[มาหาฉันที่บ้าน] นาราหรือนาคถอนหายใจหลังจากได้ยินประโยคนั้น เธอลุกจากแปลงผัก ปาดเหงื่อบนหน้าผากออก ก่อนจะปั่นจักรยานออกมาจากแปลงดินขนาดสิบไร่
ที่นี่คือไร่ธรภูมิ ที่ดินแปลงเกษตรเกือบห้าพันไร่ เป็นของตระกูล ธรภูมิ ตระกูลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในแถบนี้ และ ใช่ ตอนนี้นาราเป็นลูกหนี้ของครอบครัวนี้อยู่ และใช่ อีกนั่นแหละว่าเธอเป็นลูกหนี้ขัดดอก ใช้หนี้ยังไงก็ไม่หมดสักที
ช่างเถอะ เรื่องนี้เธอจะมาเล่าให้ฟังทีหลัง เพราะตอนนี้ต้องไปหาใครคนหนึ่งก่อน
พอพาหนะคู่ใจพามาถึงบ้านเรือนไทยขนาดใหญ่ ที่รอบข้างปกคลุมไปด้วยต้นไม้ ดอกไม้ประดับ ร่มรื่นและเย็นสบาย นาราก็ขึ้นไปบนบ้าน เข้าไปในห้องริมฝั่งซ้ายสุด
“ทำไมช้า” ชายที่นั่งอยู่บนเตียงมองเธอด้วยใบหน้าเรียบตึง นาราถอนหายใจออกมาอีกครั้ง
“ก็ฉันถอนหญ้าในแปลงผักอยู่ เพิ่งเห็นข้อความค่ะ” จริงๆนะ เธอไม่ได้สนใจมือถือเลย
“เหรอ” ทว่าสิงหราช หรือนายหัวสิงที่ทุกคนในไร่ต่างเกรงกลัวกลับแสยะยิ้ม ร่างดูดีสมส่วนย่างสามขุมมาหาเธอ เพียงชั่วอึดใจเขาก็อยู่ตรงหน้านาราเสียแล้ว คนตัวเล็กสั่นไปทั้งตัว
“แล้วไอ้ปลัดน่าโง่นั่นโผล่มาจากไหนกัน”
“คุณ!” นาราหน้าแดง เธอโกรธ ทำไมเขาต้องเอาแต่ว่าพี่ชายเธอแบบนั้นด้วย ถึงภูริจะเป็นพี่ชายที่มหาลัยของเธอ แต่นาราไม่ชอบอยู่ดี อีกอย่างไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องเป็นแบบนี้ทุกที
“ฉันบอกแล้วว่าพี่ภูเป็นพี่ชายของฉัน เขาแค่มาหา ทำไมต้องว่าเขาด้วย”
“แล้วใครใช้ให้มันมา นี่ไร่ของฉันไม่ใช่ของเธอ อีกอย่างลืมแล้วเหรอว่าเธอเป็นใคร” สิงหราชตะคอกนาราเจ็บแปล๊บในใจ ใช่ เธอเป็นแค่ลูกหนี้เขาเท่านั้น แล้วหนี้มหาศาลมากมายไม่รู้กี่ชาติจะใช้หมด
ครอบครัวของเธอเคยมีฐานะพอปานกลางทว่ามีปัญหาภายในครอบครัว เลยทำให้แม่ตัดสินใจเอาที่ดินมาจำนองกับเจ้าของไร่ธรภูมิคนเก่าซึ่งเป็นพ่อของสิงหราชเพื่อนำมาใช้หนี้ แต่แล้วไม่มีเงินมาไถ่คืน ด้วยความกลัวเสียที่ดินไปและไม่มีที่อยู่อาศัยทำให้ต้องใช้หนี้ทั้งหมดเพื่อความอยู่รอด
ในตอนแรกนาราก็ไม่อยากทำ แต่เมื่อเห็นแม่ของเธอร้องไห้จนสลบไปหลายวัน สุดท้ายลูกคนที่เหลืออย่างเธอนอกเหนือจากพี่ชายที่ติดทหาร ต้องมารับกรรมกันไป
