“อ๊า แน่นฉิบ” นางบำเรอที่ทำได้แค่อ้าขาให้เขา เอาความอยากมาลงที่เธอ
“อื้อ” ริมฝีปากอิ่มถูกครอบครองอีกครั้ง ร่างสูงดูดกลืนเกี่ยวพันรัวแรงด้วยความเร่าร้อน ไม่ต่างจากช่วงล่างที่เชื่อมเข้าหากัน สิงหราชกระแทกกระทั้นกายเข้าหาอย่างไม่ให้น้อยหน้า
มือแกร่งลูบไล้ไปทั่วตัวหญิงสาว ความนุ่มลื่นของผิวหนังกระตุ้นความดิบเถื่อนให้ตรอกตรึงเข้าไปในกายเล็กอย่างไม่ให้เว้นว่าง
เกิดเสียงเนื้อกระทบเนื้อดังสนั่นไปทั่ว แต่ถึงอย่างนั้นในห้องน้ำแห่งนี้กลับมีเพียงเสียงของชายหนุ่มที่คำรามออกมาแต่เพียงผู้เดียว ส่วนหญิงสาวที่กำลังถูกกระแทกกายเข้าใส่ถี่ๆนั้นได้แต่ปิดกั้นริมฝีปากตัวเองไม่ให้ได้ยินเสียงเล็ดลอดออกมา
เธอจะให้ใครมาได้ยินไม่ได้ เพราะแค่นี้ก็น่าอับอายมากพอแล้ว
“ได้ยินเรื่องนายหัวไปหาสาวธนาคารที่ในเมืองมั้ย” หลังจากที่กลับออกมาจากบ้านหลังใหญ่สุดของไร่ นาราก็มาทำงานเหมือนเดิม โดยตอนนี้เธอเปลี่ยนจากแปลงผักมาที่ไร่สตรอว์เบอร์รี่ ซึ่งเป็นสวนจากเนินสูงลงมาเป็นที่ราบ สวนส่วนมากของธรภูมินั้นจะเป็นเนินเขาเสียมากกว่า พื้นที่ในการทำเกษตรเลยมักคล้ายๆกันแทบทั้งหมด
นั่งทำงานไปได้ไม่นาน ได้ยินเสียงคนงานในไร่พูดคุยกัน
“ได้ยินสิอีผิน ได้ข่าวว่านายเอาเงินไปฝากบ่อยๆ สงสัยจะเจ๊าะแจ๊ะกันด้วย”
“ใครบ้างจะไม่ชอบล่ะ ก็นายหัวหล่อออกปานนั้น สาวในไร่เรายังชอบเลย” คนงานชื่อชะอมตอบ นาราแอบเห็นว่าเธอชำเลืองมาทางนี้ด้วย
“แต่ระดับอย่างนายเหรอจะคบคนแบบนั้น คนที่เขาคบด้วยต้องระดับเดียวกันทั้งนั้นแหละ เขาคงไม่เอาหรอกคนธรรมดาอย่างเราๆ นายคงควงเล่นๆเสียมากกว่า ยิ่งคนอื่นยิ่งไม่ต้องพูดถึง”
“ใช่ อีผิน นายจบตั้งเมืองนอกเมืองนา เห็นว่าตอนอยู่ที่นู่นก็ควงฝรั่งด้วยไม่ใช่เหรอ เพื่อนไฮโซก็เยอะ เขาคงเลือกคนที่เหมาะสมกับตัวเองแหละเนอะ คงไม่มาเอา...คนแถวนี้”
นาราไม่ได้คิดไปเองว่าคำพูดพวกนั้นกำลังแดกดันเธอ และเธอมักได้ยินทุกครั้งเวลาทำงานกับหญิงสาวรุ่นเดียวกัน ผินกับชะอมเป็นคนงานในไร่ ทั้งคู่จบมอหก ไม่ได้ทำงานที่ไหนจึงมาสมัครงานที่นี่ เธอเจอตั้งแต่ตอนกลับมาจากกรุงเทพแล้ว วันแรกคนพวกนี้ทำเหมือนไม่ชอบเธอแค่ไหน ตอนนี้ก็ยังเหมือนไม่ชอบเธอเท่านั้น หรืออาจมากกว่าเดิม
นาราถอนหญ้าออกไม่สนใจแต่อย่างใด ทว่าคนพวกนั้นก็ยังเอ่ยกระแทกกระทั้นไม่หยุด
