Share

ตามกลับบ้าน

last update Last Updated: 2025-05-07 21:30:44

            ตอนเย็นวันนี้นาราเลือกที่จะกลับบ้าน บ้านที่ห่างจากไร่ธรภูมิประมาณห้าสิบกิโลเมตร เพราะแบบนั้นหลังจากเลิกงานหญิงสาวจึงต้องรีบเก็บสัมภาระ สตาร์ทมอเตอร์ไซค์เพื่อที่จะเดินทาง

            เธอไม่ได้บอกใคร คนงานในไร่บอกว่านายเหนือหัวของที่นี่ขับรถเข้าไปในเมืองแล้ว ซึ่งไร่นี้ห่างจากในตัวเมือง ประมาณ150 กิโล แต่ช่างเถอะ นาราคิดว่าเขาคงไม่มาอะไรกับเธอหรอก ปานนี้คงไปมีอะไรกับสาวธนาคารอย่างที่คนอื่นว่ากันนู่น

            คนตัวเล็กพยายามสูดลมหายใจลึก ไล่เอาใบหน้าของสิงหราชออกไปจากหัว เธอขึ้นคร่อมทับบนเวสป้าที่นำมาจากกรุงเทพด้วย ขับออกจากไร่กว้างใหญ่ไพศาลแห่งนี้เพื่อไปยังบ้านของตัวเอง

            “มาได้ยังไงลูก” ประพาทำหน้าตกใจเมื่อเห็นลูกสาวของตนเดินเข้ามาในบ้าน ไม่เพียงเท่านั้นบิดาของเธอที่นั่งทำเครื่องจักสานอยู่ก็ประหลาดใจมากเหมือนกัน

            บ้านของนาราเป็นบ้านไม้สองชั้น รอบนอกมีรั้วขอบชิด  หมู่บ้านของเธอเป็นหมู่บ้านเล็กๆมีประมาณสองร้อยกว่าครัวเรือน รอบข้างจึงดูสงบ ไม่วุ่นวายมากนัก แต่นาราก็ชอบที่นี่ ชอบมองบ้านของเธอที่อยู่ใกล้ตีนเขา บนนั้นมีลิ้นจี่ที่พ่อปลูกไว้มากมาย และใช่ เธอเกือบเสียมันไปด้วยหนี้สินที่รัดตัว

            แต่ตอนนี้เธอได้มันมา แลกกับศักดิ์ศรีที่เสียไป...

            “หนูอยากมานอนที่นี่น่ะค่ะ สักคืนก็ยังดี” นาราเดินเข้าไปกอดแม่ ใบหน้าซบลงกับหัวไหล่ ปลดปล่อยความเหนื่อยล้าที่มี

            “เหนื่อยมั้ยลูก” ประพาตบบ่าลูกสาว เธอรู้ว่าลูกสาวคนนี้ต้องเสียสละขนาดไหน เสียสละจนแม่อย่างเธอรู้สึกผิด

            “เหนื่อยก็เหนื่อยอยู่หรอกค่ะ แต่ได้กลับมาเห็นหน้าพ่อกับแม่ก็หายเหนื่อยแล้ว” นาราหลับตาลงอีกครั้ง ถึงจะเหนื่อยล้าอย่างที่พูดก็จริง ทว่าพอได้เห็นหน้ามารดาและบิดาของเธอ ความเมื่อยล้าเหล่านั้นก็เหมือนหายเป็นปลิดทิ้ง

            “งั้นตอนเย็นแม่ทำน้ำพริงอ่องให้กินดีมั้ย” นาราพยักหน้าหงึกหงัก เพราะนั่นเป็นอาหารเหนือของโปรดเธอเลย ในความรู้สึกเธอแม่ทำมันอร่อยที่สุด

            “ว่าแต่” ประพาที่กำลังผละออกไปเพื่อไปทำน้ำพริกของโปรดให้ลูกสาว ต้องหันกลับมาเอ่ยอย่างหนึ่ง

