[มาหาฉันที่บ้าน] นาราหรือนาคถอนหายใจหลังจากได้ยินประโยคนั้น เธอลุกจากแปลงผัก ปาดเหงื่อบนหน้าผากออก ก่อนจะปั่นจักรยานออกมาจากแปลงดินขนาดสิบไร่
ที่นี่คือไร่ธรภูมิ ที่ดินแปลงเกษตรเกือบห้าพันไร่ เป็นของตระกูล ธรภูมิ ตระกูลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในแถบนี้ และ ใช่ ตอนนี้นาราเป็นลูกหนี้ของครอบครัวนี้อยู่ และใช่ อีกนั่นแหละว่าเธอเป็นลูกหนี้ขัดดอก ใช้หนี้ยังไงก็ไม่หมดสักที
ช่างเถอะ เรื่องนี้เธอจะมาเล่าให้ฟังทีหลัง เพราะตอนนี้ต้องไปหาใครคนหนึ่งก่อน
พอพาหนะคู่ใจพามาถึงบ้านเรือนไทยขนาดใหญ่ ที่รอบข้างปกคลุมไปด้วยต้นไม้ ดอกไม้ประดับ ร่มรื่นและเย็นสบาย นาราก็ขึ้นไปบนบ้าน เข้าไปในห้องริมฝั่งซ้ายสุด
“ทำไมช้า” ชายที่นั่งอยู่บนเตียงมองเธอด้วยใบหน้าเรียบตึง นาราถอนหายใจออกมาอีกครั้ง
“ก็ฉันถอนหญ้าในแปลงผักอยู่ เพิ่งเห็นข้อความค่ะ” จริงๆนะ เธอไม่ได้สนใจมือถือเลย
“เหรอ” ทว่าสิงหราช หรือนายหัวสิงที่ทุกคนในไร่ต่างเกรงกลัวกลับแสยะยิ้ม ร่างดูดีสมส่วนย่างสามขุมมาหาเธอ เพียงชั่วอึดใจเขาก็อยู่ตรงหน้านาราเสียแล้ว คนตัวเล็กสั่นไปทั้งตัว
“แล้วไอ้ปลัดน่าโง่นั่นโผล่มาจากไหนกัน”
“คุณ!” นาราหน้าแดง เธอโกรธ ทำไมเขาต้องเอาแต่ว่าพี่ชายเธอแบบนั้นด้วย ถึงภูริจะเป็นพี่ชายที่มหาลัยของเธอ แต่นาราไม่ชอบอยู่ดี อีกอย่างไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องเป็นแบบนี้ทุกที
“ฉันบอกแล้วว่าพี่ภูเป็นพี่ชายของฉัน เขาแค่มาหา ทำไมต้องว่าเขาด้วย”
“แล้วใครใช้ให้มันมา นี่ไร่ของฉันไม่ใช่ของเธอ อีกอย่างลืมแล้วเหรอว่าเธอเป็นใคร” สิงหราชตะคอกนาราเจ็บแปล๊บในใจ ใช่ เธอเป็นแค่ลูกหนี้เขาเท่านั้น แล้วหนี้มหาศาลมากมายไม่รู้กี่ชาติจะใช้หมด
ครอบครัวของเธอเคยมีฐานะพอปานกลางทว่ามีปัญหาภายในครอบครัว เลยทำให้แม่ตัดสินใจเอาที่ดินมาจำนองกับเจ้าของไร่ธรภูมิคนเก่าซึ่งเป็นพ่อของสิงหราชเพื่อนำมาใช้หนี้ แต่แล้วไม่มีเงินมาไถ่คืน ด้วยความกลัวเสียที่ดินไปและไม่มีที่อยู่อาศัยทำให้ต้องใช้หนี้ทั้งหมดเพื่อความอยู่รอด
ในตอนแรกนาราก็ไม่อยากทำ แต่เมื่อเห็นแม่ของเธอร้องไห้จนสลบไปหลายวัน สุดท้ายลูกคนที่เหลืออย่างเธอนอกเหนือจากพี่ชายที่ติดทหาร ต้องมารับกรรมกันไป
