แสงแดดยามเช้าทอประกายลอดเข้ามาภายใต้ผ้าม่านขลิบทองที่กำลังปลิวไสวลู่ลม คิ้วเข้มยับย่นเล็กน้อย ปลายนิ้วเรียวกระดิกแผ่ว
“องค์ชาย องค์ชายฟื้นแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ”
จินชางหลงเปิดเปลือกตาขึ้นแช่มช้า นัยน์ตาคมเข้มกวาดมองโดยรอบ พริบตาก็ร้องโอดโอย
“โอ๊ย…ปวดหัว”
กงกงตกใจหน้าตื่น “องค์ชายระวังพ่ะย่ะค่ะอย่ารีบร้อน”
กงกงประคองร่างของจินชางหลงด้วยความระมัดระวัง เผิงจิ้นเสียนเข้ามาช่วยอีกแรง
“ข้า…เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นกับข้า”
กงกงหน้าซีด เผิงจิ้นเสียนจึงรับหน้าที่อธิบาย “องค์ชาย เมื่อคืนพระองค์บอกว่าฝันร้าย ไม่พอยังอาละวาดจะไปหาแม่นางเฉินให้ได้ จากนั้นพระองค์ก็ทำร้ายกงกงจนหมดสติไป”
กงกงก้มหน้างุด จินชางหลงเหลียวมองอีกฝ่าย เห็นกงกงหมองเศร้าเขาเองก็รู้สึกผิด “ขอโทษท่านด้วยกงกง เมื่อคืนข้าเป็นอะไรไปก็ไม่รู้”
“องค์ชาย จะโทษพระองค์ได้อย่างไร กระหม่อมไม่เป็นอะไรมากพ่ะย่ะค่ะ” กงกงเร่งโบกมือละล้าละลัง
จินชางหลงยกมือขึ้นลูบท้ายทอยก็ครวญครางเสียงแผ่ว “เกิดเรื่องใดกับข้ากันแน่”
“เมื่อคืนแม่นางเฉินส่งคนมาตามกระหม่อม องค์ชายบุกไปหาแม่นางเฉ
เฉินอิ้งถงเดินทางร่วมห้าวันเต็มก็ยังไม่พบจินชางหลง วันที่สามหญิงสาวฝากม้าไว้ที่โรงเตี๊ยม จากนั้นเลือกที่จะเดินเท้าไปต่อ เสี่ยวฮวามอบขนมเพิ่มพลังงานความเร็วให้กับนาง ไม่กี่ชั่วยามก็เดินทางได้หลายร้อยลี้องครักษ์เงาที่ซ่อนตัวติดตามตะลึงงันเพราะบัดนี้เฉินอิ้งถงหายตัวไปรวดเร็วประหนึ่งลมกรด วรยุทธ์สุดเลิศล้ำของพวกเขาดูด้อยลงไปถนัดตา“เกิดอะไรขึ้น คลาดสายตาครู่เดียวคุณหนูก็หายไปแล้ว”“ข้าเองก็ไม่รู้ เห็นคุณหนูออกจากโรงเตี๊ยมอยู่ไว ๆ พริบตาก็หาไม่เจอ”องครักษ์เงาทั้งสองมองหน้ากันหลุกหลิก โซนสมองดุจถูกหมอกบดบัง“นายท่าน พวกเขาตามมาไม่ทันแล้วเจ้าค่ะ”ริมฝีปากสีกุหลาบกดลึกเป็นรอยยิ้ม องครักษ์เงาชะล่าใจเกินไป เฉินอิ้งถงไหวตัวทันตั้งนานแล้ว นางก็แค่รอจังหวะสลัดพวกเขาให้พ้นทาง หนำซ้ำหูของเฉินอิ้งถงก็รับเสียงได้ดียิ่งกว่าหมาป่าเพราะมีขนมของเสี่ยวฮวาเป็นตัวช่วยเฉินอิ้งถงเดินทางมาถึงธารน้ำหลาก บริเวณโดยรอบเงียบเชียบวังเวง อากาศก็หนาวยะเยือกจนสะท้านเข้ากระดูก จากสภาพอากาศที่ต่ำลงเรื่อย ๆ คงไม่มีขบวนพ่อค้าใดคิดผ่านมาแถบนี้ ดูเหมือนว่านางกำลังเข้