            “แล้ว เอ่อ นายหัวว่ายังไงบ้าง ลูกขอเขาแล้วใช่มั้ย” ไม่ใช่ประพาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะคนในหมู่บ้านพูดเรื่องลูกสาวของเธอ มันแพร่สะพัดมาใส่หูประพาเสียเอง ยอมรับว่าตอนแรกเธอทำใจไม่ได้ ร้องไห้สงสารลูกสาว ทว่าเหมือนนาราจะเข้มแข็งกว่าที่คิด เพราะหญิงสาวไม่ปริปากอะไรเลย ทำราวกับเรื่องพวกนั้นเป็นเพียงสายลมที่พัดผ่านไป

            “เกี่ยวอะไรกับเขาล่ะคะ พรุ่งนี้หนูก็กลับไปทำงานตามเดิม เขาจะว่าอะไรหนูได้ล่ะ” นาราย่นคิ้ว พรุ่งนี้เธอไม่ได้จะไปทำงานสายเสียหน่อย

            “แต่เขาไม่ว่าเอาเหรอลูก ลูกบอกคุณเขารึยัง” บอกตามตรงว่าไม่สบายใจ เพราะครั้งนั้นนาราก็มานอนบ้านอย่างนี้ ทว่าไม่นานนายหัวของธรภูมิก็มาลากตัวกลับไป ประพาไม่รู้ว่าลูกสาวเธอกับสิงหราชลึกซึ้งถึงขั้นไหนกัน แต่เธอไม่อยากมีปัญหาอยู่ดี ทว่าเหมือนคนเป็นลูกสาวไม่สนใจเลย

            “แม่คิดว่าหนูจะกลัวรึไง ลองเขากล้าว่าอะไรหนูสิ หนูจะตอกเขากลับไปเลย แม่อย่าพูดถึงคนคนนั้นเลยหนูไม่อยากนึกถึง” ป่านนี้เขาขึ้นสวรรค์ไปถึงไหนแล้ว ทำไมเธอต้องมาคิดให้ขุ่นเคืองใจด้วย

            “จ้ะ” ประพาเห็นลูกหน้านิ่งแบบนั้น เธอก็ไม่มีอะไรกล้าถาม เพราะงั้นหญิงสูงวัยจึงเดินเข้าไปในครัว เพื่อทำของโปรดให้ลูกสาวทาน

            นารากลับมาที่รถ แล้วเธอก็ต้องพบว่าผักที่นงรักเอามาให้นั้นมีมากจนเธอกินไม่หมด เพราะแบบนั้นหญิงสาวจึงตัดสินใจขับรถไปที่บ้านอีกหลังหนึ่งที่ตั้งอยู่หน้าหมู่บ้าน

            มาถึง เท้าภายใต้รองเท้าผ้าใบแตะขาตั้งมอเตอร์ไซค์ขึ้น นารานำผักที่เอามาด้วยมาถือ ก่อนจะเดินเข้าไปในบ้านปูนสองชั้นขนาดใหญ่ของคนมีอันจะกิน

            “ป้าธัญญาสวัสดีค่ะ” หญิงสาวยกมือไหว้พี่สาวแม่เธอ ธัญญาเป็นสาธารณสุขโรงพยาบาลประจำตำบลหมู่บ้านนี้ หญิงสาวเป็นป้าแท้ๆของเธอ

            ยายของนารามีลูกอยู่ห้าคน คนโตเป็นผู้ชายนามว่าพงศักดิ์ มีอาชีพเป็นนายตำรวจที่ประจำอยู่สถานีอำเภอบ้านไร่ อีกคนคือนางรอง ลูกสาวที่แต่งงานไปอยู่กินกับสามีชาวต่างชาติและย้ายไปอยู่กรุงเทพตั้งแต่อายุยี่สิบปี และคนนี้ป้าธัญญาทำงานอยู่ที่บ้าน ต่อมาคือชวนชมป้าอีกคนของเธอที่ตอนนี้เปิดร้านเสริมสวยอยู่ในเมือง และคนสุดท้องประพา แม่เธอเองมีอาชีพทำไร่ทำสวนและขายของประกอบกันไปด้วย

            “ว่าไงจ๊ะ ไปทำงานในไร่สนุกหรือเปล่า ได้เงินมาเท่าไหร่ล่ะ อ้อ ลืมไป ไปใช้หนี้เขานี่”