ใช่ ไม่เพียงแต่ใช้แรงงานเท่านั้น หน้าที่ที่ทำอยู่ยังรวมถึงการเป็นนางบำเรอบนเตียงด้วย
“ฉันอยากอาบน้ำ มาอาบให้ด้วย” เมื่อเห็นเธอนิ่งไปเขาจึงเอ่ย รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจกับโชคชะตาของตน สิงหาราชก็ขึ้นเสียง เดินหันหลังนำเธอไปยังห้องน้ำที่อยู่ในห้อง
ร่างบางถอนหายใจ ทว่าสุดท้ายต้องยอมจำใจไปอยู่ดี
เมื่อมาถึงเห็นว่าเจ้าของไร่ธรภูมิ หรือลูกชายคนรองของที่นี่เปลื้องผ้า เดินลงไปในอ่างอาบน้ำที่มีน้ำเต็มอยู่แล้ว หญิงสาววัยยี่สิบห้าปีหลับตาลง เพราะเธอไม่อยากเห็น ทั้งๆที่เห็นมาหลายสิบครั้ง
“ยืนอยู่ทำไม ถอดเสื้อผ้าเธอซะทีหรือให้ฉันถอดให้”
“แต่แค่อาบน้ำ ทำไมคุณต้องให้นาคถอดด้วย”
สายตาเย็นชาปรายมองทางเธอ “ฉันไม่ชอบกลิ่นผู้ชายคนอื่น”
กลิ่น ผู้ชายคนอื่น? หมายถึงพี่ภูของเธอ
นาราอยากจะบ้าตาย ทำไมเขาต้องเอาแต่ใจขนาดนี้ แต่เพราะเธอไม่อยากชวนทะเลาะ หญิงสาวจึงปลดกระดุมเสื้อลายสก็อตของเธอออก รวมถึงกางเกงวอร์มขายาว
ร่างอวบอิ่มเหลือเพียงชุดชั้นในตัวจิ๋ว แวบหนึ่งที่นารารู้สึกใจเต้น เมื่อสิงหราชตวัดมองทางเธอ เขาหันไปทางอื่นเพียงเวลาอันรวดเร็ว
นาราหน้าแดง ก่อนเคลื่อนกายไปนั่งบนขอบอ่าง หญิงสาวหยิบสบู่ขึ้นมาบีบใส่มือ ก่อนค่อยๆละเลงมันลงบนตัวคนกำยำ
ภายในห้องน้ำเงียบงัน กลิ่นหอมอ่อนๆของฟองสบู่ลอยมาเตะจมูก ดวงตากลมโตไล่มองแผ่นหลังกว้างจากเบื้อง
หลัง
เขาคงเหนื่อยมาก
นาราคิดแบบนั้นเพราะในไร่นี้ สิงหราชเป็นคนคุมงานคนเดียว
สาวิตว์ มีลูกชายอยู่สี่คน ลูกสาวคนโตเป็นผู้หญิงชื่อนารี ตอนนี้เธอไปอยู่ที่ต่างประเทศนานๆกลับมาที คนรองก็คือสิงหราช ชายหนุ่มอายุ สามสิบห้าปี เป็นคนที่เอาแต่ใจและดุมากๆในสายตาเธอ ถึงเขาจะหล่อจนคนงานในไร่ต่างพากันหลงใหล แต่เชื่อเถอะ ไม่มีผู้หญิงคนไหนกล้าเข้าใกล้เลยสักคน นอกซะจากผู้หญิงใจกล้า ยั่วยวนเขาอย่างหน้าไม่อาย
คนที่สามคือเหนือเมฆ อายุสามสิบสองปี ชายหนุ่มเป็นผู้ควบคุมกิจการส่งออกของธรภูมิ บริษัทของครอบครัวที่ตั้งอยู่ที่ชลบุรี ซึ่งนานๆทีเขาจะกลับมา
คนที่สี่คิมหันต์ เขาเป็นฝาแฝดกับธันวา ทั้งสองอายุสามสิบเอ็ดปีมีหน้าที่ดูแลกิจการที่กรุงเทพ นานครั้งกลับมาอีกเช่นกัน
