LOGIN2
ธิดาดอยเดินมานั่งบนม้าหินหน้าคณะ หน้าเธอง้ำงอผลพวงจากหงุดหงิดเจ้านกณัชชามาตั้งแต่ที่บ้าน ขณะยืนรอรถเมล์ รถมอเตอร์ไซร์ได้เบียดมาทางซ้ายและขับค่อนข้างเร็ว ส่งผลให้น้ำที่ท่วมขังอยู่ตรงท่อกระเซ็นใส่ตัว
เท่านั้นยังไม่พอรถประจำทางสายที่ต้องขึ้นก็มาช้าเหลือเกิน คันแรกเธอไม่ได้ขึ้นเพราะรถเต็มจนไม่มีที่ยืนหายใจ เธอจึงรอรถเมล์อีกคันที่ทิ้งห่างนานครึ่งชั่วโมง พอได้ขึ้นก็เกิดเหตุอีก เมื่อมีเด็กที่นั่งเบาะด้านข้างเกิดเมารถ อาเจียนลงบนพื้น ดีนะที่เธอใช้ความไวลุกขึ้นยืนทัน ไม่เช่นนั้นคงได้เลอะตัวเธอแน่นอน
“แกเป็นอะไรเหมย หน้าบูดอย่างกับตูดลิง” เพตราถามเพื่อนสนิทเมื่อเห็นสีหน้า
“อยากฆ่านก” ธิดาดอยพูดจากใจ “และเมื่อกี้ก็อยากฆ่าเด็ก”
เพตรายิ้มกับคำพูดของเพื่อน ได้ยินคำว่า อยากฆ่านก เธอก็รู้แล้วว่า ธิดาดอยหมายถึงนกณัชชาตัวจ้อยแสนน่ารัก ที่ไม่รู้ว่าเป็นอริกันตั้งแต่ชาติปางไหน เพื่อนเธอถึงได้จงเกลียดจงชังเช่นนี้ หรืออาจเป็นเพราะอิจฉานกที่ชื่อไพเราะกว่า
“แกนี่ก็เก่งกับนกณัชชาเนอะ มันทำอะไรให้ ฉันก็เห็นว่ามันน่ารักดีออก พูดก็เก่ง เชื่องด้วย”
“ตกลงแกเป็นเพื่อนฉันหรือเพื่อนไอ้นกบ้านั่น ถึงได้พูดอย่างนี้” ธิดาดอยเริ่มวีนเพื่อน
“ฉันก็เพื่อนแกน่ะสิ แต่ที่ฉันพูดเพราะอยากให้แกทำใจ มันก็แค่นก นกตัวเล็กๆ น่ารัก จะเทียบกับคนได้ยังไง อีกอย่างนกมันมีอายุไม่กี่ปีเดี๋ยวมันก็บินขึ้นไปสวรรค์แล้ว ทนอีกนิดนึงน่า” เพตราปลอบเพื่อน
“แล้วนี่แกอ่านอะไรอยู่ เล่มหนาอย่างกับหมอน” ธิดาดอยเปลี่ยนเรื่องคุย
“ประวัติศาสตร์ราชวงศ์หมิง”
“อ่านทำไม เราไม่ได้เรียนประวัติศาสตร์ซะหน่อย”
“อาม่าที่ฉันดูแล ท่านชอบให้ฉันอ่านหนังสือประวัติศาสตร์จีนให้ฟัง ฉันอ่านมาหลายเล่มแล้ว แต่เห็นว่าเล่มนี้น่าสนใจดีเลยยืมอาม่ามาอ่านให้จบ”
ฐานะบ้านเพตราไม่ดีนัก เธอต้องทำงานพิเศษเพื่อช่วยเรื่องค่าใช้จ่ายส่วนตัว แล้วงานพิเศษของเธอคือ ดูแลคนแก่บ้านเศรษฐีที่อยู่ต้นซอย เพตราต้องไปทุกวันตั้งแต่หกโมงเช้ายันสองทุ่ม แต่ถ้าวันไหนมีเรียนก็จะไปตามตารางเรียน และกลับมาทำหน้าที่ของตัวเองต่อ