            นาราถอนหายใจ เพราะมาทีไรก็เจอแต่ประโยคประมาณนี้จากผู้เป็นป้าทุกที ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมผู้ใหญ่ต้องคอยถามถึงหน้าที่การงานตลอดเวลา จากนั้นก็จะกัดแซะไปเรื่อยตามระเบียบ มีน้อยมากที่จะให้กำลังใจ

            “พี่เหมียวไม่อยู่เหรอคะ” นาราไม่ตอบแต่ถามถึงลูกสาวของธัญญาที่ทำงานเป็นข้าราชการในจังหวัดแทน หญิงวัยป้าฟึดฟัดเล็กน้อยแต่ก็ยอมตอบ

            “ยัยเหมียวไปงานวันเกิดเพื่อนจ้ะ เห็นบอกว่าเขาเปิดร้านอาหารในเมืองเลยเลี้ยง ยัยเหมียวเขามีสังคม เขาไม่ชอบอยู่บ้านหรอก นี่ก็มีหนุ่มมาจีบตั้งเยอะนะ คนหนึ่งเป็นถึงผอโรงเรียน คนหนึ่งก็เป็นนายตำรวจ มันไม่รู้จะเลือกใคร บอกว่าอยากอยู่แบบโสดๆไปก่อน สวยมีงานทำก็แบบนี้แหละเลือกได้”

            นารากลอกตามองบนเล็กน้อย ไม่เข้าใจทำไมเอาแต่พูดให้เธอฟัง แต่เอาเถอะ นาราไม่สนใจมากนัก เพราะพวกผู้ใหญ่ก็มักอวดไปตามระเบียบ ถึงเธอจะคิดว่าไม่มีอะไรสร้างสรรค์ให้พูดนอกจากเรื่องนี้เลยเหรอ

            “เลือกสักคนก็ดีนะคะ พี่เหมียวก็จะสามสิบแล้ว สวยขนาดนั้นถ้าไม่มีใครคงเหงาแย่” แกล้งๆพูดไปงั้น นาราเดินเข้าไปในบ้าน มายืนอยู่ตรงหน้าคนที่ตอนนี้อายุย่างเข้าเก้าสิบปี

            “คุณยาย สวัสดีค่ะ” นั่งพับเพียงตรงหน้าหญิงชราร่างผอมเพรียว ยังเหมือนเดิมที่เห็นเธอ ยายมักจะแสดงความเย็นชาเล็กน้อยออกมาเสมอ อาจเป็นเพราะเรื่องราวบาดหมางในอดีตที่เธอไม่รู้รายละเอียดทำให้ย่ากระทำต่อเธอไม่เหมือนหลานคนอื่น โดยเนื้อแท้แล้วนาราไม่ค่อยสนใจใครทั้งนั้น แต่กับยายแม่บอกให้ดีกับท่านไว้

            “หนูเอาผักมาให้ เดี๋ยวเอาไปไว้ในครัวให้นะคะ” นาราลุกขึ้นเอามันไปเก็บ ก่อนจะมานั่งอยู่ใกล้ผู้เป็นยาย แม่ของมารดาไม่มีอะไรพูดกับเธอ เพราะแบบนั้นนาราจึงชวนคุยสองสามประโยค ก่อนลุกออกมา

            “ไปอยู่นู่นอ้วนพีเชียวนะ เป็นยังไงบ้างเขาเลี้ยงดีล่ะสิ” แต่เธอคงหนีเรื่องไม่ชอบใจไม่พ้น เพียงเดินออกมาจากหน้าบ้านที่มีอันจะกินสุดในหมู่บ้านนี้ ก็ไม่วายโดนคนเป็นป้าอยากคุยด้วย

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • นางบำเรอนายหัวสิงห์   ตอนจบ

