หลายวันต่อมา
เดียร์ Talk
คลับใหญ่
พรุ่งนี้ฉันหยุดงานซักวันนึงพักผ่อนร่างกายของตัวเอง วันนี้ก็เลยออกมาดื่มอยู่ที่คลับเดิมที่เคยมากับอีพิงค์สมัยยังสาวๆ ก็เป็นคลับของผัวมันนั่นแหละ ก็มันอยู่ใกล้คอนโดของฉันที่สุดแล้วนี่นา อีกอย่างก็มาเที่ยวบ่อยจนการ์ดจำหน้าได้แล้ว คือเห็นหน้าแล้วไม่ต้องตรวจบัตรก็ได้เพราะจำกันได้เพราะเมื่อก่อนฉันกับพิงค์ก็มาที่นี่บ่อยมาก เป็นเพื่อนสนิทของเมียเจ้าของที่นี่อีกด้วย
ฉันนั่งอยู่ตรงเคาน์เตอร์บาร์มาคนเดียวก็เลยไม่อยากหาโต๊ะนั่งให้มันเหนื่อยแรง อีกอย่างจะได้นั่งดูหน้าบาร์เทนเดอร์หล่อๆ ด้วย เด็กในคลับมันงานดีทั้งนั้น ใบหน้าหล่อเหลารูปร่างบึกบึนแข็งแรง มันน่าจับทำผัวซะจริงๆ
แหะๆ ฉันก็พูดไปอย่างนั้นแหละ ฉันไม่เอาจริงหรอกก็แค่เต๊าะเด็กเล่นไปเรื่อย ตามประสาสาวโสดอย่างฉัน
“ดื่มขนาดนี้ ไม่เมาเหรอครับคุณเดียร์”
“แหม…เห็นฉันเคยเมาบ้างไหมล่ะ แค่นี้ไม่ระคายคอฉันหรอก ฉันคอแข็งน่ะ” เมื่อก่อนฉันก็เมาง่ายมากเลยนะ แต่พอเริ่มกินหนักขึ้นร่างกายมันก็ปรับสภาพตามจนตอนนี้ฉันเมายากมากๆ เลย
แต่ฉันก็ไม่ได้มาดื่มบ่อยขนาดนั้น นานๆ ทีจะมีเวลาว่างมาเที่ยวแบบนี้ เพราะส่วนใหญ่ก็ทำงานอย่างเดียว บางครั้งออกไปพบลูกค้าหรือออกไปคุยงานกับลูกค้าก็มีดื่มกันบ้างนิดหน่อย
“ไม่เคยครับ ว่าแต่คุณเดียร์ยังไม่เปิดใจรับใครอีกเหรอครับ”
“ถามแต่ฉันนะ ว่าแต่นายเถอะไม่เห็นสนใจใครซักคนเลย สาวๆ แอบมองเพียบเลยนา ไม่สนใจบ้างหรอ” ฉันหันมองไปรอบๆ ตัว ก็เห็นผู้หญิงบางคนกำลังมองตาเล็กตาน้อยมาที่บาร์เทนเดอร์ที่ยืนอยู่ตรงหน้าของฉัน
เอาตามความจริงฉันก็รู้จักบาร์เทนเดอร์คนนี้มานานแล้วล่ะ แต่ฉันยังไม่เคยรู้จักชื่อเขาเลย เข้ารู้จักชื่อของฉันเพราะพิงค์มันเรียกบ่อย
“ผมมีคนที่ถูกใจอยู่แล้วครับ แอบชอบมานานแล้วด้วยแต่ไม่รู้ว่าเธอคนนั้นจะสนใจผมหรือเปล่า”
“เฮ้ย! เราเป็นลูกผู้ชายนะต้องรุกสิ เปิดอกบอกเขาไปตามตรงเลยว่าแอบชอบ ผู้หญิงชอบคนที่ชัดเจนมากกว่านะ ชักช้าระวังมีคนเอาไปก่อนนา อย่าหาว่าไม่เตือน”
“ผม…ไม่กล้า เขาอยู่สูงกว่าผมเยอะ ในขณะที่เขามีทุกอย่างหมดแล้วแต่ผมยังย่ำอยู่กับที่อยู่เลย ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันให้เธอภูมิใจเลย ผมไม่กล้าดึงเธอมาลำบากกับผมหรอก”
“โถ่เอ้ย อย่าคิดแบบนั้นสิ นายก็ลองไปคุยกับเค้าดูก่อนก็ได้ ฉันเชื่อนะว่าผู้หญิงส่วนใหญ่ต้องการความจริงใจมากกว่าเงินทอง เพราะความจริงใจมันยั่งยืนที่สุด” ฉันก็เป็นคนนึงแหละที่ชอบความจริงใจมากกว่าเงินทอง สำหรับฉันแล้วเงินทองมันก็แค่กระดาษใบหนึ่งที่เอาไว้วัดใจคนไม่ว่าจะเพื่อนหรือคนที่เรารัก
“ถ้าอย่างนั้นผมขอถามคุณเดียร์บ้าง ว่าทำไมคุณเดียร์ถึงไม่สนใจผู้ชายคนไหนเลย”
“ฉันเองก็ไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะ จะให้คบเล่นๆ แล้วทิ้งไปเรื่อยเมื่อไหร่ฉันจะมีครอบครัวที่ดีล่ะ”
“ผู้ชายบางคนก็ดีนี่ครับ”
“ก็ถูกของนาย แต่ผู้ชายที่ฉันเจอมายังหาความจริงใจไม่ได้เลย” ฉันเจอแต่อะไรก็ไม่รู้ เจอแต่พวกปากหวานก้นเปรี้ยว
“….”