ใช่ ไม่เพียงแต่ใช้แรงงานเท่านั้น หน้าที่ที่ทำอยู่ยังรวมถึงการเป็นนางบำเรอบนเตียงด้วย
“ฉันอยากอาบน้ำ มาอาบให้ด้วย” เมื่อเห็นเธอนิ่งไปเขาจึงเอ่ย รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจกับโชคชะตาของตน สิงหาราชก็ขึ้นเสียง เดินหันหลังนำเธอไปยังห้องน้ำที่อยู่ในห้อง
ร่างบางถอนหายใจ ทว่าสุดท้ายต้องยอมจำใจไปอยู่ดี
เมื่อมาถึงเห็นว่าเจ้าของไร่ธรภูมิ หรือลูกชายคนรองของที่นี่เปลื้องผ้า เดินลงไปในอ่างอาบน้ำที่มีน้ำเต็มอยู่แล้ว หญิงสาววัยยี่สิบห้าปีหลับตาลง เพราะเธอไม่อยากเห็น ทั้งๆที่เห็นมาหลายสิบครั้ง
“ยืนอยู่ทำไม ถอดเสื้อผ้าเธอซะทีหรือให้ฉันถอดให้”
“แต่แค่อาบน้ำ ทำไมคุณต้องให้นาคถอดด้วย”
สายตาเย็นชาปรายมองทางเธอ “ฉันไม่ชอบกลิ่นผู้ชายคนอื่น”
กลิ่น ผู้ชายคนอื่น? หมายถึงพี่ภูของเธอ
นาราอยากจะบ้าตาย ทำไมเขาต้องเอาแต่ใจขนาดนี้ แต่เพราะเธอไม่อยากชวนทะเลาะ หญิงสาวจึงปลดกระดุมเสื้อลายสก็อตของเธอออก รวมถึงกางเกงวอร์มขายาว
ร่างอวบอิ่มเหลือเพียงชุดชั้นในตัวจิ๋ว แวบหนึ่งที่นารารู้สึกใจเต้น เมื่อสิงหราชตวัดมองทางเธอ เขาหันไปทางอื่นเพียงเวลาอันรวดเร็ว
นาราหน้าแดง ก่อนเคลื่อนกายไปนั่งบนขอบอ่าง หญิงสาวหยิบสบู่ขึ้นมาบีบใส่มือ ก่อนค่อยๆละเลงมันลงบนตัวคนกำยำ
ภายในห้องน้ำเงียบงัน กลิ่นหอมอ่อนๆของฟองสบู่ลอยมาเตะจมูก ดวงตากลมโตไล่มองแผ่นหลังกว้างจากเบื้อง
หลัง
เขาคงเหนื่อยมาก
นาราคิดแบบนั้นเพราะในไร่นี้ สิงหราชเป็นคนคุมงานคนเดียว
สาวิตว์ มีลูกชายอยู่สี่คน ลูกสาวคนโตเป็นผู้หญิงชื่อนารี ตอนนี้เธอไปอยู่ที่ต่างประเทศนานๆกลับมาที คนรองก็คือสิงหราช ชายหนุ่มอายุ สามสิบห้าปี เป็นคนที่เอาแต่ใจและดุมากๆในสายตาเธอ ถึงเขาจะหล่อจนคนงานในไร่ต่างพากันหลงใหล แต่เชื่อเถอะ ไม่มีผู้หญิงคนไหนกล้าเข้าใกล้เลยสักคน นอกซะจากผู้หญิงใจกล้า ยั่วยวนเขาอย่างหน้าไม่อาย
คนที่สามคือเหนือเมฆ อายุสามสิบสองปี ชายหนุ่มเป็นผู้ควบคุมกิจการส่งออกของธรภูมิ บริษัทของครอบครัวที่ตั้งอยู่ที่ชลบุรี ซึ่งนานๆทีเขาจะกลับมา
คนที่สี่คิมหันต์ เขาเป็นฝาแฝดกับธันวา ทั้งสองอายุสามสิบเอ็ดปีมีหน้าที่ดูแลกิจการที่กรุงเทพ นานครั้งกลับมาอีกเช่นกัน
คนในครอบครัวนี้ นารามีโอกาสเห็นเพียงหนึ่งครั้งในหนึ่งปี ตอนที่เกือบทั้งหมดกลับมาวันครบรอบการตายของพ่อ และ บางคนก็ไม่เคยเห็นเลย ใช่ บิดาและมารดาของสิงหราชเสียชีวิตกันหมดแล้ว และไร่นี้เขาเป็นคนคุมหมดเลยทั้งหมด
