52“แถวบ้านข้าน้อย ผู้หญิงคนไหนแพ้ท้องมากๆ ก็จะให้กินของเปรี้ยว หรือจะให้นายหญิงลองทานของเปรี้ยวดีไหมเจ้าคะ เผื่ออาการจะดีขึ้น” หนิงเคอเสนอแนะ“เออๆ เอามาเลย ข้าอยากกิน” ธิดาดอยพูดโพล่งออกมา ซึ่งเธอก็อยากกินขึ้นมาทันใด“เจ้าไปจัดหาของเปรี้ยวให้นายหญิงเร็วเข้า”“เจ้าค่ะ ข้าน้อยจะรีบไปเดี๋ยวนี้เจ้าค่ะ” หนิงเคอรีบออกไปหาของเปรี้ยวให้ธิดาดอยทาน“ข้ากินของเปรี้ยวเสร็จแล้ว ท่านช่วยพาข้าไปสมาคมนกหน่อยนะ ข้ามีนัดกับนกในสมาคมไว้ เผื่อนกตัวไหนมีข่าวอะไรจะได้รู้” แม้ว่าตัวเองจะแพ้ท้อง ทว่าธิดาดอยก็ยังห่วงงาน“รอองค์รัชทายาทก่อนดีไหมขอรับ ให้องค์รัชทายาทมาถึงก่อนดีกว่านะขอรับ” เรื่องนี้เขาไม่กล้าตัดสินใจ องค์รัชทายาทหวงและห่วงธิดาดอยมาก หากเธอเป็นอะไร มีหวังเขาหัวหลุดจากบ่า“แล้วเมื่อไหร่องค์รัชทายาทจะมา นี่ก็เลยเวลาที่ข้านัดหมายกับเหล่านกแล้วนะ เผื่อมีข่าวสำคัญจะพลาดเอาได้ อีกอย่างนกหลินไม่รู้ด้วยว่าข้ามาอยู่ที่นี่ ยังไงข้าก็ต้องไปที่สมาคมเพื่อส่งข่าวบอก”ธิดาดอยก็มีเหตุผล เซียวเหยาทำหน้าคิดหนักราวกับกำลังหาทางออก“ให้ข้าไปแทนได้ไหมนายหญิง”“ท่านพูดภาษานกเป็นเหรอ ข้ากลัวว่าท่านจะสื่อสารกับนกไม่ไ
51พระชายาสามเห้อเหนียวเสด็จออกมานอกวัง นางมายังบ้านหลังหนึ่งที่อยู่ห่างจากวังหลวงพอสมควร เมื่อมาถึงจุดหมายนางก้าวลงจากเกี้ยวแล้วเดินเข้ามาในบ้านที่มีคนรออยู่ก่อนหน้าแล้ว“ท่านพี่มานานแล้วหรือ”คนที่เห้อเหนียวถามคือ หยานหยูลูกพี่ลูกน้องที่สนิทกับนางมากที่สุด“ไม่นาน เพิ่งมาก่อนเจ้าไม่เดี๋ยวเดียว” หยานหยูตอบ ความที่สนิทกันมาก หยานหยูจึงไม่ใช้ราชาศัพท์กับเห้อเหนียวเหมือนคนอื่น ซึ่งเห้อเหนียวก็ไม่เจ้ายศเจ้าอย่างกับลูกพี่ลูกน้องคนนี้ด้วย “เจ้าบอกแผนมาได้เลย” หยานหยูรู้ว่าการนัดหมายเขามาที่นี่ด้วยเรื่องอะไร จดหมายที่ถูกส่งมาเมื่อวานนี้ได้ระบุไว้เป็นรหัสลับ ที่มีเพียงเขากับเห้อเหนียวที่รู้ความหมาย “พรุ่งนี้ฮุ้ยเตียวจะไปไหว้บรรพบุรุษที่สุสาน นางไปทุกปีแม้ว่าปีนี้นางจะตั้งครรภ์ แต่นางก็จะไป ข้าจะใช้โอกาสนี้ทำให้นางแท้งลูก ท่านพี่จัดฉากปล้นนาง ให้คนของท่านพี่ทำร้ายฮุ้ยเตียว เน้นไปที่ท้องทำร้ายจนกว่าเลือดนางตก ทำให้นางแท้งลูก” เห้อเหนียวบอกแผนการให้หยานหยูรู้ “ข้าเข้าใจแล้ว ใช้เส้นทางปกติหรือไม่” “ใช่ ใช้ทางปกติ” เห้อเหนียวตอบ “เสร็จงานแล้วท่านพี่ไปอยู่ต่