“คนบางคนก็อย่าหวังสูงนักเลย เป็นได้แค่คนงานในไร่ ถึงจะเรียนสูงแค่ไหน สุดท้ายก็เป็นได้แค่ลูกหนี้ ไม่รู้อีกกี่ชาติจะใช้หนี้หมด”
“จริง ทำหน้าเชิดคอตั้งไปเถอะ ระวังน้ำตาจะเช็ดหัวเข่า ฮ่า ฮ่า”
“อะไรกัน” เหมือนมีพระมาโปรด นารายิ้มให้หญิงวัยกลางคนที่สวมผ้าซินใส่เสื้อคอกระเช้าเดินเข้ามา ป้านงรัก หรือที่ทุกคนที่นี่เรียกกันสั้นๆว่าป้ารัก หรือนง ตามแต่ละคนสะดวก นงรักเป็นแม่บ้านที่ดูแลบ้านใหญ่ รวมถึงเป็นผู้อาวุโสของที่นี่ด้วย เธอเป็นคนนนทบุรี มาอาศัยอยู่ที่ไร่ได้นานแล้ว“พวกแกอู้งานกันเหรอ ฉันจะบอกนายหัวนะ”
ผินกับชะอมตาเหลือก พวกเธอกลัวเจ้านายจนหัวหด เพราะสิงหราชเป็นคนดุมาก แถมยังหักเงินเดือนโดยไม่บอกกล่าว บางครั้งหักคนงานในไร่เงินหายเกือบครึ่งเลยก็มี เพราะแบบนั้นคนงานเกือบห้าร้อยคนที่นี่เลยกลัวกันหมด
“แหม อะไรป้า พวกหนูไม่ได้พูดอะไรเลย” ผินแก้ตัว กระทุ้งศอกใส่ชะอมที่นั่งยองๆเก็บสตรอว์เบอร์รี่อยู่ข้างกัน เด็กสาวผิวเข้มหน้าคมรีบย้ายไปที่อื่นก่อนที่จะโดนเอาเรื่องไปฟ้องเจ้านาย
นงรักถอนหายใจออกมา ก่อนเหลือบมองหญิงสาวร่างบางที่ก้มหน้าก้มตาถอนหญ้าต่อ หญิงวัยกลางคนรู้สึกสงสารเด็กคนนี้เหลือเกิน ด้วยรูปร่างหน้าตาที่สวยเกินกว่าชาวบ้านธรรมดาๆทำให้นาราต้องโดนคนไม่ชอบขี้หน้าบ่อยครั้ง หญิงสาวถูกกลั่นแกล้งจากหญิงวัยเดียวกัน ไปจนถึงผู้ใหญ่ที่อายุมากกว่านั้นอีกหน่อย แต่เธอก็นับถือเด็กคนนี้ที่ตอบโต้เหตุการณ์ด้วยสติทุกครั้ง ทว่านงรักกลัวเหลือเกินว่าวันหนึ่งหญิงสาวจะทนไม่ไหวตอบโต้ด้วยวิธีรุนแรง
“ร้อนก็เข้าร่มนะ” นงรักเอ่ยบอก มองเด็กสาวด้วยความเป็นห่วง นาราเงยหน้าขึ้นมา แม้เหงื่อใคร่จะเต็มกรอบหน้าแต่หญิงสาวก็ยิ้มออกมาอย่างดีใจ ดีใจที่มีคนเอ็นดูเธอในสถานที่เลวร้ายอย่างน่าทุกข์ตรม
“ขอบคุณค่ะ” ริมฝีปากเล็กเอ่ยกลับด้วยความตื้นตัน
“ตอนเย็นป้าจะเก็บผักไว้ให้ มาเอาไปกินละ จะได้ไม่ต้องซื้อ” ใบหน้าสวยพยักหน้า เนื่องจากต้องทำงานทุกวัน นาราจึงพักอยู่ที่นี่พร้อมกับคนงานทุกคน ส่วนบ้านพักของเธอนั้นแยกออกมาอีกที อยู่อีกฟากของบ้านพักของคนงาน แต่ใกล้ๆกับบ้านใหญ่ นาราก็ไม่รู้ว่าทำไมต้องพักที่นั่นเหมือนกัน ในเมื่อบ้านพักคนงานก็ว่าง แต่ปฏิเสธไม่ได้เพราะสิงหราชเป็นคนสั่งมา