“มันน่าสนใจยังไง” ธิดาดอยแกะซองขนมแล้วหยิบมันทานหลังถามจบ
“น่าสนใจตรงที่ว่า องค์รัชทายาทผู้เหี้ยมโหดที่เป็นฮ่องเต้ในอนาคตกลายเป็นบุรุษผู้มีใจอ่อนโยนในระยะเวลาสั้นๆ ทำให้เชื้อพระวงศ์และคนในราชสำนักต่างพากันสงสัย แต่ก็ไม่มีใครหาคำตอบได้ ฉันชอบตรงนี้มากเลย องค์รัชทายาทเลี้ยงนกหงส์หยกไว้ตัวนึง มันจะเกาะบนบ่าขององค์รัชทายาทไปทุกที แถมพูดเก่งด้วยนะ ฉอเลาะมากเลย องค์รัชทายาทมักพูดกับมันบ่อยๆ แล้วที่น่าแปลกก็คือ ตั้งแต่เลี้ยงนกตัวนี้ องค์รัชทายาทสั่งปลดนางกำนัลถวายตัวทั้งหมด เหลือเพียงตำแหน่งพระชายาที่มีกันอยู่สามคน แต่ก็ไม่ไปหาใครเลยนะ อยู่กับแต่นกหงส์...” เสียงเพตราหยุดลงเมื่อเสียงธิดาดอยขัดขึ้น
“พอเลย ไม่ต้องเล่าแล้ว ฉันเบื่อฟังเรื่องคนที่ชอบเลี้ยงนกหงส์หยก สมัยก่อนมีสัตว์เลี้ยงตั้งเยอะแยะ ดันมาเลี้ยงไอ้นกตัวนี้” เรื่องมันก็ชวนติดตาม แต่พอได้ยินว่า องค์รัชทายาทเลี้ยงนกหงส์หยก เธอก็ไม่อยากฟังขึ้นมาทันใด “ขึ้นตึกเถอะ นั่งตรงนี้ร้อน”
เพตราไม่พูดอะไร ปิดหนังสือที่ตัวเองกำลังอ่าน ก่อนเก็บใส่กระเป๋าสะพายที่นำมันมาคล้องบนบ่า จากนั้นก็เดินขึ้นตึกเรียนพร้อมกับธิดาดอย
ตอนเย็นวันเดียวกัน
ธิดาดอยอารมณ์ดีเดินเข้ามาในบ้าน ในมือถือถุงใส่ขนมหวานเจ้าอร่อยเจ้าประจำที่วันนี้โชคดีซื้อทัน เย็นนี้จึงตั้งใจว่าจะทานให้อยาก หลังจากชวดซื้อไม่ทันมาหลายวัน เธอวางกระเป๋าสะพายและถุงขนมลงบนโต๊ะกินข้าว เดินไปหยิบถ้วยเพื่อมาใส่ขนม หลังจากเทขนมใส่ถ้วยจึงรู้ว่าลืมหยิบช้อนมาด้วย ธิดาดอยจึงต้องเดินกลับไปเอาช้อนในครัว
ขณะนั้นนกหงส์หยกที่เฉินปล่อยให้บินอยู่ในบ้าน ได้บินมาเกาะตรงขอบถ้วยขนมในลักษณะหันหางเข้าหาขนมในถ้วย แล้วมันทำในเรื่องที่ไม่สมควรทำคือ ถ่ายใส่ขนม ช่างเป็นเวลาที่เหมาะสม เจ้าของขนมได้ทันเห็นขี้นกตกใส่ขนมหวานของตนพอดี มันไม่ได้ขี้แค่ก้อนเดียว แต่ไหลเป็นน้ำเลย
“ไอ้ณัชชา ไอ้นกบ้า แกขี้ใส่ชามขนมฉันทำไม” ธิดาดอยโกรธจัด ตะเบ็งเสียงใส่นกณัชชาที่บินขึ้นไปเกาะบนตู้ มองมายังธิดาดอยที่เดินมายืนเท้าเอวหน้าตู้โชว์ “แกลงมาเลยนะ ฉันจะจับแกต้ม แกบังอาจขี้ใส่ขนมที่ฉันอยากกิน”