ฉันนั่งดื่มไปเรื่อยๆ แต่ก็ยังไม่เมาเท่าไหร่พอเดินกลับคอนโดได้ ฉันก็แปลกใจเหมือนกันนะเวลาไปไหนก็ชอบมีคนมาถามฉันว่าเมื่อไหร่จะมีแฟนเมื่อไหร่จะแต่งงาน แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอก แต่มันมีบางคนชอบเอาไปพูดนี่สิว่าสาเหตุที่ฉันไม่ยอมแต่งงานก็เพราะว่าฉันเลี้ยงเด็กเอาไปเยอะจนเลือกไม่ถูกว่าจะเอาคนไหนดี
แต่ฉันก็ไม่อยากจะอธิบายอะไรหรอกพูดไปก็เหมือนสีซอให้ควายฟัง มันก็ฟังไปอย่างนั้นแหละมันไม่รู้เรื่องห่าเห่วอะไรหรอก อยากด่าอะไรก็ด่าไปแต่อย่าให้มันเกินขอบเขต เพราะถ้าฉันจะเรียกค่าเสียหายขึ้นมาฉันเอาหนักแน่นอน จะเรียกค่าเสียหายจนรวยไปเลย
“เมาหรือยังครับคุณเดียร์”
“ไม่อะแค่มึนๆ” ฉันประคองสติของตัวเองแล้วตอบคนตรงหน้าไป
“ยังไม่กลับเหรอครับ ให้ผมไปส่งไหม นี่ก็ใกล้เวลาจะเลิกงานผมแล้ว”
“ไม่เป็นไร คอนโดฉันอยู่ตรงนี้เองเดินไปไม่กี่ก้าวก็ถึงแล้ว”
“แล้วจะเดินไหวเหรอครับ หน้าแดงไปหมดแล้วนั่น”
“อือพอไหวอยู่ ไม่ต้องห่วง”
“ไม่ได้สิครับ ถ้าคุณเดียร์เกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้นมาพนักงานทั้งคลับนี้เจอคุณพิงค์เล่นงานแน่”
“จะบ้าเหรอ ฉันเป็นคนมาเที่ยวเองนี่นา ไม่ต้องคิดมากหรอกถ้ามันจะว่าเดี๋ยวฉันจัดการเอง พวกนายไม่ต้องกลัว” ฉันให้คำสัญญาเป็นมั่นเป็นเหมาะ ก่อนจะยกวิสกี้แก้วสุดท้ายลงคอทีเดียวจนหมดแก้ว จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดเล่นไปเพลินๆ
ยังไม่อยากกลับคอนโดตอนนี้ ฉันเหงาหงอยมาก จะแปลกไหมถ้าฉันอยากมีลูกแต่ฉันไม่อยากมีผัว อยากมีลูกเป็นของตัวเองลูกแท้ๆ เลยไม่ใช่ลูกบุญธรรม แต่ฉันไม่อยากมีผัว
แต่ความจริงก็เป็นไปไม่ได้อยู่ดี เพราะถ้ามีลูกแล้วก็ต้องมีผัวอยู่ดีไหม
“นี่นาย ถามจริงนะตั้งแต่รู้จักกันมาฉันยังไม่เคยรู้จักชื่อของนายเลย ชื่ออะไรอะ?”
