ในที่สุดโทรศัพท์ก็วางสายไป หลีโย่วกลับเข้ามาในห้องนั่งเล่น ได้กลิ่นหอมจากในครัว ก็รีบพุ่งตัวเข้าไปทันที“ทุกครั้งที่ฉันได้กินอาหารฝีมือเธอ ฉันก็เกลียดไอ้คนสารเลวฟู่อี้ชวนนั่นที่ได้ลิ้มรสความอร่อยนี้มาตั้งสองปี” หลีโย่วพูดพลางกินไปพลางซูมั่วยิ้มบาง ๆ ไม่ได้พูดอะไร เธอคิดเสียว่าสองปีนั้นไปเป็นแม่บ้านประจำให้ฟู่อี้ชวนก็แล้วกันเธอจึงชวนคุยเรื่องอื่นไปเรื่อย ถามว่าเมื่อครู่หลีโย่วไปทำอะไรมาสีหน้าของหลีโย่วผิดปกติไปชั่วขณะ ก่อนจะกลับมาเป็นปกติในหนึ่งวินาทีแล้วพูดด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ ว่า“ไม่มีอะไรหรอก พี่ชายฉันชวนออกไปกินข้าวข้างนอก ฉันก็เลยบอกว่าเธอทำกับข้าวให้ฉันแล้ว”ซูมั่วพยักหน้า จากนั้นก็ได้ยินหลีโย่วพูดอีกว่า“เธอรู้ไหมมั่วมั่ว พี่ชายฉันอิจฉาฉันใหญ่เลยล่ะ แล้วฉันก็หัวเราะเยาะเขาที่อดกิน ฮ่า ๆ ๆ~”ซูมั่วได้ยินดังนั้นก็เอียงคอ หลีโย่วถึงได้นึกขึ้นมาได้ว่าตัวเองเผลอหลุดปากไป จึงรีบกอดแขนเธอแล้วพูดอย่างระมัดระวังว่า“มั่วมั่ว เธอยังโกรธอยู่หรือเปล่า?”ซูมั่วส่ายหน้าจริงอยู่ที่หลีเชินนิสัยแย่อยู่บ้าง ตั้งใจหยอกล้อเธอ แต่เมื่อคืนเขาก็ได้ช่วยเธอไว้ด้วยเหมือนกัน คงไม่ถึงขั้นกลายเ
หลีโย่วตบมือ แล้วยกนิ้วโป้งให้“แต่ว่าทางนิติบุคคลต้องปฏิเสธแน่ ๆ เพราะมันเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัว เธอพอจะช่วยฉันหน่อยได้ไหม?” ซูมั่วร้องขอหลีโย่วโอบไหล่เธอ แล้วตบอกรับปากว่าปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเธอ คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลหลีผู้สง่างามอย่างเธอ การจะไปเอาภาพจากกล้องวงจรปิดของนิติบุคคลมาน่ะ เรื่องง่าย ๆ~ซูมั่วขอบคุณอย่างสุดซึ้ง ตอนเย็นจึงลงครัวทำอาหารมื้อใหญ่เลี้ยงหลีโย่วด้วยตัวเองขณะเดียวกัน ตรงระเบียง“แล้วไงล่ะ? เธอโยนงานทั้งหมดมาให้ฉัน ใช้งานพี่ชายเธอ แต่สุดท้ายผลประโยชน์ทั้งหมดก็ตกเป็นของเธอ ฉันไม่มีแม้แต่สิทธิ์ที่จะรับรู้เรื่องเลย” หลีเชินพูดผ่านโทรศัพท์“โธ่พี่! คิดถึงเรื่องแย่ ๆ ที่พี่ทำกับมั่วมั่วไว้สิ! นี่ยังจะหวังผลตอบแทนอีกเหรอ?” หลีโย่วกล่าวอย่างฉะฉาน“นี่เป็นโอกาสทองในการขอโทษและชดเชยความผิดที่หาได้ยากยิ่งของพี่เลยนะ! ต้องรักษาไว้ให้ดีสิ!”หลีเชินที่อยู่อีกฝั่ง “...”“อย่างน้อย ก็ต้องทำให้ซูมั่วรู้สิว่าเป็นฉันที่ช่วยเธอ ไม่อย่างนั้นจะเรียกว่าเป็นการขอโทษและชดเชยได้ยังไง?” หลีเชินเสนอข้อเรียกร้องทำดีไม่เอาหน้าเหรอ?ขอโทษทีเถอะ เขาไม่ได้เป็นคนประเสริฐขนาดนั้นเข