    นาราเดินขึ้นมาตามเนินเขาเรื่อยๆ แสงของพระอาทิตย์สาดส่องไปทั่วและสายลมที่พัดเอื่อยๆต้องผิวกายพลันทำให้เย็นสดชื่นราวกับได้เกิดใหม่ ปลดระวางความเหนื่อยล้าที่มีมาทั้งวัน หญิงสาวยิ้มร่าเมื่อคิดว่าขึ้นไปบนหน้าผาแล้วจะเจอใครคนหนึ่ง คน...ที่วันนี้คิดถึงเป็นร้อยครั้ง และใช่ เมื่อขึ้นมาก็เห็นเขายืนอยู่ก่อนแล้ว คนตัวเล็กคลี่ยิ้ม ด้านข้างของสิงหราชนั้นช่างดูดีเสียจริง หล่อเหลาราวกับรูปปั้น ไม่รวมผิวสีเข้มที่บ่งบอกว่าผ่านการแตกแดดมานมนาน เสริมให้บุคลิกของคนร่างสูงดูองอาจขึ้นไปอีก เธอไม่อยากเชื่อว่าวันหนึ่งคนคนนี้จะเป็นของเธอ ทว่าเวลานี้เขายืนอยู่ตรงหน้าแล้ว พร้อมกับยิ้มให้เธอด้วยความจริงใจ นาราวิ่งเข้าไปหาแขนที่อ้าออก หลับตาสูดเอากลิ่นหอมๆของชายคนรักเข้าปอด ซึ่งอีกคนก็เช่นเดียวกัน เขาประทับริมฝีปากลงบนกระหม่อมบาง ลอบดมกลิ่นหอมหวานจนชื่นใจ “เหนื่อยมั้ย” เสียงทุ้มทรงเสน่ห์เอ่ยอย่างเป็นห่วง ใครจะคิดว่านาราจะอึดขนาดนี้ ทำสวนไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย บ้ากว่าเขาตอนทำไร่ใหม่ๆอีกมั้ง แล้วคำตอบของเธอทำเขายิ้มออกมาอย่างไม่ยาก “ไม่เหนื่อย

  • นางบำเรอนายหัวสิงห์   รัก

    “แต่หนูไม่โกรธยายหรอกค่ะ แต่มาวันนี้ก็เพื่อบอกให้ยายรู้ว่าหนูจะไม่ทนอีกแล้ว ยายต้องรับผิดชอบในส่วนที่ยายทำ ถ้ายังหาเงินมาคืนสามีหนูไม่ได้ แน่นอนว่าบ้านหลังนี้กับที่ดินหนูจะยืดไปให้หมด” “นี่แก๊” ธัญญาหมดความอดทนจริงๆ ไม่คิดว่าหลานตัวเองจะเลวร้ายแบบนี้ เธอรู้ว่าตัวเองผิดที่เห็นแก่ตัวไม่ใช้หนี้ แต่เธอก็เอาเงินของเธอมาดูแลแม่ไง แม่มันไม่ดูแลยายก็ให้มันใช้หนี้ไปสิ ผิดตรงไหน คนเป็นป้าอยากพูดแบบนั้นทว่าพอเห็นสายตาเลือดเย็นของหลานสาว ก็ถึงกลับต้องหุบปากไป เพราะกลัวมันจะเพิ่มหนี้ให้เธอ “หนูมาบอกแค่นี้ล่ะค่ะ ขอตัว” หญิงสาวเดินออกมา เธอแทบจะล้มลงไปกับพื้นทว่าได้สิงหราชประคองตัวไว้ เธอพยักหน้าให้เพื่อบอกเขาว่าไม่เป็นไร ทว่าพอได้ขึ้นมาบนรถ ก็อดกลั้นไม่ไหวร้องไห้ออกมาในที่สุด คนตัวใหญ่ดึงเธอเข้าไปกอด ลูบแผ่นหลังเบาๆ ความอ่อนแอยิ่งถูกกระตุ้นไหลเป็นสาย บางทีโลกเราก็โหดร้ายเกินไป พยายามคิดในแง่บวกไว้ ปกปิดมันด้วยเหตุผลทุกอย่าง ทว่าพอเผชิญหน้ากับความจริงกลับเกินทนจนยากที่จะรับไหว “พี่อยู่นี่ ไม่เป็นไร” สิงหราชปลอบโยนคนต