ไม่แปลกที่จะเหนื่อย
แต่น่าแปลกที่เขาไม่แต่งงานสักที เธอทำงานอยู่ที่นี่สองปี เห็นสิงหราชควงผู้หญิงอยู่แค่สองครั้ง ส่วนรายละเอียดเธอไม่รู้ เพราะไม่อยากรู้
มือนุ่มนวดไปที่บ่ากว้าง เป็นหน้าที่ของเธอที่ต้องทำให้เขาผ่อนคลาย ทว่าต่อมากลับต้องกรีดร้องเพราะเขาดึงเธอเข้าไปในอ่างเดียวกัน
ฟองสบู่แตกกระจายเป็นวงกว้าง นารามองคนที่กำลังโอบรอบเอวบางตาโต ทุกอย่างมันเร็วไปหมด เร็วจนใจหายใจคว่ำ
“เหนื่อย” ร่างสูงเอ่ยออกมา นารามองซ้ายมองขวายิ่งเขากอดเธอแน่น ลูบไล้ไปทั่วตัวหญิงสาวยิ่งรู้สึกขนลุกขนชัน
“แต่นาคต้องทำงานตอนบ่ายนะคะ” รู้ว่าเขาหมายความว่ายังไง เพราะสิงหราชกำลังบอกเธอให้ปรนนิบัติเขาแบบที่เคยทำ
“ไปสายก็ได้ฉันไม่ว่าหรอก” มือหนานวดคลึงปลายคางเล็ก นาราใจกระตุกวูบ เธอมีเหตุผลที่ไม่อยากไปทำงานสาย เพราะคนอื่นจะมองว่าเธอได้รับสิทธิพิเศษ พร้อมกับถูกนินทาให้ได้ยิน เธอโดนว่าว่าเป็นผู้หญิงขัดดอกของสิงหราช ปล่อยร่างกายให้นายหัวของไร่เชยชม แต่ความจริงแล้วเขาเป็นคนบังคับเธอทั้งนั้น
“อื้อ” พอปฏิเสธไม่ได้นิ้วแข็งแกร่งก็ดึงใบหน้าของเธอเข้าไปใกล้ ริมฝีปากของคนใต้ร่างที่โอบรัดเธอ รุกรานริมฝีปากเล็กดูดเม้ม สอดลิ้นเข้ามาพัวพันแทบหลอมละลายเป็นหนึ่งเดียว
“อะ” ร่างน้อยกระตุกยามฝ่ามือหนาเลื่อนขึ้นมายังทรวงอกอวบอิ่ม สิงหราชบีบเคล้นมันหนักสลับเบา เกิดความเสียวซ่านแผ่ไปทั่วสรรพางค์
“ซี๊ด เธอสวยมาก” ชายหนุ่มครางออกมา น่าแปลกที่เขาบอกเธอแบบนั้นทุกครั้งในตอนที่ทำอะไรกัน ทว่าตอนอยู่ข้างนอกกลับเย็นชา ดุดัน โหดร้ายราวกับเป็นคนละคน
นารารีบเกาะไหล่หนาไม่ปล่อย เมื่อร่างกายถูกอุ้มขึ้นมาจากน้ำ สิงหราชวางเธอบนอ่างล้างหน้า ก่อนที่กายหนาจะเข้ามาชิด บดเบียดเสียดสีจนผิวเนื้อติดกัน
ร่างกายที่โดนเขาสัมผัสร้อน ใจกลางร่างของนาราปวดหนึบปะทุความต้องการออกมาอย่างเต็มเปี่ยม ไม่ต่างจากร่างสูงที่พร้อมสาดอาวุธสำคัญเต็มที
“อยู่นิ่งๆ” เขาสั่ง ริมฝีปากฝั่งลงบนซอกคอเธอ นาราได้แต่ขยุ้มผมดกดำ เงยหน้าขึ้นด้านบน ปลายเล็บจิกเกร็งบนพื้นหินอ่อนจนเจ็บ แล้วเวลานั้นเองที่มือใหญ่จับมือของเธอออกมา
