะกินข้าวพร้อมกัน”“ขอรับ” เสียวเป่าพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง“ไปกันเถอะ” ซูเนี่ยนจุมพิตที่หน้าผากของเสียวเป่าทีหนึ่ง แล้วพาเฟิ่งเอ๋อร์ไปที่ครัวเช้าวันนี้ ทุกคนในจวนอ๋องต่างก็ได้ยินเรื่องที่ฉู่อี้หานค้างที่เรือนลั่วสุ่ยเมื่อคืนนี้ ขณะที่กำลังตะลึงตกใจอยู่ ทุกคนต่างก็คาดเดาว่า ซูเนี่ยนได้รับความโปรดปรานจากอ๋องหลีแล้วใช่หรือไม่ทุกคนต่างกำลังรอดูเรื่องสนุก รอให้มีคนเปิดก่อน ไม่คาดคิดว่าป้าจางจะหาเรื่องด้วยตัวเองก่อนเช่นนี้หากถามว่าเหตุใดป้าจางถึงต้องรังแกซูเนี่ยนเช่นนี้ เช่นนั้นต้องเล่าตั้งแต่เรื่องหลานชายของนาง หลิวหมัวมัวที่อยู่ข้างกายซูเนี่ยนไม่ถูกกันกับป้าจาง ทั้งสองทะเลาะกัน หลิวหมัวมัวอ้างชื่อของซูเนี่ยนมา
ซูเนี่ยนมองจิตสังหารในดวงตาของซูเยียนหรันนิ่งๆ ในใจยิ้มเยาะ“ไอ้หยา พูดถึงเรื่ององค์หญิงใหญ่จิ้งคังแล้ว ข้าไม่พูดไม่ได้เลย น้องสาว เมื่อวานเป็นวันมงคลของเจ้า แต่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดเรื่องกับองค์หญิงใหญ่เช่นนี้ ทั้งยังเจอกับสีเลือดด้วย นี่มันไม่เป็นมงคลเลยจริงๆ อี๋เหนียง[footnoteRef:1]ก็ถูกเจ้ากดจนไม่สามารถมีบุตรได้อีก แล้วยังเกิดเรื่องเช่นนี้กับองค์หญิงใหญ่อีก เฮ้อ” [1: อี๋เหนียง คำใช้เรียกอนุ ] ซูเนี่ยนสาดน้ำเสียให้กับซูเยียนหรัน จะว่าน้ำเสียก็ไม่ได้ เพราะใครให้ซูเยียนหรันใส่ร้ายตนก่อนล่ะ“พี่สาวล้อเล่นแล้ว ข้าเองก็ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นเหมือนกัน” ซูเยียนหรันหยิบผ้าเช็ดหน้า แล้วเช็ดน้ำตาที่ไม่มีอยู่จริงเบาๆ จากนั้นเอ่ยโทษตัวเองว่า“พระชายา ท่านพูดเช่นนี้เกินไปแล้ว พระชายารองเองก็ไม่รู้เรื่องเช่นเดียวกัน เมื่อคืนพระชายารองของเรายังสวดขอพรให้องค์หญิงใหญ่จนดึกดื่นถึงจะได้นอน” มั่วเอ๋อร์เอ่ยปกป้องฝูงชนเห็นใจซูเยียนหรัน มิน่าล่ะขอบตาถึงได้คล้ำ“งั้นหรือ เช่นนั้นเหตุใดข้าถึงได้ยินว่าตำหนักน้องสาวดับไฟตั้งแต่เช้าแล้วล่ะ หรือว่าน้องสาวมีนิสัยสวดขอพรแบบหลบๆ ซ่อนๆ”เพื่อป้องก