หญิงสาวขอบคุณป้านงรักอีกครั้ง คนเป็นผู้ใหญ่ผงกหัวให้ด้วยความใจดี ก่อนจะเดินออกไป พอผู้อาวุโสในไร่ไม่อยู่ที่นี่ ผินกับชะอมก็หันมาเขม่นเธอเหมือนเดิม
นาราถอนหายใจ เธอทำเป็นมองไม่เห็น ไม่อยากทะเลาะ เพราะงานในไร่ก็เหนื่อยจนอยากทิ้งตัวแล้ว ถ้าต้องทะเลาะกับใครอีกเธอขออยู่เฉยๆดีกว่า
นาราเดินขึ้นมาตามเนินเขาเรื่อยๆ แสงของพระอาทิตย์สาดส่องไปทั่วและสายลมที่พัดเอื่อยๆต้องผิวกายพลันทำให้เย็นสดชื่นราวกับได้เกิดใหม่ ปลดระวางความเหนื่อยล้าที่มีมาทั้งวัน หญิงสาวยิ้มร่าเมื่อคิดว่าขึ้นไปบนหน้าผาแล้วจะเจอใครคนหนึ่ง คน...ที่วันนี้คิดถึงเป็นร้อยครั้ง และใช่ เมื่อขึ้นมาก็เห็นเขายืนอยู่ก่อนแล้ว คนตัวเล็กคลี่ยิ้ม ด้านข้างของสิงหราชนั้นช่างดูดีเสียจริง หล่อเหลาราวกับรูปปั้น ไม่รวมผิวสีเข้มที่บ่งบอกว่าผ่านการแตกแดดมานมนาน เสริมให้บุคลิกของคนร่างสูงดูองอาจขึ้นไปอีก เธอไม่อยากเชื่อว่าวันหนึ่งคนคนนี้จะเป็นของเธอ ทว่าเวลานี้เขายืนอยู่ตรงหน้าแล้ว พร้อมกับยิ้มให้เธอด้วยความจริงใจ นาราวิ่งเข้าไปหาแขนที่อ้าออก หลับตาสูดเอากลิ่นหอมๆของชายคนรักเข้าปอด ซึ่งอีกคนก็เช่นเดียวกัน เขาประทับริมฝีปากลงบนกระหม่อมบาง ลอบดมกลิ่นหอมหวานจนชื่นใจ “เหนื่อยมั้ย” เสียงทุ้มทรงเสน่ห์เอ่ยอย่างเป็นห่วง ใครจะคิดว่านาราจะอึดขนาดนี้ ทำสวนไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย บ้ากว่าเขาตอนทำไร่ใหม่ๆอีกมั้ง แล้วคำตอบของเธอทำเขายิ้มออกมาอย่างไม่ยาก “ไม่เหนื่อย
“แต่หนูไม่โกรธยายหรอกค่ะ แต่มาวันนี้ก็เพื่อบอกให้ยายรู้ว่าหนูจะไม่ทนอีกแล้ว ยายต้องรับผิดชอบในส่วนที่ยายทำ ถ้ายังหาเงินมาคืนสามีหนูไม่ได้ แน่นอนว่าบ้านหลังนี้กับที่ดินหนูจะยืดไปให้หมด” “นี่แก๊” ธัญญาหมดความอดทนจริงๆ ไม่คิดว่าหลานตัวเองจะเลวร้ายแบบนี้ เธอรู้ว่าตัวเองผิดที่เห็นแก่ตัวไม่ใช้หนี้ แต่เธอก็เอาเงินของเธอมาดูแลแม่ไง แม่มันไม่ดูแลยายก็ให้มันใช้หนี้ไปสิ ผิดตรงไหน คนเป็นป้าอยากพูดแบบนั้นทว่าพอเห็นสายตาเลือดเย็นของหลานสาว ก็ถึงกลับต้องหุบปากไป เพราะกลัวมันจะเพิ่มหนี้ให้เธอ “หนูมาบอกแค่นี้ล่ะค่ะ ขอตัว” หญิงสาวเดินออกมา เธอแทบจะล้มลงไปกับพื้นทว่าได้สิงหราชประคองตัวไว้ เธอพยักหน้าให้เพื่อบอกเขาว่าไม่เป็นไร ทว่าพอได้ขึ้นมาบนรถ ก็อดกลั้นไม่ไหวร้องไห้ออกมาในที่สุด คนตัวใหญ่ดึงเธอเข้าไปกอด ลูบแผ่นหลังเบาๆ ความอ่อนแอยิ่งถูกกระตุ้นไหลเป็นสาย บางทีโลกเราก็โหดร้ายเกินไป พยายามคิดในแง่บวกไว้ ปกปิดมันด้วยเหตุผลทุกอย่าง ทว่าพอเผชิญหน้ากับความจริงกลับเกินทนจนยากที่จะรับไหว “พี่อยู่นี่ ไม่เป็นไร” สิงหราชปลอบโยนคนต