คนในครอบครัวนี้ นารามีโอกาสเห็นเพียงหนึ่งครั้งในหนึ่งปี ตอนที่เกือบทั้งหมดกลับมาวันครบรอบการตายของพ่อ และ บางคนก็ไม่เคยเห็นเลย ใช่ บิดาและมารดาของสิงหราชเสียชีวิตกันหมดแล้ว และไร่นี้เขาเป็นคนคุมหมดเลยทั้งหมด
ไม่แปลกที่จะเหนื่อย
แต่น่าแปลกที่เขาไม่แต่งงานสักที เธอทำงานอยู่ที่นี่สองปี เห็นสิงหราชควงผู้หญิงอยู่แค่สองครั้ง ส่วนรายละเอียดเธอไม่รู้ เพราะไม่อยากรู้
มือนุ่มนวดไปที่บ่ากว้าง เป็นหน้าที่ของเธอที่ต้องทำให้เขาผ่อนคลาย ทว่าต่อมากลับต้องกรีดร้องเพราะเขาดึงเธอเข้าไปในอ่างเดียวกัน
ฟองสบู่แตกกระจายเป็นวงกว้าง นารามองคนที่กำลังโอบรอบเอวบางตาโต ทุกอย่างมันเร็วไปหมด เร็วจนใจหายใจคว่ำ
“เหนื่อย” ร่างสูงเอ่ยออกมา นารามองซ้ายมองขวายิ่งเขากอดเธอแน่น ลูบไล้ไปทั่วตัวหญิงสาวยิ่งรู้สึกขนลุกขนชัน
“แต่นาคต้องทำงานตอนบ่ายนะคะ” รู้ว่าเขาหมายความว่ายังไง เพราะสิงหราชกำลังบอกเธอให้ปรนนิบัติเขาแบบที่เคยทำ
“ไปสายก็ได้ฉันไม่ว่าหรอก” มือหนานวดคลึงปลายคางเล็ก นาราใจกระตุกวูบ เธอมีเหตุผลที่ไม่อยากไปทำงานสาย เพราะคนอื่นจะมองว่าเธอได้รับสิทธิพิเศษ พร้อมกับถูกนินทาให้ได้ยิน เธอโดนว่าว่าเป็นผู้หญิงขัดดอกของสิงหราช ปล่อยร่างกายให้นายหัวของไร่เชยชม แต่ความจริงแล้วเขาเป็นคนบังคับเธอทั้งนั้น
“อื้อ” พอปฏิเสธไม่ได้นิ้วแข็งแกร่งก็ดึงใบหน้าของเธอเข้าไปใกล้ ริมฝีปากของคนใต้ร่างที่โอบรัดเธอ รุกรานริมฝีปากเล็กดูดเม้ม สอดลิ้นเข้ามาพัวพันแทบหลอมละลายเป็นหนึ่งเดียว
“อะ” ร่างน้อยกระตุกยามฝ่ามือหนาเลื่อนขึ้นมายังทรวงอกอวบอิ่ม สิงหราชบีบเคล้นมันหนักสลับเบา เกิดความเสียวซ่านแผ่ไปทั่วสรรพางค์
“ซี๊ด เธอสวยมาก” ชายหนุ่มครางออกมา น่าแปลกที่เขาบอกเธอแบบนั้นทุกครั้งในตอนที่ทำอะไรกัน ทว่าตอนอยู่ข้างนอกกลับเย็นชา ดุดัน โหดร้ายราวกับเป็นคนละคน
นารารีบเกาะไหล่หนาไม่ปล่อย เมื่อร่างกายถูกอุ้มขึ้นมาจากน้ำ สิงหราชวางเธอบนอ่างล้างหน้า ก่อนที่กายหนาจะเข้ามาชิด บดเบียดเสียดสีจนผิวเนื้อติดกัน
ร่างกายที่โดนเขาสัมผัสร้อน ใจกลางร่างของนาราปวดหนึบปะทุความต้องการออกมาอย่างเต็มเปี่ยม ไม่ต่างจากร่างสูงที่พร้อมสาดอาวุธสำคัญเต็มที