“อย่าทำ เดี๋ยวเลือดออก” ความร้อนวูบแผ่ไปทั่วดวงหน้าเพราะสิงหราชจับมือเธอขึ้นไปจูบ ปฏิเสธไม่ได้ว่าหลงใหลความอ่อนโยนที่เขามีให้เหลือเกิน จนบางครั้งนาราหวังสูงว่าเขาจะทำแบบเดียวกันเวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่น แต่เธอคงหวังมากเกินไปเพราะไม่มีวันเป็นจริง
ด้วยสถานะแบบเธอ นาราคงเป็นได้แค่นางบำเรอเท่านั้น
นาราเดินขึ้นมาตามเนินเขาเรื่อยๆ แสงของพระอาทิตย์สาดส่องไปทั่วและสายลมที่พัดเอื่อยๆต้องผิวกายพลันทำให้เย็นสดชื่นราวกับได้เกิดใหม่ ปลดระวางความเหนื่อยล้าที่มีมาทั้งวัน หญิงสาวยิ้มร่าเมื่อคิดว่าขึ้นไปบนหน้าผาแล้วจะเจอใครคนหนึ่ง คน...ที่วันนี้คิดถึงเป็นร้อยครั้ง และใช่ เมื่อขึ้นมาก็เห็นเขายืนอยู่ก่อนแล้ว คนตัวเล็กคลี่ยิ้ม ด้านข้างของสิงหราชนั้นช่างดูดีเสียจริง หล่อเหลาราวกับรูปปั้น ไม่รวมผิวสีเข้มที่บ่งบอกว่าผ่านการแตกแดดมานมนาน เสริมให้บุคลิกของคนร่างสูงดูองอาจขึ้นไปอีก เธอไม่อยากเชื่อว่าวันหนึ่งคนคนนี้จะเป็นของเธอ ทว่าเวลานี้เขายืนอยู่ตรงหน้าแล้ว พร้อมกับยิ้มให้เธอด้วยความจริงใจ นาราวิ่งเข้าไปหาแขนที่อ้าออก หลับตาสูดเอากลิ่นหอมๆของชายคนรักเข้าปอด ซึ่งอีกคนก็เช่นเดียวกัน เขาประทับริมฝีปากลงบนกระหม่อมบาง ลอบดมกลิ่นหอมหวานจนชื่นใจ “เหนื่อยมั้ย” เสียงทุ้มทรงเสน่ห์เอ่ยอย่างเป็นห่วง ใครจะคิดว่านาราจะอึดขนาดนี้ ทำสวนไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย บ้ากว่าเขาตอนทำไร่ใหม่ๆอีกมั้ง แล้วคำตอบของเธอทำเขายิ้มออกมาอย่างไม่ยาก “ไม่เหนื่อย
“แต่หนูไม่โกรธยายหรอกค่ะ แต่มาวันนี้ก็เพื่อบอกให้ยายรู้ว่าหนูจะไม่ทนอีกแล้ว ยายต้องรับผิดชอบในส่วนที่ยายทำ ถ้ายังหาเงินมาคืนสามีหนูไม่ได้ แน่นอนว่าบ้านหลังนี้กับที่ดินหนูจะยืดไปให้หมด” “นี่แก๊” ธัญญาหมดความอดทนจริงๆ ไม่คิดว่าหลานตัวเองจะเลวร้ายแบบนี้ เธอรู้ว่าตัวเองผิดที่เห็นแก่ตัวไม่ใช้หนี้ แต่เธอก็เอาเงินของเธอมาดูแลแม่ไง แม่มันไม่ดูแลยายก็ให้มันใช้หนี้ไปสิ ผิดตรงไหน คนเป็นป้าอยากพูดแบบนั้นทว่าพอเห็นสายตาเลือดเย็นของหลานสาว ก็ถึงกลับต้องหุบปากไป เพราะกลัวมันจะเพิ่มหนี้ให้เธอ “หนูมาบอกแค่นี้ล่ะค่ะ ขอตัว” หญิงสาวเดินออกมา เธอแทบจะล้มลงไปกับพื้นทว่าได้สิงหราชประคองตัวไว้ เธอพยักหน้าให้เพื่อบอกเขาว่าไม่เป็นไร ทว่าพอได้ขึ้นมาบนรถ ก็อดกลั้นไม่ไหวร้องไห้ออกมาในที่สุด คนตัวใหญ่ดึงเธอเข้าไปกอด ลูบแผ่นหลังเบาๆ ความอ่อนแอยิ่งถูกกระตุ้นไหลเป็นสาย บางทีโลกเราก็โหดร้ายเกินไป พยายามคิดในแง่บวกไว้ ปกปิดมันด้วยเหตุผลทุกอย่าง ทว่าพอเผชิญหน้ากับความจริงกลับเกินทนจนยากที่จะรับไหว “พี่อยู่นี่ ไม่เป็นไร” สิงหราชปลอบโยนคนต