รถกระบะคันเก่าวิ่งเข้ามาจอดกลางบ้าน ทำให้ธัญญาที่กำลังร้องไห้ราวกับจะขาดใจเงยหน้ามอง จากที่ราวถูกเหยียบย่ำหัวใจไปแล้ว หญิงวัยกลางคนยิ่งแหลกสลายเข้าไปกันใหญ่เมื่อเห็นหลานสาวของตนและผู้มีอิทธิพลในแถบนี้เดินเข้ามา และใช่ ลูกสาวเธอโดนจับก็เพราะพวกมัน “อีนารา! มึงยังเสนอหน้ามาอีกเหรอ” ธัญญาตะโกนดังลั่น ความโกรธเกรี้ยวของเธอทำให้ยายของนาราที่นั่งอยู่ข้างๆธัญญาลูบหลังลูกสาวเบาๆ นาราปรายตามองยายของตน หญิงใจร้ายที่ไม่เคยคิดบอกความจริงกับเธอ ที่ผ่านมาเธอใจดีมาก ทำดีกับยายมาโดยตลอดเพราะหวังว่าสักวันหญิงชราจะเห็นความดีแล้วรักเธอบ้าง ทว่าตอนนี้หญิงสาวได้รู้ว่าสิ่งที่ทำไปมันสูญเปล่า ผู้หญิงคนนี้ไม่เคยรักเธอในฐานะหลานเลย แม้ใจจะปวดหนึบ แต่ก็พยายามเก็บมันไว้ คงเห็นท่าไม่ได้ สิงหราชเลยกุมมือเธอ หญิงสาวส่ายหัวบอกเขาว่าไม่เป็นอะไร ใจเข้มแข็งพอแล้ว และส่วนหนึ่งที่ทำให้เธอเป็นแบบนี้ได้ก็เพราะเขา “ป้าทำเหมือนโกรธหนู แต่หนูมากกว่าที่ต้องโกรธป้า” คนตัวเล็กตอบโต้กลับทันที “โกรธกูเรื่องอะไร!” ตอนนี้ธัญญาไม่วางมาดอะไรอีกแล้ว นังเด็กนี่มัน
“ครับ เมียเอายังไงก็เอา แต่บอกก่อนได้มั้ยว่าจะไม่โกรธกัน” เขากลัวเมียหายไปนะ ถ้าเธอจากเขาไปทั้งไร่ต้องลุกเป็นไฟอย่างแน่นอน พลิกแผ่นดินหาไม่เจอก็จะหาอยู่แบบนั้น นาราหลุบมองคนที่ซุกอยู่บนอก ดวงตาดุๆ พลันทำให้ชายหนุ่มก้มหน้าลง เผลอใช้โอกาสนี้ซุกใบหน้าลงมามากกว่าเดิม นาราอึดอัดจนต้องขยับดิ้น เธอจิ๊ปากทีหนึ่ง “อื้อ!” เสียงอ้อนเอ่ยตามมา “บอกก่อนว่าจะไม่โกรธ” “ไม่” “ทำไมไม่” “ก็โกรธ” “แล้วทำยังไงถึงจะหายโกรธ” “ไม่รู้ ออกไปจากที่นี่มั้ง” วินาทีนั้นอ้อมแขนที่กอดเธออยู่รัดแน่นขึ้น นาราเกือบหายใจไม่ออก ทว่าต้องทำเก๊กเพราะกลัวเขาจะได้ใจ หญิงสาวเลยนิ่งไว้ “ไม่ให้ไป ไปสิ จะขังไว้ที่นี่เลย” ตัวเล็กดวงตาวาวโรจน์ “กล้าเหรอ?” “ไม่กล้า” เสียงหงอยเอ่ย นารานิ่งไป มองคนตัวใหญ่ที่กำลังไซ้หัวลงบนหน้าอกเธอเหมือนเด็ก “งั้นเอาไร่มั้ย เอาไร่ส้มสักร้อยไร่ หรือตรงที่น้องทำ พี่ยกให้หมดเลย” “ยกให้แฟนเก่ากับคุณปราณนารีสิ มาให้ฉันทำไม”