พูดจบ เธอหันไปหยิบเก้าอี้มาวางหน้าตู้โชว์ ก่อนขึ้นไปยืนบนเก้าอี้เพื่อจับนก นกหงส์หยกแสนฉลาดเหมือนจะรู้ว่า กำลังถูกปองร้าย มันเลยบินหนี ธิดาดอยไม่ยอมแพ้ วิ่งตามมันออกไปนอกบ้าน มันเหมือนจะแกล้งธิดาดอย นกหงส์หยกบินต่ำๆ ให้ธิดาดอยกระโดดจะจับมัน ซึ่งคนตามล่านกก็ไม่ลดละ ตามมันไปเรื่อยๆ จนถึงเลียบคลองที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านมากนัก ซึ่งคลองแห่งนี้ไม่มีขอบกั้น จะมีแค่ปูนก่อนขึ้นมาเท่าขนาดของอินบล็อคกั้นไว้เท่านั้น
“อย่าบินหนีสิวะ จับได้แม่จะต้มโคล้งนกกิน”
ธิดาดอยวิ่งไปพูดไป ความที่สนใจแต่นกที่บินอยู่เหนือหัวตน ทำให้เธอไม่ได้มองพื้นว่า มีเปลือกกล้วยตกอยู่ และบังเอิญว่าตอนนี้ฝนได้ตกลงมาโปรยปราย ซึ่งก่อนหน้านี้มันตกลงมาโครมใหญ่ ถนนที่เธอกำลังวิ่งอยู่นี้จึงเปียกไปด้วยน้ำ
เมื่อใจมุ่งมั่นจะจับนกหงส์หยกนามว่าณัชชา ดวงตามองมัน เท้าก็ออกวิ่ง ความประมาทจึงเกิดขึ้น เธอเหยียบเปลือกกล้วยบนพื้น ความลื่นทำให้เธอทรงตัวไม่อยู่ เอนไปเอนมา เธอไขว้คว้ามือในอากาศ แต่แทนที่จะหงายท้องไปด้านหลัง เธอกลับเอนตัวไปยังคลอง ตอนนั้นคิดว่าถ้าหงายท้องตัวเองเจ็บตัวแน่ แต่ถ้าตกน้ำยังไม่เจ็บเท่าไหร่ ไม่นานนักร่างเธอก็ตกลงไปในน้ำ
ตูม!
88สามปีต่อมา ราชวงศ์หมิง ชีวิตคู่ระหว่างหมิงหยางเต๋อกับธิดาดอยในร่างหวังเสี่ยวหยูกับผิงผิงราบรื่นและมีความสุข ทั้งสองสานต่อเรื่องที่สองผัวเมียผู้ล่วงลับทำไว้ รวมทั้งกิจการที่มีแนวโน้มว่าจะเจริญรุ่งเรืองต่อไปในอนาคตในช่วงแรกทั้งสองต้องปรับตัว ทำความรู้จักกับเหล่าคนรับใช้และคนใกล้ชิดหวังเสี่ยวหยูกับผิงผิง แม้จะมีคนสงสัยว่า เหตุใดจึงจำใครไม่ได้ ทั้งคู่ใช้ข้ออ้างเรื่องการเสียชีวิตไปครึ่งชั่วยามว่า ความจำถูกลบออกไป ทุกคนจึงเลิกสงสัยในข้อนี้เรื่องหนึ่งที่ทั้งสองรู้หลังจากฟื้นขึ้นมาคือ ทั้งคู่กลับมาในยุคราชวงศ์หมิง ในการปกครองของฮ่องเต้หมิงเหยา บุตรชายของทั้งคู่ หมิงเหยาเป็นฮ่องเต้ที่ได้รับการยกย่องว่า เป็นฮ่องเต้ที่มีคุณธรรม บริหารบ้านเมืองด้วยทศพิธราชธรรม เป็นที่รักและเคารพของราษฎรทั่วหล้า