50ณ ท้องพระโรง เหล่าขุนนางพากันเดินเข้ามาในท้องพระโรงด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม โดยเฉพาะอำมาตย์ซ้ายที่เพิ่งหายป่วยสีหน้าสดใสเป็นพิเศษ เพราะวันนี้หลายเรื่องที่เขาจะกราบทูลล้วนแล้วแต่เป็นประโยชน์กับตนและพวกพ้องทั้งสิ้น ขณะที่กำลังเดินไปด้านใน “วันนี้สีหน้าท่านดีขึ้นมากเลยนะ หายป่วยแล้วหรือท่าน” คนทักคือ อำมาตย์คัง ผู้ดำรงตำแหน่งอำมาตย์ขวา ผู้มีนิสัยตรงกับข้ามกับอำมาตย์ซ้าย “ข้าหายป่วยแล้ว ข้าไม่ได้เป็นอะไรมากด้วย แค่เป็นไข้ธรรมดา ขอบใจท่านมากที่ถามไถ่ข้า” “คนรู้จักกัน ห่วงใยกันเป็นเรื่องธรรมดา”อำมาตย์ขวายิ้มบางส่งให้อีกฝ่ายที่ยิ้มรับ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรตอบกลับ ประจวบเหมาะกับขันทีประกาศว่า องค์รัชทายาทเสด็จแล้ว เหล่าขุนนางยศใหญ่น้อยจึงนั่งประจำที่“ถวายบังคมองค์รัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ” ขุนนางทุกคนต่างพร้อมใจถวายบังคม“มีอะไรว่ามา”“กระหม่อมจะกราบทูลเรื่อง วันขึ้นครองราชย์สมบัติของพระองค์พ่ะย่ะค่ะ” อำมาตย์ขวารายงาน “ฤกษ์ที่ได้คือวันที่ 12 เดือน 5 พ่ะย่ะค่ะ พิธีจะจัดขึ้นลานราชพิธีใหญ่พ่ะย่ะค่ะ”หลังสิ้นคำรายงาน องค์รัชทายาทพยักหน้าเชิงรับรู้ อำมาตย์ซ้ายจึงลุกขึ้น
49องค์รัชทายาทพูดหลังจากเล่าเรื่องราวจบ ชายต่างวัยทั้งสี่ตกใจกับประโยคที่ได้ยิน ทว่าก็คงค้านในเรื่องที่องค์รัชทายาทตั้งใจทำไม่ได้ ใครบ้างจะกล้าขัด “ไม่ได้นะ ท่านจะทำอย่างนั้นไม่ได้”เจ้าของเสียงใจกล้าคือเหมยเหมยที่ตื่นมาได้ยินคำพูดประโยคนี้ขององค์รัชทายาทพอดี หมิงหยางเต๋อรีบเข้าไปประคองร่างสตรีอันเป็นที่รักที่ยันตัวลุกขึ้นนั่ง เธอมองหน้าอีกสี่คนที่ยืนอยู่ด้านหลังชายสูงศักดิ์ “พวกเขารู้เรื่องข้าหรือไม่” “พวกเขารู้เรื่องเจ้าหมดแล้ว” องค์รัชทายาทตอบ “เจ้าจะลุกมาทำไม นอนต่อเถอะ ข้าอยากให้เจ้ากับลูกพักผ่อนเยอะ”ธิดาดอยตกใจมากกว่าดีใจ คนกำลังมีลูกได้รับข่าวดีสมควรดีใจมิใช่หรือ แต่คงไม่ใช่สำหรับธิดาดอย เธอมีความมึนงงเข้ามาร่วมด้วยกับคำตรัสของเขา มองหน้าองค์รัชทายาทนิ่ง หัวใจเต้นแรง “ลูก” ธิดาดอยทวนคำ “ใช่ เจ้ากำลังตั้งท้อง ลูกของเราไง ลูกของเรา” องค์รัชทายาทย้ำบอกให้ธิดาดอยรับรู้ ใบหน้าคนพูดเปื้อนรอยยิ้ม แต่คนฟังยังนิ่งอึ้ง เหมือนสมองชาไปชั่วขณะหนึ่ง “ข้าจะแต่งตั้งเจ้าเป็นพระชายา” “ไม่ได้นะท่าน ท่านจะแต่งตั้งข้าเป็นพระชายาไม่ได้” ธิดาดอยรีบค