รถกระบะคันเก่าวิ่งเข้ามาจอดกลางบ้าน ทำให้ธัญญาที่กำลังร้องไห้ราวกับจะขาดใจเงยหน้ามอง จากที่ราวถูกเหยียบย่ำหัวใจไปแล้ว หญิงวัยกลางคนยิ่งแหลกสลายเข้าไปกันใหญ่เมื่อเห็นหลานสาวของตนและผู้มีอิทธิพลในแถบนี้เดินเข้ามา และใช่ ลูกสาวเธอโดนจับก็เพราะพวกมัน “อีนารา! มึงยังเสนอหน้ามาอีกเหรอ” ธัญญาตะโกนดังลั่น ความโกรธเกรี้ยวของเธอทำให้ยายของนาราที่นั่งอยู่ข้างๆธัญญาลูบหลังลูกสาวเบาๆ นาราปรายตามองยายของตน หญิงใจร้ายที่ไม่เคยคิดบอกความจริงกับเธอ ที่ผ่านมาเธอใจดีมาก ทำดีกับยายมาโดยตลอดเพราะหวังว่าสักวันหญิงชราจะเห็นความดีแล้วรักเธอบ้าง ทว่าตอนนี้หญิงสาวได้รู้ว่าสิ่งที่ทำไปมันสูญเปล่า ผู้หญิงคนนี้ไม่เคยรักเธอในฐานะหลานเลย แม้ใจจะปวดหนึบ แต่ก็พยายามเก็บมันไว้ คงเห็นท่าไม่ได้ สิงหราชเลยกุมมือเธอ หญิงสาวส่ายหัวบอกเขาว่าไม่เป็นอะไร ใจเข้มแข็งพอแล้ว และส่วนหนึ่งที่ทำให้เธอเป็นแบบนี้ได้ก็เพราะเขา “ป้าทำเหมือนโกรธหนู แต่หนูมากกว่าที่ต้องโกรธป้า” คนตัวเล็กตอบโต้กลับทันที “โกรธกูเรื่องอะไร!” ตอนนี้ธัญญาไม่วางมาดอะไรอีกแล้ว นังเด็กนี่มัน
“ครับ เมียเอายังไงก็เอา แต่บอกก่อนได้มั้ยว่าจะไม่โกรธกัน” เขากลัวเมียหายไปนะ ถ้าเธอจากเขาไปทั้งไร่ต้องลุกเป็นไฟอย่างแน่นอน พลิกแผ่นดินหาไม่เจอก็จะหาอยู่แบบนั้น นาราหลุบมองคนที่ซุกอยู่บนอก ดวงตาดุๆ พลันทำให้ชายหนุ่มก้มหน้าลง เผลอใช้โอกาสนี้ซุกใบหน้าลงมามากกว่าเดิม นาราอึดอัดจนต้องขยับดิ้น เธอจิ๊ปากทีหนึ่ง “อื้อ!” เสียงอ้อนเอ่ยตามมา “บอกก่อนว่าจะไม่โกรธ” “ไม่” “ทำไมไม่” “ก็โกรธ” “แล้วทำยังไงถึงจะหายโกรธ” “ไม่รู้ ออกไปจากที่นี่มั้ง” วินาทีนั้นอ้อมแขนที่กอดเธออยู่รัดแน่นขึ้น นาราเกือบหายใจไม่ออก ทว่าต้องทำเก๊กเพราะกลัวเขาจะได้ใจ หญิงสาวเลยนิ่งไว้ “ไม่ให้ไป ไปสิ จะขังไว้ที่นี่เลย” ตัวเล็กดวงตาวาวโรจน์ “กล้าเหรอ?” “ไม่กล้า” เสียงหงอยเอ่ย นารานิ่งไป มองคนตัวใหญ่ที่กำลังไซ้หัวลงบนหน้าอกเธอเหมือนเด็ก “งั้นเอาไร่มั้ย เอาไร่ส้มสักร้อยไร่ หรือตรงที่น้องทำ พี่ยกให้หมดเลย” “ยกให้แฟนเก่ากับคุณปราณนารีสิ มาให้ฉันทำไม”