“เธอคิดมากไปแล้วน่า ฉันก็แค่ไม่ชอบขี้หน้าเขาเฉย ๆ ทำไมต้องเอาฉันมาใช้เป็นเครื่องมือด้วย”“ไป ๆ ๆ ไปกินข้าวกัน ฉันจองชุดวากิวไว้แล้ว!” หลีโย่วลากซูมั่วไปพลางเปลี่ยนเรื่องคุยซูมั่วถูกลากไปพลางขมวดคิ้วเล็กน้อย รู้สึกว่าเพื่อนสนิทมีท่าทีผิดปกติอยู่บ้างภายในร้านอาหารขณะที่ทั้งสองคนทานอาหาร ถึงแม้หลีโย่วจะบอกว่า “ไม่ชอบขี้หน้า” แต่ก็ยังถามซอกแซกกับซูมั่วถึงรายละเอียดการพูดคุยของพวกเขาพอได้ยินว่าเจิ้งเซวียนพูดจาเกี้ยวพาราสีซูมั่วตั้งแต่แรกเห็น เธอก็ใช้ส้อมบดเนื้อวากิวจนเละเป็นไปตามคาด ผ่านไปหลายปีขนาดนี้เขาก็ยังคงเป็นเพลย์บอยไม่เอาถ่านเหมือนเดิม สามารถเต๊าะได้ทุกคน คำพูดคำจาก็เหลาะแหละ“หลีโย่ว เป็นอะไรไปเหรอ?” ซูมั่วเห็นเพื่อนสนิทเหม่อลอยจึงถามขึ้น“เปล่า” หลีโย่วได้สติแล้วพูด“เธออย่าไปใส่ใจเลยนะมั่วมั่ว เขาเป็นพวกขยะแบบนั้นแหละ ผู้หญิงคนไหนหน้าตาดีหน่อยก็จะโดนเขาหยอกล้อ ไม่รู้จักกาลเทศะเลย”“คิดซะว่าเขาเป็นผู้ชายเฮงซวยก็พอ แฟนเขาน่ะเอามาใส่เรือยอชต์ได้เป็นสิบลำเลยล่ะ” หลีโย่วเบะปากพูดซูมั่วยิ้มแล้วพูดว่า “เขาก็หน้าตาดีมากนะ แถมยังเป็นทายาทคนรวย การจะมีแฟนเยอะก็เป็นเรื่องปก
ซูมั่วฟังแล้วก็พูดเพียงว่า“ปกติค่ากับข้าวฉันก็เป็นคนออก เขาไม่เคยให้เลยสักสลึง จะไปหวังใช้เงินอะไรของเขาล่ะคะ?”เจิ้งเซวียน “??”เขาตกใจ ตะลึงงัน และประหลาดใจจากนั้นก็ตบฉาดเข้าที่ต้นขา แล้วเริ่มสบถออกมาอย่างเดือดดาล“ให้ตายสิ นี่มันเศษสวะประเภทไหนกัน ขนาดค่ากับข้าวยังไม่ให้? คุณจ่ายให้ทั้งหมดเลยเหรอ??”“แม่เจ้าโว้ย นี่คุณยังเรียกว่าแต่งเข้าตระกูลเศรษฐีได้อีกเหรอ? คุณไม่ได้โดนหลอกใช่ไหมเนี่ย”“ฟู่อี้ชวนขี้เหนียวขนาดนี้เลยเหรอ งั้นวันเกิด วันครบรอบ วันเทศกาลต่าง ๆ ก็ไม่มีของขวัญกับเงินให้เลย?” เจิ้งเซวียนถามซูมั่วพยักหน้าอย่างเฉยเมยเจิ้งเซวียน “...”ให้มันได้อย่างนี้สิ! ในแวดวงทายาทตระกูลเศรษฐี ถึงกับมีคนขี้เหนียวระดับบรรพบุรุษเกลือมาได้ ช่างขายขี้หน้าพวกทายาทคนรวยจริง ๆ!“แล้วเขาใช้เงินกับเมียน้อยไปตั้งเยอะแยะ แต่ไม่ให้คุณเลยสักแดงเดียว” เจิ้งเซวียนพูด“ภรรยาที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกลับถูกทิ้งเหมือนรองเท้าเก่า ๆ? ส่วนเมียน้อยกลายเป็นของล้ำค่าที่พร้อมจะมอบโลกทั้งใบให้?”เจิ้งเซวียนถึงกับพูดไม่ออก เพราะนิสัยของฟู่อี้ชวนมันแย่ซะจนเขาไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาด่าได้อีก ยอดไอ้สารเลวอะไ