“อยู่นิ่งๆ” เขาสั่ง ริมฝีปากฝั่งลงบนซอกคอเธอ นาราได้แต่ขยุ้มผมดกดำ เงยหน้าขึ้นด้านบน ปลายเล็บจิกเกร็งบนพื้นหินอ่อนจนเจ็บ แล้วเวลานั้นเองที่มือใหญ่จับมือของเธอออกมา
“อย่าทำ เดี๋ยวเลือดออก” ความร้อนวูบแผ่ไปทั่วดวงหน้าเพราะสิงหราชจับมือเธอขึ้นไปจูบ ปฏิเสธไม่ได้ว่าหลงใหลความอ่อนโยนที่เขามีให้เหลือเกิน จนบางครั้งนาราหวังสูงว่าเขาจะทำแบบเดียวกันเวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่น แต่เธอคงหวังมากเกินไปเพราะไม่มีวันเป็นจริง
ด้วยสถานะแบบเธอ นาราคงเป็นได้แค่นางบำเรอเท่านั้น
หลังจากลงมาจากเรือนใหญ่ หญิงสาวก็ตรงดิ่งเข้ามาในบ้านพักของตัวเอง ความปวดหนึบตรงข้างขมับทำให้ต้องเปลี่ยนจากสถานที่ในไร่มาเป็นนอนบนเตียงแทน นาราหลับตาลง เธอขอพักผ่อนนิดหน่อยแล้วค่อยไป อย่างน้อยก็ขอหลีกหนีจากเรื่องราวทั้งหมดเพียงชั่วครู่ก็ยังดี ภายในห้องที่เงียบเชียบไม่มีสิ่งใดเคลื่อนไหวนั้น มือหนาไขประตูเข้ามา พอเปิดเข้าไปในห้องขนาดเล็กได้ ก็จัดการลงกลอนด้วยความรวดเร็ว ฝีเท้าหนักๆย่างเข้าไปหาคนตัวเล็กที่อยู่บนเตียง ก่อนจะทิ้งตัวลงไปกอดหญิงสาว ตามด้วยประทับจูบลงบนหน้าผากมน ความรู้สึกถูกรัดปลุกนาราขึ้นมา แล้วเธอก็ต้องตกใจเพราะคนที่กำลังกอดเธออยู่นั้นคือสิงหราช นายหัวใหญ่ของไร่แห่งนี้ “ตกใจอะไร นึกว่าฉันเป็นคนในฝันของเธอรึไง” มือหนาบีบปลายคางเล็ก นาราเจ็บแปลบไปทั่วสันกราม เขายังเป็นแบบนี้เสมอ ใช้กำลังบังคับเธอ “แล้วทำไม ทำไมฉันจะตกใจไม่ได้ คุณไม่ได้เป็นคนที่ฉันอยากเจอนี่จะผิดหวังก็คงไม่แปลก” ตอกคืนอย่างไม่ยอมแพ้เช่นกัน เตรียมพร้อมกวาดมองรอบๆห้องเพื่อหาอาวุธมาทำร้ายเขา ไม่รู้ทำไมว่าต้องโกรธขนาดนี้เหมือนกัน แต่เมื่อนึกถึงภาพของเขาอยู่กับผู้หญิง
หลังจากลงมาจากเรือนใหญ่ หญิงสาวก็ตรงดิ่งเข้ามาในบ้านพักของตัวเอง ความปวดหนึบตรงข้างขมับทำให้ต้องเปลี่ยนจากสถานที่ในไร่มาเป็นนอนบนเตียงแทน นาราหลับตาลง เธอขอพักผ่อนนิดหน่อยแล้วค่อยไป อย่างน้อยก็ขอหลีกหนีจากเรื่องราวทั้งหมดเพียงชั่วครู่ก็ยังดี ภายในห้องที่เงียบเชียบไม่มีสิ่งใดเคลื่อนไหวนั้น มือหนาไขประตูเข้ามา พอเปิดเข้าไปในห้องขนาดเล็กได้ ก็จัดการลงกลอนด้วยความรวดเร็ว ฝีเท้าหนักๆย่างเข้าไปหาคนตัวเล็กที่อยู่บนเตียง ก่อนจะทิ้งตัวลงไปกอดหญิงสาว ตามด้วยประทับจูบลงบนหน้าผากมน ความรู้สึกถูกรัดปลุกนาราขึ้นมา แล้วเธอก็ต้องตกใจเพราะคนที่กำลังกอดเธออยู่นั้นคือสิงหราช นายหัวใหญ่ของไร่แห่งนี้ “ตกใจอะไร นึกว่าฉันเป็นคนในฝันของเธอรึไง” มือหนาบีบปลายคางเล็ก นาราเจ็บแปลบไปทั่วสันกราม เขายังเป็นแบบนี้เสมอ ใช้กำลังบังคับเธอ “แล้วทำไม ทำไมฉันจะตกใจไม่ได้ คุณไม่ได้เป็นคนที่ฉันอยากเจอนี่จะผิดหวังก็คงไม่แปลก” ตอกคืนอย่างไม่ยอมแพ้เช่นกัน เตรียมพร้อมกวาดมองรอบๆห้องเพื่อหาอาวุธมาทำร้ายเขา ไม่รู้ทำไมว่าต้องโกรธขนาดนี้เหมือนกัน แต่เมื่อนึกถึงภาพของเขาอยู่กับผู้หญิง
“เป็นอะไรมั้ยนาค” นงรักตบบ่าเด็กสาว เธอเห็นว่านาราน้ำตาซึมออกมา หญิงวัยกลางคนเข้าใจว่าท่าทางเย็นชาของนายหัวของไร่คงทำร้ายจิตใจหญิงรุ่นลูกของเธอไม่น้อย แล้วนาราก็ตัวนิดเดียวกลับต้องแบกรับความรู้สึกทั้งหมดไว้เพียงลำพัง โดนกลั่นแกล้งในไร่ก็เกินพอแล้ว “นาคไม่เป็นไรค่ะ” นาราพยายามส่ายหัวบอกตัวเองว่าไม่เป็นอะไร เรื่องแค่นี้เล็กน้อยสำหรับเธอ แต่จะทำได้มั้ยนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง “แล้วนี่เราไปโดนอะไรมา” มือเหี่ยวย่นจับรอยแดงช้ำที่มีเลือดซึมน้อยๆบนปากนารา หญิงวัยกลางคนรู้สึกเจ็บแทน อยากถามตั้งนานแล้ว แต่ต่อหน้าเจ้านายคงไม่สะดวก “มีเรื่องมาค่ะ หนูเป็นคนหาเรื่องพวกเขาเอง” “กับใคร! กับพวกอีผินเหรอ” นงรักเบิกตาโต เธอไม่เชื่อว่านาราจะเป็นคนหาเรื่องพวกนั้นก่อน เธออยู่ที่นี่มานานทำไมจะไม่รู้ว่าเด็กพวกนั้นนิสัยเป็นยังไง ทำตัวเบ่งไปเรื่อย มักกดคนที่อ่อนแอกว่า ถ้าจะบอกว่าเด็กสาวคนนี้ไปหาเรื่องก่อน ไม่เป็นความจริงอย่างแน่นอน “มันมาหาเรื่องหนูก่อนใช่มั้ย อีพวกนี้มันนิสัยไม่ดี ชอบด่าคนอื่นไปทั่ว เดี๋ยวป้าไปบอกนายหัวให้ ว่าพวกนี้เป็นยังไ