“น้ำ” เสียงแหบแห้งและฝืดเคืองครางออกมา ใช่ ตอนนี้รู้สึกราวกับว่าอยู่ในทะเลทรายอันแสนแห้งแล้งและร้อนผ่าวแผดเผาอยู่ภายใต้พระอาทิตย์ แล้วในตอนนั้นเองที่เปลือกตาสีไข่เปิดขึ้น ฝ้าเพดานที่คุ้นเคยทำหญิงสาวกะพริบตาปริบๆ แรงกอดรัดช่วงตัวทำให้เธอเอี้ยวตัวมองคนที่กอดเธอไว้ สิงหราช นี่เขา พาเธอออกมาจากป่าได้จริงๆ “ตื่นแล้วเหรอ” ร่างสูงตื่นขึ้นมาพอดี เขายิ้มให้เธอ เป็นรอยยิ้มที่ไม่เคยเห็นเลยในชาตินี้ ยิ่งทำให้อึ้งไปกว่านั้นเพราะเขาโน้มหน้าลงมาจูบกระหม่อมกันเอ่ยคำพูดแปลกประหลาด “เมียตื่นแล้วเหรอครับ” ราวกับสติได้หลุดล่องหายไป เมื่อกี้เขาว่ายังไงนะ “คุณว่ายังไงนะ” “เมียตื่นแล้ว อยากได้อะไรมั้ย” แม้จะยังมึนงง ทว่านาราตอบอย่างไม่ลังเล เอาไว้ก่อนเรื่องเขาเรียกเธอว่าเมีย “น้ำ” เพียงเท่านั้นเขาก็ลุกขึ้น พร้อมกับเอามันมาให้เธอ ร่างสูงนั่งลงข้างเตียง ประคองเธอขึ้นนั่ง นาราดื่มน้ำด้วยความกระหาย ก่อนดวงตาจะจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาเหมือนเดิม ไม่รู้ว่าควรรู้สึกยังไง มันผสมปนเปกันไป
“นายหัว!” นงรักตาเบิกกว้างเมื่อเห็นคนสูงใหญ่ผู้น่าเกรงขามในไร่แบกหญิงสาวตัวเล็กไว้บนหลังเดินเข้ามา พอมองสภาพของทั้งสองคนหญิงแม่บ้านก็ต้องตกใจ อะไรกันเนี่ย ทำไมดำไปทั้งตัวแบบนี้ มิหนำซ้ำท่อนขาและเท้าเปลือยเปล่าของสิงหราชยังเต็มไปด้วยบาดแผลราวกับโดนของร้อนจี้มา หรือว่าที่คนงานพูดกันว่าในป่ามีเพลิงไหม้ เกี่ยวข้องกันนายหัวและหญิงสาวตัวเล็กที่ไม่ได้สตินี่เหรอ เกิดอะไรขึ้น ใครบังอาจทำนายหัวเธอ มันเป็นใคร! วินาทีนั้นราวกับนายหัวของไร่เป็นคนบ้าใบ้ สิงหราชไม่พูดอะไร อุ้มนาราขึ้นมาบนบ้าน ดวงตาชายหนุ่มเหม่อลอย และกว่าจะเอ่ยออกมาก็ปาไปหลายนาที “ป้าเรียกหมอให้หน่อยได้มั้ยครับ” เหนื่อยจนเหมือนตายทั้งเป็น แต่ก็ยังอยากเห็นอีกคนไม่เป็นอะไร “โถ่ ได้ค่ะ” นงรักแทบร้องไห้ เธอรีบกุลีกุจอโทรไปเรียกหมอที่เป็นคนสนิทกับครอบครัว แล้วเวลานั้นเองที่ชายอีกคนโผล่มา “พี่สิง” “มึงไม่ใช่น้องกู...” สิงหราชมองไปที่น้องชายของตน ก่อนหน้านั้นเขาพอรู้มาบ้างว่าอะไรเป็นอะไร แต่ไม่คิดว่ามันจะทำแรงขนาดนี้ “มึง