หมิงหยางเต๋อกับธิดาดอยภูมิใจในตัวบุตรชาย และดีใจ วางใจที่เขาทำหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยมหมิงหยางเต๋อจูงมือธิดาดอยมายังริมสระบัวที่อยู่ภายในอาณาเขตบ้าน เป็นสถานที่ที่ทั้งคู่มักพากันมาชมดอกบัวและสัตว์ ที่ไม่ว่าจะเป็นสัตว์น้ำหรือสัตว์ที่บินได้เช่นนกนานาชนิด“ไม่รู้ว่าตาจะไปอยู่ที่ไหน” ธิดาดอยพูดก
87 ราชวงศ์หมิง พ.ศ. 2070 (ค.ส. 1527) บ้านหลังใหญ่กลางเมืองอู่เฉิน เมืองทางตอนใต้ของแคว้นหมิง เป็นเมืองที่อุดมไปด้วยพืชผลทางการเกษตร และขึ้นชื่อเรื่องเหมืองทองคำ ประชากรในเมืองนี้ส่วนหนึ่งทำไร่ ปลูกผักขาย ส่วนหนึ่งรับจ้างทำงานในเหมือง ยังมีการค้าขายภายในเมืองที่คึกคัก มีผู้คนมาจับจ่ายใช้สอย ชีวิตประชากรเมืองนี้ค่อนข้างดี เพราะมีพ่อเมืองที่ไม่มีนิสัยคดโกงคอยดูแลความเป็นอยู่ของลูกบ้าน พัฒนาเมืองด้วยมืออันสะอาด เมืองอู่เฉินมีโรงหมอขนาดใหญ่ที่รองรับคนป่วยได้เป็นร้อยคน มีโรงทานจากผู้ใจบุญที่ผลัดเปลี่ยนกันมาเป็นเจ้าภาพ แต่แน่นอนว่าก็ต้องมีกลุ่มหนึ่งที่จัดอยู่ในประเภทจน ไม่มีจะกินรวมอยู่ด้วย เสียงร้องไห้ดังระงมไปทั่วบ้าน ทุกคนต่างอาลัยและเสียใจกับการจากไปของหวังเสี่ยวหยูกับฮูหยินผิงผิงที่เสียชีวิตเมื่อครึ่งชั่วยาม สาเหตุของการเสียชีวิตคือนอนหลับแล้วไม่ตื่น หรือคนไทยเรียกว่าไหลตาย ที่น่าแปลกคือ สองสามีภรรยาผู้ใจบุญเสียชีวิตพร้อมกัน และที่น่าเสียดายคือ ทั้งสองอายุยังไม่มาก ฝ่ายชายอายุห้าสิบปี ฝ่ายหญิงอายุสี่สิบห้าปี ทั้งคู่เป็นคนที่คนในเมืองต่างให้ความเคารพและนับถื
86หนึ่งเดือนต่อมา ชีวิตคู่ระหว่างหมิงหยางเต๋อกับธิดาดอยเริ่มต้นขึ้นเมื่อหนึ่งเดือนก่อน ทั้งคู่มีความสุขในบ้านสวนในพื้นที่สิบห้าไร่ ใช้ชีวิตเรียบง่ายกับเพื่อนบ้านที่เป็นมิตรมากกว่าศัตรู คอยช่วยเหลือ แบ่งปันอาหารมาให้ทั้งคู่เสมอ ส่วนนายอินก็คอยช่วยเรื่องปรับปรุงพื้นที่ตามที่ธิดาดอยต้องการ บ้านสวนคือสถานที่ที่หมิงหยางเต๋อกับธิดาดอยใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน ทั้งคู่จึงเข้ามาดูแลสวนเต็มตัว แต่ความที่หลีดูแลมาดีอยู่แล้ว