หลังจากลงมาจากเรือนใหญ่ หญิงสาวก็ตรงดิ่งเข้ามาในบ้านพักของตัวเอง ความปวดหนึบตรงข้างขมับทำให้ต้องเปลี่ยนจากสถานที่ในไร่มาเป็นนอนบนเตียงแทน นาราหลับตาลง เธอขอพักผ่อนนิดหน่อยแล้วค่อยไป อย่างน้อยก็ขอหลีกหนีจากเรื่องราวทั้งหมดเพียงชั่วครู่ก็ยังดี ภายในห้องที่เงียบเชียบไม่มีสิ่งใดเคลื่อนไหวนั้น มือหนาไขประตูเข้ามา พอเปิดเข้าไปในห้องขนาดเล็กได้ ก็จัดการลงกลอนด้วยความรวดเร็ว ฝีเท้าหนักๆย่างเข้าไปหาคนตัวเล็กที่อยู่บนเตียง ก่อนจะทิ้งตัวลงไปกอดหญิงสาว ตามด้วยประทับจูบลงบนหน้าผากมน ความรู้สึกถูกรัดปลุกนาราขึ้นมา แล้วเธอก็ต้องตกใจเพราะคนที่กำลังกอดเธออยู่นั้นคือสิงหราช นายหัวใหญ่ของไร่แห่งนี้ “ตกใจอะไร นึกว่าฉันเป็นคนในฝันของเธอรึไง” มือหนาบีบปลายคางเล็ก นาราเจ็บแปลบไปทั่วสันกราม เขายังเป็นแบบนี้เสมอ ใช้กำลังบังคับเธอ “แล้วทำไม ทำไมฉันจะตกใจไม่ได้ คุณไม่ได้เป็นคนที่ฉันอยากเจอนี่จะผิดหวังก็คงไม่แปลก” ตอกคืนอย่างไม่ยอมแพ้เช่นกัน เตรียมพร้อมกวาดมองรอบๆห้องเพื่อหาอาวุธมาทำร้ายเขา ไม่รู้ทำไมว่าต้องโกรธขนาดนี้เหมือนกัน แต่เมื่อนึกถึงภาพของเขาอยู่กับผู้หญิง
“เป็นอะไรมั้ยนาค” นงรักตบบ่าเด็กสาว เธอเห็นว่านาราน้ำตาซึมออกมา หญิงวัยกลางคนเข้าใจว่าท่าทางเย็นชาของนายหัวของไร่คงทำร้ายจิตใจหญิงรุ่นลูกของเธอไม่น้อย แล้วนาราก็ตัวนิดเดียวกลับต้องแบกรับความรู้สึกทั้งหมดไว้เพียงลำพัง โดนกลั่นแกล้งในไร่ก็เกินพอแล้ว “นาคไม่เป็นไรค่ะ” นาราพยายามส่ายหัวบอกตัวเองว่าไม่เป็นอะไร เรื่องแค่นี้เล็กน้อยสำหรับเธอ แต่จะทำได้มั้ยนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง “แล้วนี่เราไปโดนอะไรมา” มือเหี่ยวย่นจับรอยแดงช้ำที่มีเลือดซึมน้อยๆบนปากนารา หญิงวัยกลางคนรู้สึกเจ็บแทน อยากถามตั้งนานแล้ว แต่ต่อหน้าเจ้านายคงไม่สะดวก “มีเรื่องมาค่ะ หนูเป็นคนหาเรื่องพวกเขาเอง” “กับใคร! กับพวกอีผินเหรอ” นงรักเบิกตาโต เธอไม่เชื่อว่านาราจะเป็นคนหาเรื่องพวกนั้นก่อน เธออยู่ที่นี่มานานทำไมจะไม่รู้ว่าเด็กพวกนั้นนิสัยเป็นยังไง ทำตัวเบ่งไปเรื่อย มักกดคนที่อ่อนแอกว่า ถ้าจะบอกว่าเด็กสาวคนนี้ไปหาเรื่องก่อน ไม่เป็นความจริงอย่างแน่นอน “มันมาหาเรื่องหนูก่อนใช่มั้ย อีพวกนี้มันนิสัยไม่ดี ชอบด่าคนอื่นไปทั่ว เดี๋ยวป้าไปบอกนายหัวให้ ว่าพวกนี้เป็นยังไง” นงรักจะเด