“ผมชื่อพีทครับ”
“อือ ได้รู้จักชื่อซะทีนะ ว่าจะถามตั้งนานแล้วไม่มีเวลาถามสักทีเลย”
“แหะๆ ผมขอโทษด้วยครับที่ไม่ได้แนะนำตัวเองให้คุณเดียร์รู้จัก ผมไม่คิดว่าคุณเดียร์จะอยากรู้จักชื่อของผม”
“คนรู้จักกันก็ต้องอยากรู้ชื่อคนรู้จักกันธรรมดาสิ นายรู้ชื่อฉันแต่ฉันไม่รู้ชื่อนาย มันแฟร์ซะที่ไหน” แต่ความจริงฉันก็ไม่ค่อยได้สนใจเรื่องนี้เท่าไหร่ด้วยหรอก
ฉันไม่ถามเขาก็ไม่บอก มันก็ถูกแล้วนี่นา
“แล้วนายอายุเท่าไหร่อะ?”
“ยี่สิบสามครับ”
“โห…เด็กกว่าฉันตั้งเยอะเลยนี่นา” ฉันไม่อยากจะพูดเลยว่าตัวเองอายุเท่าไหร่แล้ว ไม่คิดว่าวันเวลามันจะผ่านไปเร็วขนาดนี้ ฉันจำได้ว่าฉันจัดงานวันเกิดตัวเองตอนอายุ 25 ปี ผ่านมาไม่กี่ปีฉันก็ 30 ซะแล้ว
“เด็กแต่เด็ดนะครับ”
“ห๊ะ!? นายว่าอะไรนะพีท ฉันได้ยินไม่ชัด” ฉันเอียงหูไปใกล้พีทมากกว่าเดิม เพราะเสียงเพลงมันดังจนฉันได้ยินอะไรไม่ชัดเลย หรือว่าฉันเมาจนหูอื้อไปเอง
“อ๋อ…ผมหมายถึงว่าผมเด็กแต่ผมเก่งนะครับ”
“โอเคฉันเชื่อ กลางวันไปเรียนส่วนกลางคืนไปทำงาน นายขยันมากเลยพีท”
“ครับ…”
ไม่อยากจะพูดตอนที่ฉันอายุเท่าพีทฉันยังไม่มีงานทำเลย เรียนอยู่แต่ก็เที่ยวเตร็ดเตร่ทุกวัน จนญาติพี่น้องของพ่อแม่ฉันบอกว่าฉันจะเรียนไม่จบเพราะติดเที่ยวติดเพื่อน แต่คนเรามันก็แยกแยะกันเป็นป่ะ ฉันแยกแยะเวลางานเวลาเที่ยวเวลาเรียนได้ ฉันรู้ฉันไม่ได้โง่ขนาดนั้น
เบื่อจริงๆ เลยนะ กับพวกป้าที่ด่าว่าแต่ลูกคนอื่นแต่ไม่เคยหันมองย้อนดูลูกหลานของตัวเองเลย ถ้าฉันเล่าพฤติกรรมของลูกสุดที่รักของแกให้ฟัง มีหวังหัวใจวายตายพอดี ทั้งบ้าผู้ชายโดดเรียนไปเอากับผัว ขาดเรียนสารพัด แต่รอดมาได้เพราะพ่อจ่ายเงินใต้โต๊ะ
3 ปีต่อมา“คุณลุงขา…” เสียงเด็กน้อยดังมาแต่ไกลทันทีที่ลงมาจากรถ ก่อนที่ร่างอ้วนกลมจะวิ่งเข้าใส่ลุงครามจนเกือบหงายหลังไป “คิดถึงคุณลุงจังเลยค่ะ”“เหรอครับ ลุงก็คิดถึงเด็กอ้วนของลุงเหมือนกันครับ” มือหนาบีบแก้มยุ้ยเบาๆ อย่างมันเขี้ยว“น้องดารินครับ เข้าบ้านไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะครับ เล่นมาทั้งวันมีแต่เหงื่อทั้งนั้นเลย” คิงส์พูดขึ้นจากทางด้านหลังลูกสาว“ค่ะคุณพ่อ”แกตอบรับคำพูดของผู้เป็นพ่อแต่โดยดี ก่อนจะวิ่งดุ๊กดิ๊กเข้าไปด้านใน“แล้วมึงล่ะ มีอะไรหรือเปล่าถึงได้แวะมา” ถึงแม้จะเป็นครอบครัวที่สนิทและรู้จักมักคุ้นกันเป็นอย่างดี แต่ก็ไม่ได้ไปมาหาสู่กันบ่อยนัก เพราะทุกคนต่างมีหน้าที่เป็นของตัวเอง จะมาเจอกันสักครั้งก็ต่อเมื่อมีงานหรือปาร์ตี้เล็กๆ ระหว่างครอบครัว“กูเพิ่งกลับมาจากออสเตรเลียน่ะ ก็เลยซื้อของมาฝากหลานสาวกับหลานชาย ไม่ได้แวะเอามาให้สักทีวันนี้ผ่านมาพอดีก็เลยแวะเอามาให้” ครามบอก“อ๋อ ขอบใจมากนะ”“อือ..กูกลับละ”“อืม…ขับรถกลับดีๆ นะมึง อย่าไปไถลเล่นกับฟุตบาทล่ะ”“เออ!”เป็นคำพูดที่ห่วงใยแต่ก็ยังไม่วายสอดแทรกเรื่องกวนบาทาใส่กัน ไม่รู้เลยว่าใครจอมยั่วใครจอมโมโหกันแน่ เพราะทั้งสอง
บ้านพักริมทะเล“อ่า…สดชื่นจัง…” คิงส์กางแขนออกกว้างแอ่นอกรับลมบริสุทธิ์จากผืนทะเล แต่จู่ๆ ก็มีมือปริศนามาผลักเขาออกไป“ยืนกีดขวางฉิบหายมึงเนี่ย!” ครามพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูหงุดหงิด แต่ดูเหมือนจะแกล้งคนข้างๆ มากกว่า“ก็ทางเดินมีตั้งมากมายมึงไม่เดิน มาเดินเอาตรงที่กูยืนอยู่เนี่ยนะ!?” คิงส์หันไปต่อว่า ตรงที่เขายืนเป็นหน้าบ้านก็จริงแต่บ้านก็กว้างพอที่จะไปเดินทางอื่นได้“นี่มันบ้านกู กูจะเดินไปตรงไหนก็ได้ไม่ผิด” ครามทำหน้าเฉยชาใส่คิงส์ ราวกับว่าไม่รู้สึกอะไรกับการกระทำของตัวเองเลย“มันไม่ผิดหรอก มันอยู่ที่มารยาทต่างหากไอ้เวร! กูรู้ว่าบ้านหลังนี้เป็นของมึง แต่กูมายืนอยู่ตรงนี้ก่อนมึง” คิงส์หันไปเท้าเอวด่าอยู่ด้วยกันสองคนไม่ได้เลยจริงๆ สองคนนี้ มีอันเป็นต้องหาเรื่องทะเลาะกันอยู่ตลอด ส่วนมากก็จะเป็นเรื่องบ้าๆ บอๆ ที่ด่ากัน“แล้วไง? กูไม่ได้สนใจเรื่องนี้สักหน่อย”“มึงนี่มันกวนตีนไม่เปลี่ยนเลยนะ ถ้าเป็นเมื่อก่อนกูกับมึงก็คงจะวางมวยกันไปแล้ว”“มาดิ ตอนนี้ยังวางได้นะ”“เดี๋ยวกูจะฟ้องเมียมึง” คิงส์พูดขู่“ฟ้องเรื่องอะไร๊ กูไม่ได้มีเรื่องปิดบังอย่างเช่นเรื่องแต่งรถเหมือนมึงสักหน่อย”“ให้กูพูดจริงๆ เ
“กูขออุ้มหลานหน่อย” ครามยื้อแขนที่รอรับเด็กสาวตัวน้อย แต่กลับถูกคิงส์พาเดินหนีออกไป “ไอ้คิงส์! กูบอกขออุ้มหลานหน่อย”“กูไม่ให้อุ้ม” คิงส์หันมาตอบกลับเสียงแข็งกร้าว“แต่นี่หลานกู”“หลานมึง แต่ลูกกู”ทั้งสองยืนเถียงกันอย่างเอาเป็นเอาตาย เพราะไม่มีใครยอมใครเลย อีกคนก็อยากอุ้มหลาน อีกคนก็หวงลูกราวกับจงอางหวงไข่ ไม่ยอมให้ใครได้แตะต้องลูกสาวเลยโดยเฉพาะคราม“เฮ้ย! มึงจะหวงทำไมวะ กูแค่ขออุ้มหลานหน่อยแค่นี้เอง ไม่ได้พาไปไหนสักหน่อย” ครามพูดแย้งออกไป“กูไม่ให้อุ้ม เดี๋ยวมึงเอาลูกกูไป” คิงส์หวงลูกสาวมาก เพราะแกทั้งน่ารักขี้อ้อน ตัวอ้วนกลมแถมแก้มซาลาเปาหน้าหยิกเล่น ใครเห็นก็ต้องเป็นหลง โดยเฉพาะครามที่ชอบเด็กผู้หญิงตัวอ้วนๆ กลมๆ มาก“กูขออุ้มนิดเดียว มึงก็ยืนโด่อยู่ตรงนี้ กูจะเอาลูกมึงไปไหนได้”“มึงอยากได้ลูกผู้หญิงอีก ทำไมมึงถึงไม่ทำเอาเองล่ะ เหอะ! หรือว่าหมดน้ำยาแล้ว?” คิงส์หัวเราะเย้ยหยันคนตรงหน้า“น้ำยากูยังไม่หมดหรอก แต่เมียกูไม่ยอมมีลูกให้อีกนี่หว่า บอกว่ามีแค่สองคนก็พอแล้ว” ครามถอนหายใจเฮือกใหญ่“มึงมันไม่มีน้ำยาเองนี่หว่า”“แล้วมึงล่ะ ทำไมไม่มีอีก”“กูทำหมันแล้วจะมีได้ไงวะ คนอย่างกูอะมันน้
6 เดือนต่อมาบ้านแสนอบอุ่น“แอ้ แอ้” เสียงของน้องดารินดังอ้าวออกมาถึงข้างนอก ฉันชะโงกหน้าเข้าไปมองก็เห็นว่าแกกำลังนั่งเล่นอยู่กับพี่ชายอยู่ ส่วนคิงส์ก็คอยนั่งดูแลอยู่ข้างๆ ตอนนี้พากันหลงเด็กน้อยคนนี้ทั้งพี่ชายทั้งพ่อเลย“ดูท่าคุณหนูไทเกอร์กับคุณคิงส์จะพากันหลงคุณหนูดารินจนโงหัวไม่ขึ้นแล้วนะคะเนี่ย” ป้าอิ่มพูดขึ้น“ใช่ค่ะป้าอิ่ม” สิ่งที่ฉันกลัวที่สุดคือกลัวว่าพี่น้องจะไม่รักกัน กลัวว่าจะมีคนมาพูดทำพี่น้องทะเลาะกัน แต่ตอนนี้ฉันไม่ต้องกลัวอะไรอีกแล้วน้องไทเกอร์มีวุฒิภาวะของความเป็นพี่มาก คอยดูแลน้องอยู่ตลอด ทุกวันหลังเลิกเรียนก็จะมาเล่นอยู่กับน้อง อายุห่างกันมากไม่ใช่ปัญหาเลย ดีซะอีกที่จะมีพี่ชายคนโตคอยดูแลน้องสาวคนเล็กคนนี้น้องไทเกอร์แกเข้าใจดีว่าทำไมฉันถึงต้องดูแลเอาใจใส่น้องมากเป็นพิเศษ แต่ฉันก็ไม่เคยละเลยแกเลยสักครั้ง ฉันทำให้แกได้เห็นว่าต่อให้จะมีน้องอีกซักกี่คนความรักที่ฉันมีให้แกก็ยังเหมือนเดิม“แล้วคุณเดียร์ ไม่คิดจะมีคุณหนูอีกซักคนเหรอคะ”“ไม่ล่ะค่ะป้า เดียร์ผ่าคลอดน่ะค่ะคุณหมอบอกว่าถ้าท้องอีกอาจจะเสี่ยงแท้งต้องยุติการตั้งครรภ์ค่ะ เดียร์แพ้ยามากค่ะ โดยเฉพาะยาชากับยาสลบ”“ตายจร