“ไม่ใช่หรอกค่ะ หลีโย่วมีธุระจริง ๆ ไม่ใช่ว่าไม่อยากเจอคุณ” ซูมั่วช่วยอธิบาย“เธอบอกฉันว่าคุณน่าเชื่อถือมาก จะช่วยให้ฉันชนะคดีได้”เจิ้งเซวียนได้ยินดังนั้นก็ยิ้มจนตาหยี แล้วพูดอย่างโอ้อวดว่า“อือฮึ เรื่องนั้นต้องชนะอยู่แล้ว~”“มองไปทั่วสำนักงานกฎหมายในเมืองจิง ใครจะกล้ารับคดีของคุณอีกล่ะ? ไม่มีใครอยากหาเรื่องฟู่อี้ชวนหรอก”“ก็มีแต่ผมนี่แหละ คุณชายน้อยอย่างผมทั้งมีอำนาจ มีอิทธิพล มีความสามารถ ไม่เกรงกลัวอำนาจมืด~”ซูมั่วมองชายหนุ่มที่หลงตัวเองแล้วรู้สึกว่าเขาเหนือกว่าหลีเชินไปอีกขั้น อย่างน้อยหลีเชินก็ไม่พูดจาโอ้อวดเท่าเขาเมื่อดูจากอายุของอีกฝ่าย เจิ้งเซวียนน่าจะเป็นเพื่อนของหลีเชิน จึงได้รู้จักกับหลีโย่วจริง ๆ เลยนะ คนประเภทเดียวกันมักจะดึงดูดกัน“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องขอบคุณล่วงหน้าเลยค่ะ” ซูมั่วกล่าวขอบคุณทนายเจิ้งเซวียนคนนี้ที่บ้านก็มีพื้นเพที่ดี จึงสามารถต่อกรกับฟู่อี้ชวนได้โอกาสชนะก็เพิ่มขึ้นอีกขั้น“ไม่ต้องขอบคุณหรอกครับ~ การได้เห็นฟู่อี้ชวนพ่ายแพ้ในมือผม แถมยังเป็นการช่วยเขาฟ้องหย่าอีก ผมภูมิใจมากเลยล่ะ~” เจิ้งเซวียนหัวเราะซูมั่ว ‘อืม...’ก็ได้ ดูเหมือนว่าตระกูลเจิ
เมื่อเห็นใบหน้าของหญิงสาว ชายหนุ่มก็ยกยิ้มขึ้นมา ดวงตาเรียวรีดั่งจิ้งจอกโดยกำเนิดของเขาหรี่ขึ้นเล็กน้อย ทำให้ดูเจ้าชู้และไม่เอาจริงเอาจัง“ไฮ~ คุณผู้หญิงคนสวย ตัวจริงของคุณสวยกว่าในรูปอีกนะครับเนี่ย~” เจิ้งเซวียนลุกขึ้นยืนแล้วพูดพลางยิ้มซูมั่วหยุดยืนอยู่กับที่ มองชายหนุ่มท่าทางกรุ้มกริ่มในชุดลำลอง แล้วเผลอคิดไปว่าตัวเองเข้าผิดห้อง“ขอโทษค่ะ ฉันเข้าผิดห้อง” ซูมั่วขอโทษ จากนั้นก็หันหลังเตรียมจะออกไป“เดี๋ยว ๆ ไม่ผิดห้องหรอกครับ!” เจิ้งเซวียนรีบพูด“ผมคือทนายความจากสำนักงานกฎหมายปั๋วเหวินไงครับ คุณคือคุณซูมั่วใช่ไหมครับ? ลูกความของผม”ซูมั่วได้ยินดังนั้นก็ชะงักฝีเท้า ค่อย ๆ หันศีรษะกลับไป จ้องมองชายหนุ่มที่เดินมาถึงตรงหน้าเธอแล้วเมื่อเห็นแววตาของหญิงสาวที่เจือไปด้วยความไม่เชื่อสามส่วน ความสงสัยสี่ส่วน และยังมีการมองสำรวจอย่างระแวดระวัง เจิ้งเซวียนก็อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้“ทำไมมองผมแบบนั้นล่ะ ผมดูไม่เหมือนทนายความขนาดนั้นเลยเหรอ?” เจิ้งเซวียนเลิกคิ้วถามพลางกอดอกซูมั่วพยักหน้าเห็นด้วยอย่างยิ่ง“พรืด คุณนี่ก็ซื่อตรงเกินไปแล้วนะ” เจิ้งเซวียนหัวเราะ“เพราะว่าคุณ... หน้าตา แล้วก็ก