ปัง! เสียงปืนดังทั่วบริเวณ ทั้งห้าคนที่กำลังนัวเนียกันด้วยฝ่ามือหยุดชะงัก ทั้งหมดแยกออกจากกันราวกับผึ้งแตกรัง ก่อนมายืนหอบหายใจเหนื่อย ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง “ฉันไม่เคยสอนให้คนงานทะเลาะกัน อยากโดนไล่ออกใช่มั้ย” สิงหราชกราดมองหญิงสาวทุกคน เขาไม่ไว้หน้าใครไม่ว่าคนนั้นจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย เมื่อคนคนนั้นทำผิดสมควรได้รับการลงโทษ “แต่นายคะ นารามาหาเรื่องพวกเราก่อน เราแค่คุยกันเฉยๆ พวกเรายังไม่ได้ทำอะไรเลย” ผินรีบฟ้อง ก็จริงนาราเดินเข้ามาถามพวกเธอก่อนจริงๆ ถึงมะลิจะเป็นคนลงไม้ลงมือก่อน แต่ถ้านารายอมคงไม่มีเรื่องตั้งแต่แรก “ไม่ต้องพูด ฉันไม่ได้ขอความคิดเห็น” สิงหราชไม่สนใจ ไม่ว่าใครก่อเรื่องในไร่นี้ เขาจะไม่มีการละเว้นทั้งนั้น ตาคมมองไปที่นารานึกโกรธที่หญิงสาวถึงขั้นลงไม้ลงมือกับคนอื่นก่อน เขารู้ดีว่าเธอเป็นคนใจเย็นเสมอ นายหัวหันมองผู้หญิงทั้งสี่คนที่นอกเหนือจากนารา สั่งเสียงทรงอำนาจ “ไปทำงานท้ายไร่ ถ้าไม่ค่ำไม่ต้องกลับมา แล้วฉันจะหักเงินเดือนสิบห้าเปอร์เซ็นต์ ไม่มีข้อแม้” ชะอม ผิน และมะลิต่างหันหน้ามองกันด้วยความหน้าเสี
“ไม่ใช่ ฉันแค่ร้อน คนเราจะจับกันแบบนี้ไปทุกที่ได้ไง” หญิงสาวงอแง “แต่ฉันจับได้ เธอเชื่อมั้ย” สิงหราชหันมา เพียงได้สบตากับเขาก็ทำใจนาราใจสั่นอย่างรวดเร็ว เธอพยายามไม่สนใจ เมินเฉยประโยคชวนให้อึกอักแบบนั้น เขาคงอยากล้อกัน เพราะอยากแกล้งเธอทีหลัง “ไม่เชื่อ ปล่อยมือฉันได้แล้ว” เชื่อไม่ได้เด็ดขาด โห คำพูดของนาราหยุดไป เมื่อขึ้นมาถึงบนเขา มองลงไปด้านล่าง พระอาทิตย์ดวงใหญ่กำลังจะตกดิน แสงสีส้มสาดไปทั่วบริเวณ รวมถึงท้องฟ้าที่เคยเป็นสีครามบัดนี้ผสมสีเข้าด้วยกันอย่างน่าสะดุดตา วินาทีนั้นนารามองไปยังคนข้างๆที่ยืนอยู่ข้างเธอ เขาจับมือเธอแน่น ไม่รู้ว่าเป็นความตั้งใจหรือบังเอิญที่พามาดูวิวสวยแบบนี้ แต่การมากับเขานี่มัน.... ชายหนุ่มกุมมือเธออยู่แบบนั้น ไม่มีใครพูดอะไร กระทั่งพระอาทิตย์ตกดิน นาราตื่นเช้ามาด้วยใจที่สดใส เมื่อคืนดีหน่อยที่นายหัวของไร่ไม่รังแกเธออย่างที่แล้วๆมา แรงคงไม่มีถ้าเขาจะทำแบบนั้น พอนึกถึงเจ้าของใบหน้าคมคาย ใบหน้าเธอก็ต้องร้อนวูบวาบขึ้นมา ภาพตอนที่เขาจับมือเธอมองพระอาทิตย์ หญิงสาวยิ่งรู้สึก...ช่า