จึงไม่ได้ปรับเปลี่ยนอะไรมาก นอกจากรื้อแปลงผักเก่าที่ปล่อยรกล้าง พลิกฟื้นขยายให้ใหญ่กว่าเดิม เพราะปลูกพืชผักสวนครัว ไว้กินและไว้ขาย อีกทั้งยังสร้างโรงเพาะเห็ด ปลูกเห็ดหลายชนิดไว้ขายอีกด้วย เรื่องที่ธิดาดอยกลัวตอนนี้ไม่มีความรู้สึกนั้น เรื่องนั้นคือความกังวลว่า หมิงหยางเต๋อจะอยู่บ้านสวนได้หรือไม่ ตอนนี้เธอได้คำตอบนั้นแล้ว และมีอีกหนึ่งเรื่องที่รู้เพิ่มเติมคือ เขารักและมีความสุขกับบ้านสวนอันแสนร่มรื่น มีความสงบไม่วุ่นวาย สุขที่สุดคงจะเป็นได้อยู่ใกล้ชิดกับธิดาดอยหมิงหยางเต๋อปรับสภาพการเป็นอยู่ได้แบบหน้ามือเป็นหลังมือ จากคนที่ไม่เคยต้องทำอะไร มีคนคอยรอง
85 บนสวรรค์ ปองพลกับณัชชา กามเทพที่กำลังได้เลื่อนขั้นเป็นเทวดา กำลังนั่งหน้าเครียดหลังจากได้ยินคำพูดของ อาณัติผู้คุมเหล่ากามเทพทั้งหลายหรือจะเรียกง่ายๆ ว่าเป็นหัวหน้าใหญ่กามเทพทุกรุ่น “ทำไมข้าไม่รู้เรื่องนี้มาก่อน” ณัชชาถามทันทีที่ได้รับรู้บางอย่าง “ทำไมต้องให้ไปอยู่ยุคอื่นอีก” “นั่นสิ ทำไมครับท่าน” ปองพลถามอาณัติ “พรหมลิขิตไง มันเป็นพรหมลิขิตที่เพิ่งเปิดเผย” อาณัติตามตามจริง “เจ้าสองคนก็ต้องทำตามพรหมลิขิตที่ขีดมายังไงก็ต้องเป็นอย่างนั้น” “แล้วจะให้ไปอยู่ที่ไหนคะท่าน” ณัชชาถาม สีหน้าเป็นกังวล “จะให้ไปทั้งคู่หรือแยกกันคะ” “สองคนนี้เป็นคู่กัน แต่อยู่ที่นี่ไม่ได้ หมิงหยางเต๋อเป็นคนในอดีตจะมาอยู่ในปัจจุบันไม่ได้ เขาต้องกลับไปอดีต ไปที่ที่เขาจากมา แต่เหมยเป็นคนในปัจจุบันที่ย้อนไปอดีตได้” อาณัติมองลูกน้องสองคนที่มีความเก่ง ฉลาดและมีความสามารถอย่างรู้ว่า ทั้งสองต้องทำได้ “ข้าพูดแค่นี้แหละ เจ้าสองคนไปหาคำตอบกันเอาเองว่า จะให้ทั้งคู่ไปที่ไหน มันไม่ใช่หน้าที่ของข้า เป็นหน้าที่ของเจ้าสองคน ถ้าเจ้าสองคนทำภารกิจนี้สำเร็จ เจ้าสอง
84“เราก็ต้องหาสถานที่ให้พี่เต๋ออยู่ แล้วอยู่ไม่ต้องหลบซ่อนด้วย” เจ้าของเสียงคือณัฐระพี“ยังไงเจ้” ธิดาดอยรีบถาม“ปัญหาของเราตอนนี้คือ ไม่อยากให้ใครรู้ว่าพี่เต๋อเป็นใคร มาจากไหน แต่ก็ไม่อยากให้พี่เต๋ออยู่ในห้องแคบๆ อยากให้พี่เต๋อมีชีวิตเหมือนพวกเรา