“น้ำ” เสียงแหบแห้งและฝืดเคืองครางออกมา ใช่ ตอนนี้รู้สึกราวกับว่าอยู่ในทะเลทรายอันแสนแห้งแล้งและร้อนผ่าวแผดเผาอยู่ภายใต้พระอาทิตย์ แล้วในตอนนั้นเองที่เปลือกตาสีไข่เปิดขึ้น ฝ้าเพดานที่คุ้นเคยทำหญิงสาวกะพริบตาปริบๆ แรงกอดรัดช่วงตัวทำให้เธอเอี้ยวตัวมองคนที่กอดเธอไว้ สิงหราช นี่เขา พาเธอออกมาจากป่าได้จริงๆ “ตื่นแล้วเหรอ” ร่างสูงตื่นขึ้นมาพอดี เขายิ้มให้เธอ เป็นรอยยิ้มที่ไม่เคยเห็นเลยในชาตินี้ ยิ่งทำให้อึ้งไปกว่านั้นเพราะเขาโน้มหน้าลงมาจูบกระหม่อมกันเอ่ยคำพูดแปลกประหลาด “เมียตื่นแล้วเหรอครับ” ราวกับสติได้หลุดล่องหายไป เมื่อกี้เขาว่ายังไงนะ “คุณว่ายังไงนะ” “เมียตื่นแล้ว อยากได้อะไรมั้ย” แม้จะยังมึนงง ทว่านาราตอบอย่างไม่ลังเล เอาไว้ก่อนเรื่องเขาเรียกเธอว่าเมีย “น้ำ” เพียงเท่านั้นเขาก็ลุกขึ้น พร้อมกับเอามันมาให้เธอ ร่างสูงนั่งลงข้างเตียง ประคองเธอขึ้นนั่ง นาราดื่มน้ำด้วยความกระหาย ก่อนดวงตาจะจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาเหมือนเดิม ไม่รู้ว่าควรรู้สึกยังไง มันผสมปนเปกันไป
“นายหัว!” นงรักตาเบิกกว้างเมื่อเห็นคนสูงใหญ่ผู้น่าเกรงขามในไร่แบกหญิงสาวตัวเล็กไว้บนหลังเดินเข้ามา พอมองสภาพของทั้งสองคนหญิงแม่บ้านก็ต้องตกใจ อะไรกันเนี่ย ทำไมดำไปทั้งตัวแบบนี้ มิหนำซ้ำท่อนขาและเท้าเปลือยเปล่าของสิงหราชยังเต็มไปด้วยบาดแผลราวกับโดนของร้อนจี้มา หรือว่าที่คนงานพูดกันว่าในป่ามีเพลิงไหม้ เกี่ยวข้องกันนายหัวและหญิงสาวตัวเล็กที่ไม่ได้สตินี่เหรอ เกิดอะไรขึ้น ใครบังอาจทำนายหัวเธอ มันเป็นใคร! วินาทีนั้นราวกับนายหัวของไร่เป็นคนบ้าใบ้ สิงหราชไม่พูดอะไร อุ้มนาราขึ้นมาบนบ้าน ดวงตาชายหนุ่มเหม่อลอย และกว่าจะเอ่ยออกมาก็ปาไปหลายนาที “ป้าเรียกหมอให้หน่อยได้มั้ยครับ” เหนื่อยจนเหมือนตายทั้งเป็น แต่ก็ยังอยากเห็นอีกคนไม่เป็นอะไร “โถ่ ได้ค่ะ” นงรักแทบร้องไห้ เธอรีบกุลีกุจอโทรไปเรียกหมอที่เป็นคนสนิทกับครอบครัว แล้วเวลานั้นเองที่ชายอีกคนโผล่มา “พี่สิง” “มึงไม่ใช่น้องกู...” สิงหราชมองไปที่น้องชายของตน ก่อนหน้านั้นเขาพอรู้มาบ้างว่าอะไรเป็นอะไร แต่ไม่คิดว่ามันจะทำแรงขนาดนี้ “มึง