  • นางบำเรอนายหัวสิงห์   เอาคืน

    รถกระบะคันเก่าวิ่งเข้ามาจอดกลางบ้าน ทำให้ธัญญาที่กำลังร้องไห้ราวกับจะขาดใจเงยหน้ามอง จากที่ราวถูกเหยียบย่ำหัวใจไปแล้ว หญิงวัยกลางคนยิ่งแหลกสลายเข้าไปกันใหญ่เมื่อเห็นหลานสาวของตนและผู้มีอิทธิพลในแถบนี้เดินเข้ามา และใช่ ลูกสาวเธอโดนจับก็เพราะพวกมัน “อีนารา! มึงยังเสนอหน้ามาอีกเหรอ” ธัญญาตะโกนดังลั่น ความโกรธเกรี้ยวของเธอทำให้ยายของนาราที่นั่งอยู่ข้างๆธัญญาลูบหลังลูกสาวเบาๆ นาราปรายตามองยายของตน หญิงใจร้ายที่ไม่เคยคิดบอกความจริงกับเธอ ที่ผ่านมาเธอใจดีมาก ทำดีกับยายมาโดยตลอดเพราะหวังว่าสักวันหญิงชราจะเห็นความดีแล้วรักเธอบ้าง ทว่าตอนนี้หญิงสาวได้รู้ว่าสิ่งที่ทำไปมันสูญเปล่า ผู้หญิงคนนี้ไม่เคยรักเธอในฐานะหลานเลย แม้ใจจะปวดหนึบ แต่ก็พยายามเก็บมันไว้ คงเห็นท่าไม่ได้ สิงหราชเลยกุมมือเธอ หญิงสาวส่ายหัวบอกเขาว่าไม่เป็นอะไร ใจเข้มแข็งพอแล้ว และส่วนหนึ่งที่ทำให้เธอเป็นแบบนี้ได้ก็เพราะเขา “ป้าทำเหมือนโกรธหนู แต่หนูมากกว่าที่ต้องโกรธป้า” คนตัวเล็กตอบโต้กลับทันที “โกรธกูเรื่องอะไร!” ตอนนี้ธัญญาไม่วางมาดอะไรอีกแล้ว นังเด็กนี่มัน

  • นางบำเรอนายหัวสิงห์   ทวงหนี้

    “ครับ เมียเอายังไงก็เอา แต่บอกก่อนได้มั้ยว่าจะไม่โกรธกัน” เขากลัวเมียหายไปนะ ถ้าเธอจากเขาไปทั้งไร่ต้องลุกเป็นไฟอย่างแน่นอน พลิกแผ่นดินหาไม่เจอก็จะหาอยู่แบบนั้น นาราหลุบมองคนที่ซุกอยู่บนอก ดวงตาดุๆ พลันทำให้ชายหนุ่มก้มหน้าลง เผลอใช้โอกาสนี้ซุกใบหน้าลงมามากกว่าเดิม นาราอึดอัดจนต้องขยับดิ้น เธอจิ๊ปากทีหนึ่ง “อื้อ!” เสียงอ้อนเอ่ยตามมา “บอกก่อนว่าจะไม่โกรธ” “ไม่” “ทำไมไม่” “ก็โกรธ” “แล้วทำยังไงถึงจะหายโกรธ” “ไม่รู้ ออกไปจากที่นี่มั้ง” วินาทีนั้นอ้อมแขนที่กอดเธออยู่รัดแน่นขึ้น นาราเกือบหายใจไม่ออก ทว่าต้องทำเก๊กเพราะกลัวเขาจะได้ใจ หญิงสาวเลยนิ่งไว้ “ไม่ให้ไป ไปสิ จะขังไว้ที่นี่เลย” ตัวเล็กดวงตาวาวโรจน์ “กล้าเหรอ?” “ไม่กล้า” เสียงหงอยเอ่ย นารานิ่งไป มองคนตัวใหญ่ที่กำลังไซ้หัวลงบนหน้าอกเธอเหมือนเด็ก “งั้นเอาไร่มั้ย เอาไร่ส้มสักร้อยไร่ หรือตรงที่น้องทำ พี่ยกให้หมดเลย” “ยกให้แฟนเก่ากับคุณปราณนารีสิ มาให้ฉันทำไม”