เราก็ต้องหาสถานที่แห่งหนึ่งที่คิดว่าปลอดภัย ให้พี่เต๋อได้ใช้ชีวิตเหมือนคนทั่วไป อยู่ในโลกปัจจุบันได้โดยที่คนไม่สนใจนัก” ณัฐระพีตอบและอธิบาย“เฮียเห็นด้วยกับรุ่งนะ แต่จะหาสถานที่ที่ว่านี้ยังไง”“สถานที่งั้นเหรอ” เฉินทวนคำ พรางนึก “ให้ไปอยู่บ้านสวนดีไหม สวนก็สวนของเรา บ้านก็บ้านของเรา เราก็อ้างว่า เหมยแต่งงานเลยจะย้ายมาอยู่กับผัว ทำสวนเลี้ยงปลาปลูกผักไปตามเรื่อง ไปอยู่ที่นั่น คนรอบข้างไม่สงสัยหรอก ”ความคิดและคำพูดของเฉินเรียกรอยยิ้มให้กับทุกคน เสมือนความกลัดกลุ้ม หนักใจ กังวลใจของธิดาดอยถูกยกออกจากอก เธอคิดไม่ผิดที่เปิดเผยเรื่องนี้ให้ครอบครัวรู้บ้านสวนที่ว่านี้อยู่จังหวัดอยุธยา เป็นมรดกตกทอดกันมาตั้งแต่รุ่นปู่ เนื้อที่ของสวนราวสิบห้าไร่ ภายในสวนปลูกต้นกล้วย ต้นมะม่วง ต้นมะพร้าว และมีบ่อเลี้ยงปลาบ่อใหญ่ที่ส่วนใหญ่จะเป็นปลานิล ก่อนที่หลี บิดา
83 วันอาทิตย์คือวันที่ธิดาดอยเลือกจะบอกความจริงให้ครอบครัวตนฟัง เพราะวันนี้ทุกคนในบ้านจะอยู่กันครบจะได้พูดคุยกันทีเดียว ไม่ต้องพูดซ้ำหลายครั้ง และการกลับมาบ้านครั้งนี้ของธิดาดอย มีผู้ร่วมเดินทางอีกสองคนคือ หมิงหยางเต๋อกับเพตรา “หาทางกลับบ้านได้แล้วหรือไง ไปนอนค้างห้องตาซะหลายวัน บ้านช่องมีก็ไม่นอน”พยัคฆ์แซวน้องสาวตัวดีที่เดินเข้ามาในบ้าน ก่อนจะมองบุรุษร่างสูงใหญ่ ผิวขาวสะอาดสะอ้าน เส้นผมยาวถึงกลางหลังถูกมัดเป็นหางม้า ใบหน้าหล่อตามสไตล์หนุ่มจีน พยัคฆ์รู้สึกถึงพลังอำนาจน่าเกรงขามแผ่รอบตัว ทำให้เขารู้สึกเกรงขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ความสงสัยว่าชายคนนี้คือใครผุดขึ้นมาทันใด แต่พอเห็นเพตราเดินตามเข้ามา เขาก็คิดว่า ชายหนุ่มคนนี้คือคนรักของเพตรา“เฮีย ป๊ากับม้าแล้วก็เจ้ไปไหนล่ะ”“อยู่หลังบ้าน” พยัคฆ์ตอบ“งั้นเฮียรออยู่นี่นะ เหมยจะไปตามป๊ากับม้า เหมยมีเรื่องจะคุยด้วย” ธิดาดอยรีบเดินไปหลังบ้านทันที พยัคฆ์มองตามร่างน้องสาวติดใจสงสัยว่า วันนี้ธิดาดอยมาแปลกๆ ยิ่งพาคนแปลกหน้าที่เขาเข้าใจว่า เป็นคนรักของเพตรามาด้วย ยิ่งเพิ่มความสงสัยมากขึ้น ทว่าเขาก็ไม่มีคำถาม รอให้ธิดาดอยมาเฉลยเอง