โรงพยาบาล“ทำไมต้องวางยาสลบเธอด้วยล่ะครับหมอ ปกติแค่ผ่าคลอดให้แค่ยาชาก็ได้นี่นา” คนตัวสูงเอ่ยถามคุณหมอขณะที่กำลังวุ่นวายกันอยู่ภายในห้อง“คนไข้แจ้งมาล่วงหน้าแล้วนะครับว่าแพ้ยาชา และการวางยาสลบแบบนี้มันจะปลอดภัยดีกว่านะครับ ถ้าคนไข้มีอาการแทรกซ้อนขณะที่กำลังผ่าคลอด อาจจะทำให้เป็นอันตรายทั้งแม่และเด็กได้ครับ”“เธอกับลูกจะปลอดภัยใช่ไหมครับหมอ มีกับลูกของผมจะปลอดภัยใช่ไหมครับ” ชายหนุ่มเอ่ยถามเสียงสั่นคลอน กลัวว่าลูกและภรรยาจะเป็นอะไรไป ถึงจะรู้มาบ้างว่าเธอแพ้ยา แต่ก็ไม่คิดว่าเธอจะแพ้หนักขนาดนี้ และคำพูดของเดียร์พี่เคยพูดเอาไว้ก็ลอยเข้ามาในหัวของเขาทันที ( ตอนที่ฉันผ่าคลอดน้องไทเกอร์ ฉันแพ้ยาชาหนักมากจนหัวใจของฉันหยุดเต้นไปหลายครั้ง แต่ฉันก็กลับมาได้ในที่สุด )“ครับผม หมอรับรองครับว่าภรรยาและลูกของคุณจะต้องปลอดภัย”“…” ถึงคุณหมอจะยืนยันและรับรองแบบนั้น ก็ไม่ได้ทำให้เขาสบายใจอยู่ดีคิงส์ยืนรออยู่หน้าห้องผ่าตัดอย่างใจจดใจจ่อ รอคุณหมอออกมาบอกข่าวดีกับเขาเวลาต่อมาแกร่ก~ประตูสีขาวบานใหญ่ถูกเปิดออกตามด้วยร่างสูงที่ใส่ชุดกาวน์ปิดหน้าปิดตาเดินออกมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของคิงส์“เมียกับลูกของผมเป็น
หลายวันต่อมา“อืม…”“เป็นยังไงบ้าง สบายดีไหมแบบนี้” คิงส์เอ่ยถามภรรยาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน พลางไล่บีบนวดตามขาให้เธอบรรเทาอาการปวด“ดีขึ้นเยอะเลยล่ะ เฮ้อ..”“เมื่อไหร่จะคลอดครับลูกสาวพ่อหืม…พ่อตั้งหน้าตั้งตารอแล้วนะ รีบๆ ออกมานะครับ” ว่าแล้วก็พลางลูบที่ท้องใหญ่ไปมา“โอ๊ะ!?” เดียร์ร้องอุทานเพราะตกใจที่ลูกในท้องถีบอย่างแรงเมื่อคิงส์พูดจบ ราวกับว่ารับรู้ได้และอยากออกมาเต็มทนแล้ว เพียงแต่ยังไม่ครบกำหนดที่จะออกมาเท่านั้น“เป็นไร! จะคลอดเหรอ?” คิงส์เอ่ยถามด้วยความตกใจ เมื่อได้ยินเสียงร้องของภรรยา“เปล่า ลูกดิ้นอะ ดิ้นแรงเลย” เดียร์บอก“เหรอ ขอจับหน่อยนะ” คิงส์เลื่อนมือไปสัมผัสกับหน้าท้องของเธออีกครั้ง เพราะอยากจะรับรู้ถึงความเคลื่อนไหวภายในนั้น “ดิ้นจริงด้วย ดูสิถีบมือฉันใหญ่เลยอะ”เขาเอ่ยขึ้นด้วยความดีใจเมื่อสัมผัสได้ถึงสิ่งมีชีวิตในท้องใหญ่ของเธอ ดวงตาคมแดงก่ำราวกับคนกำลังจะร้องไห้ มือหนาก็ยังเลื่อนสัมผัสไปมาอยู่แบบนั้น“สงสัยแกจะได้ยินสิ่งที่คุณพูดนะ ดิ้นใหญ่เลย”“เหรอ…รีบๆ ออกมานะครับ พ่ออยากอุ้มอยากหอมแก้มหนูจะแย่แล้ว”ก๊อก ๆ ๆ ๆ“คุณพ่อคุณแม่ครับ นอนหรือยังครับ” เสียงเล็กๆ ด้านนอกตะโก