  • นางบำเรอนายหัวสิงห์   ยอม

    “น้ำ” เสียงแหบแห้งและฝืดเคืองครางออกมา ใช่ ตอนนี้รู้สึกราวกับว่าอยู่ในทะเลทรายอันแสนแห้งแล้งและร้อนผ่าวแผดเผาอยู่ภายใต้พระอาทิตย์ แล้วในตอนนั้นเองที่เปลือกตาสีไข่เปิดขึ้น ฝ้าเพดานที่คุ้นเคยทำหญิงสาวกะพริบตาปริบๆ แรงกอดรัดช่วงตัวทำให้เธอเอี้ยวตัวมองคนที่กอดเธอไว้ สิงหราช นี่เขา พาเธอออกมาจากป่าได้จริงๆ “ตื่นแล้วเหรอ” ร่างสูงตื่นขึ้นมาพอดี เขายิ้มให้เธอ เป็นรอยยิ้มที่ไม่เคยเห็นเลยในชาตินี้ ยิ่งทำให้อึ้งไปกว่านั้นเพราะเขาโน้มหน้าลงมาจูบกระหม่อมกันเอ่ยคำพูดแปลกประหลาด “เมียตื่นแล้วเหรอครับ” ราวกับสติได้หลุดล่องหายไป เมื่อกี้เขาว่ายังไงนะ “คุณว่ายังไงนะ” “เมียตื่นแล้ว อยากได้อะไรมั้ย” แม้จะยังมึนงง ทว่านาราตอบอย่างไม่ลังเล เอาไว้ก่อนเรื่องเขาเรียกเธอว่าเมีย “น้ำ” เพียงเท่านั้นเขาก็ลุกขึ้น พร้อมกับเอามันมาให้เธอ ร่างสูงนั่งลงข้างเตียง ประคองเธอขึ้นนั่ง นาราดื่มน้ำด้วยความกระหาย ก่อนดวงตาจะจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาเหมือนเดิม ไม่รู้ว่าควรรู้สึกยังไง มันผสมปนเปกันไป

  • นางบำเรอนายหัวสิงห์   อยู่ด้วยกัน

    “นายหัว!” นงรักตาเบิกกว้างเมื่อเห็นคนสูงใหญ่ผู้น่าเกรงขามในไร่แบกหญิงสาวตัวเล็กไว้บนหลังเดินเข้ามา พอมองสภาพของทั้งสองคนหญิงแม่บ้านก็ต้องตกใจ อะไรกันเนี่ย ทำไมดำไปทั้งตัวแบบนี้ มิหนำซ้ำท่อนขาและเท้าเปลือยเปล่าของสิงหราชยังเต็มไปด้วยบาดแผลราวกับโดนของร้อนจี้มา หรือว่าที่คนงานพูดกันว่าในป่ามีเพลิงไหม้ เกี่ยวข้องกันนายหัวและหญิงสาวตัวเล็กที่ไม่ได้สตินี่เหรอ เกิดอะไรขึ้น ใครบังอาจทำนายหัวเธอ มันเป็นใคร! วินาทีนั้นราวกับนายหัวของไร่เป็นคนบ้าใบ้ สิงหราชไม่พูดอะไร อุ้มนาราขึ้นมาบนบ้าน ดวงตาชายหนุ่มเหม่อลอย และกว่าจะเอ่ยออกมาก็ปาไปหลายนาที “ป้าเรียกหมอให้หน่อยได้มั้ยครับ” เหนื่อยจนเหมือนตายทั้งเป็น แต่ก็ยังอยากเห็นอีกคนไม่เป็นอะไร “โถ่ ได้ค่ะ” นงรักแทบร้องไห้ เธอรีบกุลีกุจอโทรไปเรียกหมอที่เป็นคนสนิทกับครอบครัว แล้วเวลานั้นเองที่ชายอีกคนโผล่มา “พี่สิง” “มึงไม่ใช่น้องกู...” สิงหราชมองไปที่น้องชายของตน ก่อนหน้านั้นเขาพอรู้มาบ้างว่าอะไรเป็นอะไร แต่ไม่คิดว่ามันจะทำแรงขนาดนี้ “มึง

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status