รถม้ามุ่งหน้าออกนอกเมืองหลวงว่องไวดั่งลมกรด หญิงสาวด้านในยังคงหลับใหลไร้สติ ความโคลงเคลงก็มิอาจทำให้นางรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาได้ นั่นเพราะนางกำลังดมกำยานสงบใจโดยไม่รู้ตัว“นายท่าน นายท่านตื่นเร็วเข้า”“…”“นายท่านเจ้าคะ ตื่นเร็วเข้า”“…”เสี่ยวฮวาพยายามเรียกเฉินอิ้งถงตลอดทาง ทว่าทำอย่างไรนางก็ยังไม่ได้สติ วันนี้เจ้าภูติตัวน้อยได้กลิ่นประหลาดรบกวนการหลับจึงทำให้เสี่ยวฮวาตื่นขึ้นก่อนกำหนด“เป็นเพราะของสิ่งนี้สินะ นายท่านข้าจึงขี้เซาเช่นนี้” ภูติตัวน้อยลอยเข้าใกล้เตากำยานที่ส่งกลิ่นอบอวลไปทั่วรถม้าฟู่ว…เสี่ยวฮวาเป่าลมเพื่อดับกำยานที่กำลังส่งควันโขมงจนสำเร็จ“นายท่าน นายท่านตื่นเร็วเจ้าค่ะ องค์ชายแย่แล้ว”“…”“ยังไม่ตื่นหรือ เช่นนั้นก็ลองนี่แล้วกัน” เสี่ยวฮวาเสกลูกกวาดมาอันหนึ่ง จากนั้นก็ส่งเข้าปากบางเฉียบไม่นานปลายนิ้วของหญิงสาวก็เริ่มขยับ แพขนตาหนาระริกไหวไม่นานเปลือกตาบางก็แง้มเป
แสงแดดยามเช้าทอประกายลอดเข้ามาภายใต้ผ้าม่านขลิบทองที่กำลังปลิวไสวลู่ลม คิ้วเข้มยับย่นเล็กน้อย ปลายนิ้วเรียวกระดิกแผ่ว“องค์ชาย องค์ชายฟื้นแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะ”จินชางหลงเปิดเปลือกตาขึ้นแช่มช้า นัยน์ตาคมเข้มกวาดมองโดยรอบ พริบตาก็ร้องโอดโอย“โอ๊ย…ปวดหัว”กงกงตกใจหน้าตื่น “องค์ชายระวังพ่ะย่ะค่ะอย่ารีบร้อน”กงกงประคองร่างของจินชางหลงด้วยความระมัดระวัง เผิงจิ้นเสียนเข้ามาช่วยอีกแรง“ข้า…เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นกับข้า”กงกงหน้าซีด เผิงจิ้นเสียนจึงรับหน้าที่อธิบาย “องค์ชาย เมื่อคืนพระองค์บอกว่าฝันร้าย ไม่พอยังอาละวาดจะไปหาแม่นางเฉินให้ได้ จากนั้นพระองค์ก็ทำร้ายกงกงจนหมดสติไป”กงกงก้มหน้างุด จินชางหลงเหลียวมองอีกฝ่าย เห็นกงกงหมองเศร้าเขาเองก็รู้สึกผิด “ขอโทษท่านด้วยกงกง เมื่อคืนข้าเป็นอะไรไปก็ไม่รู้”“องค์ชาย จะโทษพระองค์ได้อย่างไร กระหม่อมไม่เป็นอะไรมากพ่ะย่ะค่ะ” กงกงเร่งโบกมือละล้าละลังจินชางหลงยกมือขึ้นลูบท้ายทอยก็ครวญครางเสียงแผ่ว “เกิดเรื่องใดกับข้ากันแน่”“เมื่อคืนแม่นางเฉินส่งคนมาตามกระหม่อม องค์ชายบุกไปหาแม่นางเฉ
เฉินอิ้งถงสงบลงทันควัน ครั้นรับรู้ว่าอีกฝ่ายนิ่งแล้ว ฝ่ามือกว้างจึงลดลงแช่มช้า“องค์ชาย นี่พระองค์มาได้อย่างไรเพคะ”“ถงเอ๋อร์ ข้าคิดถึงเจ้ามาก” จินชางหลงจับไหล่แคบให้หมุนร่างประจันหน้ากับตน เขารั้งอีกฝ่ายเข้ามาสวมกอดเฉินอิ้งถงอึ้งเป็นไก่ไม้“เกิดอะไรขึ้นหรือเพคะ”ใบหน้าหล่อเหลาซบลงตรงไหล่แคบ อ้อมแขนของเขารัดแน่นยิ่งกว่าเก่า “ข้าฝันร้าย”“หา…” เฉินอิ้งถงกะพริบตาถี่เขาฝันร้ายถึงขั้นต้องบุกมาหานางที่ห้องนอนเลยอย่างนั้นหรือ เหตุผลเช่นนี้ก็ใช้ได้หรือจินชางหลงกอดจนพอใจก็ปล่อยนางให้เป็นอิสระ เฉินอิ้งถงแหงนมองอีกฝ่ายด้วยความฉงน “พระองค์ฝันร้ายจนต้องลอบมาห้องหม่อมฉันใช้ได้หรือ นี่พระองค์คิดอันใดอยู่เพคะ”“เอ่อ…ข้าขอโทษ ก็ข้าคิดถึงเจ้า”แรงกอดของเขาเมื่อครู่ทำนางกระดูกแทบแหลกละเอียด “เหตุใดพระองค์แรงเยอะเช่นนี้เพคะ เจ็บไปหมดเลย”มือเรียวยกขึ้นคลึงไหล่ของตนเพื่อบรรเทาอาการเจ็บปวด จินชางหลงหน้าถอดสี “ข้าเองก็ไม่รู้ เมื่อครู่ทำเจ้าเจ็บมากเลยหรือ ขอโทษด้วยข้าไม่ได้ตั้งใจ”ชายหนุ่มเดินหน้าเข้าใกล้อีกครั้งทว่าหนนี้