48อีกเหตุผลหนึ่งที่องค์รัชทายาทใช้ห้องบรรทมในการพูดคุย เพราะหากนกเหมยเหมยกลับมาและอยู่ในห้องบรรทม นกน้อยก็จะได้ยินเรื่องที่เขากับกุนซือคุยกัน จะได้ไม่ต้องเล่าเรื่องให้ธิดาดอยรู้ทอดหนึ่ง รู้พร้อมกันเลยดีที่สุด“พ่ะย่ะค่ะ” คราวหน้าองค์รัชทายาทหมุนตัวเดินเข้าตำหนักโดยไม่มีคำพูดหรือสิ่งใดรั้งไว้ เขาเดินนำกุนซือเล่าจือ หลิวกงกง เซียวเหยาและติงเหว่ยไปยังห้องบรรทม ส่วนขันทีและเหล่านางกำนัลรออยู่ด้านนอกความที่เข้าใจว่า ธิดาดอยสลับเวลาเปลี่ยนร่าง องค์รัชทายาทไม่มีความคิดอื่นในหัว ความลับที่เขากับธิดาดอยพยายามปกปิดไว้ มันกำลังถูกเปิดเผยด้วยความไม่รู้ของเจ้าของตำหนัก และเพราะโชคชะตาที่กำลังเล่นตลกกับเขาอย่างหนัก “โห เรากินเยอะขนาดนี้เลยหรือนี่” ธิดาดอยพูดกับตัวเองเมื่อเห็นอาหารบนโต๊ะแต่ละจานพร่องไปเยอะ บางจานหมดเกลี้ยง โดยเฉพาะไก่ดำตุ๋นยาจีน อาการที่เธอไม่ชอบ ทว่าวันนี้กลับกินมันหมด แทะไก่จนเหลือแต่กระดูก เห็ดหอมก็ไม่เหลือ น้ำซุปก็หมดไม่เหลือสักหยด ส่วนอาหารจานโปรดเธอกลับไม่แตะต้อง ธิดาดอยอดแปลกใจไม่ได้ แต่ก็ไม่คิดหาคำตอบ นั่งทานอย่างเอร็ดอร่อยต่อไป หยิบน่องไก่นึ่งขึ้นมาทาน
47 หมิงหยางเต๋อกระวนกระวายใจที่จนป่านนี้ธิดาดอยหรือนกเหมยเหมยยังไม่กลับมาตำหนัก เขาเป็นห่วงเธอมากแม้จะรู้ว่า ตอนนี้เธอคงเปลี่ยนร่างเป็นนกตามคาดเดา ทว่าเขาก็ยังวางใจไม่เป็นห่วงเธอไม่ได้ นอกเสียจากเห็นเธออยู่ตรงหน้าอย่างปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็นนกหรือคน องค์รัชทายาทให้ความห่วงใยเท่ากัน เมื่อนกน้อยยังไม่บินกลับรัง สมองของคนเป็นห่วงคิดไปต่างๆ นานา เขาไม่รู้ข่าวเธอเลยตลอดทั้งวัน ไม่รู้ว่า เธอจะออกจากวังอย่างปลอดภัยไม่ถูกจับได้หรือไม่ ตอนธิดาดอยเป็นนก เธอบินขึ้นฟ้าไม่มีใครสงสัย แต่นี่เป็นคน จะออกไปได้หรือไม่ก็ไม่รู้ จะรู้ก็ต่อเมื่อธิดาดอยกลับมา นี่ก็เลยเวลาพระอาทิตย์ตกดินมาร่วมสองชั่วยามแล้ว นกน้อยของเขาก็ยังไม่บินกลับมา “องค์รัชทายาทจะเสด็จไปไหนพ่ะย่ะค่ะ”เซียวเหยาที่รับหน้าที่เฝ้าดูหน้าห้องบรรทมของคนที่เดินออกมาจากห้องเอ่ยถาม “ข้าจะไปรอนกเหมยเหมยนอกตำหนัก” คำตอบเรียกความแปลกใจให้เซียวเหยาไม่น้อย “พ่ะย่ะค่ะ” แม้จะแปลกใจแต่ก็ไม่อาจเอ่ยออกมาเป็นคำถาม ได้แต่เดินตามองค์รัชทายาทออกไปยืนรอนกเหมยเหมยนอกตำหนัก ด้านธิดาดอยตอนนี้กำลังเดินกลับเข้