สิงหราชพาเธอมายังรถกระบะเก่าแก่ที่จะพังแลมิพังแลของไร่ เขาขึ้นไปด้านบน ก่อนเป็นเธอขึ้นไปตาม เพียงนาราหย่อนก้นลงบนเบาะ ร่างสูงก็โยนแฟ้มแข็งๆมาทางเธอ นาราก้มลงมองพบว่ามันเป็นแผนที่ไร่คร่าวๆ เป็นสิ่งที่น่าประหลาดใจที่สุดที่ภายนอกสิงหราชดูนักเลงและใช้แต่อารมณ์ แต่ในความเป็นจริงแล้วเขาเป็นคนละเอียด รอบคอบ แถมยังขยันอย่างไม่น่าเชื่อ นายสิงของทุกคนมักลงหน้างานเองทุกวัน คอยตรวจตราดูความเป็นไปของไร่อยู่เสมอ เธอมาอยู่ที่นี่เข้าปีที่สองแล้ว ธรภูมิไม่หยุดเติบโตเลย มันยังเป็นพื้นที่ช่วยเหลือให้ชาวบ้านมีงานทำทุกปี “เราจะไปไหนกันเหรอคะ” นาราเอ่ยถามตอนที่คนข้างกายสตาร์ทรถ เธอมองซ้ายมองขวาพบว่าสิงหราชไม่เอาใครไปด้วยเลย เอาแค่เธอไปด้วยเนี่ยนะ แล้วนาราจะช่วยอะไรได้ “ที่ขุดใหม่” เขาตอบพลางมองกระจกหลังหักพวงมาลัย รถเคลื่อนไปยังเส้นทางพื้นดินขรุขระ เนื่องจากไร่แห่งนี้อยู่ติดกับภูเขา เป็นเนินลงไป ธรรมชาติโดยรอบจึงเป็นอะไรที่สวยงามมาก นารามองลงไปยังใต้ถนนที่เป็นที่ลุ่ม มองเห็นหลังคาหมู่บ้านเล็กๆบนดอย หญิงสาวระบายยิ้มออกมา สูดเอาอากาศบริสุทธิ์เข้าปอด
แม้แต่ในความฝันคำพูดเหล่านั้นยังตามมาหลอกหลอนเธอ นาราตื่นมาน้ำตานอง หลังมือน้อยเช็ดน้ำตาตัวเอง เธอสัญญากับตนว่าจะไม่ร้องไห้กับเรื่องพรรคนี้อีกแล้ว ก็แค่ปากคน ใครจะพูดอะไรก็ได้ ไม่ควรที่เธอจะเก็บนำมาใส่ใจ หญิงสาวเดินออกมาจากห้อง ตัดสินใจแล้วว่าจะเข้าไปทำกับข้าวช่วยแม่สักหน่อย ทว่าพอเดินเข้ามาในครัว กลับได้ยินเสียงรถเคลื่อนเข้ามาในบ้าน บ้านของเธอยังไม่ปิดประตู ร่างบางเดินออกไปดู แล้วเธอก็ต้องตกใจเมื่อเห็นนายหัวของธรภูมิเดินย่างสามขุมเข้ามาอย่างไม่เกรงกลัวตรงมาหานาราที่กำลังยืนค้างอยู่ “ใครบอกให้เธอกลับบ้าน” เขาคว้าแขนเธอ บีบมันจนแน่น นาราเจ็บไปทั้งแขน เธอได้แต่จับมือใหญ่ไว้ “นาคเจ็บ! นี่คุณจะทำอะไร” “ใครสั่งให้เธอมา” เขาเอ่ยเสียงไม่พอใจใส่ ซึ่งนาราก็โกรธเช่นเดียวกัน “ฉันจะกลับบ้านมันจะทำไม พรุ่งนี้ก็จะกลับไปทำงานเหมือนเดิมแล้ว ทำไมคุณต้องว่าด้วย” “แต่ฉันไม่อนุญาต กลับไร่เดี๋ยวนี้!” “ไม่ ปล่อย!” นารายื้อแขนตัวเองไว้ ไม่ยอมไปกับเขา ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องลากเธอกลับไปด้วย กลับไปแล้