หนึ่งเดือนผันผ่านดั่งพลิกฝ่ามือ เพราะจบเรื่องงานที่ต้องจัดการในวังแล้วเฉินอิ้งถงจึงไม่ได้อยู่ที่ตำหนักไท่เฟยต่อ ประการแรกเกรงต่อคำครหา ประการที่สองบ้านช่องก็อยู่ไม่ไกลจะรั้งอยู่ในฐานะใดในวังหลังทั้งที่ยังไม่อภิเษกในเมื่อทุกคนรู้แล้วว่าเฉินอิ้งถงเป็นลูกนอกสมรสของใต้เท้าเหอ นางจึงจำใจต้องย้ายออกมากะทันหัน แม้จินชางหลงค้านหัวชนฝาทว่าเขาเองก็ไม่อยากให้นางเสื่อมเสียชื่อเสียงก่อนเข้าพิธีวิวาห์เช่นกัน“ถงเอ๋อร์ ข้านั่งด้วยได้หรือไม่”เฉินอิ้งถงละมือจากงานปักตรงหน้า ตั้งแต่นางเข้ามายังจวนเหอก็ไม่ได้รับความลำบากใด ข้างกายยังมีสาวใช้นามว่าซูซูคอยปรนนิบัติอีกด้วย“ที่นี่เป็นจวนของท่าน จะนั่งจะนอนเหตุใดต้องขออนุญาต”ชายวัยกลางคนหย่อนร่างนั่งลงฝั่งตรงข้าม ซูซูรินชาเรียบร้อยก็ถอยห่างไป“ท่านมีเรื่องใดหรือเจ้าคะ”“ไยไม่เรียกท่านพ่อเล่า หรือเจ้ายังเคืองเรื่องที่ข้าละทิ้งเจ้ากับแม่ หากเป็นเรื่องนั้น…”“เปล่าเจ้าค่ะ”จะให้นางเรียกก็ย่อมได้ ทว่าเฉินอิ้งถงไม่เคยเรียกใครว่าพ่อมานานมากแล้ว อยู่ ๆ ก็มีพ่อกับชาวบ้านเขานางย่อมรู้สึกประดัก
“มาแล้วหรือ…นั่งสิ” จินเหยียนผายมือเชื้อเชิญ“คารวะท่านอ๋อง”เฉินอิ้งถงยอบกายลง จินชางหลงกุมมือนางเอาไว้เพราะเป็นห่วง จินเหยียนเห็นภาพตรงหน้าก็อดเย้าแหย่เป็นมิได้“น้องชายข้าไม่เห็นหัวพี่ชายคนนี้เสียแล้ว กำลังจะแต่งพระชายาเลยคิดว่าข้าประหนึ่งปีศาจ”เฉินอิ้งถงยิ้มแห้งทว่าจินชางหลงกลับยังคงกุมมือของนางไม่ยอมปล่อย“ท่านพี่ล้อเล่นแล้ว ข้ายังเคารพท่านเช่นเดิม แต่หากท่านจะเอาตัวนางไปคุมขังข้าก็ไม่อาจนิ่งดูดายเช่นเดียวกัน”“เอาล่ะ ๆ ชางหลง เจ้าเป็นเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน ที่ข้าเรียกมาวันนี้ไม่ได้จะพานางไปคุมขังเสียหน่อย”จินชางหลงผ่อนสีหน้าลง เขาจูงมือเฉินอิ้งถงไปนั่งพร้อมกัน“เช่นนั้นท่านพี่มีเรื่องใดงั้นหรือ”จินเหยียนหยิบหมากตัวสีดำมาวางบนกระดานอย่างใจเย็น “เล่นกันสักตาหรือไม่”จินชางหลงขมวดคิ้ว “ท่านพี่…นางเหนื่อยมามากวันนี้ต้องเร่งไปพัก ท่านมีเรื่องใดก็ว่ามาเถิด”เฉินอิ้งถงที่นั่งฟังสองพี่น้องโต้กันไปมาก็เริ่มสัมผัสถึงลางสังหรณ์บางอย่าง ความรู้สึกประหลาดนี้หนักหน่วงจนหวาดระแวง จินชางหลงไม่ได้ปล่อยมือที่กุมอย